นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัชสมัยเกียวโฮ ที่หนึ่ง(พ.ศ. 2259) มีคนอาศัยอยู่ที่โยะสึยะ ของโตเกียวเนื่องจากบ้านของเขาโดนไฟไหม้ จึงทำให้กลายเป็นที่ไม่มีบ้านอยู่ทำไห้ต้องมาอยู่ที่บ้านพักชั่วคราว
ในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ภรรยาของชายคนนั้นกำลังใจลอยเหม่อมองไปที่ระเบียง ระหว่างที่สามีไม่อยู่บ้าน อยู่ดีๆก็ปรากฏร่างของชายชราผมขาวถือไม้เท้ายิ้มอย่างมีเลศนัยเดินเข้ามาพร้อมกับสายลมที่เอื่อยเฉื่อยสบายๆ ของฤดูใบไม่ร่วง
ชายชราคนนั้นมีใบหน้าที่ซีดจนน่ากลัว
ภรรยาของชายคนนั้นจึงได้หลับตาแล้วสวดมนต์พยายามทำจิตใจให้สงบ สักพักจึงลืมตาชายชราแปลงหน้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็หายตัวไปเห็นแต่ใบไม้เลยไปตามสายลม
แต่ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงโวยวายที่บ้านข้างๆห่างออกไปสามสี่หลัง จากนั้นก็ได้ข่าวว่าภรรยาของหมอที่อยู่บ้านหลังนั้นเกิดเสียสติอย่างกะทันหัน
ว่ากันว่านี่คือฝีมือของโทโอริโมะโนะ (ปีศาจสัญจร) มันจะชอบเขาสิงคนที่เหม่อลอย แล้วทำให้เสียสติดังนั้นคนปัจจุบันจึงมักเรียกฆาตกรที่ฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผลว่า "โทริมะำ"(ปีศาจสัญจร)ถ้ามองในมุมของคนในสมัยโบราณแล้วเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเพราะสาเหตุจากที่โทโอริโมะโนะ ได้เข้าสิงคน
ในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ภรรยาของชายคนนั้นกำลังใจลอยเหม่อมองไปที่ระเบียง ระหว่างที่สามีไม่อยู่บ้าน อยู่ดีๆก็ปรากฏร่างของชายชราผมขาวถือไม้เท้ายิ้มอย่างมีเลศนัยเดินเข้ามาพร้อมกับสายลมที่เอื่อยเฉื่อยสบายๆ ของฤดูใบไม่ร่วง
ชายชราคนนั้นมีใบหน้าที่ซีดจนน่ากลัว
ภรรยาของชายคนนั้นจึงได้หลับตาแล้วสวดมนต์พยายามทำจิตใจให้สงบ สักพักจึงลืมตาชายชราแปลงหน้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็หายตัวไปเห็นแต่ใบไม้เลยไปตามสายลม
แต่ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงโวยวายที่บ้านข้างๆห่างออกไปสามสี่หลัง จากนั้นก็ได้ข่าวว่าภรรยาของหมอที่อยู่บ้านหลังนั้นเกิดเสียสติอย่างกะทันหัน
ว่ากันว่านี่คือฝีมือของโทโอริโมะโนะ (ปีศาจสัญจร) มันจะชอบเขาสิงคนที่เหม่อลอย แล้วทำให้เสียสติดังนั้นคนปัจจุบันจึงมักเรียกฆาตกรที่ฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผลว่า "โทริมะำ"(ปีศาจสัญจร)ถ้ามองในมุมของคนในสมัยโบราณแล้วเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเพราะสาเหตุจากที่โทโอริโมะโนะ ได้เข้าสิงคน
เคระเคระอนนะ
เรื่องเล่าที่มาของสาวหัวเราะมีตำนานมาจากสมัยเอโดะ มีหญิงงามคนหนึ่งที่มักจะคอยสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้าง
ทำให้ผู้คนมีความสุขด้วยเสียงหัวเราะและมุขตลกที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอที่ยากจะมีใครเลียนแ บบได้
สาวหัวเราะเมื่อเป็นผีมักจะปปรากฏตัวเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ในที่ใดก็ได้ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนที่ได้พบเธอ
บางครั้งเธอจะปรากฏตัวในลักษณะที่มีหัวที่โตผิดปกติแต่ตัวลีบนิดเดียว ซึ่งสาวหัวเราะสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่าง
ให้มีรูปร่างและขนาดแปลกๆได้ตามที่ต้องการ ซึ่งสาวหัวเราะจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนที่พบเห็นเธอหัวเราะออกมาให้ได้
สาวหัวเราะมักจะเลือกปรากฏตัวให้คนที่มักไม่มีความสุข หรือไม่เคยเผยรอยยิ้มให้ใครเห็น เพื่อให้กำลังใจคนเหล่านั้น
ซึ่งคนที่ได้พบกับสาวหัวเราะจะจดจำเธอได้ไม่ลืม และทุกครั้งที่เจอเธอ จะไม่มีมุขซ้ำ
ปิศาจหัวเราะ( วาไรอนนะ )
ปิศาจตนนี้ไม่เหมาะกะคนบ้าจี้เป็นอย่างมากเพราะนางจะมาส่งเสียงหัวเราะระรื่นในยามกลางคืนอยุ่ข ้างๆบ้านเรา
นางสามารถทำเสียงให้ตลกขบขันจนคนที่นั่งอยุ่ในบ้านฟังแล้วต้องหัวเราะตามยิ่งหัวเราะตัวนางก็จะใหญ่โตขึ้น ไปเรื่อยๆจนกลายเป็นนางยักษ์ไปเลย
แต่ไม่ว่าจะน่าขบขันเพียงใดก็ต้องหาหมอนมาอุดปากไว้
เพราะถ้าหัวเราะตามบ้านของเราก็จะพังครืนลงมาทันทีแต่ถ้าเราไม่หัวเราะตามนางก็จะจากไปเอง
ปิศาจสาวฟันดำ(โอฮาคุโรเบซึตะริ)
หญิงญี่ปุ่นโบราณนั้นจะต้องย้อมฟันให้เป็นสีดำด้วยนำยาชนิดหนึ่งในวันพิธีแต่งงาน ปิศาจฟันดำนี้จะไม่มีคิ้ว, ตา หรือจมูก
จะมีก็แต่..ปากที่แสยะยิ้มอวดฟันดำๆอยู่ตลอดเวลา เชื่อกันว่าเธอเป็นวิญญาณหญิงสาวคนหนึ่งที่ผิดหวังใน เรื่องความรัก
เนื่องจากเธอถูกเจ้าบ่าวลอยแพในวันแต่งงานเธอจึงฆ่าตัวตายไปด้วยความแค้นสุมเต็มอก เหยื่อของเธอเป็นชายซะส่วนใหญ่(หล่อหรือไม่ ไม่ระบุ)
ถ้าพบเธอให้บอกเธอว่า" จะไปขอมาเป็นเมีย " เธอก็จะหายไป ระวัง! หนุ่มที่หล่อมากๆเธออาจจะติดใจไม่ปล่อยไปง่ายๆ ก็ได้
เรื่องเล่าที่มาของสาวหัวเราะมีตำนานมาจากสมัยเอโดะ มีหญิงงามคนหนึ่งที่มักจะคอยสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้าง
ทำให้ผู้คนมีความสุขด้วยเสียงหัวเราะและมุขตลกที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอที่ยากจะมีใครเลียนแ บบได้
สาวหัวเราะเมื่อเป็นผีมักจะปปรากฏตัวเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ในที่ใดก็ได้ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนที่ได้พบเธอ
