เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา LA Times Magazine ได้ลงบทความเกี่ยวกับ Hatsune Miku ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจมาก ผมจึงขออนุญาตแปลบทความนี้ เพื่อให้แฟนคลับ Miku ชาวไทย ได้รู้จักกับ Hatsune Miku ในหลายๆมุมมอง
ผู้ที่เขียนบทความนี้ขึ้นมาคือคุณ Margaret Wappler แปลและเรียบเรียงโดย kachanking
ผมได้นำบทความฉบับภาษาไทยนี้มาเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน และได้มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาภายในอยู่เรื่อยๆ จนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม (ฉบับสมบูรณ์) และวันที่ 27 สิงหาคม (ฉบับสมบูรณ์+แก้ไขเพิ่มเติม) เพื่อให้บทความฉบับภาษาไทยมีเนื้อหาที่ถูกต้องมากที่สุดนะคับ
ผมได้นำบทความฉบับภาษาไทยนี้มาเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน และได้มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาภายในอยู่เรื่อยๆ จนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม (ฉบับสมบูรณ์) และวันที่ 27 สิงหาคม (ฉบับสมบูรณ์+แก้ไขเพิ่มเติม) เพื่อให้บทความฉบับภาษาไทยมีเนื้อหาที่ถูกต้องมากที่สุดนะคับ
(บทความนี้มีการแทรกรูปภาพ วิดีโอ ความเห็นส่วนตัว และข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่บทความฉบับภาษาอังกฤษได้กล่าวไว้บางส่วน เพื่อให้ตัวบทความมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น)
เนื้อหาทั้งหมดแปลมาจากเว็บไซด์ของ LA Times Magazine
คอนเสิร์ตในงานเทศกาลดนตรี Coachella ที่ผ่านมา แร็ปเปอร์ชาวอเมริกันผู้ล่วงลับนามว่า Tupac Shakur ได้ขึ้นร้องบนเวทีคอนเสิร์ตร่วมกับ Dr. Dre และ Snoop Dogg เขากลับมาในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว 2 มิติ หลังจากถูกยิงเสียชีวิตไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนที่ไปร่วมคอนเสิร์ตจำนวนมาก
http://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=TGbrFmPBV0Y
เทคโนโลยี Hologram ในศตวรรษที่ 19 นั้นยังไม่สมบูรณ์แบบมากนัก พวกเขาเรียกการสร้างภาพ Hologram ในสมัยนั้นว่า Pepper’s Ghost ซึ่งมีหลักการง่ายๆ คือ ฉายภาพไปยังกระจกด้วยมุม 45 องศา และในภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยนวัสดุที่จะนำมาใช้แทนกระจก เพื่อให้ได้ภาพที่สมจริงยิ่งขึ้น
แต่ Tupac Shakur ไม่ใช่คนแรกที่ปรากฏตัวบนคอนเสิร์ตในรูปแบบของ Hologram ในปี 2009 ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการจัดคอนเสิร์ตของ Hatsune Miku ในรูปแบบของ Hologram เป็นครั้งแรก ถ้าดูแบบผิวเผินแล้ว เธอก็คล้ายๆกับ Tupac Shakur แต่ทุกเพลงที่เธอร้องนั้นจะมีนักดนตรีตัวจริงคอยเล่นเป็นแบ็คอัพอยู่เสมอ
Hatsune Miku ได้ขึ้นร้องบนเวทีคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2009 และครั้งแรกในอเมริกาเมื่อปี 2011 ที่ Nokia Theater ในงาน Anime Expo เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คอนเสิร์ตของ Hatsune Miku ที่ Toyko Dome City Hall ก็ทำยอดจำหน่ายบัตรเข้าชมได้กว่า 10,000 ใบ (บัตรราคา 76 ดอลลาร์) และวิดีโอของเธอใน Youtube ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด (World is Mine) ก็มียอดเข้าชมสูงถึง 15 ล้านครั้ง
