วันนี้ว่างก็เลยมาอัพให้อีกเรื่องค่ะ
รอบนี้มาในแนวเรื่องเล่าสยองขวัญค่ะ ส่วนมากคงจะรู้กันมาบ้างแล้ว ไงก็ขอโทษด้วยนะคะ
มาเริ่มกันเลยนะคะ...
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่ยาวนาน และมีสถานที่เก่าแก่มากมายและสถานที่จำนวนหนึ่งก็เป็นสถานที่ที่น่ากลัว สยองขวัญสั่นประสาทและเรื่องเล่าลื่อว่า “ผีดุ”แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลงหรอกนะ กลับกันมันมากขึ้นด้วยซ้ำ มันกลายเป็นสถานที่ที่หลายคนอยากลองไปสักครั้งในชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่า “ผีมีจริงหรือ ?”
Credit : Dek-D
หวังว่าคงจะถูกใจกันบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอบคุณนะคะที่ติดตาม
รอบนี้มาในแนวเรื่องเล่าสยองขวัญค่ะ ส่วนมากคงจะรู้กันมาบ้างแล้ว ไงก็ขอโทษด้วยนะคะ
มาเริ่มกันเลยนะคะ...
ว่าด้วยเรื่องผีของญี่ปุ่น
อันนี้ข้อนข้างที่จะยาวไปหน่อยขอลงลิ้งเลยละกันนะคะ เพราะมันก็อปมาวางไม่ได้ด้วยน่ะค่ะจะให้พิมพ์หมดก็คงไม่ไหวค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ^^”
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=556917&chapter=39-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5 สถานที่ผีดุที่สุดในญี่ปุ่น
5 สถานที่ผีดุที่สุดในญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่ยาวนาน และมีสถานที่เก่าแก่มากมายและสถานที่จำนวนหนึ่งก็เป็นสถานที่ที่น่ากลัว สยองขวัญสั่นประสาทและเรื่องเล่าลื่อว่า “ผีดุ”แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลงหรอกนะ กลับกันมันมากขึ้นด้วยซ้ำ มันกลายเป็นสถานที่ที่หลายคนอยากลองไปสักครั้งในชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่า “ผีมีจริงหรือ ?”
No.5 ปราสาทฮิเมจิ
จากนั้นเป็นต้นมาโอกิกุก็กลายเป็นผีนับจานหรือ ซะระยะชิกิ 「さらやしき」 มันเริ่มขึ้นสมัยเอโดะ ค.ศ. 1590วันดีคืนดีจะมีเสียงโหยหวนออกมาจากบ่อน้ำบ่อหนึ่งหน้าปราสาท โดยเสียงนั้นเป็นเสียง“นับจาน” ใบที่ 1 ถึงใบที่ 9 จากนั้นก็ร้องไห้หัวใจสลายหรือมีดวงไฟวิญญาณพวยพุ่งออกมาจากบ่อน้ำยามค่ำคืน นอกจากนี้ ยังอ้างถึงบ่อน้ำผีสิงอีกแห่งคือ บ่อน้ำของสวนในสถานทูตประเทศแคนาดาที่กรุงโตเกียว ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินของตระกูลอะโอยะมะ และยังมีเรื่องผีๆ ในปราสาทแห่งนี้อีก เช่นศาลเจ้าโฮะซะตะเบะชินโต ที่ตั้งอยู่บนสุดของญี่ปุ่น ว่ากันว่าเป็นที่สิงสู่วิญญาณของมิยะโมะโตะ มุซาชิ หรือถ้าใครอยู่ภายในปราสาทประมาณ 4 โมงถ้าไม่กลับออกมาจากปราสาทภายในเวลา 2 ชั้วโมงจะหลงทางอยู่ในปราสาทนั้น
No.4 โอะซาระ
โอซาระเป็นอดีตภูเขาไฟในเขต อะโอะโมะริ ซึ่งถูกค้นพบในศตวรรษที่ 16 เป็นภูเขาหินที่ไม่พบสิ่งมีชีวิตเนื่องจากบริเวณแถบนั้นเต็มไปด้วย Sulfur Dioxide (ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซน์)หรือก๊าซไข่เน่า ที่ออกมาจากทะเลสาบโดยรอบ ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าเป็น “ดินแดนแห่งโลกวิญญาณเชื่อต่อกับโลกมนุษย์”
No.3 ฮะชิมะ