บางครั้งเธอจะปรากฏตัวในลักษณะที่มีหัวที่โตผิดปกติแต่ตัวลีบนิดเดียว ซึ่งสาวหัวเราะสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่าง
ให้มีรูปร่างและขนาดแปลกๆได้ตามที่ต้องการ ซึ่งสาวหัวเราะจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนที่พบเห็นเธอหัวเราะออกมาให้ได้
สาวหัวเราะมักจะเลือกปรากฏตัวให้คนที่มักไม่มีความสุข หรือไม่เคยเผยรอยยิ้มให้ใครเห็น เพื่อให้กำลังใจคนเหล่านั้น
ซึ่งคนที่ได้พบกับสาวหัวเราะจะจดจำเธอได้ไม่ลืม และทุกครั้งที่เจอเธอ จะไม่มีมุขซ้ำ
ปิศาจหัวเราะ( วาไรอนนะ )
ปิศาจตนนี้ไม่เหมาะกะคนบ้าจี้เป็นอย่างมากเพราะนางจะมาส่งเสียงหัวเราะระรื่นในยามกลางคืนอยุ่ข ้างๆบ้านเรา
นางสามารถทำเสียงให้ตลกขบขันจนคนที่นั่งอยุ่ในบ้านฟังแล้วต้องหัวเราะตามยิ่งหัวเราะตัวนางก็จะใหญ่โตขึ้น ไปเรื่อยๆจนกลายเป็นนางยักษ์ไปเลย
แต่ไม่ว่าจะน่าขบขันเพียงใดก็ต้องหาหมอนมาอุดปากไว้
เพราะถ้าหัวเราะตามบ้านของเราก็จะพังครืนลงมาทันทีแต่ถ้าเราไม่หัวเราะตามนางก็จะจากไปเอง
ปิศาจสาวฟันดำ(โอฮาคุโรเบซึตะริ)
หญิงญี่ปุ่นโบราณนั้นจะต้องย้อมฟันให้เป็นสีดำด้วยนำยาชนิดหนึ่งในวันพิธีแต่งงาน ปิศาจฟันดำนี้จะไม่มีคิ้ว, ตา หรือจมูก
จะมีก็แต่..ปากที่แสยะยิ้มอวดฟันดำๆอยู่ตลอดเวลา เชื่อกันว่าเธอเป็นวิญญาณหญิงสาวคนหนึ่งที่ผิดหวังใน เรื่องความรัก
เนื่องจากเธอถูกเจ้าบ่าวลอยแพในวันแต่งงานเธอจึงฆ่าตัวตายไปด้วยความแค้นสุมเต็มอก เหยื่อของเธอเป็นชายซะส่วนใหญ่(หล่อหรือไม่ ไม่ระบุ)
ถ้าพบเธอให้บอกเธอว่า" จะไปขอมาเป็นเมีย " เธอก็จะหายไป ระวัง! หนุ่มที่หล่อมากๆเธออาจจะติดใจไม่ปล่อยไปง่ายๆ ก็ได้
โจจิงโอบาเกะ (ผีโคมไฟ)
ผีตนนี้แต่เดิมเป็นแค่โคมไฟธรรมดาที่มีอายุถึง100 ปี(สิ่งของต่างๆ เมื่อมีอายุมากก็จะเกิดเป็นที่สิงสู่ของวิญญาณได้ง่า ย)
ซึ่งบังเอิญมีไอปิศาจเข้ามาสิงสู่จนกลายเป็นผีโคมมันจะคอยหลอกหลอนคนเดินทางในที่เปลี่ยวและมืดมิด
ผู้ที่เห็นแสงไฟสลัวๆจากโคมของมันส่องสว่างก็จะติดกับเดินตามแสงไฟนั้นไปและแล้วเมื่อสบโอกาสเหมาะมันก็ปรากฏร่างจริงเข้าหลอก หลอนและพาวิญญาณผู้นั้นไป
มีลักษณะเป็นโคมไฟเก่าที่ผุๆขาดๆ มีดวงตากลมโต และแลบลิ้นยาวแค่ไหนก็ได้ ในขณะที่ดวงไฟสลัวๆ
ข้างในของมันชวนให้ดูหลอนๆเมื่ออยู่ในความมืด พบเห็นได้ตั้งแต่หัวค่ำเป็นต้นไปตามสถานที่รกร้าง ป่ารกทึบหรือสุสานเก่า
ผีตนนี้แต่เดิมเป็นแค่โคมไฟธรรมดาที่มีอายุถึง100 ปี(สิ่งของต่างๆ เมื่อมีอายุมากก็จะเกิดเป็นที่สิงสู่ของวิญญาณได้ง่า ย)
ซึ่งบังเอิญมีไอปิศาจเข้ามาสิงสู่จนกลายเป็นผีโคมมันจะคอยหลอกหลอนคนเดินทางในที่เปลี่ยวและมืดมิด
ผู้ที่เห็นแสงไฟสลัวๆจากโคมของมันส่องสว่างก็จะติดกับเดินตามแสงไฟนั้นไปและแล้วเมื่อสบโอกาสเหมาะมันก็ปรากฏร่างจริงเข้าหลอก หลอนและพาวิญญาณผู้นั้นไป
มีลักษณะเป็นโคมไฟเก่าที่ผุๆขาดๆ มีดวงตากลมโต และแลบลิ้นยาวแค่ไหนก็ได้ ในขณะที่ดวงไฟสลัวๆ
ข้างในของมันชวนให้ดูหลอนๆเมื่ออยู่ในความมืด พบเห็นได้ตั้งแต่หัวค่ำเป็นต้นไปตามสถานที่รกร้าง ป่ารกทึบหรือสุสานเก่า
เจ้าหญิงกับลูกสมุนผี
หนึ่งในเรื่องผีของสมัยศตวรรษที่19 ซึ่งผู้คนโปรดปรานมากคือเรื่องของเจ้าหญิงทาคิยาชาที่พยายามใช้กำลังผีเข้าต่ อสู้ข้าศึก
เจ้าหญิงเป็นธิดาของขุนนางซึ่งเสียชีวิตในปี ค.ศ.940 เพราะทำการกบฏไม่สำเร็จ
หลังจากนั้นเจ้าหญิงจึงไปบวชชี เป็นเหตุให้ได้ พบวิญญาณของพ่อมดกบ
ซึ่งใช้อำนาจชั่วร้ายช่วยวางแผนต่อสู้กับคู่แค้นเก่าของพ่อเธอ ลูกสมุนของเจ้าหญิงซ่อนตัวอยู่ในวังของพ่อ
แต่นักรบซึ่งเป็นคู่แค้นชื่อมิทซุคุมินั้นรู้ทัน
จึงหนีออกจากวังและปราบทั้งมนุษย์และลูกสมุนที่มีฤทธิ์เหนือธรรมชาติจนสิ้นซาก
หนึ่งในเรื่องผีของสมัยศตวรรษที่19 ซึ่งผู้คนโปรดปรานมากคือเรื่องของเจ้าหญิงทาคิยาชาที่พยายามใช้กำลังผีเข้าต่ อสู้ข้าศึก
เจ้าหญิงเป็นธิดาของขุนนางซึ่งเสียชีวิตในปี ค.ศ.940 เพราะทำการกบฏไม่สำเร็จ
หลังจากนั้นเจ้าหญิงจึงไปบวชชี เป็นเหตุให้ได้ พบวิญญาณของพ่อมดกบ
ซึ่งใช้อำนาจชั่วร้ายช่วยวางแผนต่อสู้กับคู่แค้นเก่าของพ่อเธอ ลูกสมุนของเจ้าหญิงซ่อนตัวอยู่ในวังของพ่อ
แต่นักรบซึ่งเป็นคู่แค้นชื่อมิทซุคุมินั้นรู้ทัน
จึงหนีออกจากวังและปราบทั้งมนุษย์และลูกสมุนที่มีฤทธิ์เหนือธรรมชาติจนสิ้นซาก
เจ้าหญิงหิมะ
อยากลงเช่นเคย อิอิสนใจเป็นพิเศษ เอิ๊กๆ
เจ้าหญิงหิมะเป็นปิศาจสาวที่สิงสถิตอยู่ในภูเขาหิมะนางมีหน้าตาที่สวยมาก ดวงตาที่เป่งประกายแต่แฝงไปด้วยความเหี้ยมโหดผิวขาวเผือดราวกับหิมะ และสวมใส่ชุดกิโมโนสีขาวบริสุทธิ์
เจ้าหญิงหิมะจัดเป็นภูติพรายภูเขานางจะอาศัยอยู่บนภูเขาที่มีหิมะตกหนักอยู่ตลอดเวลา
และเมื่อมีชายหนุ่มหลงเข้าไปในหุบเขาหิมะนางจะปรากฎกายต่อหน้าและใช้ความงามของนางเป็นเสน่ห์ย ั่วยวนชายผู้นั้น
จนชายผู้นั้นหลงใหลด้วยมนต์สะกดทันใดนั้นร่างของชายผู้เคราะห์ร้ายก็จะถูกหิมะปกคลุม
เมื่อถึงเวลานั้นนางก็จะดูดเอาพลังวิญญาณของชายผู้นั้นไป
จนกระทั่งรุ่งเช้ารอคนมาพบศพเข้าชายผู้นั้นก็นอนตัวแข็งทื่อสีกายซีดเผือดอยู่ตรงนั้น แล้ว
เจ้าหญิงหิมะต้องการพลังวิญญาณแห่งบุรุษเพศไปเพิ่มพลังปิศาจให้กับตน
ด้วยเหตุนี้ชายคนใดที่พบนางเข้านับว่าดวงซวยเพราะจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย
แต่มีตำนานที่เล่าขานถึงความรักที่แท้จริงของเจ้าหญิงหิมะกับชายหนุ่มมนุษย์อยู่บ้าง
ดังเช่นตำนานนี้...
ชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นหลานของคนตัดไม้แก่พากันขึ้นภูเขาหิมะไปตัดไม้ แต่แล้วเกิดพายุหิมะพัดกระหน่ำ
ทั้งสองต่างหนีเอาตัวรอดแต่ทันใดนั้นก็พบกับกระท่อมร้างหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ชายทั้งสองจึงพากันเข้าไปหลบพายุแล้วเผลอหลับไป
อากาศภายในเย็นมากชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีหญิงสาวสวยราวกับไม่ใช่ค นบนโลกเดินเข้ามาในกระท่อม
หญิงสาวผู้นั้นเดินที่ชายแก่แล้วก้มลงดูดพลังวิญญาณของชายแก่ตัดไม้จนตัวแข็งตายไปทันใด ชายหนุ่มเห็นจึงกลัวมาก
หญิงผู้นั้นเหลือบสายตามาเห็นชายหนุ่มก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินเข้ามาหา นางพูดว่า
" เจ้าไม่ต้องกลัวข้า ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอกเพียงแต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะไม่บอกสิ่งที่เห็นนี้กับใครทั้งหมดรวมทั้งพ่อแม่เจ้าด้วย..."
ชายหนุ่มรับปากไปเพราะความกลัวว่าแล้วนางหิมะผู้นั้นก็เดินหายออกไปจากกระท่อม
5 ปีต่อมาชายหนุ่มคนนั้นได้แต่งกับลูกสาวตระกูลขุนนางมั่งคั่ง
ชายหนุ่มมองนางแล้วครุ่นคิดว่านางมีหน้าตาคล้ายกับใครบางคนที่เขาเคยเจอมาก่อน
และแล้วทั้งสองก็ได้แต่งงานกันวันเวลาผ่านไปนานนับ ชายหนุ่มกับหญิงสาวผู้นั้นได้มีบุตรกันถึง 5 คน นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก
แต่ทั้งสองก็เลี้ยงดูครอบครัวด้วยดีจนถึงวันหนึ่งชายหนุ่มย่องไปหาหญิงสาวที่กำลังนั่งเย ็บผ้าอยู่
เขาครุ่นคิดมานานว่านางหน้าเหมือนกับหญิงสาวที่เขาเคยเจอ
เขาเลยตัดสินใจเล่าเรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นบนภูเขาหิมะให้นางฟัง ทันใดนั้นนางก็โกรธมากจึงกรีดร้องออกมาและหันหน้ามาทางชายหนุ่มพร้อมกับจำแลงร่างคืนดั่งเดิม
ชายหนุ่มตกใจกลัวมากเมื่อรู้ว่านางคือปิศาจที่ตนเจอบนภูเขานั้น นางบีบคอชายหนุ่มจนขาพ้นพื้นแล้วพูดอย่างโกรธแค้นว่า
" ยังไงเสียข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้หรอกแต่เจ้าต้องดูแลลูกๆ ของข้าให้ดีถ้าวันใดเจ้าผิดคำสัญญาข้าจะตามมาเอาชีวิตเจ้า..."
ว่าแล้วนางก็หายวับไปกลายเป็นละอองไอหิมะทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด...
ว่ากันว่าเจ้าหญิงหิมะเป็นผีที่เกิดจากวิญญาณหญิงสาวที่ต้องตายอย่างทรมานในวันหิมะตกหนัก บ้างก็ว่าเป็นการจำแลงมาของวิญญาณภูเขา
อีกตำนานหนึ่งเล่าขานไว้ว่าเจ้าหญิงหิมะจะปรากฏกายมาพร้อมกับทารกที่นางอุ้มไว้ใ นอ้อมอก
ชายใดที่พบนางเข้านางจะขอร้องให้ชายผู้นั้นช่วยอุ้มทารกต่อจากนาง และถ้าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายหลงกลเข้าแล้ว
ร่างของทารกน้อยก็จะปล่อยไอเย็นยะเยือกเข้าจับจนเหยื่อแข็งตายคาที่ ถึงตำนานจะแตกต่างกันมามายก็ตาม
แต่ที่มีส่วนเหมือนๆกัน ก็คือ ยูกิ อนนะ เป็นผู้หญิงที่สวยมากสวยจนมองดูด้วยตาก็รู้ว่านางไม่ใช่คนบนโลก...
นอกจากตำนานเจ้าหญิงหิมะแล้วก็ยังมีเด็กหนุ่มหิมะ ตาเฒ่าหิมะ แม่เฒ่าหิมะ จิ้งจอกหิมะซึ่งก็เป็นปิศาจในตระกูลเดียวกัน
อยากลงเช่นเคย อิอิสนใจเป็นพิเศษ เอิ๊กๆ
เจ้าหญิงหิมะเป็นปิศาจสาวที่สิงสถิตอยู่ในภูเขาหิมะนางมีหน้าตาที่สวยมาก ดวงตาที่เป่งประกายแต่แฝงไปด้วยความเหี้ยมโหดผิวขาวเผือดราวกับหิมะ และสวมใส่ชุดกิโมโนสีขาวบริสุทธิ์
เจ้าหญิงหิมะจัดเป็นภูติพรายภูเขานางจะอาศัยอยู่บนภูเขาที่มีหิมะตกหนักอยู่ตลอดเวลา
และเมื่อมีชายหนุ่มหลงเข้าไปในหุบเขาหิมะนางจะปรากฎกายต่อหน้าและใช้ความงามของนางเป็นเสน่ห์ย ั่วยวนชายผู้นั้น
จนชายผู้นั้นหลงใหลด้วยมนต์สะกดทันใดนั้นร่างของชายผู้เคราะห์ร้ายก็จะถูกหิมะปกคลุม
เมื่อถึงเวลานั้นนางก็จะดูดเอาพลังวิญญาณของชายผู้นั้นไป
จนกระทั่งรุ่งเช้ารอคนมาพบศพเข้าชายผู้นั้นก็นอนตัวแข็งทื่อสีกายซีดเผือดอยู่ตรงนั้น แล้ว
เจ้าหญิงหิมะต้องการพลังวิญญาณแห่งบุรุษเพศไปเพิ่มพลังปิศาจให้กับตน
ด้วยเหตุนี้ชายคนใดที่พบนางเข้านับว่าดวงซวยเพราะจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย
แต่มีตำนานที่เล่าขานถึงความรักที่แท้จริงของเจ้าหญิงหิมะกับชายหนุ่มมนุษย์อยู่บ้าง
ดังเช่นตำนานนี้...
ชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นหลานของคนตัดไม้แก่พากันขึ้นภูเขาหิมะไปตัดไม้ แต่แล้วเกิดพายุหิมะพัดกระหน่ำ
ทั้งสองต่างหนีเอาตัวรอดแต่ทันใดนั้นก็พบกับกระท่อมร้างหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ชายทั้งสองจึงพากันเข้าไปหลบพายุแล้วเผลอหลับไป
อากาศภายในเย็นมากชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีหญิงสาวสวยราวกับไม่ใช่ค นบนโลกเดินเข้ามาในกระท่อม
หญิงสาวผู้นั้นเดินที่ชายแก่แล้วก้มลงดูดพลังวิญญาณของชายแก่ตัดไม้จนตัวแข็งตายไปทันใด ชายหนุ่มเห็นจึงกลัวมาก
หญิงผู้นั้นเหลือบสายตามาเห็นชายหนุ่มก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินเข้ามาหา นางพูดว่า
" เจ้าไม่ต้องกลัวข้า ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอกเพียงแต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะไม่บอกสิ่งที่เห็นนี้กับใครทั้งหมดรวมทั้งพ่อแม่เจ้าด้วย..."