(ตอนนี้ 16 ล้านครั้งแล้วนะครับ)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=DTXO7KGHtjI
ตั้งแต่ปี 2006 การแสดงที่ใช้เทคโนโลยี Hologram ไม่มีอะไรแปลกใหม่ไปกว่าการนำดาราหรือการ์ตูนดังๆมาแสดงบนจอ Hologram แต่ถ้าคุณสังเกตดีๆ Miku ไม่ใช่การ์ตูนที่วางขายตามร้านหนังสือ เธอเกิดจากเหล่าแฟนคลับที่คอยสร้างสรรค์บทเพลงขึ้นมาให้เธอได้ขับร้อง
Hatsune Miku ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัท Crypton Future Media เป็นโปรแกรม Vocaloid 2 รุ่นที่ขายดีที่สุด Vocaloid 2 เป็นโปรแกรมเสียงสังเคราะห์ที่พัฒนาโดย Yamaha และเป็นเรื่องปกติของประเทศญี่ปุ่นที่จะมีการใช้ตัวการ์ตูนมาเป็นมาสคอตให้กับโปรแกรมต่างๆ โดยภาพรวมแล้ว Miku ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากตัวการ์ตูนอื่นๆเลย แต่เธอได้สร้างแรงบัลดาลใจให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แทนที่จะชื่นชมเธออย่างเงียบๆอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เหล่าแฟนคลับต่างพากันใช้โปรแกรม Vocaloid 2 แต่งเนื้อร้องและทำนอง พร้อมทั้งอัพโหลดขึ้น Youtube (ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นก็มักจะอัพโหลดขึ้นเว็บ niconico) ตั้งแต่โปรแกรมสังเคราะห์เสียงของ Miku เริ่มวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2007 ก็มีคนแต่งเพลงให้เธอร้องนับพันๆเพลง รวมไปถึงภาพวาด วิดีโอ เกม การ์ตูน และยังมีการแต่ง Cosplay Hatsune Miku ไปร่วมงานต่างๆแทบทุกที่
http://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=MGt25mv4-2Q
นอกจากจะมีเกม Project DIVA ซึ่งทำยอดขายได้นับล้านชุดในประเทศญี่ปุ่น Miku ยังได้ปรากฏตัวในโฆษณา Toyota Corolla ซึ่งขายในอเมริกา และโฆษณา Google Chrome ในญี่ปุ่น ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 3 ล้านครั้ง และมากกว่าโฆษณา Google Chrome ในอเมริกาที่ใช้ Justin Bieber เป็น Presenter เสียอีก
“คุณไม่อยากเห็นด้านมืดของแฟนคลับ Miku อย่างแน่นอน”
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 Karley Sciortino ได้เขียนบทความเกี่ยวกับ Miku ลงนิตยสารเพลงและแฟชั่นของอังกฤษ (Clash Magazine) ซึ่งมีเนื้อหาภายในอยู่ส่วนหนึ่งที่โดนวิจารณ์อย่างหนัก คือการบรรยายลักษณะการแต่งกายของ Hatsune Miku ว่า "ล่อแหลมไปหน่อย" นอกจากนี้ ภาพที่นำมาลงปกของนิตยสารก็โดนวิจารณ์ในด้านลบจากแฟนๆของ Miku ทั่วโลก ซึ่งเธอก็ได้ไปโพสในบล็อกของเธอเกี่ยวกับข้อความที่เธอได้รับจากแฟนๆของ Miku เธอกล่าวในบล็อกของเธอช่วงหนึ่งว่า "แฟนๆของ Miku บางคนขู่จะวางระเบิดสำนักงานของ Clash Magazine ที่กรุงลอนดอน"
(เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนของฝรั่งเขานะคับ คนไทยอย่างเราๆอาจจะไม่เข้าใจกัน)
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่แย่มากๆสำหรับ Miku คือโพลสำรวจของ The Top Tens ในหัวข้อ “ศิลปินที่คุณต้องการให้ไปร้องเพลงในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2012” ซึ่งแฟนๆของ Miku ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอนั้นมีเหล่าแฟนคลับทั่วโลกคอยให้การสนับสนุนมากมายขนาดไหน ทำให้ Miku ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็ว แต่แล้วจู่ๆเธอก็โดนลบออกไปจากรายชื่อ ซึ่งหลายคนก็คาดเดาว่าน่าจะเป็นฝีมือของแฟนเพลง K-pop
