ความกลัวเป็นภัยต่อความสำราญเท่ากับความรัก โกรธ เกลียด หลงใหล และอื่นๆ หรือบางทีจะมากกว่าด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าธรรมชาติได้สร้างสัญชาตญาณอันนี้ให้แก่สัตว์ตั้งแต่เริ่มออกจากครรภ์ ทีเดียว
ลูกนกหรือลูกแมว พอลืมตาก็กลัวเป็นแล้ว แสดงอาการหนีหรือป้องกันภัยในเมื่อเราเข้าไปใกล้ เด็กๆ จะกลัวที่มืดหรือการถูกทิ้งไว้ผู้เดียว ทั้งที่เขายังไม่เคยมีเรื่องผูกเวรกับใครไว้ อันจะนำให้กลัวไปว่าจะมีผู้ลอบทำร้าย เพียงแต่ผู้ใหญ่ชี้ไปตรงที่มืดแล้วทำท่ากลัวให้ดูสักครั้งเท่านั้น เด็กก็จะกลัวติดอยู่ในใจไปได้นาน
คนโตแล้วบางคน นั่งฟังเพื่อนกันเล่าเรื่องผีเวลากลางคืน มักจะค่อยๆ ขยับๆ จนเข้าไปนั่งอยู่กลางวงโดยไม่รู้สึกตัวและยังไปนอนกลัวในที่นอนอีกมากกว่าจะหลับไปได้
เดินผ่านป่าช้าโดยไม่รู้ เพิ่งมารู้และกลัวเอาที่บ้านก็มี
สำหรับบางคน ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องแสดงว่า ความกลัวเป็นเรื่องของจิตมากกว่าวัตถุ ผู้ใดไม่มีความรู้ในการควบคุมจิตของตนในเรื่องนี้ เขาจะถูกความกลัวกลุ้มรุมทำลายกำลังประสาทและความสดชื่นของใจเสียอย่างน่าสงสาร
ในทำนองตรงกันข้ามสำหรับผู้ที่มีอุบายข่มขี่ความกลัว ย่อมจะได้รับความผาสุกมากกว่า มีกำลังใจเข้มแข็งกว่า เหมาะที่จะเป็นหัวหน้าหมู่หรือครอบครัว
เมื่อปรากฏว่าความกลัวเป็นภัยแก่ความผาสุกเช่นนี้แล้ว บัดนี้เราก็มาถึงข้อปัญหาว่าเราจะเอาชนะความกลัวได้อย่างไรสืบไป เพราะเหตุว่าการที่ทราบแต่เพียงว่าความกลัวเป็นภัยของความผาสุกนั้น เรายังได้รับผลดีจากความรู้นั้นน้อยเกินไป เราอาจปัดเป่าความกลัวออกไปเสียจากจิตโดยววิธีต่างๆ กัน แต่เมื่อจะสรุปความขึ้นเป็นหลักสำคัญๆ แล้ว อย่างน้อยเราจะได้สามประการ คือ
๑. สร้างความเชื่ออย่างเต็มที่ ในสิ่งที่ยึดเอาเป็นที่พึ่ง
๒. ส่งใจไปเสียในที่อื่น ผูกมัดไว้กับสิ่งอื่น
๓. ตัดต้นเหตุ ของความกลัวนั้นๆ เสีย
ในประการต้นอันเราอาจเห็นได้ทั่วไป คือ วิธีของเด็กๆ ที่เชื่อตะกรุดหรือเครื่องราง ฯลฯ ตลอดจนพระเครื่ององค์เล็กที่แขวนคอและเป็นวิธีของผู้ใหญ่บางคนที่มีความรู้สึกอยู่ในระดับเดียวกับเด็กด้วย
คนในสมัยอนารยะ ถือภูเขาไฟ ต้นไม้ ฟ้า หรือสิ่งที่ตนเห็นว่ามีอำนาจน่ากลัว ควรถือเอาเป็นที่มอบกายถวายตัวได้อย่างหนึ่งนี่ก็อยู่ในประเภทเดียวกัน ที่ยังเหลือมาจนทุกวันนี้ เช่น พวกที่บนบานต้นโพธิ์ พระเจดีย์ เป็นต้น เพื่อความเบาใจของตนในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง วิธีนี้ เป็นผลดีที่สุด ได้ตลอดเวลาที่ตนยังมีความเชื่อมั่นคงอยู่
ความเชื่อที่เป็นไปแรงกล้า อาจหลอกตัวเองให้เห็นสิ่งที่ควรกลัวกลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรกลัวไปก็ได้ ถ้าหากจะมีอุบายสร้างความเชื่อชนิดนั้น ให้เกิดขึ้นได้มากๆ เมื่อใดความเชื่อหมดไป หรือมีน้อย ไม่มีกำลังพอที่จะหลอกตัวเองให้กล้าหาญแล้ว วิธีนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ กลายเป็นของน่าหัวเราะเท่านั้น