ชายหนุ่มรับปากไปเพราะความกลัวว่าแล้วนางหิมะผู้นั้นก็เดินหายออกไปจากกระท่อม
5 ปีต่อมาชายหนุ่มคนนั้นได้แต่งกับลูกสาวตระกูลขุนนางมั่งคั่ง
ชายหนุ่มมองนางแล้วครุ่นคิดว่านางมีหน้าตาคล้ายกับใครบางคนที่เขาเคยเจอมาก่อน
และแล้วทั้งสองก็ได้แต่งงานกันวันเวลาผ่านไปนานนับ ชายหนุ่มกับหญิงสาวผู้นั้นได้มีบุตรกันถึง 5 คน นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก
แต่ทั้งสองก็เลี้ยงดูครอบครัวด้วยดีจนถึงวันหนึ่งชายหนุ่มย่องไปหาหญิงสาวที่กำลังนั่งเย ็บผ้าอยู่
เขาครุ่นคิดมานานว่านางหน้าเหมือนกับหญิงสาวที่เขาเคยเจอ
เขาเลยตัดสินใจเล่าเรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นบนภูเขาหิมะให้นางฟัง ทันใดนั้นนางก็โกรธมากจึงกรีดร้องออกมาและหันหน้ามาทางชายหนุ่มพร้อมกับจำแลงร่างคืนดั่งเดิม
ชายหนุ่มตกใจกลัวมากเมื่อรู้ว่านางคือปิศาจที่ตนเจอบนภูเขานั้น นางบีบคอชายหนุ่มจนขาพ้นพื้นแล้วพูดอย่างโกรธแค้นว่า
" ยังไงเสียข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้หรอกแต่เจ้าต้องดูแลลูกๆ ของข้าให้ดีถ้าวันใดเจ้าผิดคำสัญญาข้าจะตามมาเอาชีวิตเจ้า..."
ว่าแล้วนางก็หายวับไปกลายเป็นละอองไอหิมะทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด...
ว่ากันว่าเจ้าหญิงหิมะเป็นผีที่เกิดจากวิญญาณหญิงสาวที่ต้องตายอย่างทรมานในวันหิมะตกหนัก บ้างก็ว่าเป็นการจำแลงมาของวิญญาณภูเขา
อีกตำนานหนึ่งเล่าขานไว้ว่าเจ้าหญิงหิมะจะปรากฏกายมาพร้อมกับทารกที่นางอุ้มไว้ใ นอ้อมอก
ชายใดที่พบนางเข้านางจะขอร้องให้ชายผู้นั้นช่วยอุ้มทารกต่อจากนาง และถ้าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายหลงกลเข้าแล้ว
ร่างของทารกน้อยก็จะปล่อยไอเย็นยะเยือกเข้าจับจนเหยื่อแข็งตายคาที่ ถึงตำนานจะแตกต่างกันมามายก็ตาม
แต่ที่มีส่วนเหมือนๆกัน ก็คือ ยูกิ อนนะ เป็นผู้หญิงที่สวยมากสวยจนมองดูด้วยตาก็รู้ว่านางไม่ใช่คนบนโลก...
นอกจากตำนานเจ้าหญิงหิมะแล้วก็ยังมีเด็กหนุ่มหิมะ ตาเฒ่าหิมะ แม่เฒ่าหิมะ จิ้งจอกหิมะซึ่งก็เป็นปิศาจในตระกูลเดียวกัน
ฮานาโกะซัง
ฮานาโกะ:นักเรียนหญิงชั้นประถมเธอเป็นวัณโรคเข้าห้องน้ำห้องส ุดท้าย แล้วเธอไอจนขาดใจตายเลือดที่ออกมาจากปากเธอเปื้อนชุดนักเรียนสีขาวเราวกับว่าเธอสวมกิโมโนสีแดง
เป็นวิญญาณเด็กหญิงในชุดกระโปรงเอี๊ยมสีแดงตัดผมทรงกะลาครอบ
เธอจะอยู่ในห้องน้ำของตึกเรียนเก่าๆห้องสุดท้ายทางขวามือ นั่นคือห้องของเธอ
ว่ากันว่าถ้าใครอยากเจอฮานาโกะซังให้เคาะประตูห้องน้ำที่ว่านั่น 3 ครั้ง
แล้วเรียก" ฮานาโกะซัง..." ก็จะมีเสียงตอบกลับมาว่า " ค่า........."
(ถ้าตอบอย่างอื่นแสดงว่าเป็นคนมานั่งปลดทุกข์ )
ถ้าใครยังไม่โกยประตูจะเปิด แล้วฮานาโกะซังก็จะออกมาเล่นด้วย (เล่นอะไรไม่รู้เหมือนกัน)
ฮานาโกะ:นักเรียนหญิงชั้นประถมเธอเป็นวัณโรคเข้าห้องน้ำห้องส ุดท้าย แล้วเธอไอจนขาดใจตายเลือดที่ออกมาจากปากเธอเปื้อนชุดนักเรียนสีขาวเราวกับว่าเธอสวมกิโมโนสีแดง
เป็นวิญญาณเด็กหญิงในชุดกระโปรงเอี๊ยมสีแดงตัดผมทรงกะลาครอบ
เธอจะอยู่ในห้องน้ำของตึกเรียนเก่าๆห้องสุดท้ายทางขวามือ นั่นคือห้องของเธอ
ว่ากันว่าถ้าใครอยากเจอฮานาโกะซังให้เคาะประตูห้องน้ำที่ว่านั่น 3 ครั้ง
แล้วเรียก" ฮานาโกะซัง..." ก็จะมีเสียงตอบกลับมาว่า " ค่า........."
(ถ้าตอบอย่างอื่นแสดงว่าเป็นคนมานั่งปลดทุกข์ )
ถ้าใครยังไม่โกยประตูจะเปิด แล้วฮานาโกะซังก็จะออกมาเล่นด้วย (เล่นอะไรไม่รู้เหมือนกัน)
หัวผีล่องลอย ( ไมคุบิ )
เป็นตำนานเก่าแก่ที่ปรากฏในนิทานของชาวโมโมยามะเมื่อราวป ี คศ.1200 เล่ากันว่าคืนหนึ่งมีซามูไร 3 ตนที่นิสัยไม่ดีนัก
ได้แก่ โคซันตะมาตะชิเงะ และอากุโกโร ทะเลาะกันอย่างดุเดือดอยุ่ริมทะเล
และลงท้ายด้วยการบั่นคอของแต่ละคนจนตายกันถ้วนหน้า(บ้าดีเดือดแท้ๆลย)
ตั้งแต่นั้นมาในคืนเดือนเพ้ญจะปรากฎศีรษะลุ่นๆสามหัวหรือเห็นเป็นแค่ดวงไฟ 3 ดวง
ลอยหมุนติ้วเป็นวงกลมร้องตะโกนว่า " เป็นความผิดของเจ้านั่นแหละ "เชื่อกันว่าถ้าเกิดไปล้อเลียนมันเข้า มันจะตรงดื่งเข้ามาเล่นงานทันที
คาระคาซ่ะ( ผีร่ม )
เป็นร่มเก่าๆที่มีอายุเก่าแก่เกิน100 ปีที่ถูกไอวิญญาณเข้าสิงอาบมันจนกลายเป็นดวงตากลมโตแสย ะยิ้มมันจะกระพือร่มบินไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน
แต่ผีตัวนี้ก้ไม่ได้ร้ายอย่างที่คิดตรงกันข้ามมันยังเป็นมิตรกับมนุษย์อีกด้วย นิสัยของมันนั้นเหมือนเด็ก ชอบเล่น
ในสมัยโบราณตามวัดร้างมันมักจะปรากฏตัวเพื่อหาเด็กๆที่วัดเป็นเพื่อนเล่นและเล่นสนุกสนานกันในตอนกลางคืน
(ผีตัวนี้เป็นผีชนิดเดียวกับโจจิงโอบาเกะหรือผีโคม)
รูปร่างลักษณะเป็นร่มคันเก่าๆที่มีดวงตากลมโตดวงเดียวอยู่กลางคันร่ม มีขาข้างเดียว และแลบลิ้นยาว
สถานที่ปรากฏตัวยามดึกสงัดตามวัดร้างหรือสถานที่ๆเก่า (มักจะปรากฏตัวยามที่มีเด็กวัดเล่นกันสนุกสนาน )