สุดท้ายผู้บริหารของบริษัท The Top Tens ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐก็ออกมากล่าวว่า “พวกคุณเข้าใจผิดไปรึเปล่า เธอไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง!” ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้รับข้อความแสดงความไม่พอใจจากแฟนๆของ Miku รวมทั้ง John Harbort (เป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซด์ mikufan.com) เมื่อแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทาง The Top Tens จึงต้องยอมรับความจริง แล้วนำ Miku กลับเข้ามาอยู่ในรายชื่อเหมือนเดิม
John Harbort กล่าวว่า “ที่ Miku มาได้ถึงขนาดนี้ก็เพราะพวกเราทุกคน และเธอจะก้าวต่อไป ตราบใดที่ยังมีพวกเราอยู่” เขาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการหยุดกระแส “Save Miku” ซึ่งทำให้แฟนๆของ Miku รู้สึกสบายใจว่าเธอจะไม่มีวันหายไปจากโลกใบนี้แน่นอน
(กระแส Save Miku เกิดจากวิดีโอเกี่ยวกับ Miku ใน Youtube โดนลบออกไปเป็นจำนวนมาก จนมีคนกังวลว่า Miku กำลังจะหายไป)
(กระแส Save Miku เกิดจากวิดีโอเกี่ยวกับ Miku ใน Youtube โดนลบออกไปเป็นจำนวนมาก จนมีคนกังวลว่า Miku กำลังจะหายไป)
หลังจากคอนเสิร์ตเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์สได้รายงานว่า Miku จะออกจากวงการแล้ว จนเกิดคำถามขึ้นมามากมาย และในที่สุดทาง Crypton ก็ได้มาตอบคำถามสั้นๆว่า “ให้ Miku ได้พักหน่อยก็ดีนะ” แฟนๆของ Miku จึงเริ่มหวาดระแวงกันอีกครั้งว่าเธอจะหายไป จนทำให้เพลง “The Disappearance of Hatsune Miku (การหายไปของ Hatsune Miku)” ซึ่งแต่งโดย cosMo โด่งดังไปทั่ว
จากประวัติของ Hatsune Miku ชื่อของเธอแปลว่า “เสียงแรกแห่งอนาคต” เธอมีส่วนสูง 5.2 ฟุต และหนัก 93 ปอนด์ มีพี่น้องเป็นมาสคอตของโปรแกรม Vocaloid 2 อีกรุ่น คือ Kagamine Rin และ Len ซึ่งมักจะไปร่วมคอนเสิร์ตกับเธออยู่ประจำ เมื่อปีที่แล้ว เธอได้ไปร่วมงาน Hello Kitty ในชื่อ Miku-Kitty ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจอย่างล้นหลาม เสียงของเธอมาจากนักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่นนามว่า Saki Fujita ในเดือนเมษายน 2010 Crypton ได้เพิ่มเสียงของเธอในอารมณ์ต่างๆเข้าไปในโปรแกรมรุ่นที่ 2 (Miku Append) ได้แก่ Soft, Dark, Solid, Vivid, Sweet และ Light (น่าเสียดายที่ไม่มี “อูมามิ”)
(มุขของฝรั่งนี่เข้าใจยากจริงๆ)
“ในยุคดิจิตอล Miku คือพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดหรือ”
นานแค่ไหนแล้วที่เรามุ่งความสมใจไปที่บุคคลซึ่งไม่มีตัวตนอยู่จริง William Gibson นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์กล่าวว่า “ไม่มีนิยายวิทยาศาสตร์ใดเลยในยุค 80 ที่กล่าวถึงบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับ Hatsune Miku” ต่อมาในปี 1996 Gibson ได้แต่งนิยายชื่อ Idoru ซึ่งได้กล่าวถึงดาราเสมือนที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง ซึ่งคล้ายคลึงกับ Hatsune Miku