เกาะแห่งนี้ต้องเดินทางด้วยเรือจากฝั่งทะเลของเมืองนางาซากิ ออกไปประมาณ 15กิโลเมตร บนทะเลจีนตะวันออก จะพบเมืองเล็กๆ ที่ดูทันสมัยกลางทะเลแต่ถ้าเกิดมองลึกๆ จะพบว่า “มันร้าง” อย่างน่ากลัว และได้รับการโจษจันว่า “ผีดุ”
ความเป็นมาดั้งเดิมของเกาะนี้ แต่เดิมเมืองนี้ชื่อ くんかんじあ (Gunkanjia) หรือ BattleshipIsland เกิดขึ้นในยุคอุตสาหกรรมถ่านหินเฟื่องฟู ค.ศ. 1887 ก่อสร้างโดยบริษัทมิซุบิชิ 「みつびし」 (Mitsubishi) ซึ่งใช้เป็นที่พักในลักษณะเมืองขนาดเล็กมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานจำนวนมาก มีทั้งอพาร์ทเม้นท์ โรงเรียนประถมสนามเด็กเล่น โรงภาพยนตร์ บาร์ โรงพยาบาล แต่ทว่า...ในยุค60 อุตสาหกรรมถ่านหินในญี่ปุ่นค่อยๆ ทยอยปิดตัวลงเนื่องจากถ่านหินหมดความนิยมจากการใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิง...จนกระทั่งปิดตัวลงถาวรในปี1974...ทุกวันนี้เหลือเพียงแต่เศษซากของความรุ่งเรืองทิ้งไว้ให้ระลึกถึงอดีตเท่านั้นในเวลากลางวันสถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สนใจที่อยากจะสัมผัสบรรยากาศสมัยก่อนที่หลอนนิดๆ ขนาดตอนกลางวันยังดูหดหู่น่ากลัว ตอนกลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึง น่ากลัวยิ่งกว่าหลายเท่าโดยเฉพาะในช่วงมรสุมหรือพายุเข้าชาวประมงมักเห็นแสงไฟจำนวนหนึ่งลอยละล่องวนเวียนอยู่เหนือตึกสูง ทั้งๆที่ไม่มีไฟฟ้า และได้ยินเสียงน่ากลัวดังเหมือนกับโหยหาใครซักคนไปอยู่ด้วย!!!...นอกจากนี้สถานที่นี้เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Battle Royale” และทีมงานก็ได้เจอสิ่งผิดปกติในกองถ่ายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น “มีคนอื่นที่ไม่ใช่ทีมงานถูกถ่ายติดเข้ามาในฉาก”หรือไม่ก็ “ฟิล์มเสียทั้งๆ ที่เพิ่งใช้งาน” หรือแม้แต่ “นักแสดงบางคนถูกผีสิง!!!”
No.2 อะโคคิกะฮะระ
มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า“จูไค” ซึ่งคนญี่ปุ่นเรียกขานว่า “ป่าฆ่าตัวตาย”สถานที่แห่งนี้อยู่บริเวณตีนภูเขาไฟฟูจิ มีพื้นที่ประมาณ 3000 เอเคอร์ ซึ่งเป็นจุดชมความงามของภูเขาฟูจิแต่ขณะเดียวกัน...ก็เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับคนที่คิด “ฆ่าตัวตาย” ด้วยเช่นกันโดยสถิติพบว่า สถานที่แห่งนี้มีคนมาฆ่าตัวตายเป็นอันดับ 2ของโลก!!! [อันดับหนึ่งคือสะพานโกลเด้นเกต (Golden Gate) ] เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ตัวเลขอยู่ที่ 2645 คน ซึ่งทำลายสถิติของปีที่แล้ว คือ 2305 คน โดยจุดบริเวณที่คนชอบไปฆ่าตัวตายที่สุด คือจุดที่เรียกว่า “ทะเลป่า”โดยล่าสุด ชายคนหนึ่งวัย 46 ปีซึ่งถูกปลดออกจากงานที่โรงงานเหล็กแห่งหนึ่งและคิดว่า ‘อนาคตที่เหลือนั้นมืดมน’เนื่องจากขาดเงินและตกอยู่ในสภาพหนี้ท่วมรวมถึงไร้ที่อยู่เพราะโดนไล่ที่ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยเขาได้ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวมุ่งหน้าไปยังป่าแห่งนี้เมื่อไปถึงเขาก็เชือดข้อมือตนเอง แต่แผลไม่ลึกพอที่จะทำให้สิ้นใจในทันทีและต้องอยู่ในป่าลึกหลายวันในสภาพที่ร่างกายขาดอาหาร น้ำ และเนื้อเยื่อถูกทำลายเพราะอากาศเย็นจัดสภาพที่เกิดขึ้นทำให้เขาอาจต้องเสียนิ้วเท้าขวาแต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต เนื่องจากมีคนมาพบเสียก่อน
และทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงนิยมมาฆ่าตัวตายหรอ?...ก็เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากนิยายเรื่อง “คุโรอิ จูไค” 「くろい じゅかい」 ‘คุโรอิ หรือ คุโรย แปลว่า สีดำค่ะ’ รวมไปถึงภาพยนตร์เรื่อง“คิโนะอุมิ” 「きのうみ」 ที่นำเสนอเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งได้ฆ่าตัวตายในป่าแห่งนี้ซึ่งปัจจุบัน แห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว กีฬากลางแจ้ง ท่องป่า ตั้งแคมป์ซึ่งเวลาใครจะเดินทางมาที่นี่ อาจจะจ๊ะเอ๋!!!กับศพคนฆ่าตัวตายหรือวิญญาณร้ายก็ได้
No.1 โรงเรียน
โรงเรียนของญี่ปุ่นคือ สถานที่ที่ชาวไทยอย่างเราๆ อยากไปสักครั้งในชีวิตก็เพราะเวลาเราอ่านมังงะหรือดูอนิเมแนวไหนๆ ก็ต้องมีโรงเรียนให้เห็นทุกครั้งจึงอยากสัมผัสว่าโรงเรียนญี่ปุ่นจะเป็นยังไง? และแน่นอนทุกโรงเรียนของญี่ปุ่นมักจะมีเรื่องสยองประจำโรงเรียนที่เล่าต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นและที่น่าแปลกคือ ทุกโรงเรียนจะมี “เรื่องเล่าสยองขวัญ 7 เรื่อง” และแต่ละเรื่องของแต่ละโรงเรียนแทบเหมือนกันหมดอย่างอัศจรรย์
7สิ่งสยองขวัญในโรงเรียนเป็นตำนานที่ช่วยเสริมบรรยากาศในโรงเรียนให้ชวนหลอนบวกกับสถานที่ที่ใช้งานมายาวนานและบรรยากาศ ยิ่งส่งผลให้ 7เรื่องสยองขวัญในโรงเรียนกลายเป็นเรื่องที่หลายๆคนอยากพิสูจน์ว่ามันเป็นจริงหรือเปล่า? โดย 7เรื่องสยองในโรงเรียนที่ว่าก็มี “ต้นคาเมลเลียสีเลือด” ที่ว่ากันว่าต้นไม้อายุ 100 ปี จะมีผีสิงอยู่ ; “ผีลู่ว่ายที่ 4” ที่มีเด็กชายที่ตายในขณะว่ายน้ำในวิชาพละที่ลู่ว่ายที่ 4 (แต่บางตำราก็บอกว่า...เด็กคนนี้กำลังจะไปแข่งว่ายน้ำแต่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตก่อนไปแข่ง) ; “รูปปั้น นิโนะมิยะคินจิโยะ เดินได้” ; “บันได 13 ขั้น”ที่คอยจับเด็กที่พลาดเหยียบขั้นที่ 13ลงไปยังโลกแห่งความตายพร้อมกับตน ; “ฮะนะโกะประจำห้องน้ำ”(ดูๆแล้วเหมือน เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ ยังไงไม่รู้แฮะ 555+) ; “ผีในห้องน้ำห้องที่ 2” (หรือยูมิโกะซังนั่นเองค่ะ)อยู่ๆก็มีมือโผล่ขึ้นมาที่ส้วมและลากเหยื่อลงไปบี้แบนที่คอห่านตายอนาถ ; “สนามรบในสนาม” โรงเรียนที่วิญญาณซามุไรญี่ปุ่นโบราณยังทำการสู้รบอยู่ตลอดเวลา; “ซาโตรุคุง” ; ฯลฯ
โดยเฉพาะเรื่องฮะนะโกะ นั่นเป็นเรื่องที่เด็กญี่ปุ่นนิยมท้าพิสูจน์มากที่สุด
โดยเฉพาะเรื่องฮะนะโกะ นั่นเป็นเรื่องที่เด็กญี่ปุ่นนิยมท้าพิสูจน์มากที่สุด
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Credit : Dek-D
หวังว่าคงจะถูกใจกันบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอบคุณนะคะที่ติดตาม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kil159357 เมื่อ 2012-4-11 17:41
ตำนานผีญี่ปุ่น (9)
[IMG]