เป็นตำนานเก่าแก่ที่ปรากฏในนิทานของชาวโมโมยามะเมื่อราวป ี คศ.1200 เล่ากันว่าคืนหนึ่งมีซามูไร 3 ตนที่นิสัยไม่ดีนัก
ได้แก่ โคซันตะมาตะชิเงะ และอากุโกโร ทะเลาะกันอย่างดุเดือดอยุ่ริมทะเล
และลงท้ายด้วยการบั่นคอของแต่ละคนจนตายกันถ้วนหน้า(บ้าดีเดือดแท้ๆลย)
ตั้งแต่นั้นมาในคืนเดือนเพ้ญจะปรากฎศีรษะลุ่นๆสามหัวหรือเห็นเป็นแค่ดวงไฟ 3 ดวง
ลอยหมุนติ้วเป็นวงกลมร้องตะโกนว่า " เป็นความผิดของเจ้านั่นแหละ "เชื่อกันว่าถ้าเกิดไปล้อเลียนมันเข้า มันจะตรงดื่งเข้ามาเล่นงานทันที
คาระคาซ่ะ( ผีร่ม )
เป็นร่มเก่าๆที่มีอายุเก่าแก่เกิน100 ปีที่ถูกไอวิญญาณเข้าสิงอาบมันจนกลายเป็นดวงตากลมโตแสย ะยิ้มมันจะกระพือร่มบินไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน
แต่ผีตัวนี้ก้ไม่ได้ร้ายอย่างที่คิดตรงกันข้ามมันยังเป็นมิตรกับมนุษย์อีกด้วย นิสัยของมันนั้นเหมือนเด็ก ชอบเล่น
ในสมัยโบราณตามวัดร้างมันมักจะปรากฏตัวเพื่อหาเด็กๆที่วัดเป็นเพื่อนเล่นและเล่นสนุกสนานกันในตอนกลางคืน
(ผีตัวนี้เป็นผีชนิดเดียวกับโจจิงโอบาเกะหรือผีโคม)
รูปร่างลักษณะเป็นร่มคันเก่าๆที่มีดวงตากลมโตดวงเดียวอยู่กลางคันร่ม มีขาข้างเดียว และแลบลิ้นยาว
สถานที่ปรากฏตัวยามดึกสงัดตามวัดร้างหรือสถานที่ๆเก่า (มักจะปรากฏตัวยามที่มีเด็กวัดเล่นกันสนุกสนาน )
อิทซึมาเด็น
อิทซึมาเด็นตำนานมีอยู่ว่า ฤดูใบไม้ร่วงปี 1334 นกประหลาดนี้ก็ปรากฏขึ้นบน ท้องฟ้ายามค่ำคืน
หายใจเป็นไฟและส่งเสียงร่ำไห้อย่างน่าเวทนาว่า kItsumademo! Itsumademo! อีกนานเท่าไหร่อีกนานเท่าไหร่
ซึ่งสร้างความรำคาญใจ ให้กับผู้ที่ได้ยินเสียงคร่ำครวญนี้ เจ้าเมืองจึงได้สั่งให้นักธนูที่แม่นยำ สอยนกประหลาดนี่ลงมาซะ
เมื่อนกนี่ถูกยิงตกปรากฏว่ามัน มีลักษณะคล้ายกับคิเมร่า ตัวเป็นงู หน้าเหมือนคน มีเล็บที่แหลมคมมีปีก กว้างประมาณ 5 เมตร
ซึ่งช่วงเวลาที่พบนกประหลาดนี้เป็นช่วงที่กาฬโรค ระบาด ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากศพของผู้ที่ป่วยตายจำนวนมากถูก ฝังทิ้งไว้ที่กำแพงเมืองรวมๆ กัน
ราวกับว่าเป็นขยะและไม่ได้ทำพิธีกรรมส่ง วิญญาณ อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าที่ว่าเหล่าผู้ที่อดอยากจนกระทั่งตายไป
จะกลายเป็นนกปีศาจคร่ำครวญ ตามล่าผู้ที่ทอดทิ้งตน และร่ำไห้ตลอดเวลาว่า อีกนานเท่าใด อีกนานเท่าใด จะทอดทิ้งเราอีกนานเท่าใด
อิทซึมาเด็นตำนานมีอยู่ว่า ฤดูใบไม้ร่วงปี 1334 นกประหลาดนี้ก็ปรากฏขึ้นบน ท้องฟ้ายามค่ำคืน
หายใจเป็นไฟและส่งเสียงร่ำไห้อย่างน่าเวทนาว่า kItsumademo! Itsumademo! อีกนานเท่าไหร่อีกนานเท่าไหร่
ซึ่งสร้างความรำคาญใจ ให้กับผู้ที่ได้ยินเสียงคร่ำครวญนี้ เจ้าเมืองจึงได้สั่งให้นักธนูที่แม่นยำ สอยนกประหลาดนี่ลงมาซะ
เมื่อนกนี่ถูกยิงตกปรากฏว่ามัน มีลักษณะคล้ายกับคิเมร่า ตัวเป็นงู หน้าเหมือนคน มีเล็บที่แหลมคมมีปีก กว้างประมาณ 5 เมตร
ซึ่งช่วงเวลาที่พบนกประหลาดนี้เป็นช่วงที่กาฬโรค ระบาด ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากศพของผู้ที่ป่วยตายจำนวนมากถูก ฝังทิ้งไว้ที่กำแพงเมืองรวมๆ กัน
ราวกับว่าเป็นขยะและไม่ได้ทำพิธีกรรมส่ง วิญญาณ อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าที่ว่าเหล่าผู้ที่อดอยากจนกระทั่งตายไป
จะกลายเป็นนกปีศาจคร่ำครวญ ตามล่าผู้ที่ทอดทิ้งตน และร่ำไห้ตลอดเวลาว่า อีกนานเท่าใด อีกนานเท่าใด จะทอดทิ้งเราอีกนานเท่าใด
ปิศาจกลับหมอน
ถ้าเช้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วรุ้สึกมึนงงว่าที่นี่มันที่ไหน หรือว่าทำไม บ้านเราถึงมีบรรยากาศเปลี่ยนไปหรือสงสัยว่าทำไมชีวิตประจำวันมันถึงช่างแปลกออกไป
นั่นเป็นฝีมือของปิศาจกลับหมอน ปิศาจตนนี้จะแอบมากลับหมอนของผู้คนยามนอนหลับ
เมื่อคนคนนั้นตื่นขึ้นมาจะพบว่า ตนเองอยุ่ในโลกที่ตรงข้ามกะความเป็นจริง
ในอีกมิติหนึ่งซึ่งเต้มไปด้วยความ โหดร้าย ผิดหวัง ขมขื่นเพราะปีศาจตัวนี้ชอบเห็นผู้อื่นเดิอดร้อน
คนที่โชคดีหน่อยอาจจะฝ่าฝันร้ายๆนั้นออกมาได้และตื่นขึ้นมาในมิติเดิม แต่มีหลายคนที่ถูกชักนำไปสู่มิติแห่ง ความตาย
ปิศาจผ้า( ตันมะเต็ง )
เป็นปิศาจที่มีรุปร่างเป็นผ้าฝ้ายสีขาวผืนยาว มี พท.ประมาณ 2.5 ตจฃร.ม มีตาและปากอยู่บนนั้น
อาศัยอยุ่บนภูเขาพอตกกลางคืนก็จะกระพือปีกลงมาคอยรัดคนที่เดินผ่านไป มา ปิศาจผ้านี้ถึงจะมีรุปร่างเป็นผ้า
แต่เชื่อกันว่าไม่มีของมีคมชนิดใดที่สามารถตัดให้ขาดได้ นอกจากฟันที่ย้อมเป็นสีดำของเจ้าสาวในพิธีแต่งงาน
ปีศาจตุ๊กแก
ปรากฏอยุ่ในสมุดรวมภาพปิศาจของโทริยามะเซกิเอ็น เชื่อว่าเป็น "เทพ วิบัติ" ชนิดหนึ่ง
มีรูปร่างคล้ายตุ๊กแกมีหนังเป็นเกล็ดหนา กรงเล็บและฟัน แหลมคม ตัวใหญ่เท่าคน ออกหากินในวันที่มีงานบูชาเทพเจ้าโคชิน
