เย้.....อีก 1 Ep ก็จะ 20 แล้ว
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะค้าาาาาาา
เห็นมีคนบอกว่าอยากได้ผีสาวมั่ง รอบนี้ก็เลยพยายามหาสุดชีวิตเลยละ
หายากมาก กว่าจะได้แต่ละตัว
ถ้าอยากอ่านตัวไหนก็โพสบอกกันก็ได้น้า
แล้วถ้าว่างเมื่อไหร่จะหามาลงให้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเอาตัวไหนแล้วละ หาไม่เจอเลย
ก็ต้องขออภัยด้วยนะค่ะที่หามาได้แค่นี้
เรามาต่อกันเลยเนอะ เสียเวลา เหอะๆ....
ปล. อันนี้คนโพสเคยเจอแล้วละจ้า แต่เราไม่ได้เป็นคนขี้กังวลหรือว่าจิตอ่อนเลยน้าแต่เราเป็นพวกที่เห็นของพวกนี้จนชินแล้วน่ะ...เหอะๆ แบบว่าเพื่อนเราเห็นว่าเขาอยู่ที่แถวไหล่เรา...แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนเราก็เผ่นไปแล้วละ พอหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าตัวนี้ก็หายไปเพื่อนก็เลยมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น...เราถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่เลยละ ไม่รู้ซินะ เราว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเราไปแล้วน่ะ เหอะๆ...
Credit : Dek-D
ฉบับหน้าคงจะไม่เกินวันนี้ถ้าไม่ยุ่งน่ะนะ
ไงก็จะพยายามให้ถึงให้ได้เล๊ย
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดน้า
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะค้าาาาาาา
เห็นมีคนบอกว่าอยากได้ผีสาวมั่ง รอบนี้ก็เลยพยายามหาสุดชีวิตเลยละ
หายากมาก กว่าจะได้แต่ละตัว
ถ้าอยากอ่านตัวไหนก็โพสบอกกันก็ได้น้า
แล้วถ้าว่างเมื่อไหร่จะหามาลงให้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเอาตัวไหนแล้วละ หาไม่เจอเลย
ก็ต้องขออภัยด้วยนะค่ะที่หามาได้แค่นี้
เรามาต่อกันเลยเนอะ เสียเวลา เหอะๆ....
「ものはな」 (Monohana) โมะโนะฮานะ หรือ ปีศาจปลาทอง
ปีศาจตนนี้ เป็นปีศาจที่เกิดจากความแค้นของหญิงสาวนามว่า “โมะโนะฮานะ”โมะโนะฮานะ เธอกลายเป็นปีศาจด้วยเหตุว่าเธอถูกฆ่าตายด้วยการถูกจับหัวกดน้ำจนขาดอากาศหายใจ และที่ที่เธอถูกฆ่าคือ“อ่างปลาทอง” ของเธอเอง ด้วยความแค้นของวิญญาณโมะโนะฮานะเธอเลยไปชิงร่างปลาทองที่เธอเลี้ยง จนกลายเป็น “ปีศาจปลาทอง”ไปล้างแค้นกับผู้ที่ฆ่าเธอ คือ “มิโนบุนตะ”เขาเล่ากันว่า...ถึงโมะโนะฮานะจะสังหารเจ้ามิโนบุนตะลงได้ก็จริงแต่ด้วยเธอกลายเป็นวิญญาณแค้นยิ่งรวมร่างกับปลาทองจนกลายเป็นปีศาจจึงมีพลังของภูติแรงกล้าเธอจึงไม่ลดละ ยังคงตามแก้แค้นกับลูกหลานตระกูลของชายที่ฆ่าเธอ เท่ากับว่าเธอเป็นปีศาจที่น่ากลัวมากใครไปแต่งงานเข้าเป็นเขยเป็นสะใภ้ตระกูลนี้เข้า โมะโนะฮานะก็จะตามมาสังหารเพื่อระบายความแค้นที่บรรพบุรุษของตระกูลทำไว้กับเธอ[แต่อยากรู้จริงๆ ว่า...เป็นแค่ปลาทองใช้วิธีฆ่าคนยังไง= =” ]
จากที่เคยศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับภูตผีปีศาจของญี่ปุ่นมีปีศาจตนนี้ที่ร้ายกาจเพราะบางตนมีความแค้นถึงมันฆ่าคนที่ร้ายมันไว้เป็นการล้างแค้นก็เป็นอันจบและมันจะเดินทางไปสู่สุคติได้อย่างสบายใจซึ่งผีปีศาจของญี่ปุ่นมักจะเป็นที่มาด้วยความแค้นสักส่วนใหญ่ซึ่งโมะโนะฮานะไม่เป็นเช่นนั้น ฆ่าคนที่ฆ่าตนเองได้แล้วกลับยังไม่หมดความพยาบาทยังไปยุ่งกับลูกหลานที่เป็นชนรุ่นหลังที่ไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วยเลย...
