10. Cassava (Yuca)
มันสำปะหลัง มันสำปะหลัง เป็นพืชหัวชนิดหนึ่ง เป็นพืชอาหารที่สำคัญอันดับ 5 รองจากข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าว และมันฝรั่ง พบทั่วไปในแคริบเบียนและอเมริกาใต้ รวมไปถึงเอเชีย มันสำปะหลังเมื่อทำสุกแล้วจะหวาน ซึ่งความจริงแล้วทั้งกลิ่นและรสชาติทั้งหมดขึ้นอยู่กับปริมาณกรดไฮโดรไซยานิ ค ซึ่งถ้ากรดดังกล่าวมีปริมาณน้อยรสจะหวาน หากมากรสจะขม และมันสำปะหลังนั้นมีพิษมากหากรับประทานดิบๆ หรือปรุงไม่ถูกวิธี เนื่องจากมันสำปะหลังดิบมีระดับไซยาไนด์ค่อนข้างสูง ซึ่งสารที่อันตรายมาก ถ้าหากคนหรือสัตว์นำมันสำปะหลังมารับประทานโดยไม่ต้มหรือเผาให้สุก เมื่อได้รับสารตัวนี้เข้าไปมากๆ จะทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอกน้ำลายฟูมปาก ชักและเสียชีวิตได้ แม้แต่วัวหรือควายตัวโตๆ ก็ตายมาแล้ว ดังนั้นวิธีลดพิษมันสำปะหลังดังกล่าวก็คือ การปอกเปลือก, การทำให้สุข, การหมักดอง ซึ่งวิธีการต่างๆ ที่กล่าวมานี้สามารถลดความเป็นพิษลงได้มากจนถึงหมดไป ทำให้เราสามารถกินมันสำปะหลังได้โดยไม่เป็นพิษต่อร่างกายเลย
9.Pufferfish
ปลาปักเป้าทั้งน้ำจืดและ น้ำเค็มที่พบในประเทศที่มีอากาศร้อนและอบอุ่น โดยเป็นปลาต้องห้ามผลิตและจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลกเนื่องจากมันมีพิษ ที่ชื่อว่า เตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin)ในหนังปลา ไข่ปลา เนื้อปลา ตับ และลำไส้ มีความทนต่อความร้อนสูง ดังนั้นสารดังกล่าวจะไม่ถูกทำลายจากการประกอบอาหาร ซึ่งสารดังกล่าวทำให้มนุษย์เสียชีวิตอย่างง่ายดายเพียงประมาณแค่ 2 มิลลิกรัม โดยสารพิษจะขัดขวางกระบวนการทำงานของระบบกล้ามเนื้อของมนุษย์และระบบประสาท ส่งผลทำให้อาการลิ้นชา อาเจียน กล้ามเนื้อแขนอ่อนแรง เดินเซ ขยับเขยื้อนไม่ได้ หายใจลำบาก หากไม่รีบรักษาจะเสียชีวิต อย่างไรก็ตามปลาปักเป้าที่เป็นพิษจะเป็นปลาปักเป้าในธรรมชาติเนื่องจากสะสม พิษจากการที่มันกินพวกหอยเม่น หอยทะเล หนอนทะเล ส่วนปลาปักเป้าที่เลี้ยงสถานที่เพาะพันธุ์จะไม่มีพิษดังกล่าว ในประเทศญี่ปุ่นได้มีการบริโภคเนื้อปลาปักเป้ามาตั้งแต่โบราณ โดยเนื้อปลาปักเป้ามีภาษาญี่ปุ่นว่า “ฟุคุ” เนื้อปักเป้าถือว่าเป็นอาหาร ราคาแพงและหายาก โดยผู้ที่ต้องการแล่ปลาปักเป้าจะต้องไปเรียนวิธีการแล่เนื้อปลาจากสมาคมการ แล่ปลาปักเป้าแห่งญี่ปุ่นและได้รับใบประกาศมา การแล่ต้องเอาเส้นเมาออกซึ่ง เส้นเมาหรือเส้นพิษจะมีขนาดเล็กและบางมาก โดยตัวหนึ่งจะมีเนื้อที่กินได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น โดยราคาซาซิมิปักเป้าญี่ปุ่นขายกันจานล่ะ หมื่นเยน แต่กระนั้นเนื้อปลาปักเป้าก็เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นเนื่องจากรส ชาติที่หวาน กรุบ และถือว่าการกินปลาปักเป้าเป็นการท้าทายความตายด้วย
8. Mushrooms