มันจะคอยมองลอดเข้าไปในหน้าต่างบ้านคนที่นอนเร็วในคืนนั้นและเล่นงานเมื่อมีโอกาส มันจะใช้เล็บขูดผิวหนังของคนคนนั้นออกมากิน
ถ้าเห็นให้พูดว่า"รุ้นะว่าแอบมองอยุ่" แล้วมันก็จะหนีไป
ถ้าเช้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วรุ้สึกมึนงงว่าที่นี่มันที่ไหน หรือว่าทำไม บ้านเราถึงมีบรรยากาศเปลี่ยนไปหรือสงสัยว่าทำไมชีวิตประจำวันมันถึงช่างแปลกออกไป
นั่นเป็นฝีมือของปิศาจกลับหมอน ปิศาจตนนี้จะแอบมากลับหมอนของผู้คนยามนอนหลับ
เมื่อคนคนนั้นตื่นขึ้นมาจะพบว่า ตนเองอยุ่ในโลกที่ตรงข้ามกะความเป็นจริง
ในอีกมิติหนึ่งซึ่งเต้มไปด้วยความ โหดร้าย ผิดหวัง ขมขื่นเพราะปีศาจตัวนี้ชอบเห็นผู้อื่นเดิอดร้อน
คนที่โชคดีหน่อยอาจจะฝ่าฝันร้ายๆนั้นออกมาได้และตื่นขึ้นมาในมิติเดิม แต่มีหลายคนที่ถูกชักนำไปสู่มิติแห่ง ความตาย
ปิศาจผ้า( ตันมะเต็ง )
เป็นปิศาจที่มีรุปร่างเป็นผ้าฝ้ายสีขาวผืนยาว มี พท.ประมาณ 2.5 ตจฃร.ม มีตาและปากอยู่บนนั้น
อาศัยอยุ่บนภูเขาพอตกกลางคืนก็จะกระพือปีกลงมาคอยรัดคนที่เดินผ่านไป มา ปิศาจผ้านี้ถึงจะมีรุปร่างเป็นผ้า
แต่เชื่อกันว่าไม่มีของมีคมชนิดใดที่สามารถตัดให้ขาดได้ นอกจากฟันที่ย้อมเป็นสีดำของเจ้าสาวในพิธีแต่งงาน
ปีศาจตุ๊กแก
ปรากฏอยุ่ในสมุดรวมภาพปิศาจของโทริยามะเซกิเอ็น เชื่อว่าเป็น "เทพ วิบัติ" ชนิดหนึ่ง
มีรูปร่างคล้ายตุ๊กแกมีหนังเป็นเกล็ดหนา กรงเล็บและฟัน แหลมคม ตัวใหญ่เท่าคน ออกหากินในวันที่มีงานบูชาเทพเจ้าโคชิน
มันจะคอยมองลอดเข้าไปในหน้าต่างบ้านคนที่นอนเร็วในคืนนั้นและเล่นงานเมื่อมีโอกาส มันจะใช้เล็บขูดผิวหนังของคนคนนั้นออกมากิน
ถ้าเห็นให้พูดว่า"รุ้นะว่าแอบมองอยุ่" แล้วมันก็จะหนีไป
คาฉะ
เป็นปีศาจชนิดหนึ่งของญี่ปุ่นว่ากันว่าจะมาชิงเอาศพของผู้ที่ทำบาปทำกรรมเอาไว้มาก ในขณะที่ยังมีชีวิต
คาฉะนั้นไม่มีถิ่นพบเห็นที่แน่นอนจึงอาจสันนิษฐานได้ว่ามีการปรากฏตัวไปทั่วประเทศ เมื่อมีคนบาปตาย
คาฉะจะปรากฏตัวขึ้นจากนรกพร้อมกับเมฆดำมืดและพายุฝนเพื่อชิงเอาศพของผู้นั้น ไปจากงานศพหรือสุสาน
บางครั้งก็กล่าวว่าจะมีมือยื่นออกมาจากในเมฆมาคว้าเอาไป ศพที่ถูกชิงไปจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆและนำไปทิ้งไว้ในภูเข า
มักจะกล่าวกันว่าตัวจริงของคาฉะนั้นเป็นปีศาจแมวหรือกลายร่างมาจากแมวที่แก่ตัวลง
การปรากฏตัวของคาฉะเป็นหลักฐานแสดงว่าผู้ตายเป็นคนบาปจึงเป็นที่หวาดกลัวและอับอายของผู้คนทั่วไป
บริเวณวัดที่ว่ากันว่าคาฉะอาศัยอยู่จะมีการแยกจัดงานศพเป็น 2 ครั้งงานศพครั้งแรกจะเอาหินใส่ไว้ในโลงศพเพื่อป้องกันคาฉะ มาชิงเอาศพไป
ในช่วงกลางของสมัยเอโดะมีเรื่องเล่าของคาฉะเล่าว่าในสมัยเคียวโฮ ที่เมืองทัตสึโนะในอิโบะกุน ฮาริมะโนะคุนิ(ปัจจุบันคือจังหวัดเฮียวโง)
ในระหว่างที่ยายของลูกสาวลูกจ้างร้านโชยุชื่อ"ร้านฮายาชิดะ" มาพักค้างแรมด้วยนั้นได้เกิดล้มป่วยและเมื่อเสียชีวิตลงคาฉะก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
ทั้งที่ไม่มีใครในร้านมองเห็นเลยแม้แต่คนเดียวแต่ตัวลูกสาวกลับมองเห็นคาฉะ อยู่นอกบ้านว่าเป็นยักษ์นรกหน้าตาน่าขยะแขยงลากรถที่มีไฟลุกท่วมมา
แล้วเอาคุณยายใส่รถจะพาตัวไป เจ้าหล่อนก็พยายามจะไปเอากลับมาจึงออกไปข้างนอก
แต่ก็ถูกลูกจ้างคนอื่นดึงตัวกลับมาซึ่งเธอก็โดนไฟไหม้ที่แขนเสื้อและมีแผลไฟไหม้ด้วย
นอกจากคนตายแล้วบางครั้งคาฉะยังเล่นงานคนเป็นอีกด้วย วันหนึ่งในมุซาชิโนะคุนิ (ปัจจุบันคือไซตามะ)
มีชายชื่ออาบุรายะยาสุเบะร้องออกมาว่า "มีคาฉะมา" แล้วก็ล้มลงไป
หลังจากนั้น 10 วันเขาก็ตายเนื่องจากร่างกายท่อนล่างเน่าเปื่อยนอกจากนั้น คาฉะยังแปลงร่างเป็นคนได้
เช่นที่บ้านของเจ้าพนักงานชื่อชิบาตะมีคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์อยู่คนหนึ่ง
อยู่มาคืนหนึ่งเขาก็มาขอลาออกเมื่อชิบาตะถามถึงเหตุผล เขาก็บอกว่าตนเองไม่ใช่มนุษย์ และต้องไปชิงศพมนุษย์
พอวันรุ่งขึ้นชิบาตะก็ได้ยินข่าวว่าที่หมู่บ้านใกล้ๆมีคาฉะปรากฏตัวขึ้น
ในญี่ปุ่นโบราณเชื่อกันว่าแมวมีคุณลักษณะของปีศาจอยู่ในตัว จึงมีตำนานเล่ากันว่า
"ห้ามแมวเข้าใกล้คนตาย"
"ถ้าแมวกระโดดข้ามโลงศพศพในโลงจะฟื้นขึ้นมา"
นอกจากนั้นในญี่ปุ่นยุคกลางยังมีเรื่องเล่าว่านายนิรยบาลจะลากรถที่มีไฟลุก ท่วมมาชิงเอาศพหรือคนบาปที่ยังมีชีวิตอยู่ไป
ตำนานของคาฉะนั้นก็เกิดมาจากตำนานความเกี่ยวข้องระหว่างแมวกับคนตาย และตำนานของรถเพลิงที่มาชิงตัวคนบาปนี้เอง
ผีชาวนาอาฆาต
การต่อต้านระบบเจ้าขุนมูลนายในญี่ปุ่น เมื่อศตวรรษที่ 19 ทำให้ละครผีซึ่งดัดแปลงมาจากเรื่องจริงเรื่องนี้ได้รับความนิยมมาก
ฮอทตา โคะซุเคะเป็นขุนนางใจโหด ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในจังหวัดโซมา เขาขูดรีดภาษีจากชาวไร่ชาวนาทั้งที่มีกฎหมายห้ามไว้
ผู้ใหญ่บ้านชื่อซากุระ โซะโกโระ จึงตัดสินใจไปขอความยุติธรรมจากโชกุน ผู้ปกครองจังหวัดนั้นแต่โชกุนกลับส่งตัวเขาไปหาฮอทตา โคะซุเคะ
ซึ่งบังคับให้โซะโกโระกับภรรยานั่งดูลูกชายทั้งสามของตน ถูกตัดหัวตายไปต่อหน้าต่อตา จากนั้นโซะโกโระกับภรรยาก็ถูกตรึงบนไม้กางเขน
ก่อนหมดลมหายใจโซะโกโระบอกว่าวิญญาณ ของเขาจะกลับมาหลอกหลอน ครอบครัวขุนนางใจร้าย และปรากฏว่าเขาทำตามสัญญา
กลายเป็นผีร้ายกลับมาตามอาฆาตจองเวรขุนนางใจร้ายจนตายตกไปตามกัน
ผีว้าก(อุว้ง)
อีกหนึ่งความเชื่อของชาวญี่ปุ่นคือปีศาจที่ชื่อ อุว้ง หรือ ผีว้าก ซึ่งมักอาศัยอยู่ตามวัดร้าง หรือบ้านร้าง
เมื่อมีนักเดินทางก้าวเข้ามาในสถานที่นั้นมันก็จะส่งเสียงร้องดัง อุว้ง ๆ หรือ ว้าก ๆ ซึ่งเสียงนี้ มีแต่คนที่อยู่ข้างในเท่านั้นจึงจะได้ยิน คนที่อยู่ด้านนอก จะไม่รู้เลยว่าข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้น
เพราะมันไม่ปรากฏตัวให้เห็นและเสียงที่ดังขึ้นนั้น ก็จะดังอยู่ในหูของคนที่อยู่ในอาคารเท่านั้นนั่นเอง
บางตำนานกล่าวว่าเมื่อได้ยินเสียงร้องของอุว้ง ให้รีบร้องกลับไปทันที ด้วยคำว่า อุว้งเช่นเดียวกับมัน
จากนั้นมันจะร้องกลับมาอีก เราต้องร้องกลับให้ทันกัน เพราะมันจะเร็วขึ้นเรื่อย ๆหากใครร้องตามไม่ทันก็จะโดนมันทำร้ายจนตาย
วิญญาณชู้รัก
ชายผู้หนึ่งชื่อว่าอิกาโน คาเนมิตสุ ได้ ลอบรักกับภรรยาม่ายของพี่ชายเขาเองที่เสียชีวิตไปแต่รักครั้งนี้ผิดศีลธรรมประเพณี
เพราะหญิงม่ายได้บวชเป็นชีไปแล้วเมื่อคิคุโนะ ซึ่งเป็นเมียน้อยของพี่ชายกับมาตาฮาชิ ผู้รับใช้ของเธอได้ล่วงรู้ถึงความลับนี้
คาเนมิตสุก็ได้สังหารคนทั้งสองเสียแต่แล้ววิญญาณของทั้งคู่ก็ได้กลับมาแก้แค้นโดยมุ่งหม ายที่จะยุติทั้งความสัมพันธ์และชีวิตของคาเนมิตสุกับชู้รัก
ในเรื่องเช่นนี้ละครคาบูกิของญี่ปุ่นมักแสดงออกถึงความ รู้สึกผิดชอบในใจของผู้กระทำผิดเอง
แม้ว่าในพล็อตเรื่องชู้รักทั้งสองได้ถูกปิศาจคิคุโนะกับมาตาฮาชิหลอกหลอน จนกระทั่งเสียสติและฆ่าตัวตาย
แต่แท้จริงแล้วปิศาจก็คือความกลัวต่อบาปนั่นเอง เมื่อหาทางสงบจิตใจไม่ได้ทางออกก็คือการฆ่าตัวตาย
ยักษ์ร้อยตา( โทะโดะเมกิ )
โทะโดะเมกิสมัยที่ยังเป็นมนุษย์นั้น เป็นสตรีที่รูปร่างหน้าตางดงาม แต่จิตใจต่ำช้าเป็นคนที่ชอบลักเล็กขโมยน้อย
ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยไม่เคยรู้สำนึก จึงถูกสวรรค์ลงโทษ ให้ตาปรากฏขึ้นที่แขน ทุกครั้งที่ทำผิดจนมีดวงตาเป็นร้อย ๆ ดวงเต็มแขนไปหมด
เพราะเธอไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยนั่นเองจึงต้องทนทุกข์เวทนาอย่างแสนสาหัส
ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าตาของโทะโดะเมกิ จะมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปหมด ดังนั้น หากใครโชคร้ายถูกมันไล่ตามก็จะถูกหาพบทุกครั้ง ไม่ว่าจะหนีไปซ่อนในที่มิดชิดแค่ใดก็ตาม
เรื่องนี้เชื่อว่าเป็นนิทานหลอกเด็ก ที่แอบแฝงคำสั่งสอนไปในตัวว่า หากใครทำผิดและไม่ยอมรับผิดแต่โดยดีจะมีตาผุดขึ้นมาที่แขน ทีละดวง ทีละดวงจนกว่าจะยอมรับความผิดนั้น
เป็นปีศาจชนิดหนึ่งของญี่ปุ่นว่ากันว่าจะมาชิงเอาศพของผู้ที่ทำบาปทำกรรมเอาไว้มาก ในขณะที่ยังมีชีวิต
คาฉะนั้นไม่มีถิ่นพบเห็นที่แน่นอนจึงอาจสันนิษฐานได้ว่ามีการปรากฏตัวไปทั่วประเทศ เมื่อมีคนบาปตาย
คาฉะจะปรากฏตัวขึ้นจากนรกพร้อมกับเมฆดำมืดและพายุฝนเพื่อชิงเอาศพของผู้นั้น ไปจากงานศพหรือสุสาน
บางครั้งก็กล่าวว่าจะมีมือยื่นออกมาจากในเมฆมาคว้าเอาไป ศพที่ถูกชิงไปจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆและนำไปทิ้งไว้ในภูเข า
มักจะกล่าวกันว่าตัวจริงของคาฉะนั้นเป็นปีศาจแมวหรือกลายร่างมาจากแมวที่แก่ตัวลง
การปรากฏตัวของคาฉะเป็นหลักฐานแสดงว่าผู้ตายเป็นคนบาปจึงเป็นที่หวาดกลัวและอับอายของผู้คนทั่วไป
บริเวณวัดที่ว่ากันว่าคาฉะอาศัยอยู่จะมีการแยกจัดงานศพเป็น 2 ครั้งงานศพครั้งแรกจะเอาหินใส่ไว้ในโลงศพเพื่อป้องกันคาฉะ มาชิงเอาศพไป
ในช่วงกลางของสมัยเอโดะมีเรื่องเล่าของคาฉะเล่าว่าในสมัยเคียวโฮ ที่เมืองทัตสึโนะในอิโบะกุน ฮาริมะโนะคุนิ(ปัจจุบันคือจังหวัดเฮียวโง)
ในระหว่างที่ยายของลูกสาวลูกจ้างร้านโชยุชื่อ"ร้านฮายาชิดะ" มาพักค้างแรมด้วยนั้นได้เกิดล้มป่วยและเมื่อเสียชีวิตลงคาฉะก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
ทั้งที่ไม่มีใครในร้านมองเห็นเลยแม้แต่คนเดียวแต่ตัวลูกสาวกลับมองเห็นคาฉะ อยู่นอกบ้านว่าเป็นยักษ์นรกหน้าตาน่าขยะแขยงลากรถที่มีไฟลุกท่วมมา
แล้วเอาคุณยายใส่รถจะพาตัวไป เจ้าหล่อนก็พยายามจะไปเอากลับมาจึงออกไปข้างนอก
แต่ก็ถูกลูกจ้างคนอื่นดึงตัวกลับมาซึ่งเธอก็โดนไฟไหม้ที่แขนเสื้อและมีแผลไฟไหม้ด้วย
นอกจากคนตายแล้วบางครั้งคาฉะยังเล่นงานคนเป็นอีกด้วย วันหนึ่งในมุซาชิโนะคุนิ (ปัจจุบันคือไซตามะ)