โมะโนะฮานะเป็นปีศาจที่ไม่ได้เก่าแก่มากเพราะมีหลักฐานปรากฏเป็นเรื่องเล่าในสมัยเอโดะ ซึ่งมีกรุงโตเกียวเป็นเมืองหลวงซึ่งก็ไม่นานมากนัก...---------------------------------------------------------------------------------------------------------
「いきりょう」 (Ikiryou) อิคิเรียว
「いきりょう」 (Ikiryou) อิคิเรียว
อิคิเรียวคือ วิญญาณที่ออกจากร่างมนุษย์ทั้งที่ยังเป็นอยู่ ตามเทพปกรณัมญี่ปุ่น
ขอมาพูดถึงผีญี่ปุ่นอีกตน...ว่าไปไม่รู้ว่าจะเรียกว่าผีดีไหม..? แต่ถึงอย่างไรก็น่ากลัวสยดสยองไม่แพ้ผีตนอื่นๆเลยอย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ซึ่งวิญญาณร้ายของญี่ปุ่นนั้นมักเป็นวิญญาณที่มีความอาฆาตแค้นพยาบาทและยังคงแค้นจนมาถึงสุดท้ายของญี่ปุ่นแต่ก็ยังไม่ยอมจบตาม ยังคงกลับมาแก้แค้นถึงจะอยู่คนละภพกันแล้วก็ตามทีแต่ถึงอย่างไรผีก็เป็นผีอยู่วันยังค่ำ แต่เรื่องนี้ที่เสนอต่อผู้อ่านเป็นเรื่องของคนที่มีความแค้นพยาบาทมีใจจิตแค้นจนสามารถถอดจิตหรืออย่างภาษาบ้านเราเรียก ว่าถอดกายทิพย์ไปสังหารบุคคลที่เป็นศัตรูหรือคนที่เราเกลียดแค้นได้...น่ากลัวเหมือนกันนะนี้ แต่อย่างว่าไม่ใช่ผีแต่เป็นคนที่ถอดกายไปฆ่าโดยไม่ได้ไปด้วยตนเองเขาเรียกผีแบบนี้ว่า "อิคิเรียว"
อิคิเรียวเป็นผีญี่ปุ่นที่เข้าขั้นติดลำดับผีที่น่ากลัวเพราะเป็นผีที่เจ้าตัวยังไม่ ตายแต่ดันมาแก้แค้นศัตรูตนเองได้...เลยมีตำนานเป็นเรื่องเล่าขานมานงนานของผีตนนี้...
เรื่องราวมีอยู่ว่าชายคนหนึ่งกำลังจะเดินทางไปยังเมืองนาโกย่า ตอนนั้นเป็นช่วงเวลามืดกลางคืน เขาเดินอยู่ทางแยกของเมืองโตเกียวเขาก็พบกับหญิงสาวผู้หนึ่งแต่งกายด้วยเครื่องอาภรณ์ที่ดูมีราคาท่าทางเป็น ลูกคนผู้ดีตระกูลสูงศักดิ์ยืนอยู่ตามลำพังชายหนุ่มก็สงสัยและกลัวว่าหากปล่อยให้เธอยืนอยู่คนเดียวในช่วงเวลาเช่นนี้ อาจจะตกเป็นเหยื่อของคนร้ายได้เขาจึงคิดว่าจะเข้าไปถามนาง แต่เขาคิดไปคิดมาเลยตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเพราะไม่ใช่เรื่องธุระอะไรของเราและนางคงรอให้ญาติมารับหรือไม่ก็อย่างอื่น แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินไปนั้นปรากฏว่า
"ท่านค่ะ...ท่าน....ท่านกำลังจะเดินทางไปไหนค่ะ"
ชายหนุ่มหยุดต่อเสียงอันนุ่มนวลของนาง
"ข้าเหรอ...ข้ากำลังจะไปนาโกย่า"
"ท่านคงรีบร้อนแน่เลย...นาโกย่าอีกไกลและตอนนี้ดึกมากแล้วด้วย...."
"ใช่...แล้วแม่นางมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เดี๋ยวก็ถูกผู้ร้ายมาทำมิดีมิร้ายเหรอ..."
"ข้ามาหาคนๆ หนึ่ง...และข้าหาบ้านของเขาไม่พบไม่ทราบด้วยว่าบ้านเขาอยู่จุดไหนของเมืองนี้"
"แล้วคนที่แม่นางหานี่ เขาชื่ออะไร บางทีข้าอาจจะรู้จัก"
"เขาชื่อ...มินบุ โนะ ไทฮุ"
"ที่แท้ก็ท่านมินบุ โนะ ไทฮุ รู้จัก รู้จัก ท่านเป็นคนที่เป็นที่รู้จักของเมืองเลยทุกคนพากันอิจฉาท่าน เพราะท่านได้แต่งงานกับเจ้าสาวที่อายุน้อยและสวยมากๆด้วย"
"สวย...กว่าข้าไหม..."
หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่เย็นและตาแข็งน่ากลัวแววตามีแต่ความแค้นชายหนุ่มอึ้ง...และเงียบไป
"ขอโทษนะค่ะท่าน...เมื่อท่านรู้จักได้โปรดพาข้าไปยังบ้านของเขาได้ไหมค่ะ"
"แต่ข้ารีบนะ ต้องรีบไปนาโกย่าด้วย"
"ได้โปรดเถิดค่ะ"
ชายหนุ่มจึงใจอ่อนและพาหญิงสาวไปยังบ้านของมินบุ โนะ ไทฮุ
"ที่นี้เละ บ้านท่านมินบุ โนะ ไทฮุ"
หญิงสาวมองไปรอบๆบ้านและยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูแลมีเล่ห์นัย เหมือนดีใจที่บรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้นและมีการหัวเราะแบบเบาๆดูแล้วแปลกๆ
"ขอบคุณท่านนะเจ้าค่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกเมื่อข้าพาเจ้ามาส่งถึงบ้านคนรู้จักแล้วข้าก็หายห่วงแล้ว"
"อย่างไรก็ขอขอบคุณท่านด้วย...หากท่านผ่านไปเมืองชิกะได้โปรดแวะไปเยี่ยมเยือนข้าด้วยนะคะ"
"ดูก่อนล่ะกัน หากผ่านไปจะไปแวะหา เดี๋ยวข้าไปก่อนนะ"
หญิงสาวโค้งทำความเคารพขอบคุณชายหนุ่มอีกครั้ง ชายหนุ่มก็โค้งกลับ และเขาก็เดินจากไปได้ระยะหนึ่งเขาก็หวังจะหันมาดูว่ามีใครออกมาต้อนรับหญิงสาวคนนั้นแล้วหรือไม่ แต่พอเขาหันกลับไปกลับไม่มีหญิงสาวคนนั้นอยู่แล้ว...!แต่ถึงเขาจะประหลาดใจแต่เขาก็คิดว่าเธอคงเข้าไปในบ้านแล้ว เขาก็เดินทางต่อไป...แต่แล้วก็มีเสียงดังออกจากบ้านมินบุโนะ ไฮกุ ชายหนุ่มตกใจและคิดเป็นห่วงหญิงสาวกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น เขาเข้าไปในบ้านนั้น
ผู้คนวิ่งไปมาอย่างอลวน ชายหนุ่มเข้าไปในบ้านหลังนั้นและจับตัวคนรับใช้คนหนึ่งและถาม...
"เกิดอะไรขึ้น..."
"นายหญิง....นายหญิง....เธอเสีย....แล้ว"
"อะไรนะ...ภรรยาสาวของท่านมินบุ โนะไฮกุเสียชีวิตแล้วหรือ"
"ใช่...." คนรับใช้ตอบทั้งน้ำตา
"แล้วเขาตายอย่างไงล่ะ"
"อยู่ๆนายหญิงก็กล่าวว่าเห็นหญิงสาวในชุดสีส้มแววตาน่ากลัวยืนอยู่และแล้วนายหญิงก็เอามือของเธอมาบีบคอตัวเองเลยขาดอากาศตาย....ท่านมินบุ โนะ ไฮกุเสียใจมากที่ภรรยาทั้งสาวทั้งสวยของท่านจากไป ท่านทิ้งภรรยาเก่าที่เมืองชิกะและมาแต่งกับนายหญิงผู้อ่อนต่อโลกและยังมาตายอายุน้อยอีก ข้านะสงสาร...สงสารนายหญิงของข้าจริงๆ"
ชายหนุ่มเริ่มมีความสงสัยขึ้นภายในใจ
"ท่านมินบุ โนะ ไฮกุมีภรรยาอยู่ก่อนแล้วที่เมืองชิกะ ไม่เห็นมีใครทราบเลย"
"ก็ท่านเป็นขุนนางมาจากที่อื่นท่านก็ย้ายไปประจำตามที่ต่างๆ ต่อมาท่านก็เลิกกับภรรยาเก่าและมาแต่งกับนายหญิงของข้า...ข้าว่าการตายของนายหญิงต้องเป็นฝีมืออิคิเรียวของภรรยาเก่าท่านมินบุ โนะ ไฮกุแน่ๆ..."
ชายหนุ่มเริ่มกลัว
"อะไรกันนี้...."
