คันหูไม่รู้เป็นอะไร เอาสำลีมาปั่นก็ไม่หาย ... เอาทุเรียนมาปั่นก็ไม่หาย ... เอาเสาไฟมาปั่นก็ไม่หาย ... สรุปแล้วเอาอะไรมาปั่นก็ไม่หายหรอกค่ะ คันหูก็ต้องใช้ "ไม้แคะหู" ช่วยเกาสิ ถึงจะหายคัน
"ไม้แคะหู" เป็นตัวช่วยที่ดีเลยทีเดียวเวลาที่เราเกิดคันหูขึ้นมา หลายคนบอกว่ายิ่งเกายิ่งมัน ยิ่งคันก็ยิ่งเกา เกา เกา เกา กันใหญ่เลยทีเดียว แต่เดี๋ยวก่อนนะคะ ก่อนที่จะเกากันมันมากไปกว่านี้ ทราบหรือเปล่าคะว่าพฤติกรรมแบบนี้นั้นเป็นที่มาของความผิดปกติในหู ซึ่งอาจก่อนให้เกิดเป็นโรคร้ายเรื้อรังได้เลยทีเดียวล่ะค่ะ
เมื่อเรารู้สึกว่ามีอาการคันบริเวณด้านในหู การที่เราใช้ไม้แคะหูเข้าไปเกาในท่อหูอ่อนๆ แต่ละครั้งจะทำให้เกิดรอยแผลเล็กๆ ขึ้นมากมายโดยเราไม่รู้ตัว และรอยแผลเล็กๆ ที่เกิดจากการเกานั้น อาจทำให้เรารู้สึกเจ็บและคันมากขึ้น หรือบางทีอาจจะมีอาการหูอื้อเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย และพฤติกรรมนี้เองที่ส่งผลต่อเส้นประสาทซึ่งมีผลต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ ในร่างกาย เพราะด้วยความที่หูเป็นอวัยวะที่ซับซ้อนและไม่ได้มีประโยชน์แค่ใช้รับฟังเสียงต่างๆ เท่านั้น แต่ช่วยในการทรงตัวให้เรายืนอยู่ติดพื้นได้ ถ้าเกิดเราใช้ไม้แคะหูเกาจน “หูพัง” หรือ “หูดับ” เนื่องจากเส้นประสาทถูกกระทบกระเทือน ขึ้นมาก็จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติในด้านการเดินและการทรงตัวได้ค่ะ
เมื่อหูเป็นอวัยวะที่บอบบางขนาดนี้ ดังนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญกับการดูแลหูเป็นพิเศษ อย่างเวลาที่เกิดอาการคันหู หรือมีอาการหูอื้อ วิธีที่ถูกต้องที่เราควรทำก็คือ หาสาเหตุที่แท้จริงว่า อาการผิดปกติในหูของเรานั้นเกิดขึ้นอาจจากอะไร ...
แคะหูบ่อยเกินไป โดยในการแคะหูนั้นส่วนใหญ่จะใช้แม้แคะหูเป็นตัวช่วยเมื่อเกิดอาการคันหู แต่ถ้าหากหาไม้แคะหูไม่ได้บางคนก็จะใช้ของใกล้ตัวอย่าง เส้นผม หรือ ไม้จิ้มฟัน ในการช่วยเกาหูแทน ขอบอกเลยนะคะว่าพฤติกรรมนี้เป็นที่มาของอาการ "หูป่วย" ในลำดับแรกเลยล่ะค่ะ โดยผลกระทบที่ได้รับนั้นสามารถทำให้เกิดอาการผิดปกติได้ตั้งแต่รูหูอักเสบไปจนถึงแก้วหูทะลุหนองทะลักเลยทีเดียวล่ะคะ!!!