มีชายชื่ออาบุรายะยาสุเบะร้องออกมาว่า "มีคาฉะมา" แล้วก็ล้มลงไป
หลังจากนั้น 10 วันเขาก็ตายเนื่องจากร่างกายท่อนล่างเน่าเปื่อยนอกจากนั้น คาฉะยังแปลงร่างเป็นคนได้
เช่นที่บ้านของเจ้าพนักงานชื่อชิบาตะมีคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์อยู่คนหนึ่ง
อยู่มาคืนหนึ่งเขาก็มาขอลาออกเมื่อชิบาตะถามถึงเหตุผล เขาก็บอกว่าตนเองไม่ใช่มนุษย์ และต้องไปชิงศพมนุษย์
พอวันรุ่งขึ้นชิบาตะก็ได้ยินข่าวว่าที่หมู่บ้านใกล้ๆมีคาฉะปรากฏตัวขึ้น
ในญี่ปุ่นโบราณเชื่อกันว่าแมวมีคุณลักษณะของปีศาจอยู่ในตัว จึงมีตำนานเล่ากันว่า
"ห้ามแมวเข้าใกล้คนตาย"
"ถ้าแมวกระโดดข้ามโลงศพศพในโลงจะฟื้นขึ้นมา"
นอกจากนั้นในญี่ปุ่นยุคกลางยังมีเรื่องเล่าว่านายนิรยบาลจะลากรถที่มีไฟลุก ท่วมมาชิงเอาศพหรือคนบาปที่ยังมีชีวิตอยู่ไป
ตำนานของคาฉะนั้นก็เกิดมาจากตำนานความเกี่ยวข้องระหว่างแมวกับคนตาย และตำนานของรถเพลิงที่มาชิงตัวคนบาปนี้เอง
ผีชาวนาอาฆาต
การต่อต้านระบบเจ้าขุนมูลนายในญี่ปุ่น เมื่อศตวรรษที่ 19 ทำให้ละครผีซึ่งดัดแปลงมาจากเรื่องจริงเรื่องนี้ได้รับความนิยมมาก
ฮอทตา โคะซุเคะเป็นขุนนางใจโหด ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในจังหวัดโซมา เขาขูดรีดภาษีจากชาวไร่ชาวนาทั้งที่มีกฎหมายห้ามไว้
ผู้ใหญ่บ้านชื่อซากุระ โซะโกโระ จึงตัดสินใจไปขอความยุติธรรมจากโชกุน ผู้ปกครองจังหวัดนั้นแต่โชกุนกลับส่งตัวเขาไปหาฮอทตา โคะซุเคะ
ซึ่งบังคับให้โซะโกโระกับภรรยานั่งดูลูกชายทั้งสามของตน ถูกตัดหัวตายไปต่อหน้าต่อตา จากนั้นโซะโกโระกับภรรยาก็ถูกตรึงบนไม้กางเขน
ก่อนหมดลมหายใจโซะโกโระบอกว่าวิญญาณ ของเขาจะกลับมาหลอกหลอน ครอบครัวขุนนางใจร้าย และปรากฏว่าเขาทำตามสัญญา
กลายเป็นผีร้ายกลับมาตามอาฆาตจองเวรขุนนางใจร้ายจนตายตกไปตามกัน
ผีว้าก(อุว้ง)
อีกหนึ่งความเชื่อของชาวญี่ปุ่นคือปีศาจที่ชื่อ อุว้ง หรือ ผีว้าก ซึ่งมักอาศัยอยู่ตามวัดร้าง หรือบ้านร้าง
เมื่อมีนักเดินทางก้าวเข้ามาในสถานที่นั้นมันก็จะส่งเสียงร้องดัง อุว้ง ๆ หรือ ว้าก ๆ ซึ่งเสียงนี้ มีแต่คนที่อยู่ข้างในเท่านั้นจึงจะได้ยิน คนที่อยู่ด้านนอก จะไม่รู้เลยว่าข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้น
เพราะมันไม่ปรากฏตัวให้เห็นและเสียงที่ดังขึ้นนั้น ก็จะดังอยู่ในหูของคนที่อยู่ในอาคารเท่านั้นนั่นเอง
บางตำนานกล่าวว่าเมื่อได้ยินเสียงร้องของอุว้ง ให้รีบร้องกลับไปทันที ด้วยคำว่า อุว้งเช่นเดียวกับมัน
จากนั้นมันจะร้องกลับมาอีก เราต้องร้องกลับให้ทันกัน เพราะมันจะเร็วขึ้นเรื่อย ๆหากใครร้องตามไม่ทันก็จะโดนมันทำร้ายจนตาย
วิญญาณชู้รัก
ชายผู้หนึ่งชื่อว่าอิกาโน คาเนมิตสุ ได้ ลอบรักกับภรรยาม่ายของพี่ชายเขาเองที่เสียชีวิตไปแต่รักครั้งนี้ผิดศีลธรรมประเพณี
เพราะหญิงม่ายได้บวชเป็นชีไปแล้วเมื่อคิคุโนะ ซึ่งเป็นเมียน้อยของพี่ชายกับมาตาฮาชิ ผู้รับใช้ของเธอได้ล่วงรู้ถึงความลับนี้
คาเนมิตสุก็ได้สังหารคนทั้งสองเสียแต่แล้ววิญญาณของทั้งคู่ก็ได้กลับมาแก้แค้นโดยมุ่งหม ายที่จะยุติทั้งความสัมพันธ์และชีวิตของคาเนมิตสุกับชู้รัก
ในเรื่องเช่นนี้ละครคาบูกิของญี่ปุ่นมักแสดงออกถึงความ รู้สึกผิดชอบในใจของผู้กระทำผิดเอง
แม้ว่าในพล็อตเรื่องชู้รักทั้งสองได้ถูกปิศาจคิคุโนะกับมาตาฮาชิหลอกหลอน จนกระทั่งเสียสติและฆ่าตัวตาย
แต่แท้จริงแล้วปิศาจก็คือความกลัวต่อบาปนั่นเอง เมื่อหาทางสงบจิตใจไม่ได้ทางออกก็คือการฆ่าตัวตาย
ยักษ์ร้อยตา( โทะโดะเมกิ )
โทะโดะเมกิสมัยที่ยังเป็นมนุษย์นั้น เป็นสตรีที่รูปร่างหน้าตางดงาม แต่จิตใจต่ำช้าเป็นคนที่ชอบลักเล็กขโมยน้อย
ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยไม่เคยรู้สำนึก จึงถูกสวรรค์ลงโทษ ให้ตาปรากฏขึ้นที่แขน ทุกครั้งที่ทำผิดจนมีดวงตาเป็นร้อย ๆ ดวงเต็มแขนไปหมด
เพราะเธอไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยนั่นเองจึงต้องทนทุกข์เวทนาอย่างแสนสาหัส
ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าตาของโทะโดะเมกิ จะมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปหมด ดังนั้น หากใครโชคร้ายถูกมันไล่ตามก็จะถูกหาพบทุกครั้ง ไม่ว่าจะหนีไปซ่อนในที่มิดชิดแค่ใดก็ตาม
เรื่องนี้เชื่อว่าเป็นนิทานหลอกเด็ก ที่แอบแฝงคำสั่งสอนไปในตัวว่า หากใครทำผิดและไม่ยอมรับผิดแต่โดยดีจะมีตาผุดขึ้นมาที่แขน ทีละดวง ทีละดวงจนกว่าจะยอมรับความผิดนั้น
เครดิต : bbs.playpark.co.th
ผมว่าน่าจะหมดแล้วนะรอบนี้ หรือมี ปิศาจตนไหนอยากได้อีกก็บอกได้เรยคับ เดียวเอามาลงให้ ^^"
ตำนานภูติผีปิศาจของญี่ปุ่น 3จ้า [น่าจะสุดท้ายแล้วนะ] =]
[IMG]
Guilty Crown
ความรักมันไม่ใช่ความสุข แต่มันเป็นความทุกข์ที่เรารับได้
ถ้าเราไม่รักเราก็ไม่ทุกข์ แล้วความสุขมันคืออะไร ?