หลายอาทิตย์ต่อมาชายหนุ่มเดินทางผ่านเมืองชิกะ เขานึกถึงคำพูดของหญิงสาวคนนั้นเขาประทับใจในกิริยามารยาทและรูปโฉมของนาง เขาจึงมาหานางตามที่นางบอกไว้ชายหนุ่มมาหยุดที่บ้านหลังใหญ่โตอย่างคฤหาสน์ สาวใช้คนหนึ่งออกมาต้อนรับ
"ตอนนี้นายหญิงรอท่านอยู่ที่เจ้าค่ะ"
ชายหนุ่มตกตะลึง
"อะไรกัน นายหญิงของเจ้าทราบได้เช่นไรกัน"
"ตามข้ามาเถิด นายหญิงเตรียมของไว้ต้อนรับท่านตั้งแต่เมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ"
ชายหนุ่มหยุดข้อสงสัยและเดินตามสาวใช้เดินผ่านสวนที่ประดับด้วยหินและดอกไม้นานาสาวใช้พาเขามายังเรือนหนึ่งและบานประตูก็เลื่อนออก ในห้องที่ประดับด้วยแจกันที่ประดับด้วยช่อดอกไม้สวยงามและเครื่องแก้วต่างๆ มีควันหอมของกำยานอ่อนๆ
"นายหญิงเจ้าค่ะ แขกของท่านมาถึงแล้วเจ้าค่ะ"
ม่านไม้ไผ่สีขาวถูกชักออก ภาพเบื้องหน้า หญิงสาวคนนั้นแต่งกายด้วยกิโมโนลายดอกเบญจมาศสีแดงออกและผมประดับด้วยเครื่องประดับปิ่นงดงาม ใบหน้างดงามไม่ผิดไปจากวันที่ชายหนุ่มพบ
"เชิญท่านนั่งก่อนค่ะ"
ชายหนุ่มนั่งลงบนเบาะและเบื้องหน้าเขามีโต๊ะที่วางขนมอาหารและเครื่องดื่มมากมาย
"ท่านเชิญกินได้ขนมและอาหารเหล่านี้ข้าตั้งใจทำเพื่อรับรองท่านเลย"
"เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจนะ น่ากินทั้งนั้นเลย"
ชายหนุ่มนั่งกินขนมอย่างอร่อยและพูดคุยกับหญิงสาวถึงสารทุกข์สุขกัน
"หากคืนนั้นท่านไม่ช่วยข้า ข้าน้อยคงไม่สุขใจเช่นนี้"
ชายหนุ่มอึ้งนิ่ง เขาคิดว่า คำว่าคืนนั้น คืออะไรและภาพนั้นปรากฏต่อเขา ภาพของความอลวนในบ้านท่านมินบุ โนะ ไฮกุ
"ไม่เป็นไรเหรอ"
"ข้าสะใจมาก นางแพศยาตายได้ก็ดี..."
ชายหนุ่มเริ่มจะกลัวแล้ว แต่หญิงสาวกลับรู้สึกตรงข้ามกับเขา เธอใบหน้ามีแต่รอยยิ้มที่มีความสุขและแววตาที่เธอสมหวัง เขาช่วยให้ภารกิจของนางในการแก้แค้นสำเร็จ ใช่!!!...นางก็คือภรรยาเก่าของท่านมินบุ โนะ ไฮกุนั่นเอง นางถอดจิตมาแก้แค้นฆ่าภรรยาสาวของสามีตนเอง...ชายหนุ่มได้รับสิ่งตอบแทนจากนางเป็นสิ่งของที่มีค่า ทั้งแก้วแหวนเงินทองและผ้าไหมชั้นดีแต่ชายหนุ่มยังรู้สึกผิดอยู่ดีว่าตนเองเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ภรรยาสาวของ ท่านมินบุโนะ ไฮกุเสียชีวิต และหากเขาไม่สนใจหญิงสาวในคืนนั้นเรื่องคงไม่เกิด...
วรรณกรรมทางพุทธศาสนาของญี่ปุ่นว่าอิกิเรียวสยบยากมิใช่น้อย...
ขอมาพูดถึงผีญี่ปุ่นอีกตน...ว่าไปไม่รู้ว่าจะเรียกว่าผีดีไหม..? แต่ถึงอย่างไรก็น่ากลัวสยดสยองไม่แพ้ผีตนอื่นๆเลยอย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ซึ่งวิญญาณร้ายของญี่ปุ่นนั้นมักเป็นวิญญาณที่มีความอาฆาตแค้นพยาบาทและยังคงแค้นจนมาถึงสุดท้ายของญี่ปุ่นแต่ก็ยังไม่ยอมจบตาม ยังคงกลับมาแก้แค้นถึงจะอยู่คนละภพกันแล้วก็ตามทีแต่ถึงอย่างไรผีก็เป็นผีอยู่วันยังค่ำ แต่เรื่องนี้ที่เสนอต่อผู้อ่านเป็นเรื่องของคนที่มีความแค้นพยาบาทมีใจจิตแค้นจนสามารถถอดจิตหรืออย่างภาษาบ้านเราเรียก ว่าถอดกายทิพย์ไปสังหารบุคคลที่เป็นศัตรูหรือคนที่เราเกลียดแค้นได้...น่ากลัวเหมือนกันนะนี้ แต่อย่างว่าไม่ใช่ผีแต่เป็นคนที่ถอดกายไปฆ่าโดยไม่ได้ไปด้วยตนเองเขาเรียกผีแบบนี้ว่า "อิคิเรียว"
อิคิเรียวเป็นผีญี่ปุ่นที่เข้าขั้นติดลำดับผีที่น่ากลัวเพราะเป็นผีที่เจ้าตัวยังไม่ ตายแต่ดันมาแก้แค้นศัตรูตนเองได้...เลยมีตำนานเป็นเรื่องเล่าขานมานงนานของผีตนนี้...