ลูกนกหรือลูกแมว พอลืมตาก็กลัวเป็นแล้ว แสดงอาการหนีหรือป้องกันภัยในเมื่อเราเข้าไปใกล้ เด็กๆ จะกลัวที่มืดหรือการถูกทิ้งไว้ผู้เดียว ทั้งที่เขายังไม่เคยมีเรื่องผูกเวรกับใครไว้ อันจะนำให้กลัวไปว่าจะมีผู้ลอบทำร้าย เพียงแต่ผู้ใหญ่ชี้ไปตรงที่มืดแล้วทำท่ากลัวให้ดูสักครั้งเท่านั้น เด็กก็จะกลัวติดอยู่ในใจไปได้นาน
คนโตแล้วบางคน นั่งฟังเพื่อนกันเล่าเรื่องผีเวลากลางคืน มักจะค่อยๆ ขยับๆ จนเข้าไปนั่งอยู่กลางวงโดยไม่รู้สึกตัวและยังไปนอนกลัวในที่นอนอีกมากกว่าจะหลับไปได้
เดินผ่านป่าช้าโดยไม่รู้ เพิ่งมารู้และกลัวเอาที่บ้านก็มี
สำหรับบางคน ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องแสดงว่า ความกลัวเป็นเรื่องของจิตมากกว่าวัตถุ ผู้ใดไม่มีความรู้ในการควบคุมจิตของตนในเรื่องนี้ เขาจะถูกความกลัวกลุ้มรุมทำลายกำลังประสาทและความสดชื่นของใจเสียอย่างน่าสงสาร
ในทำนองตรงกันข้ามสำหรับผู้ที่มีอุบายข่มขี่ความกลัว ย่อมจะได้รับความผาสุกมากกว่า มีกำลังใจเข้มแข็งกว่า เหมาะที่จะเป็นหัวหน้าหมู่หรือครอบครัว
เมื่อปรากฏว่าความกลัวเป็นภัยแก่ความผาสุกเช่นนี้แล้ว บัดนี้เราก็มาถึงข้อปัญหาว่าเราจะเอาชนะความกลัวได้อย่างไรสืบไป เพราะเหตุว่าการที่ทราบแต่เพียงว่าความกลัวเป็นภัยของความผาสุกนั้น เรายังได้รับผลดีจากความรู้นั้นน้อยเกินไป เราอาจปัดเป่าความกลัวออกไปเสียจากจิตโดยววิธีต่างๆ กัน แต่เมื่อจะสรุปความขึ้นเป็นหลักสำคัญๆ แล้ว อย่างน้อยเราจะได้สามประการ คือ
๑. สร้างความเชื่ออย่างเต็มที่ ในสิ่งที่ยึดเอาเป็นที่พึ่ง
๒. ส่งใจไปเสียในที่อื่น ผูกมัดไว้กับสิ่งอื่น
๓. ตัดต้นเหตุ ของความกลัวนั้นๆ เสีย
ในประการต้นอันเราอาจเห็นได้ทั่วไป คือ วิธีของเด็กๆ ที่เชื่อตะกรุดหรือเครื่องราง ฯลฯ ตลอดจนพระเครื่ององค์เล็กที่แขวนคอและเป็นวิธีของผู้ใหญ่บางคนที่มีความรู้สึกอยู่ในระดับเดียวกับเด็กด้วย
คนในสมัยอนารยะ ถือภูเขาไฟ ต้นไม้ ฟ้า หรือสิ่งที่ตนเห็นว่ามีอำนาจน่ากลัว ควรถือเอาเป็นที่มอบกายถวายตัวได้อย่างหนึ่งนี่ก็อยู่ในประเภทเดียวกัน ที่ยังเหลือมาจนทุกวันนี้ เช่น พวกที่บนบานต้นโพธิ์ พระเจดีย์ เป็นต้น เพื่อความเบาใจของตนในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง วิธีนี้ เป็นผลดีที่สุด ได้ตลอดเวลาที่ตนยังมีความเชื่อมั่นคงอยู่
ความเชื่อที่เป็นไปแรงกล้า อาจหลอกตัวเองให้เห็นสิ่งที่ควรกลัวกลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรกลัวไปก็ได้ ถ้าหากจะมีอุบายสร้างความเชื่อชนิดนั้น ให้เกิดขึ้นได้มากๆ เมื่อใดความเชื่อหมดไป หรือมีน้อย ไม่มีกำลังพอที่จะหลอกตัวเองให้กล้าหาญแล้ว วิธีนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ กลายเป็นของน่าหัวเราะเท่านั้น
เอาชนะความกลัว
[IMG]