ชูแอพพลิเคชั่นสายพันธุ์ไทย “Monolive” ผลงานพัฒนาโดยโมโน เทคโนโลยี ท้าชนแอพฯ ดังยอดนิยม “WhatsApp” พร้อมลุยตลาดต่างประเทศ เปิดตัวได้ 1 เดือน มียอดดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแล้วเกือบ 2 แสนคน…
นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (ซีเอ็มโอ)บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ แอพพลิเคชั่นบนมือถือ กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับสมาร์ทโฟนที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ในเขตกทม.และหัวเมืองใหญ่ๆ มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนกว่า 50.4% โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีการถือครองสมาร์ทโฟนจะเป็นนักเรียน,นักศึกษาและคนวัยทำงาน โดยในปี 54 ที่ผ่านมา ตลาดสมาร์ทโฟนมีมูลค่าประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท ขยายตัว 30-40% ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตลาดแอพพลิเคชั่นเองมีอัตราเติบโตควบคู่กันไป ด้วยตัวเลขที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ซีเอ็มโอ โมโน เทคโนโลยี กล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทเราได้ผลิตแอพพลิเคชั่นต่างๆ ออกมารองรับระบบโทรศัพท์ที่เป็นสมาร์ทโฟน อาทิ “Horolive” แอพเพื่อการทำนายดวงชะตาหรือดูดวง ที่มีหมอชื่อดัง อาทิ หมออ้าย หมอคฑา ซึ่งจะสร้างความสะดวกสบายในการดูดวงให้กับผู้ต้องการ ซึ่งเหมาะกับคนไทยเป็นอย่างมาก ด้วยค่าบริการเพียง 30 บาท / เดือน “Mthai” เป็นแอพที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการอัพเดทข่าวสารในทุกวงการ “Bat jumper” เป็นแอพเกมที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย และสามารถฝึกสมองในขณะเล่นเกมได้ด้วย และเกมน้องใหม่ “Tap the Bird” ที่เป็นเกมเกี่ยวกับศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่จะสามารถช่วยเสริมทักษะด้านภาษาได้อีกด้วย โดยทั้งหมดได้รับฟีดแบ็คอย่างดีเยี่ยม
นายนวมินทร์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดกับ “Monolive” แอพพลิเคชั่นที่ทีมงานตั้งใจพัฒนาขึ้น เพื่อเป็นโปรแกรมการแชทของคนไทยในระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน โปรแกรมนี้ผู้ใช้จะสามารถพูดคุย สื่อสาร ส่งข้อความฟรี ล่าสุดมียอดการดาวน์โหลด และลงทะเบียนใช้งานกว่า 200,000 คน หลังเปิดตัวเพียง 4 สัปดาห์ และยังมียอดดาวน์โหลดขึ้นเป็นอันดับ 1 ในขณะนี้ โดยความพิเศษของ “Monolive” คือจะเป็นแอพที่รวบเอาข้อดีของทุกแอพแชทมาอยู่ที่จุดเดียว ไม่ว่าจะเป็นของ WhatApp Line หรือ BBM อาทิ บัดดี้สเตตัส การส่งไฟล์วีดีโอและเสียงพูด จึงทำให้ขณะนี้มีสมาชิกแล้วกว่า 200,000 คน และคาดว่าจะมีถึง 2, 000,000 คนภายในปีนี้ ทั้งนี้เราได้เตรียมพร้อมระบบเพื่อรองรับให้ผู้ใช้งานทั้งสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการไอโอเอส และ แอนดรอนได้ทั่วโลก โดยจะเน้นตลาดที่บริษัทมีสาขาอยู่แล้ว เช่น อินโดนีเซีย เกาหลี และในประเทศที่เรากำลังจะเปิดสาขาในอนาคต ได้แก่ เวียดนามและรัสเซีย
ซีเอ็มโอ โมโน เทคโนโลยี กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการลงทุนอาจจะไม่ได้ลงในตัวเลขมากนัก แต่ก็เตรียมพร้อมที่จะลงทุนในระบบเพื่อรองรับกับผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล และคงต้องเน้นเรื่องของการพัฒนาฟีเจอร์และฟังก์ชั่นให้ดียิ่งๆขึ้นไป และก็ต้องแข่งกับเจ้าของแอพพลิเคชั่นที่มีอยู่ทั่วโลกเช่นกัน ฉะนั้นสิ่งที่จะวัดความสำร็จได้ คือ การสร้างแอพให้โดดเด่นถูกใจผู้บริโภคให้มากที่สุด ทั้งนี้ด้วยการที่กลุ่มโมโนกรุ๊ปถือเป็นผู้ให้บริการคอนเทนต์บนมือถือเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย อีกทั้งยังมีศักยภาพในการผลิตและพัฒนาคอนเทนต์ในทุกรูปแบบ จึงมองว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจอยู่อีกมาก ในการที่จะขยายตลาดด้านนี้ให้กว้างขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
ขอขอบคุณ ข่าวไอที