เรื่องราวมีอยู่ว่าชายคนหนึ่งกำลังจะเดินทางไปยังเมืองนาโกย่า ตอนนั้นเป็นช่วงเวลามืดกลางคืน เขาเดินอยู่ทางแยกของเมืองโตเกียวเขาก็พบกับหญิงสาวผู้หนึ่งแต่งกายด้วยเครื่องอาภรณ์ที่ดูมีราคาท่าทางเป็น ลูกคนผู้ดีตระกูลสูงศักดิ์ยืนอยู่ตามลำพังชายหนุ่มก็สงสัยและกลัวว่าหากปล่อยให้เธอยืนอยู่คนเดียวในช่วงเวลาเช่นนี้ อาจจะตกเป็นเหยื่อของคนร้ายได้เขาจึงคิดว่าจะเข้าไปถามนาง แต่เขาคิดไปคิดมาเลยตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเพราะไม่ใช่เรื่องธุระอะไรของเราและนางคงรอให้ญาติมารับหรือไม่ก็อย่างอื่น แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินไปนั้นปรากฏว่า
"ท่านค่ะ...ท่าน....ท่านกำลังจะเดินทางไปไหนค่ะ"
ชายหนุ่มหยุดต่อเสียงอันนุ่มนวลของนาง
"ข้าเหรอ...ข้ากำลังจะไปนาโกย่า"
"ท่านคงรีบร้อนแน่เลย...นาโกย่าอีกไกลและตอนนี้ดึกมากแล้วด้วย...."
"ใช่...แล้วแม่นางมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เดี๋ยวก็ถูกผู้ร้ายมาทำมิดีมิร้ายเหรอ..."
"ข้ามาหาคนๆ หนึ่ง...และข้าหาบ้านของเขาไม่พบไม่ทราบด้วยว่าบ้านเขาอยู่จุดไหนของเมืองนี้"
"แล้วคนที่แม่นางหานี่ เขาชื่ออะไร บางทีข้าอาจจะรู้จัก"
"เขาชื่อ...มินบุ โนะ ไทฮุ"
"ที่แท้ก็ท่านมินบุ โนะ ไทฮุ รู้จัก รู้จัก ท่านเป็นคนที่เป็นที่รู้จักของเมืองเลยทุกคนพากันอิจฉาท่าน เพราะท่านได้แต่งงานกับเจ้าสาวที่อายุน้อยและสวยมากๆด้วย"
"สวย...กว่าข้าไหม..."
หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่เย็นและตาแข็งน่ากลัวแววตามีแต่ความแค้นชายหนุ่มอึ้ง...และเงียบไป
"ขอโทษนะค่ะท่าน...เมื่อท่านรู้จักได้โปรดพาข้าไปยังบ้านของเขาได้ไหมค่ะ"
"แต่ข้ารีบนะ ต้องรีบไปนาโกย่าด้วย"
"ได้โปรดเถิดค่ะ"
ชายหนุ่มจึงใจอ่อนและพาหญิงสาวไปยังบ้านของมินบุ โนะ ไทฮุ
"ที่นี้เละ บ้านท่านมินบุ โนะ ไทฮุ"
หญิงสาวมองไปรอบๆบ้านและยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูแลมีเล่ห์นัย เหมือนดีใจที่บรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้นและมีการหัวเราะแบบเบาๆดูแล้วแปลกๆ
"ขอบคุณท่านนะเจ้าค่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกเมื่อข้าพาเจ้ามาส่งถึงบ้านคนรู้จักแล้วข้าก็หายห่วงแล้ว"
"อย่างไรก็ขอขอบคุณท่านด้วย...หากท่านผ่านไปเมืองชิกะได้โปรดแวะไปเยี่ยมเยือนข้าด้วยนะคะ"
"ดูก่อนล่ะกัน หากผ่านไปจะไปแวะหา เดี๋ยวข้าไปก่อนนะ"
หญิงสาวโค้งทำความเคารพขอบคุณชายหนุ่มอีกครั้ง ชายหนุ่มก็โค้งกลับ และเขาก็เดินจากไปได้ระยะหนึ่งเขาก็หวังจะหันมาดูว่ามีใครออกมาต้อนรับหญิงสาวคนนั้นแล้วหรือไม่ แต่พอเขาหันกลับไปกลับไม่มีหญิงสาวคนนั้นอยู่แล้ว...!แต่ถึงเขาจะประหลาดใจแต่เขาก็คิดว่าเธอคงเข้าไปในบ้านแล้ว เขาก็เดินทางต่อไป...แต่แล้วก็มีเสียงดังออกจากบ้านมินบุโนะ ไฮกุ ชายหนุ่มตกใจและคิดเป็นห่วงหญิงสาวกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น เขาเข้าไปในบ้านนั้น
ผู้คนวิ่งไปมาอย่างอลวน ชายหนุ่มเข้าไปในบ้านหลังนั้นและจับตัวคนรับใช้คนหนึ่งและถาม...