เห็ด เป็นฟังไจชั้นสูงที่มีขนาดใหญ่หน้าที่หลักคือช่วยย่อยสลายซากพืชและสัตว์ให้ ผุพัง ดอกเห็ดส่วนใหญ่มีรูปร่างคล้ายร่ม มีหลายขนาดตั้งแต่เท่าเข็มหมุดถึงเท่ากับจาน โดยมีทั้งเห็ดที่รับประทานได้และเห็ดมีพิษโดยเห็ดมีประมาณกว่า 38,000 ชนิดที่เรารู้จัก และประมาณไม่ถึง 100 ชนิดที่เป็นเห็ดพิษ โดยเห็ดพิษที่จัดว่าร้ายแรงที่สุดได้แก่ เห็ดในสกุล Amanita สกุล Helvella เห็ดหลายชนิดมีพิษที่ร้ายแรงสามารถฆ่าตาย ได้หากกินมันเข้าไป เช่น อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายต่อระบบทางเดินอาหาร ทำลายตับ ไต และหัวใจ ส่วนในเห็ดสกุลอื่นๆ ไม่เป็นอันตรายมากนักอาจทำให้เกิดอาการมึนเมาเท่านั้น นอกจากนี้การสังเกตว่าเห็ดชนิดไหนมีพิษไม่มีพิษนั้นเป็นเรื่องยาก ในสมัยก่อนเรามักได้ยินคนอื่นบอกว่าเห็ดพิษไม่มีพิษนั้นดูที่สีสัน หากสีสันสวยจะมีพิษ ซึ่งวิธีดังกล่าวไม่ใช่คำตอบเสมอไป เพราะเห็ดพิษบางชนิดก็ไม่มีสีสันสวยงามเหมือนกัน ดังนั้นเราต้องใช้หลายวิธีในการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าเห็ดชนิดดังกล่าว ไม่มีพิษ
7. Cashews
มะม่วงหิมพานต์ เป็นพืชพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล ปัจจุบันมะม่วงหิมพานต์พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเขตร้อน เพราะเติบโตได้อย่างเหมาะสมในสภาพอากาศที่ชื้น และอบอุ่น ทั้งในเอเชีย และอเมริกาใต้ นิยมใช้เนื้อภายในเมล็ดเป็นอาหารว่าง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกของอินเดีย เวียดนาม และบราซิล ทั้งสามประเทศนี้ มีอัตราการส่งออกถึง 90% ของผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ทั่วโลก โดยนิยมนำเมล็ดและผลมารับประทาน และคุณรู้หรือไม่ว่าเมื่อเราซื้อเมล็ด มะม่วงหิมพานต์ดิบจากร้านค้าทั่วไปความจริงแล้วเมล็ดดังกล่าวไม่ได้ดิบไป เสียทั้งหมดเพราะว่ามันผ่านการนึ่งและแกะเปลือกมาแล้ว โดยเปลือกของมะม่วงหิมพานต์ดิบของมันก็มีพิษเหมือนกันโดยมีสารพิษ ชื่อ urushiol, พิษที่ระคายเคืองต่อผิวหนังอย่างรุนแรงที่พบในไม้เลื่อย หากกินมากจะเกิดอันตรายต่อร่างกายรุนแรง ดังนั้นเวลาจะรับรับประทานผลเนื้อ จะต้องนำเกาะเปลือกเมล็ดสีเขียวเข้มก่อน นอกจากนี้ยางจากมะม่วงหิมพานต์ ยังมีพิษทำลายเนื้อที่เป็นก้อนไต เช่น ตาปลา หูด
6. Chilies
พริกเป็นพืชที่นิยมปลูกหลายประเทศทั่วโลก เพราะพริกเป็นเครื่องเทศที่สำคัญชื่อหนึ่ง และยังมีคุณสมบัติเป็นยาสมุนไพรด้วยเช่นกัน พริกนั้นมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่าแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งทำให้เกิดความเผ็ดร้อน พบได้ในพริกแทบทุกชนิดรวมทั้งในพริก ไทยและขิง สารดังกล่าวมีคุณสมบัติลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ หากคุณกินในปริมาณมาก ก็อาจได้รับอันตรายและถึงตายได้ และสารชนิดดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้ผลิตสเปรย์พริกไทยในการวงการตำรวจ และผลิตซอสที่เผ็ดที่สุดในโลก(The source) ที่กินมากอาจถึงตายและทำให้ผิวหนังไหม้และกระเพาะทะลุได้
5. Potatoes