Michael Bourdaghs ศาสตราจารย์ทางด้านวรรณกรรมญี่ปุ่นสมัยใหม่ มหาวิทยาลัยชิคาโก กล่าวว่า “วัฒนธรรม J-Pop นั้นถือกำเนิดขึ้นมาก่อนที่ Miku จะเป็นที่รู้จักเสียอีก อย่างดารานักร้องชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในวัฒนธรรม J-Pop ก็เพิ่งจะมาโด่งดังเมื่อทศวรรษ 1970 เอง”
Miku จะช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านกลุ่มวัยรุ่นในฐานะนักร้องสาวคนหนึ่ง แต่เธอกลับไม่มีปัญหาเหมือนดารานักร้องคนอื่นๆ ความโด่งดังของเธอไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดหรือสูญเสียความเป็นส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย
Scott Fairbairn ผู้ก่อตั้งเว็บไซด์ mikustar.com ซึ่งอาศัยอยู่ที่ออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้รู้จักกับ Miku ว่า “เมื่อปีที่แล้วชีวิตของผมเกือบจะพังทลายเพราะปัญหาการหย่าร้าง แต่เมื่อผมได้มารู้จักกับ Miku ผมก็หลงใหลในตัวเธอทันที และได้ก่อตั้งเว็บไซด์ mikustar.com ขึ้นมา”
เขาบอกว่า “เธอไม่มีตัวตน ไม่เคยถาม ไม่เคยบ่น แต่ถ้าคุณได้สัมผัสกับเธอ คุณจะรู้ว่าความสุขที่คุณได้รับนั้นไม่เหมือนไนท์คลับหรือยาเสพติด มันเป็นความสุขที่ไม่มีใครเหมือน”
เขาบอกว่า “เธอไม่มีตัวตน ไม่เคยถาม ไม่เคยบ่น แต่ถ้าคุณได้สัมผัสกับเธอ คุณจะรู้ว่าความสุขที่คุณได้รับนั้นไม่เหมือนไนท์คลับหรือยาเสพติด มันเป็นความสุขที่ไม่มีใครเหมือน”
ผู้ที่แต่งเพลงให้กับ Miku มักจะให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมในการร้องเพลง เช่น ตอนที่เธอเริ่มร้องเพลง When the First Love Ends ในคอนเสิร์ตของ Hatsune Miku ที่ Tokyo เมื่อปีที่แล้ว และทุกครั้งที่เธอก้มศีรษะเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ชม ทุกคนที่ไปร่วมคอนเสิร์ตก็จะโห่ร้องด้วยความเสียใจ เพราะนั่นหมายถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่พวกเขาจะได้เห็นเธอบนเวทีคอนเสิร์ต
“Miku คือนักร้องที่สมบูรณ์แบบที่สุด”
Jun Abe เป็นหนึ่งในนักดนตรีที่เล่นดนตรีให้กับ Miku ในหลายๆคอนเสิร์ตรวมทั้งคอนเสิร์ตที่ LA ด้วย กล่าวว่า “ในระหว่างการแสดงเธอไม่เคยเต้นผิดหรือร้องเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย”
ก็จริงอยู่ แล้วนักดนตรีที่เล่นดนตรีให้กับ Miku ละ คุณรู้สึกอย่างไร? Jun Abe ตอบกลับทางอีเมลล์เป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมีใจความว่า คุณกำลังคิดว่าเราเล่นดนตรีให้กับนักร้องที่มีชีวิต แต่ไม่...การเล่นดนตรีให้กับ Miku นั้นให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครเลย
ก็จริงอยู่ แล้วนักดนตรีที่เล่นดนตรีให้กับ Miku ละ คุณรู้สึกอย่างไร? Jun Abe ตอบกลับทางอีเมลล์เป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมีใจความว่า คุณกำลังคิดว่าเราเล่นดนตรีให้กับนักร้องที่มีชีวิต แต่ไม่...การเล่นดนตรีให้กับ Miku นั้นให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครเลย
แฟนคลับของ Miku จะเหนียวแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีเพลงหรือผลงานต่างๆของเธอปรากฏออกมาบนโลกอินเทอร์เน็ตภายใต้การสังเกตการณ์ของ Crypton
จากการสอบถามคุณ Hiroyuki Itoh ซีอีโอของบริษัท Crypton Future Media ผ่านทางอีเมลล์ ได้ใจความว่า