"เกิดอะไรขึ้น..."
"นายหญิง....นายหญิง....เธอเสีย....แล้ว"
"อะไรนะ...ภรรยาสาวของท่านมินบุ โนะไฮกุเสียชีวิตแล้วหรือ"
"ใช่...." คนรับใช้ตอบทั้งน้ำตา
"แล้วเขาตายอย่างไงล่ะ"
"อยู่ๆนายหญิงก็กล่าวว่าเห็นหญิงสาวในชุดสีส้มแววตาน่ากลัวยืนอยู่และแล้วนายหญิงก็เอามือของเธอมาบีบคอตัวเองเลยขาดอากาศตาย....ท่านมินบุ โนะ ไฮกุเสียใจมากที่ภรรยาทั้งสาวทั้งสวยของท่านจากไป ท่านทิ้งภรรยาเก่าที่เมืองชิกะและมาแต่งกับนายหญิงผู้อ่อนต่อโลกและยังมาตายอายุน้อยอีก ข้านะสงสาร...สงสารนายหญิงของข้าจริงๆ"
ชายหนุ่มเริ่มมีความสงสัยขึ้นภายในใจ
"ท่านมินบุ โนะ ไฮกุมีภรรยาอยู่ก่อนแล้วที่เมืองชิกะ ไม่เห็นมีใครทราบเลย"
"ก็ท่านเป็นขุนนางมาจากที่อื่นท่านก็ย้ายไปประจำตามที่ต่างๆ ต่อมาท่านก็เลิกกับภรรยาเก่าและมาแต่งกับนายหญิงของข้า...ข้าว่าการตายของนายหญิงต้องเป็นฝีมืออิคิเรียวของภรรยาเก่าท่านมินบุ โนะ ไฮกุแน่ๆ..."
ชายหนุ่มเริ่มกลัว
"อะไรกันนี้...."
หลายอาทิตย์ต่อมาชายหนุ่มเดินทางผ่านเมืองชิกะ เขานึกถึงคำพูดของหญิงสาวคนนั้นเขาประทับใจในกิริยามารยาทและรูปโฉมของนาง เขาจึงมาหานางตามที่นางบอกไว้ชายหนุ่มมาหยุดที่บ้านหลังใหญ่โตอย่างคฤหาสน์ สาวใช้คนหนึ่งออกมาต้อนรับ
"ตอนนี้นายหญิงรอท่านอยู่ที่เจ้าค่ะ"
ชายหนุ่มตกตะลึง
"อะไรกัน นายหญิงของเจ้าทราบได้เช่นไรกัน"
"ตามข้ามาเถิด นายหญิงเตรียมของไว้ต้อนรับท่านตั้งแต่เมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ"
ชายหนุ่มหยุดข้อสงสัยและเดินตามสาวใช้เดินผ่านสวนที่ประดับด้วยหินและดอกไม้นานาสาวใช้พาเขามายังเรือนหนึ่งและบานประตูก็เลื่อนออก ในห้องที่ประดับด้วยแจกันที่ประดับด้วยช่อดอกไม้สวยงามและเครื่องแก้วต่างๆ มีควันหอมของกำยานอ่อนๆ
"นายหญิงเจ้าค่ะ แขกของท่านมาถึงแล้วเจ้าค่ะ"
ม่านไม้ไผ่สีขาวถูกชักออก ภาพเบื้องหน้า หญิงสาวคนนั้นแต่งกายด้วยกิโมโนลายดอกเบญจมาศสีแดงออกและผมประดับด้วยเครื่องประดับปิ่นงดงาม ใบหน้างดงามไม่ผิดไปจากวันที่ชายหนุ่มพบ
"เชิญท่านนั่งก่อนค่ะ"
ชายหนุ่มนั่งลงบนเบาะและเบื้องหน้าเขามีโต๊ะที่วางขนมอาหารและเครื่องดื่มมากมาย
"ท่านเชิญกินได้ขนมและอาหารเหล่านี้ข้าตั้งใจทำเพื่อรับรองท่านเลย"
"เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจนะ น่ากินทั้งนั้นเลย"
ชายหนุ่มนั่งกินขนมอย่างอร่อยและพูดคุยกับหญิงสาวถึงสารทุกข์สุขกัน
"หากคืนนั้นท่านไม่ช่วยข้า ข้าน้อยคงไม่สุขใจเช่นนี้"
ชายหนุ่มอึ้งนิ่ง เขาคิดว่า คำว่าคืนนั้น คืออะไรและภาพนั้นปรากฏต่อเขา ภาพของความอลวนในบ้านท่านมินบุ โนะ ไฮกุ
"ไม่เป็นไรเหรอ"
"ข้าสะใจมาก นางแพศยาตายได้ก็ดี..."
