คุณเชื่อเรื่องลี้ลับไหม?
ห่างหายไปนานแสนนาน วันนี้ไม่ได้มาเล่าเรื่องพวกภูตผีปีศาจญี่ปุ่นอย่างเคยค่ะ แต่จะมาเล่าประสบการณ์จริงที่เพิ่งประสบมาเมื่อเช้าของวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 6 โมงครึ่งเศษๆ
เป็นความฝันยามเช้าที่แปลกประหลาด ในฝันปรากฏภาพผู้เขียนยืนอุ้มเด็กอยู่คนหนึ่ง ชื่อ “รุต” ซึ่งผู้เขียนไม่รู้จักเด็กคนนี้แม้แต่น้อย แต่ที่น่าประหลาดไปกว่านั้นค่ะ ความรู้สึกของผู้เขียน คือรู้สึกว่าผู้เขียนไม่ได้เป็นคนที่ยืนอุ้มเด็กอยู่ แต่ผู้เขียนกลายเป็นเด็กที่ถูกอุ้ม แล้วทั้งคู่อยู่ในสถานที่ที่ไม่น่าจะมีบนโลก เป็นสถานที่ที่มืดมาก แต่พอเห็นทางเดินได้ประมาณ 1 เมตร ทางเดินต่อไปจากนี้นั้น แล้วแต่วาสนา ส่วนลักษณะทางเดิน เป็นพื้นไม้กระดานแผ่นเล็กๆ เรียงต่อกันเป็นทางยาว (หากใครนึกภาพไม่ออก นึกถึงท่าเรือเล็กๆ ที่ยื่นออกไปในทะเล) แต่ดูทรุดโทรมมาก เหมือนมันพร้อมจะทะลายลงเมื่อไหร่ก็ได้
และทางเดินนั้นแบ่งออกเป็น 4 ทาง หรือก็คือ “สี่แยก” ร่างฉันและเด็กยืนอยู่กลางสี่แยกนั่น ทางด้านหน้าเป็นเหมือนทางลาด หรือบันไดทอดยาวไปในความมืด ด้านหลังก็เป็นบันไดทางขึ้น ด้านซ้ายและขวาเป็นเหมือนชานพัก เดินไปหน่อยจะเจอทางลง มุ่นหน้าไปทางเดียวกับทางด้านหน้าที่ได้กล่าวไป
บรรยากาศเงียบ มืด วังเวง ทำให้ใจรุต (หรือก็คือใจผู้เขียน) สั่นไหวด้วยความกลัว ทันใดนั้นร่างของผู้เขียน (ที่ไม่ใช่ผู้เขียน) ที่อุ้มรุตอยู่ก็ส่งเสียงถามภายในความมืดนั่น “หนูจะเลือกทางไหนดี?” เป็นประโยคคำถามที่ยากจะตอบซะเหลือเกิน ทุกทางมันดูน่ากลัวไปหมด “ไม่รู้ครับ” เด็กน้อยตอบอย่างหวาดๆ เพราะความกลัว ร่างของผู้เขียนที่อุ้มเด็กอยู่นั้นได้ก้าวขาเดินไปข้างหน้า ลงไปตามทางด้านหน้าที่ทอดยาวลงไปในความมืด และปากก็พูดไปด้วย “ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น พี่อยู่นี่ เราไปไหนต้องไปด้วยกัน โอเคไหม” ขณะที่เดินไปพูดไปมองหน้าเด็กไป ตามทางที่ก้าวมา บันไดก็ได้ทะลายลงตามมาแบบติดๆ แต่ดูผู้พูดจะไม่สนใจอะไรเลย เดินมาเรื่อยๆ จนถึงทางแยกอีกทาง คราวนี้ร่างผู้เขียนให้รุตเลือกอีกครั้ง “ทางนี้ครับ” เด็กน้อยชี้นิ้วไปทางด้านหน้า ยานพาหนะจำเป็นก็เดินลงไปตามทางที่นิ้วได้พาดไป ‘เหมือนเดิม เหมือนเดิมเลย’ เด็กน้อยคิดในใจเมื่อสายตามองเห็นทางด้านหลังที่ทะลายหายไปต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง เมื่อเด็กน้อยรู้สึกถึงความหยุดนิ่ง เขาหันกลับมาด้านหน้า ‘อีกแล้ว?!’ เด็กน้อยตะโกนในใจ เขาเห็นสี่แยกอีกครั้ง ความกลัวเกาะกลุมในจิตใจ ทั้งกลัวว่าเมื่อไหร่จะออกจากที่นี่ ทางไหนคือทางออก คนที่อุ้มเราอยู่คนนี้เป็นใคร รุตคิดสารพัด “ไปทางไหนดีจ๊ะ” ประโยคคำถามที่คุ้นเคยก็ดังแทรกผ่านความเงียบ “ทางนี้ครับ” รุตชี้มือไปทางด้านหน้าอีกครั้ง ยานพาหนะก็เดินตามอีกเช่นเคย แต่คราวนี้เดินเร็วกว่าเดิม เหมือนต้องการให้ถึงที่หมายไวๆ เด็กน้อยในอ้อมแขนก็ลุ้นอย่างใจระทึกว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร เมื่อพาหนะหยุด เป็นการบ่งบอกว่าถึงปลายทาง ภาพที่เด็กเห็นก็คือสี่แยกอีกจุด แต่คราวนี้แตกต่างออกไปจาก 3 สี่แยกที่ผ่านมา คือทางด้านซ้าย มีแสงสว่าง เหมือนแสงจากด้านนอกส่องเข้ามา ส่วนอีก 2 ทางก็มืดอย่างเคย “ไปทางไหนดีจ๊ะ” มีประโยคคำถามดังขึ้นมาจากผู้ที่อุ้มอีกเช่นเคย รุตหันไปมองหน้าผู้ถาม คราวนี้ผู้ถามยิ้มกว้างกว่าทุกที รุตรู้สึกกลัว ใจคอไม่ดี ‘เขายิ้มแบบนั้นหมายความว่ายังไง น่ากลัว’ รุตคิดในใจ ระหว่างที่เด็กน้อยกำลังคิดอย่างรีบร้อนว่าจะเลือกทางที่มีแสง หรือทางไหนดีนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาก “กึกๆ!!!” รุตตกใจและรีบหันไปหาทางต้นเสียงนั่นทันที คือทางที่มีแสง...