มันฝรั่ง เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก เดิมเป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกา และมันเป็นวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารที่รับความนิยมไปทั่วโลก แต่คุณรู้หรือไม่มันฝรั่งเป็นพืชมีพิษ ลำต้นและใบมันมีพิษแม้แต่ตัวมันฝรั่งของมันก็มีพิษ เปลือกมันฝรั่งมีสารพิษ จากธรรมชาติ สารพิษที่ว่านี้คือ Chaconine และ Solanine อาการที่ได้รับสารพิษจากเปลือก มันฝรั่งก็คือ คลื่นไส้ เลือดลมผิดปกติ ไตมีปัญหาและเกิดพิษ โดยเฉพาะจุดเขียวๆ และตาของมันฝรั่งมีพิษ และหากเก็บมันฝรั่งไว้ในที่สว่างหรือที่ร้อนก็จะยิ่งเพิ่มสารพิษมากขึ้นสี่ เท่าภายในเวลาไม่กี่วัน และหัวมันฝรั่งเองก็มีพิษ ซึ่งได้แก่ สาร Glycoalkaloids ซึ่งจะไป ยับยั้งการทำงานของ เอนไซม์คอลีนเอสเทอเรสทำให้เกิดอาการปวดหัว อาเจียน ท้องเสีย หรืออาจจะมีอาการป่วยหนักมากขึ้นหากรับประทานสารนี้เข้าไป มากกว่า 2.5มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว และที่สำคัญคือ ความร้อนไม่สามารถจะทำลายสารนี้ลงได้ หากแต่ปัจจุบันเราพิษจากมันฝรั่งดังกล่าวเพราะสารดังกล่าวในมันฝรั่ง ประมาณ 0.01 - 0.1% น้ำหนักแห้งเท่านั้น อีกทั้งร่างกายยังต้านทานต่อสารพิษอีกด้วย
4. Almonds
อัลมอนด์ เป็นหนึ่งในถั่วมีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางอาหารสูงมีโปรตีนไขมันสุขภาพ, วิตามินและแร่ธาตุ และคุณรู้หรือไม่ว่าอัลมอนด์เป็นอีกหนึ่งในผลไม้ที่มีพิษนั้นก็คือไฮโดรเจน ไซยาไนด์ ที่อยู่ในถั่วอัลมอนด์ดิบ ดังนั้นด้วยเหตุนี้อัลมอนด์ดิบส่วนใหญ่จะต้องอบให้สุกก่อนที่จะมาจำหน่าย และมีหลายประเทศหมายว่าการขายอัลมอนด์ดิบถือว่าผิดกฎหมาย
3.Cherries
เชอร์รี เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง มีสีแดงสด(บางพันธุ์ก็มีสีเหลือง)รสชาติหวานอมเปรี้ยว นิยมนำมาเชื่อมเพื่อ ตกแต่งอาหารหวานอย่างไอศกรีมหรือเค้กให้น่ากินมากยิ่งขึ้น สิ่งที่หลายคนรู้ ก็คือเชอร์รี่ประโยชน์เนื่องจากมีโพแทสเซียมในปริมาณสูง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความสมดุลกับโซเดียมทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ ระบบไหลเวียนโลหิตดี เราจึงรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าอยู่เสมอ นอกจากนี้เชอร์รียังมี สรรพคุณเป็นยาระบาย ขับพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย ทำให้เราปลอดภัยไกลโรค แต่กระนั้นคุณรู้หรือไม่ว่าเชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มี พิษ นั้นคือไฮโดรเจนไซยาไนด์ในเมล็ด โดยเฉพาะเวลาที่คุณเคี้ยว บด ผลเล็กๆ ของเชอรี่ เชอรี่จะผลิตไฮโดรเจนไซยาไนด์โดยอัตโนมัติ หากแต่พิษค่อนข้างอ่อน อย่างมากแค่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน วิตกกังวลและอาเจียน หากกินมากอาจมีปัญหาเรื่องหัวใจและความดันโลหิจ อาจทำให้ไตวาย ชัก และเสียชีวิตได้