ชายหนุ่มเริ่มจะกลัวแล้ว แต่หญิงสาวกลับรู้สึกตรงข้ามกับเขา เธอใบหน้ามีแต่รอยยิ้มที่มีความสุขและแววตาที่เธอสมหวัง เขาช่วยให้ภารกิจของนางในการแก้แค้นสำเร็จ ใช่!!!...นางก็คือภรรยาเก่าของท่านมินบุ โนะ ไฮกุนั่นเอง นางถอดจิตมาแก้แค้นฆ่าภรรยาสาวของสามีตนเอง...ชายหนุ่มได้รับสิ่งตอบแทนจากนางเป็นสิ่งของที่มีค่า ทั้งแก้วแหวนเงินทองและผ้าไหมชั้นดีแต่ชายหนุ่มยังรู้สึกผิดอยู่ดีว่าตนเองเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ภรรยาสาวของ ท่านมินบุโนะ ไฮกุเสียชีวิต และหากเขาไม่สนใจหญิงสาวในคืนนั้นเรื่องคงไม่เกิด...
วรรณกรรมทางพุทธศาสนาของญี่ปุ่นว่าอิกิเรียวสยบยากมิใช่น้อย...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
「あまぴえ」 (Amapie) อะมะปิเอะ หรือ อามาปิเอะ หรือภูตนำพาความสุข
「あまぴえ」 (Amapie) อะมะปิเอะ หรือ อามาปิเอะ หรือภูตนำพาความสุข
ราวเมื่อ 140 ปีก่อนหรือมากกว่านั้น ในบันทึก “วางาโคโรโมะ”กล่าวถึงการปรากฏตัวของปีศาจจากท้องทะเล ที่คนญี่ปุ่นในตอนนั้นเรียกว่า“จินจาฮิเมะ” มีลักษณะตัวเป็นปลาแต่มีศีรษะเป็นมนุษย์ผู้หญิงปรากฏตัวขึ้นที่ฮามาเบะในแคว้นฮิเซ็นแห่งคิวซู ซึ่งต่อมาในปัจจุบันคือเขตจังหวัดซางะและนางาซากิ แสดงว่าเรื่องนี้เกิดมานานกว่า 140 ปี ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อมาแต่อดีตว่า เวลากลับบ้านเมืองมีภัยเมื่อใดเจ้าปีศาจอะมะปิเอะจะปรากฏตัวขึ้นเพื่อมาส่งข่าวทั้งดีและร้ายเพื่อให้มนุษย์ป้องกันตัวทันโดยทั้งสุดท้ายที่มาปรากฏตัวเพื่อแจ้งข่าว “ประเทศนี้จะอุดมสมบูรณ์นับจากนี้ไปตลอด6 ปี” อันนี้เป็นข่าวดี “แต่จะเกิดโรคระบาด คืออหิวาตกโรคตามมาและหากผู้ใดไม่เชื่อจงนำร่างของข้านี้ไปให้ผู้คนเหล่านั้นดูเป็นหลักฐาน”ซึ่งแสดงว่าเจ้าปีศาจตนนี้เคยมาส่งข่าวคนญี่ปุ่นหลายครั้งในอดีตถึงกับเอาร่างตนเองเป็นประกันความจริงกันเลย ซึ่งหลังจากนั้นก็เป็นจริง...