บริษัทมียอดขายซอฟแวร์เกี่ยวกับ Miku กว่า 70,000 ชุด ในประเทศญี่ปุ่น แต่ปัญหาสำคัญของเราก็คือการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ “มันคือปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องปกติเลยละ” เราพยายามหาทางออกในเรื่องนี้ จนในที่สุดก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปได้โดยไม่ทำให้แฟนคลับของ Miku เดือดร้อน “เธอคือสัญลักษณ์ของเสรีภาพในการสร้างสรรค์ครับ”
จากการสอบถามคุณ Hiroyuki Itoh ซีอีโอของบริษัท Crypton Future Media ผ่านทางอีเมลล์ ได้ใจความว่า
บริษัทมียอดขายซอฟแวร์เกี่ยวกับ Miku กว่า 70,000 ชุด ในประเทศญี่ปุ่น แต่ปัญหาสำคัญของเราก็คือการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ “มันคือปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องปกติเลยละ” เราพยายามหาทางออกในเรื่องนี้ จนในที่สุดก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปได้โดยไม่ทำให้แฟนคลับของ Miku เดือดร้อน “เธอคือสัญลักษณ์ของเสรีภาพในการสร้างสรรค์ครับ”
ทาง Crypton ต้องการให้มีบทเพลงที่ขับร้องโดย Miku ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการก่อตั้งเว็บไซด์ Piapro ขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้โปรแกรมได้รวมตัวกันและสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา โดยผู้ใช้จะต้องยอมรับกฎระเบียบต่างๆของบริษัทซึ่งระบุไว้ว่า “ห้ามใช้โปรแกรมเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม” ซึ่งเป็นกฎที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกฎของเว็บอัพโหลดรูปจากฝั่งตะวันตกอย่าง Flickr
“กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ Miku ต้องปรับตัวมากน้อยเพียงใด”
Michael Bourdaghs กล่าวว่า “องค์กรในประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์กับผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดมากกว่าในอเมริกาเสียอีก วัฒนธรรม J-pop นั้นยินดีที่จะให้แฟนๆกระโดดโลดเต้นใกล้ๆกับนักร้อง แต่ใน Hollywood การกระทำแบบนั้นถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเลยทีเดียว ซึ่งผมคิดว่าบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นจะมองเห็นลู่ทางในการทำเงินจากจุดนี้”
แน่นอนว่าทาง Crypton เองก็ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดมือไปแน่นอน จึงได้จัดตั้งค่ายเพลงให้กับ Miku และเหล่า Vocaloid ในชื่อ KarenT ซึ่งตั้งชื่อตามลูกสาวของ Alvin Toffler นักเขียนชาวอเมริกันเจ้าของผลงาน Future Shock
http://www.youtube.com/watch?v=Iw1JTlx7qM4&feature=player_detailpage
วงดนตรีดังๆอย่าง Supercell ก็กลายเป็นวงดนตรีระดับมืออาชีพจากการแต่งเพลงให้กับเหล่า Vocaloid
Kurousa-P ศิลปินที่มีชื่อเสียงจากการแต่งเพลงให้กับ Miku เช่นเพลง Senbonzakura ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในญี่ปุ่น เขาบอกว่า “หากมีหญิงสาวที่คุณชื่นชอบ คุณก็อยากจะให้เธอได้สวมใส่เสื้อผ้าสวยๆ และร้องเพลงที่คุณแต่งขึ้นอยู่แล้ว”
Kurousa-P ศิลปินที่มีชื่อเสียงจากการแต่งเพลงให้กับ Miku เช่นเพลง Senbonzakura ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในญี่ปุ่น เขาบอกว่า “หากมีหญิงสาวที่คุณชื่นชอบ คุณก็อยากจะให้เธอได้สวมใส่เสื้อผ้าสวยๆ และร้องเพลงที่คุณแต่งขึ้นอยู่แล้ว”