แล้วผู้เขียนก็ตื่นขึ้น ลืมตาขึ้นมาอยู่ในห้องนอน ที่มีประตูไม้ที่ตัดช่องเป็นกระจก 6 ช่อง (ประมาณรูปค่ะ แต่กว้างกว่า)
และมีม่านสีครีมปิดไว้พอเห็นแสงจากภายนอกส่องเข้ามา เห็นเงาลางๆ อยู่ที่ประตูแล้วก็ค่อยๆ หายไปทางห้องเล็กที่ไว้พระพุทธรูป (ผู้เขียนอยู่กับแม่ 2 คน ถ้าออกจากห้องนอน เดินตรงไปจะเป็นทางลงบันไดไปข้างล่าง ทางขวาเป็นห้องเล็กที่ไว้พระพุทธรูป) ผู้เขียนก็คิดในใจ ‘แม่มาปลุกหรอ’ เพราะตอนนั้นเวลา 6 โมงครึ่งกว่าๆ ซึ่งแม่ตื่นก่อนแล้ว แต่ที่แปลกใจก็คือ ปกติแม่จะเปิดประตูเข้ามาแล้วบอกว่า “ตื่นได้แล้ว” แต่ทำไมวันนี้มาเคาะกระจก ก็ลุกขึ้นมานั่งมึนๆ สักพัก ก็ลงไปข้างล่าง เห็นแม่กำลังอุ่นกับข้าวในครัว ด้วยความสงสัยละคนกลัว ก็เลยถามแม่เบาๆ “แม่ เมื่อกี้แม่ไปเคาะประตูห้องหรอ?” แม่ก็ทำหน้างงๆ แล้วบอกว่า “เปล่า” ชัดเลย ทุกความคิดก็ประดังเข้ามาในหัว ทั้งภาพความฝัน ทั้งเรื่องราวลี้ลับที่เคยได้ยิน ทั้งความเชื่อเก่าแก่ต่างๆ ที่เคยรู้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีเวลามานั่งคิด ต้องอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน ระหว่างทำกิจวัต ในหัวก็มีแต่เรื่องพวกนี้วนไปวนมา แล้วไปสะดุดกับเรื่องๆ หนึ่ง ความเชื่อของคนญี่ปุ่น
ความเชื่อที่ว่า - ถ้าผ่านสี่แยกและเจอกับเรื่องเดิมๆ 4 ครั้ง จะไปสู่อีกโลกหนึ่ง โลกวิญญาณ หรือโลกหลังความตาย -
หลังจากนั้นก็คิดทบทวน ‘เราเจอสี่แยกมาทั้งหมด 4 ครั้งพอดี แต่ทางล่าสุดเรายังไม่ได้เดินไป เราถูกปลุกเสียก่อน หรือว่าพระท่าน ไม่ก็คุณพ่อ (ที่เสียไปแล้ว) จะเป็นผู้ช่วยเหลือเรา ถ้าไม่ได้ท่าน เราจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ อาจจะโดนวิญญาณตนนั้นพาไปด้วย หรือเราอาจจะไหลตายไปแล้วก็ได้ คิดแล้วก็กราบขอบพระคุณ ถ้าไม่ได้ท่านคงแย่ไปแล้ว แต่ถึงแม้มันอาจจะเป็นเพียงความฝัน แต่ถ้าให้ฝันอีกก็ไม่เอาแล้วค่ะ
ย้ำว่ามาจากประสบการณ์จริงนะคะ ปกติเป็นคนไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ไม่ลบหลู่ค่ะ ฟังหูไว้หูก็ไม่เสียหายอะไร
ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
ติดตามอ่านตำนานผีปีศาจญี่ปุ่นได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ
Link : https://2th.me/@52391/collection/420
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านกันนะคะ ขอบคุณค่ะ
Credit ภาพ
- https://www.tripgether.com
- https://www.edtguide.com
[IMG]