ดูภายนอกแล้ว "แป้ง" ก็เหมือนสาววัยใกล้ๆ 30 ทั่วไป ที่นิยมเล่น FB อัพรูปมือถือ เช็คอีเมล์ และอัพเดท twitter ตลอดเวลา แต่สิ่งที่คนรอบข้างไม่มีทางรู้เลยก็คือ ตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา เธอไม่ได้เข้าไปเช็คเฉพาะ account ตัวเอง แต่เข้าไปเช็ค account ของ "แฟนเก่า" ทุกวัน
แน่นอนว่าเธอไม่ได้เป็นคนเดียว เพราะจากผลวิจัยของมหาวิทยาลัยอีสต์แคโรไลน่าในสหรัฐอเมริกา พบว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงที่เลิกกับแฟน มักจะมีอาการนี้ ในขณะที่ผลการสำรวจของเวิอร์จิ้น มีเดียในสหราชอาณาจักร ก็สะท้อนให้เห็นว่า 28% ของผู้หญิงมักจะใช้เฟซบุ๊คเพื่อสืบราชการลับของแฟนตัวเอง
ดร. เอมม่า วอตต์ นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการคุกคามทางอินเตอร์เน็ต กล่าวว่า "จากผลการศึกษาของเราพบว่า 35% ของเหยื่อที่ถูกคุกคามเป็นผู้ชาย ซึ่งถูกกระทำจากเพศหญิง และหลายๆ ครั้ง ชื่อของแฟนเก่าก็ยังคงอยู่ในคอนแท็คลิสต์ของพวกเธอ โดยผู้หญิงที่คอยวิ่งไล่ล่าแฟนเก่าในโลกอินเตอร์เน็ตจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ ได้มีความผิดอะไร และคนที่รู้จักพวกเธอแบบทั่วๆ ไป จะไม่ได้รู้ถึงพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้พวกเธอก็ยังคงดูน่ารักน่าคบ"
อีเมล์เขา = อีเมล์เรา
"เราไม่ได้ขโมยพาสเวิร์ดเขานะ เพราะเขาเคยให้ไว้ตอนที่ฝากส่งงานให้ทางเมล์" แป้งเล่า "พอเรารู้ว่าเขามีคนใหม่ เราก็รีบไปหากระดาษที่เคยจดไว้เข้าไปหาความจริง" แป้งยอมรับว่า เธอแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนใหม่มีอะไรที่เธอไม่มี และพวกเขาแอบไปไหนกันมาบ้าง "เราเข้าไปดูรูป ไปสืบว่าผู้หญิงคนนั้นทำงานที่ไหน มีเพื่อนเป็นใครบ้าง เอาจริงๆ เลย คืออยากรู้ว่า เขามีความสุขกันมากมั้ย เขายังมีความรักเหลือให้เราบ้างรึเปล่า" แป้งสรุป
แป้งบอกว่า จุดพีคที่ทำให้เธอเสียใจและเมาแบบสุดๆ หลังจากที่แอบเช็คอีเมลแฟนเก่ามานานร่วม 4 เดือน คือ "เขาซื้อแหวนให้แฟนใหม่ในวันเกิด และผู้หญิงคนนั้นส่งอีเมล์มาเป็นการ์ดขอบคุณ ในขณะที่วันเกิดเราครั้งสุดท้ายก่อนจะเลิกกัน เราได้แค่ดอกไม้กับช็อคโกแลต"
จากความเสียใจในตอนนั้น ทำให้แป้งตัดสินใจเขียนอีเมล์จากแอคเคานท์ของแฟนเก่าด้วยถ้อยคำหยาบคายเพื่อ ระบายความอัดอั้นในใจทั้งหมดที่เธอมี โดยที่ลืมไปว่าเธอกำลังใช้แอคเคานท์ของเขาอยู่ "หลังจากนั้นเขาก็โทรมาพูดว่าเราเสียหายเลย ก่อนจะวางโทรศัพท์ และเปลี่ยนพาสเวิร์ดในที่สุด"
การล่วงละเมิดที่อยากจะตัดใจ
"การคุกคามแบบนี้เกิดขึ้นเสมอ และโซเชียลเน็ตเวิร์คก็มักจะสร้างวิธีการคุกคามใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นและรุนแรงขึ้นกว่าเดิมได้ ดร.จอหน์ เลนาซิค แห่งสถาบันเทคโนโลยีรอยัลเมลเบิร์น กล่าว ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ อีเมล์ หรือการส่งข้อความหากันทางอินเตอร์เน็ต ล้วนแต่นำไปสู่การคุกคามได้
เพราะฉะนั้นไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณกำลังทำอะไรบนโลกไซเบอร์นั้น จงรู้อยู่แก่ใจว่าพวกนักสืบออนไลน์ล้วนแต่รอเขมือบข้อมูลของคุณเพื่อเอาไป ขยายผลต่อทั้งนั้น แต่อย่าได้ตื่นตระหนกขนาดนั้น เพราะเจนนิเฟอร์ เพรอร์ี่ จาก Network for Surviving Stalking เชื่อว่า "หลายๆ คนในกลุ่มเราไม่ได้เป็นพวกไล่ล่าคุกคามแน่ๆ แต่โซเชียลเน็ตเวิร์คมักจะมีฟังก์ชั่นจูงใจให้คนค้นหาอะไรที่ตัวเองอยากรู้ ตามสัญชาตญาณของมนุษย์ แต่การที่ใครจะกลายเป็นพวกไล่ล่าข้อมูล (แบบมืออาชีพ) นั้น มันน่าจะเป็นสาเหตุเบื้อต้นของคนที่ป่วยทางจิตมากกว่า ฉันเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่มากหรอกที่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการนี้"
ไม่ว่าเหตุผลของใครจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่เราอยากให้คุณจำใส่ใจไว้ว่า "ถ้าไม่ต้องการให้ใครมารู้อะไรเกี่ยวกับด้านใดของคุณ จงอย่าเขียนมันไว้ในอินเตอร์เน็ต"
คริสทีน เวบเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความสัมพันธ์ บอกวิธีง่ายๆ ในการเลิกเสพติดเกาะติดอีเมล์แฟนเก่าควร "บล็อคแอคเคานท์" เขาซะ
ที่มา http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/309897.html
คุณเป็นพวกไล่ล่าในโลกไซเบอร์รึเปล่า
[IMG]