ฟังดูแล้วน่ากลัวไม่ใช่น้อยเลยนะคะ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดที่เราควรทำก็คือ เราไม่ควรแคะหูบ่อยจนเกินไป โดยเฉพาะเวลาที่เราอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ หูเรายังเปียกอยู่ เราไม่ควรรีบแคะหูในทันทีเพราะอาจทำให้ง่ายต่อการเกิดบาดแผล และถ้ารู้สึกว่ามีอาการเจ็บๆ คันๆ ก็อาจต้องให้คุณหมอช่วยส่องกล้องดูสักนิด เพราะอาจมีเชื้อราแพร่พันธุ์อยู่ก็ได้ค่ะ
หูได้รับความกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุต่างๆ เช่น จากการตกตึก , รถชน , ถูกสัมผัสบ้องหูด้วยหลังมือ อุบัติเหตุเหล่านี้ย่อมจะส่งผลถึงหูของเราอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีอุบัติเหตุอีกชนิดที่เราอาจคาดไม่ถึง นั้นคือ อุบัติเหตุจาก เสียง” นั่นเองค่ะ โดยเสียงที่ดังเกิน 70 เดซิเบล จะเริ่มทำลายการได้ยินของหูของเรา และถ้าดังมากเกิน 100 เดซิเบลจะทำลายประสาทหูชั้นในจนทำให้หูดับอย่างถาวรได้เลยทีเดียวล่ะค่ะ ส่วนการใช้หูฟังก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะหูฟังชนิดเสียบเข้าไปลึกถึงด้านในหู ยิ่งบวกกับการเปิดเพลงเสียงดังๆ แล้วล่ะก็ ยิ่งเสียงต่อการหูดับได้ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ ... ใครที่รู้ตัวว่ามีพฤติกรรมแบบนี้ในหนึ่งวันควรหาเวลาพักหูบ้างนะคะ
ว่ายน้ำบ่อยๆ เป็นเวลานานๆ ติดต่อกัน ผู้ที่แคะหูหลังว่ายน้ำบ่อยๆ จะมีอาการ "หูแฉะ" ซึ่งอาการนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้หูของเราเปื่อยโดยเฉพาะท่อหูส่วนนอก
สำหรับอาการนี้นักว่ายน้ำเป็นกันมาก โดยมันเรียกอาการนึ้ว่า “หูส่วนนอกอักเสบ (External Otitis)” ซึ่งในต่างประเทศได้ตั้งชื่อให้โรคนี้ว่าเป็นโรคหูนักว่ายน้ำ(Swimmer’s ear) อาการที่ว่าอาจเป็นในคนที่เพิ่งว่ายน้ำใหม่ๆ ก็ได้นะคะ โดยเกิดจากการที่หูเปียกแล้วในมือหรือไม้แคะเข้าไปเกา ทำให้หูที่มีอาการเปื่อยจากการโดนน้ำนั้น อาจเกิดแผลติดเชื้อได้
เป็นภูมิแพ้รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ในคนที่เป็นภูมิแพ้ และมีอาการคันบริเวณ จมูก ลูกตา และหูนั้น สามารถควบคุมอาการดังกล่าวได้ด้วยการออกกำลังกาย (อย่างสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง) ควบคู่ไปกับการกินอาหารต้านแพ้ วิธีนี้จะช่วยจัดการกับปัญหาภูมิแพ้ได้ดีทีเดียวค่ะ
Tip : การกินอาหารที่สามารถต้านภูมิแพ้สามารถทำได้โดย การกินอาหารที่ต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี โดยวิตามินซีจะอยู่ในอาหารประเภทเปรี้ยว, ฝาด คือ ผัก ผลไม้ที่สดๆ อนุมูลอิสระอีกกลุ่มหนึ่ง คือ วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ซึ่งอยู่ในผักผลไม้ที่มีสีเขียวจัด, สีเหลือง, สีแดง, สีม่วง, แครอทมีเบต้าแคโรทีน แต่มีไม่มาก แครอท 100 กรัม มีวิตามินเออยู่ 1,144 อินเตอร์เนชั่นแนลยูนิต แต่ผักที่มีเบต้าแคโรทีนมาก คือ ผักเหลียง, ผักปรัง, ผักขี้เหล็ก 100 กรัม มีวิตามินเอ 43,333 อินเตอร์เนชั่นแนลยูนิต มากกว่าแครอท 40 เท่า วิตามินอีกตัวที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ คือวิตามินอี ซึ่งมีอยู่ในเมล็ดธัญพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน,เมล็ดฟักทอง,จมูกข้าว ฉะนั้นควรกินข้าวกล้องจะมีจมูกข้าวมาก คนที่เป็นภูมิแพ้ถ้าอยากหายควรกินข้าวกล้อง น้ำผลไม้สดวันละ 2 แก้วนะคะ ^^
ยาบางประเภทมีผลต่อประสาทหู ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้หูของเรามีความผิดปกติ เช่น ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อกลุ่มแบคทีเรียทางเดินปัสสาวะและทางเดินอาหาร หรืออย่างยาฆ่าเชื้อวัณโรค "สเตร็ปโตมัยซิน" ยาชนิดนี้เมื่อฉีดแล้วก็อาจส่งผลทำให้ประสาทหูเสียได้ ในบางรายมีเสียงวิ้งๆหึ่งๆ น่ารำคาญเหมือนมีวงดนตรีมาบรรเลงเพลงอยู่ในหัวตลอดเวลา หลายคนที่มีอาการนี้จะมีอาการเครียดเป็นอาการแทรกซ้อนเข้ามาด้วย ถึงแม้จะหยุดใช้บาไปแล้วแต่อาการก็ยังไม่หาย เนื่องจากประสาทหูเสียอย่างถาวรไปแล้ว ดังนั้นถ้าหากมีความจำเป็นต้องใช้ยาจริงๆ ควรอยู่ในการควบคุมอย่างแพทย์ และเราต้องสอบถามถึงผลข้างเคียงของการใช้ยาดังกล่าวอย่างละเอียด้วย
รู้แบบนี้แล้ว ครั้งต่อไปถ้ามีอาการคันหูเกิดขึ้น เราคงต้องระวังให้มากแล้วล่ะค่ะ ขืนเกาเอามันอย่างเดียวมีหวังหูพังก่อนเวลาอันควรแน่ๆ เลยล่ะค่ะ
เครดิต :: http://www.dek-d.com/
♥ คันหู !! รู้ไหมเป็นอะไร ???????
私はあなたをとても愛して。
今から私達のちょうど2つ並んで存在します
\(^ O^)//それを愛する。
今から私達のちょうど2つ並んで存在します
\(^ O^)//それを愛する。
[IMG]
[IMG]