และที่สำคัญ Miku สามารถร้องเพลงเกี่ยวกับอะไรก็ได้ ถึงแม้ว่า Crypton จะระบุว่าเธอชอบเพลงแนว J-pop และ Dance-pop แต่เธอก็สามารถร้องเพลงโซปราโน เพลงแดนซ์ เพลงพื้นเมือง เพลงเศร้า หรือแม้แต่เพลงร็อคเธอก็สามารถร้องได้
Kurousa-P กล่าวว่า “มีผู้คนนับพันคอยแต่งเพลงให้ Miku ร้อง ซึ่งแต่ละเพลงนั้นล้วนมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกันเลย”
Kurousa-P กล่าวว่า “มีผู้คนนับพันคอยแต่งเพลงให้ Miku ร้อง ซึ่งแต่ละเพลงนั้นล้วนมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกันเลย”
Tara Knight ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสื่อดิจิตอลที่มหาวิทยาลัยแซนดีเอโก แคลิฟอร์เนีย กำลังทำสารคดีเกี่ยวกับ Miku ซึ่งจะออกเผยแพร่ในเดือนธันวาคมนี้ ผ่านทางเว็บไซด์ของเธอเอง mikumentary.com โดยจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยี Hologram และจะเน้นไปที่ Miku เป็นพิเศษ
เธอกล่าวว่า “การปรากฏตัวของ Miku บนจอ Hologram นั้นเกิดจากหลายๆเทคโนโลยีมาประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Projection หรือโปรแกรมสังเคราะห์เสียง ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักมัน”
เธอกล่าวว่า “การปรากฏตัวของ Miku บนจอ Hologram นั้นเกิดจากหลายๆเทคโนโลยีมาประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Projection หรือโปรแกรมสังเคราะห์เสียง ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักมัน”
Tara Knight เป็นหนึ่งในหลายๆคนที่หลงใหลใน Miku บอกว่า “ฉันได้พบปะกับคนที่ชื่นชอบ Miku มามากมาย ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอไม่มีบุคลิกเป็นของตัวเอง เธอไม่เหมือนกับนักร้องดังอย่าง Lady Gaga บุคลิกของเธอจะเปลี่ยนไปตามผู้ที่แต่งเพลงให้กับเธอ เธอจึงกลายเป็นตัวแทนของทุกๆคน แต่ฉันคิดว่าเธอน่าจะอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน เธอไม่ได้มีตัวตน ซึ่งจะทำให้ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคนที่รัก Miku กับตัว Miku เอง”
“สำหรับใครบางคน พวกเขามองไกลไปถึงอนาคตของ Miku”
เมื่อเร็วๆนี้ DJ Venus X ซึ่งชื่นชอบในตัว Miku ได้กล่าวใน Artforum ว่า “เพลงของนักร้องสาวคนนี้จะได้รับความนิยมไปนานแค่ไหนนะ”
เพลงของ Hatsune Miku อาจจะกลายเป็นเพลงในตำนานเหมือนกับเพลง “Baby One More Time” ของนักร้องดัง Britney Spears ก็ได้
Nicholas Graham ได้พูดถึง Miku ใน Huffington Post ว่า “ชื่อเสียงของเธอไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการดนตรีเท่านั้น แต่เธอจะโด่งดังไปทุกซอกทุกมุมบนโลกใบนี้”
เพลงของ Hatsune Miku อาจจะกลายเป็นเพลงในตำนานเหมือนกับเพลง “Baby One More Time” ของนักร้องดัง Britney Spears ก็ได้
Nicholas Graham ได้พูดถึง Miku ใน Huffington Post ว่า “ชื่อเสียงของเธอไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการดนตรีเท่านั้น แต่เธอจะโด่งดังไปทุกซอกทุกมุมบนโลกใบนี้”
“ไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งความโด่งดังของ Miku ได้”
ไม่มีใครคาดคิดว่า Hatsune Miku จะโด่งดังไปไกลถึงอเมริกา