คนญี่ปุ่นเชื่อว่า อะมะปิเอะนั้นคงเป็นข้ารับใช้ของจ้างสมุทร เพราะทุกครั้งที่มาปรากฏตัวมักจะกล่าวขึ้นเสมอว่า“ข้าเป็นคนของวังมังกร” ซึ่งมังกรนั้นคนญี่ปุ่นนั้นเชื่อว่าเป็นจ้าวสมุทรซึ่งเท่ากับว่า อะมะปิเอะ คงเป็นเทพกึ่งปีศาจด้วยมีรูปลักษณ์ผิดกับเทพเจ้าแต่มีความดีกับมนุษย์มากคนญี่ปุ่นจึงได้วาดภาพของอะมะปิเอะไว้และปรากฏว่า...บ้านที่วาดภาพของอะมะปิเอะประดับหรือเก็บไว้กลับไม่มีโรคระบาดคนญี่ปุ่นจึงได้วาดคัดภาพอะมะปิเอะไปประดับไว้ในบ้าน เพราะเชื่อว่าจะป้องกันตนจากโรคระบาดด้วยความศักดิ์สิทธิ์ได้เพราะคนญี่ปุ่นยกย่องเป็น “ภูตผู้นำพาความสุข”มาให้ตนเองและประเทศชาติของพวกเขาอีกด้วย...---------------------------------------------------------------------------------------------------------
วิญญาณเกาะหลัง
วิญญาณเกาะหลัง
วิญญาณเกาะหลัง เดิมเป็นศพที่ถูกญาติสนิทมิตรสหายไม่ยอมรับตายอย่างไม่มีใครค้ำชู เมื่อตนตายเป็นวิญญาณก็จะพบแต่ความโศกเศร้าอาดูลย์ ร่อนเร่ไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมายซึ่งต่างจากยูเระที่ตายโหงซึ่งจะวนเวียนอยู่ได้แค่สถานที่ที่ตนเองตายไปถึงศาลเจ้าที่อยู่ใกล้ที่สุดในลักษณะวนเป็นวงกลม
วิญญาณเกาะหลังเป็นผีที่น่าสงสารมาก เมื่อถึงเวลาหิวก็ไม่มีอันจะกินต้องร้องไห้โหยหวนทรมานอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะมีใครเอาเครื่องเซ่นไหว้จุดธูปเชิญถึงจะทุเลาความหิวลงบ้างเสียงของวิญญาณเกาะหลังนั้นเหมือนๆ กับพวกยูเระพวกอื่นซึ่งเบามากจนแทบไม่มีใครได้ยินพวกเขาปรากฏตัวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน และในเวลากลางคืนจะปรากฏกายได้ชัดเจนกว่า [คงเป็นเพราะร่างของพวกเขาบางมาก ถ้าตอนกลางวันมองไม่เห็นคงเพราะโปร่งจนแสงส่องผ่านตลอดจนมองไม่เห็นก็อาจเป็นได้...] วิญญาณเกาะหลังบ่อยครั้งที่มักถูกตามล่าโดยยมทูตจากนรกหรือพวกปีศาจจึงต้องหาที่ปลอดภัยกำบังให้แก่ตนเอง บ้างก็จะสิงอยู่ในต้นไม้ บ้างก็สิงอยู่ในบ้านร้างเก่าๆแต่ส่วนมากมักจะสิงร่างมนุษย์!!! โดยจะเกาะหลังเวลาเราเดินไปไหนมาไหนมันก็จะเกาะไปด้วย [ทำอย่างกับเราเป็นรถโดยสารแน่ะ = =” ] ซึ่งเราอาจจะแปลกใจบ้างเมื่อเดินไปอยู่ดีๆ แล้วมีกลุ่มสุนัขเข้ามาเห่าหอนใส่นั้นทำใจได้เลยว่า...โดนเกาะแล้ว...หรือบางครั้งอาจจะอยู่ดีๆรู้สึกเมื่อยหรือปวดบริเวณคอหรือหลังนั่นแหล่ะ ซึ่งบางตนอาจเกาะจนไม่ยอมปล่อยเลยก็ได้ต้องเดือดร้อนหาพ่อมดหมอผีหรือนักบวชมาทำพิธีขับไล่ไปอีกส่วนพวกที่โดนวิญญาณนั้นเหาะหลังจะเป็นพวกจิตอ่อน วิตกกังวลอยู่ตลอดเวลาคนพวกนี้จะเป็นที่สิงสู่ของวิญญาณหรืปีศาจได้ง่าย โดยคนที่โดนวิญญาณเกาะหลังสิงจะรู้สึกหลังวาบและรู้สึกหนาวๆชอบกล...
วิญญาณเกาะหลังจะไปสู่สุคติได้ก็ต่อเมื่อมีผู้มีจิตใจเมตตาทำพิธีสวดส่งวิญญาณ พวกเขาที่ทรมานอยู่นั้นจะพบกับแสงสว่างอันนิรันดร์และหลุดพ้นจากการเป็นสัมภเวสีเพื่อไปเกิดในภพภูมิต่อไป...ปล. อันนี้คนโพสเคยเจอแล้วละจ้า แต่เราไม่ได้เป็นคนขี้กังวลหรือว่าจิตอ่อนเลยน้าแต่เราเป็นพวกที่เห็นของพวกนี้จนชินแล้วน่ะ...เหอะๆ แบบว่าเพื่อนเราเห็นว่าเขาอยู่ที่แถวไหล่เรา...แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนเราก็เผ่นไปแล้วละ พอหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าตัวนี้ก็หายไปเพื่อนก็เลยมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น...เราถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่เลยละ ไม่รู้ซินะ เราว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเราไปแล้วน่ะ เหอะๆ...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
Credit : Dek-D
ฉบับหน้าคงจะไม่เกินวันนี้ถ้าไม่ยุ่งน่ะนะ
ไงก็จะพยายามให้ถึงให้ได้เล๊ย
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดน้า
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kil159357 เมื่อ 2012-5-22 12:47
ตำนานผีญี่ปู่น (19)
[IMG]