ผมเห็นว่าฮาดีครับ เลยเอามาลง (ถ้าซำ้ ขออภัย)
10. IT'S OVER 9000 !!!
“ค่าพลังมันตั้ง 9000!!!!” เป็นมุขที่ได้รับความนิยมทางอินเตอร์เน็ต(และมังงะบางเรื่อง) โดยมีที่มาจากอนิเมชั่นดราก้อนบอล Z (ภาษาอังกฤษ) เป็นตอนที่มีชื่อเสียงเมื่อโงกุนปรากฏตัวต่อหน้าเบจิต้าและแนปปาครั้งแรก โดยแนปปาถามเบจิต้าว่าไอ้ห่านี้ค่าพลังมันเท่าไหร่ เบจิต้าจึงใช้เครื่องมือวัดที่คล้ายๆ กับแว่นตาอะไรสักอย่าง(ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันชื่อเครื่องอะไร) และก็พูดประโยคคลาสสิกว่า “ค่าพลังมันตั้ง 9000 !!!" พร้อมกับทำลายเครื่องดังกล่าวไป และแนปปาก็ตกใจไม่แพ้กันก่อนร้องตะโกนว่า “อะไรน่ะเก้าพัน” ซึ่งความจริงแล้วเวอร์ชั่นญี่ปุ่นประโยคที่เบจิต้าได้พูดคือ “มันมากกว่า 8000" หากแต่หลายคนจำประโยคแรกมากกว่า ปัจจุบันประโยคดังกล่าวมีชื่อเสียงในสื่อความหมายในเรื่องความบ้าพลัง ตกตะลึงมากๆ และการได้อารมณ์หากร้องดังๆ ในอนิเมชั่นก็มาล้อเลียน ในคลิปก็ล้อเลียน โดยจะมีตัวละครใส่เครื่องวัดพลังและตะโกนว่า “ไอ้ห่าตั้ง 9000 !!!"
9. Numa Numa
เพลงนูม่านูม่าเป็นเพลงที่ประหลาด เพราะโด่งดังไปทั่วโลกโดยที่หลายคนไม่รู้จักเพลงนี้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นเพลงภาษาอะไร มีเนื้อหาอะไร ซึ่งความจริงแล้วเพลงดังกล่าวเป็นเพลง Dragostea din tei เป็นภาษาโรมาเนีย แปลว่า Love from the Linden Trees ร้องโดยวงป๊อปสามคน O-Zone จากมอลโดวา ซึ่งตอนที่ออกเพลงยังไม่เป็นที่รู้จัก จนกระทั้งในเดือนธันวาคมมีวีดีโอสมัครเล่นชายอ้วนคนหนึ่งชื่อ Gary Brolsma เป็นชาวอเมริกันอายุ 19 ปี ได้โชว์คลิปตัวเองสวมหูฟังและลิปซิ้งกับเพลงดังกล่าวด้วยท่าทางตลกๆ "มายยะฮี๊ มายยะฮู๊" ในเว็บไซต์ Newgrounds.com เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2004 ในชื่อนูม่านูม่า จนเป็นที่นิยมและมีการเผยแพร่จนมีหลายเวอร์ชั่น และทำให้วงต้นแบบของเพลงดังกล่าวโด่งดังในที่สุด ปัจจุบันเพลงดังกล่าวมีหลายเวอร์ชั่นหลายแบบและเคยเป็นเพลงประกอบในภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Chicken Little อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเจ้าของคลิปดังกล่าวไม่ได้มีความสุขมากนักเพราะเขาเป็นที่รู้จักกันในตัวตลกที่น่าอับอาย ทำให้เขาต้องงดปรากฏตัวสู่สาธารณะชนไปพักใหญ่
8. Caramelldansen
Caramell เป็นชื่อของกลุ่มนักร้องสวีเดนซึ่งได้ร้องเพลง Caramelldansen ซึ่งตัวเพลงเป็นแนวสนุกสนานน่ารัก ซึ่งเป็นเพลงแรกของวงดังกล่าว ออกวางแผงในเดือนพฤศจิกายน ในปี 2001 กระทั้งในปี 2002 มีการใช้เพลงนี้มาโปรโมทเกมนิยายภาพ Popotan โดยทำตัวละครเอกจากเกมสองตัวคือ ไม และ มี่ ทำท่าน่ารักคือเต้นสายสะโพกเอามือไว้บนหัวทำท่ากระต่ายเป็นเพลงเปิดของเพลงและโพสลงอินเตอร์เน็ต จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "Uma uma dance" จนเป็นที่นิยมในคลิปทางอินเตอร์เน็ตทั้งทีหลายคนไม่รู้เลยว่าเพลงดังกล่าวชื่ออะไรหรือเจ้าของเพลงเป็นใคร ปัจจุบันมีหลายคนเอาเพลงดังกล่าวเอาประกอบท่าเต้นตัวการ์ตูนดังจากเรื่องต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นมาเอาทำท่าเหมือนกับท่าเต้นโปรโมท Popotan โดยไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเพลงหรือนักร้องเลย