ตอนนี้ Crypton กำลังทำโปรแกรมแบบภาษาอังกฤษ ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในฤดูร้อนนี้ และจะทำให้เธอมีงานแสดงมากขึ้นในปี 2013 อย่างแน่นอน
ตอนนี้ Crypton กำลังทำโปรแกรมแบบภาษาอังกฤษ ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในฤดูร้อนนี้ และจะทำให้เธอมีงานแสดงมากขึ้นในปี 2013 อย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ Jun Abe ได้กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของผู้คนที่เข้ามาชมคอนเสิร์ตว่า
“ตอนจัดคอนเสิร์ตครั้งแรก คนที่มาชมคอนเสิร์ตส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย (โอตาคุทั้งหลาย) แต่หลังๆมานี้เริ่มมีผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ”
และตั้งแต่คอนเสิร์ตครั้งแรกมา เหล่าแฟนคลับของ Hatsune Miku ต่างก็พกแท่งเรืองแสงมากันทุกๆคนเลย
“ตอนจัดคอนเสิร์ตครั้งแรก คนที่มาชมคอนเสิร์ตส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย (โอตาคุทั้งหลาย) แต่หลังๆมานี้เริ่มมีผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ”
และตั้งแต่คอนเสิร์ตครั้งแรกมา เหล่าแฟนคลับของ Hatsune Miku ต่างก็พกแท่งเรืองแสงมากันทุกๆคนเลย
ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะคับ จะเห็นได้ว่าฝรั่งเค้ามีมุมมองที่แตกต่างไปจากคนไทยมากเลย โดยรวมๆแล้วข่าว ที่ LA Times Magazine ได้โพสไว้นั้นเป็นการสัมภาษณ์บุคคลสำคัญๆที่เกี่ยวข้องกับ Hatsune Miku รวมทั้งแฟนพันธุ์แท้จากฝั่งตะวันตกด้วย ซึ่งบางเรื่องผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
หลังจากบทความฉบับภาษาไทยนี้ถูกนำไปเผยแพร่ในหลายๆเว็บไซด์และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แน่นอนว่าหลังจากอ่านบทความนี้จบแล้ว หลายคนก็มีคำถามในใจมากมาย ผมจึงรวบรวมข้อสงสัยที่ Comment กันมาไว้ในนี้ด้วยนะคับ
Q : World is Mine คือวิดีโอของ Miku ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดจริงๆหรือ
A : ถ้าสังเกตุดีๆ World is Mine ไม่ใช่วิดีโอของ Miku ใน Youtube ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดนะคับ จริงๆแล้วคือ Nyan Cat [original] ซึ่งติดอันดับ 5 คลิปวิดีโอที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดใน Youtube เมื่อปี 2011 ปัจจุบันมียอดผู้เข้าชมอยู่ที่ 83 ล้านครั้ง และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
Q : เหตุใด Miku จึงถูกลบออกจากรายชื่อในโพลสำรวจของ The Top Tens
A : เรื่องนี้เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วมาก สาเหตุก็มาจากความบกพร่องในการตรวจสอบคำร้องเรียนของทาง The Top Tens เพราะมีคำร้องเรียนส่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก สวนทางกับจำนวนเจ้าหน้าที่ที่คอยตรวจสอบคำร้องเรียนซึ่งมีน้อยเหลือเกิน
Q : จากโพลสำรวจของ The Top Tens Miku ก็ได้ที่ 1 ไปแล้ว ทำไมไม่ได้ขึ้นร้องในพิธีเปิดโอลิมปิกละ
A : คณะกรรมการที่ทำหน้าที่จัดงานโอลิมปิกชี้แจงว่า รายชื่อนักร้องที่จะมาร่วมแสดงทั้งในพิธีเปิดและปิดนั้นถูกล็อกไว้ก่อนที่ The Top Tens จะตั้งโพลสำรวจนี้ขึ้นมา และ The Top Tens เองก็ไม่ได้มาติดต่อกับทางคณะกรรมการโอลิมปิกเพื่อขอทำโพลสำรวจนี้ด้วย
Q : สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า Miku จะออกจากวงการแล้ว หมายความว่าอย่างไร