รู้ไปก็เท่านั้น ไฮโดรเจนไซยาไนด์เป็นสารพิษที่พบได้ ทั่วไปในพืชหลากหลายชนิด คือ ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโอ๊ต ข้าวไรน์ ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่วชนิดต่างๆ อ้อย แอบเปิ้ล เผือก หน่อไม้ เมล็ดอัลมอล เชอรี่ พีช มะม่วง มะละกอ ฝรั่ง มะนาว เป็นต้น
2. Apples
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่นิยม ไม่ว่าคุณไปไหน คุณก็จะเห็นผลไม้ชนิดนี้ในแผงขายผลไม้ทุกครั้ง แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่อร่อย และได้ชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากจนถึงกับมีคำกล่าวว่า กินแอปเปิ้ลวันละลูกห่างไกลโรคภัย ถูกต้อง แอปเปิ้ลดีต่อสุขภาพ เช่นเดียวกันแอปเปิลนั้นมีพิษ หากแต่พิษของมันอยู่ที่เมล็ดที่มีสารพิษไซยาไนด์ตัวเดียวกับที่ถูกใช้เป็นยา พิษมาเป็นเวลานาน ตัวเดียวกับที่ปรากฏในโคนันบ่อยครั้ง พิษในเมล็ดแอปเปิ้ลดังกล่าวนั้นมี จำนวนน้อยมาก หากจะให้คนตายจะต้องใช้เมล็ดแอปเปิ้ลจำนวนเยอะมาก แต่กระนั้นการกินเมล็ดแอปเปิ้ลนั้นไม่มีเรื่องที่ดีแน่นอน เพราะการเคี้ยวหรือบดจะช่วยเร่งอัตราการดูดซับสารพิษของร่างกายเรา หรือไม่ก็การกลืนเมล็ดอาจติดคอเราก็ได้
1. Tomato
มะเขือเทศเป็นพืชชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร มะเขือเทศขนาดปานกลางจะมีปริมาณวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งผล มะเขือเทศผลหนึ่งจะมีวิตามินเอราว 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน นอกจากนี้มะเขือเทศยังมีโปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ อีกหลายชนิด พูดง่ายๆ มะเขือเทศมีแหล่งอหารที่มีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว แต่กระนั้นคุณรู้หรือไม่ว่ามะเขือเทศนั้นมีพิษ หากแต่พิษที่ว่านั้นไม่ได้อยู่ในส่วนผลของมะเขือเทศส่วนของลำต้น(ก้าน) เพราะมันมีสารพิษ Glycoalkaloid(Glyco คือคาร์โบไฮเดรตโมเลกุล ใหญ่ๆ Alkaloid มันจะหมายถึงสารเคมีอันตรายกลุ่มหนึ่งที่พบมากในสารเสพติด เช่น บุหรี่ กัญชา กระท่อม) ซึ่งจะมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง อาจระส่ำระส่ายครั่นเนื้อครั่นตัวเนื่องจากมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งยังเกิดการระคายเคืองจากการเผาไหม้อาจทำให้ปากและลิ้นเป็นแผลได้ หากรับประทาน(สารเคมีดังกล่าวมีประโยชน์ในการใช้ควบคุมศัตรูพืช) ดังนั้นครั้งต่อไปหากเราจะกินมะเขือเทศอย่าลืมเอาก้านออกด้วย(มะเขือเทศเป็น อาหารต้องห้ามของแมว ห้ามให้แมวกิน อาจตายได้)
รู้ไปก็เท่านั้น มะเขือเทศนั้นมีการเถียงว่าเป็นผักและ ผลไม้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศที่จะจำแนกมะเขือเทศว่าอะไร ในปี 1893 ประเทศสหรัฐได้มีการตัดสินว่ามะเขือเทศเป็นผักหรือผลไม้ในศาลเลยทีเดียว โดยสุดท้ายศาลก็ตัดสินว่ามะเขือเทศเป็นพืช(แต่ในทางพฤกษศาสตร์มะเขือเทศเป็น ผลไม้)
CREDIT : http://www.unigang.com/Article/7234
[IMG]