A : เนื้อหาในส่วนนี้ผมเองก็ค่อนข้างสับสนอยู่เหมือนกัน จริงๆแล้วข่าวที่รอยเตอร์สเอามานำเสนอนั้นเป็นการพูดถึงคำว่า Last Concert ซึ่งเป็นชื่อคอนเสิร์ตของ Miku ในวันที่ 9 มีนาคม จนกลายเป็นประเด็นขึ้นมา และทาง Crypton ก็ออกมาตอบคำถามผ่าน Fanpage ใน Facebook ว่า "Last Concert ไม่ได้หมายถึงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย"
A : ถ้าสังเกตุดีๆ World is Mine ไม่ใช่วิดีโอของ Miku ใน Youtube ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดนะคับ จริงๆแล้วคือ Nyan Cat [original] ซึ่งติดอันดับ 5 คลิปวิดีโอที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดใน Youtube เมื่อปี 2011 ปัจจุบันมียอดผู้เข้าชมอยู่ที่ 83 ล้านครั้ง และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
Q : เหตุใด Miku จึงถูกลบออกจากรายชื่อในโพลสำรวจของ The Top Tens
A : เรื่องนี้เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วมาก สาเหตุก็มาจากความบกพร่องในการตรวจสอบคำร้องเรียนของทาง The Top Tens เพราะมีคำร้องเรียนส่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก สวนทางกับจำนวนเจ้าหน้าที่ที่คอยตรวจสอบคำร้องเรียนซึ่งมีน้อยเหลือเกิน
Q : จากโพลสำรวจของ The Top Tens Miku ก็ได้ที่ 1 ไปแล้ว ทำไมไม่ได้ขึ้นร้องในพิธีเปิดโอลิมปิกละ
A : คณะกรรมการที่ทำหน้าที่จัดงานโอลิมปิกชี้แจงว่า รายชื่อนักร้องที่จะมาร่วมแสดงทั้งในพิธีเปิดและปิดนั้นถูกล็อกไว้ก่อนที่ The Top Tens จะตั้งโพลสำรวจนี้ขึ้นมา และ The Top Tens เองก็ไม่ได้มาติดต่อกับทางคณะกรรมการโอลิมปิกเพื่อขอทำโพลสำรวจนี้ด้วย
Q : สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า Miku จะออกจากวงการแล้ว หมายความว่าอย่างไร
A : เนื้อหาในส่วนนี้ผมเองก็ค่อนข้างสับสนอยู่เหมือนกัน จริงๆแล้วข่าวที่รอยเตอร์สเอามานำเสนอนั้นเป็นการพูดถึงคำว่า Last Concert ซึ่งเป็นชื่อคอนเสิร์ตของ Miku ในวันที่ 9 มีนาคม จนกลายเป็นประเด็นขึ้นมา และทาง Crypton ก็ออกมาตอบคำถามผ่าน Fanpage ใน Facebook ว่า "Last Concert ไม่ได้หมายถึงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย"
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=u2zzy5-R5g8
ก่อนอื่นต้องขออภัยอย่างยิ่งที่ผมเข้าใจผิด คิดว่า English Miku ที่ LA Times Magazine กล่าวถึงคือมีเมนูและปุ่มต่างๆเป็นภาษาอังกฤษ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ มันหมายถึง Miku ที่พูดและร้องเพลงเป็นภาษาอังกฤษได้ ซึ่งตอนอ่านครั้งแรกๆผมก็งงว่า "กำหนดแล้วเสร็จในฤดูร้อนนี้" แต่นี่มันฤดูฝนแล้ว ทำไมไม่เห็นมีข่าวออกมาเลย
Q : แล้ว Miku เวอร์ชันภาษาอังกฤษจะออกมาเมื่อไหร่กันแน่
A : ทาง Crypton บอกว่าน่าจะไม่เกินสิ้นปีนี้ แต่จากกระแสตอบรับของเพลง Nice Age ที่ระบุว่าใช้เบต้าเวอร์ชันก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก คาดว่าทาง Crypton คงต้องทำงานหนักเพื่อให้ English Miku ออกมาสมบูรณ์มากที่สุด และอาจจะส่งผลให้กำหนดการภายในสิ้นปีนี้ต้องเลื่อนไปอีกก็ได้ (คงต้องรอจนกว่าจะมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kachanking เมื่อ 2012-9-11 20:20
Hatsune Miku ในมุมมองของชาวตะวันตก
[IMG]