7. This Is Sparta !!
“ที่นี่ คือสปาร์ต้า !!” เป็นคำติดปากที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ 300 (2006) โดยเป็นฉากที่ผู้คนสะใจกับนักแสดง เจอราร์ด บัทเลอร์ ที่สวมบทเป็นกษัตริย์เลโอไนดาส ได้ต้อนรับฑูตจากเปอร์เซีย หากแต่ฑูตดังกล่าวส่ง:X์นไม่เป็นทีพอใจนัก จากนั้นเมื่อทั้งคู่อยู่หน้าบ่อน้ำ กษัตริย์เลโอไนดาสได้ตรัสประโยค “ที่นี่ คือสปาร์ต้า !!” ก่อนที่จะถีบฑูตจากเปอร์เซียลงในบ่อน้ำลึกไป โดยฉากดังกล่าวมีการดัดแปลงแก้ไขและนำมาโพสลงเว็บ youtube หลายเวอร์ชั่น โดยเน้นให้ดูตลกล้อเลียน รวยอารมณ์ขัน โดยสีหน้าที่ได้ใจของเจอราร์ด บัทเลอร์ถูกตัดต่อมากมายอย่างที่เห็นในคลิปข้างล่างในชื่อ "This is Sparta ! Last techno remix" ที่มียอดคนดูถึง 6 ล้านคน
6. Star Wars Kid
Star Wars ถือว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ถูกนำมาล้อเลียนเป็นคลิปวีดีโอมากที่สุด หนึ่งในนั้นก็มีวีดีโอที่เรียกว่า "Star Wars Kid" รวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นวีดีโอสมัครเล่นของเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งชื่อ Ghyslain Raza เป็นนักเรียนในแคนาดาที่แกว่งไม้ตักลูกกอลฟ์จากน้ำ ล้อเลียนเป็นท่าทางเป็นอัศวินเจไดที่แกว่งดาบเลเซอร์ปัดปืนเลเซอร์(ถ่ายในสตูดิโอของโรงเรียน)ถ่ายเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2002 และถูกลืมทิ้งไว้ที่ชั้นใต้ดิน ต่อมามีคนพบวีดีโอดังกล่าวเลยเอาไปเผยแพร่ให้หมู่โรงเรียนดังกล่าวเป็นวงแคบๆ ด้วยเนื้อหาค่อนข้างตลกและบ้าๆ บอๆ แต่กระนั้นก็แพร่กระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ต โดยปรากฏตัวครั้งแรก 14 เมษายน 2003 และมีการดัดแปลงโดยใส่ลูกเล่น เช่นแสงเลเซอร์ เสียงประกอบ หรือเอาภาพยนตร์มาตัดต่อหลายเวอร์ชั่น ต่อมาก็ในปี 2003 ครอบครัวของเด็กนักเรียนดังกล่าวทำการฟ้องร้องครอบครัวเด็กที่เป็นคนเอาวีดีโอนี้ไปเผยแพร่ เนื่องจากเด็กอ้วนในรูปถูกล้อเลียนและโดนดูถูกจากเพื่อนร่วมชั้นจนถึงขั้นมีอาการทางประสาท
5. All Your Base Are Belong To Us
"All Your Base are Belong to Us" (ส่วนใหญ่มักเป็นประโยคสั้นๆ เช่น "All Your Base ", " AYBABTU " หรือแค่ " AYB ") แปลเป็นไทยว่า “ฐานของพวกแกตกเป็นของเราหมดแล้ว” เป็นประโยคแสลงอินเตอร์เน็ตยอดนิยม โดยที่มาจากเกม Zero Wing ซึ่งเป็นเกมยิงของเซก้า ที่ในปี 1991 มีการแปลภาษาคลิปใต้ภาพเกมมาเป็นภาษาของฝั่งตะวันตก แต่ปรากฏว่าทีมงานแปลผิดกระจายออกมาแบบสุกเอาเผากินมากๆ โดยประโยคที่ผิดอย่างชัดเจนคือ “All Your Base are Belong to Us" ซึ่งความจริงแล้วประโยคที่ถูกต้องหากแปลเป็นอังกฤษก็คือ "With the help of Federation Forces, all of your bases have been taken over by CATS" และก็มีอีกหลายประโยค(ทั้งหมด)ที่แปลผิดอย่างชัดเจน ต่อมาการเผยแพร่ประโยคดังกล่าวในอินเตอร์เน็ตในเชิงล้อเลียน และเริ่มฮิตตั้งแต่ปี 2000-2002 เป็นต้นมา โดยปรากฎหลายสื่อไม่ว่าจะเป็นหนังสือ การ์ตูน เสื้อผ้า ภาพยนตร์ เพลง รายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ วิดีโอเกม
4. Loituma Girl
แม่สาวควงต้นหอม หลายคนอาจรู้จากตัวละครที่ชื่อมิกุจาก Vocaloid ร้องไว้ในปี ค.ศ.2007 ควงหัวหอมมากกว่า แต่ความจริงแล้วต้นแบบแม่สาวควงต้นหอมไม่ใช่เธอ เพราะต้นแบบจริงๆ สาวควงหัวหอมก็คือ โอริฮิเมะ อิโนะอุเอะ จากเรื่องบลีท ซึ่งเป็นฉากหนึ่งในอนิเมชั่นตอนที่ 2 (ฉายเมื่อ 12 ตุลาคม 2004) ซึ่งเป็นอิโนะอุเอะได้ควงหัวหอมต่อหน้าสองตัวละครเอกของเรื่อง
ต่อมาในปลายเดือนเมษายนปี 2006 มีการนำฉากดังกล่าวมาประกอบเพลงที่ชื่อ "Ievan Polkka" ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านในช่วงปี 1930 และได้รับความนิยมเมื่อร้องโดยวง Loituma ">(จนเป็นที่มาของชื่อ) มาร้องในปี 1996 จนเป็นที่นิยมของประเทศฟินแลนด์ โดยทำนองเพลงจะเป็นแบบโพลกาพื้นบ้านของประเทศดังกล่าว ส่วนเนื้อหาของเพลงจะเป็นเรื่องราวของหนุ่มชาวบ้านคนหนึ่ง อยากจะเต้นรำกับสาวน้อยชื่ออีวา หากแต่แม่เธอไม่อนุญาต จนกระทั้งวันหนึ่งหนุ่มสาวเลยแอบหนีมาเต้นรำที่บ้านหลังหนึ่ง ทั้งคู่เต้นโพลกากันตลอดทั้งคืน และเมื่อถึงตอนเช้าในขณะที่ทั้งคู่เดินกลับบ้านะพวกเขาก็พบแม่ของอีวาดักรออยู่แล้ว โดยหนุ่มคนนั้นก็บอกแม่ของอีวาว่าเขาไม่มีอะไรกับเธอ ด้วยเนื้อหาพลังแล้วสนุกสนาน ติดหู ทำให้คลิปดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและมีหลายเวอร์ชั่น แต่ที่ดังที่สุดคือเวอร์ชั่นมิกุควงต้นหอมในเดือนกันยายนปี 2007
3. Der Untergang
Der Untergang หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Downfall เป็นภาพยนตร์เยอรมันที่ออกฉายในปี 2004 เป็นภาพยนตร์เกี่ยงกับบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับฮิตเลอร์ในช่วงสิบวันสุดท้ายในบังเกอร์ใต้ดิน ขณะที่กองทัพรัสเซียรุกคืบมาใกล้เบอร์ลิน และเยอรมนีกำลังพ่ายแพ้สงครามโลก โดยภาพยนตร์ดังกล่าวได้รับความคำชมว่าสมจริงและเคยเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม แม้ภาพยนตร์ดังกล่าวจะเป็นภาพยนตร์เก่าหากแต่กระนั้นปัจจุบันหลายคนรู้จักภาพยนตร์นี้ เนื่องจากมีหลายคนเอาไปตัดต่อเผยแพร่เว็บไซต์ที่มีคลิปวีดีโอโดยเฉพาะเว็บ youtube ในลักษณะล้อเลียน โดยใช้ซับไตเติ้ลที่เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องบรรยายในฉากจริงในภาพยนตร์ ซึ่งต่อมาเราเรียกติดปากว่าพากย์นรก โดยเนื้อหาเป็นเชิงตลกที่ไม่เกี่ยวกับภาพยนตร์เลย เช่น การเมือง กีฬา อนิเมชั่น วีดีโอเกม บุคคลดังต่างๆ หนึ่งในฉากที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือฉากที่ฮิตเลอร์ที่แสดงโดยบรูโน่ แกนซ์นักแสดงชาวสวิสระเบิดอารมณ์ใส่นายทหารหลังจากรับรายงานว่าเยอรมนีกำลังจะแพ้สงครามอย่างดุเดือดเร้าใจได้อารมณ์ และฉากที่ฮิตเลอร์ระเบิดอารมณ์ใส่โทรศัพท์ที่มาดัดแปลงว่าปลายสายที่ฮิตเลอร์คุยเป็นบุคคลดังต่างๆ ซึ่งได้รับความนิยมมาก จนกระทั้งในปี 2010 ทาง youtube ได้ทำการลบคลิปดังกล่าวไปเพราะว่าเห็นเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ หากต่อมาก็กลับมาเป็นปกติเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญทางทรัพย์สินทางปัญญาบอกว่าเป็นการโฆษณาหนังที่ดี
2. Angry German Kid
Angry German Kid เป็นคลิปที่เป็นของเด็กชายชื่อ Leopold Slikk (นามสกุลยังไม่ได้รับการยืนยัน) โดยระเบิดอารมณ์ใส่คีย์บอร์ดและข้าวของบนโต๊ะคอมอย่างรุนแรง เชื่อกันว่าเป็นสาเหตุจากที่เขาเล่นเกมที่ชื่อ Unreal Tournament แต่เกมดันไม่เข้าข้างเขา เลยโกรธใส่แป้นคีย์บอร์ดซ้ำไปซ้ำมา ต่อมาเขาก็โพสต์คลิปดังกล่าวลงใน youtube จนตนเองโด่งดัง ซึ่งภายหลังมีคนถามว่านี้เป็นการแสดงหรือเปล่า ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นของจริงทุกอย่าง ของไทยเราเอามาทำซับจนฮากระจาย เช่น ล้อว่าเป็นลูกฮิตเลอร์(เพราะระเบิดอารมณ์โกรธคล้ายกัน เกรียนใส่คนอื่นเหมือนกัน) หรือเล่นเกมออนไลน์แล้วไม่ได้ดั่งใจ เป็นต้น
1. Kuso Miso Technique
Kuso Miso Technique เป็นการ์ตูนโป๊ (ชายกับชาย) วาดโดย Junichi Yamakawa ที่มีตอนเดียว ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารเกย์ เมื่อปี 1987 แม้จะนานหลายปีแต่การ์ตูนดังกล่าวได้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก โดยเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมแห่งหนึ่ง Masaki Michishita ระหว่างทางกำลังเดินไปสาธารณะ เขาก็พบเห็นชายในชุดหมีตนหนึ่งชื่อ อาเบะ กำลังนั่งบนม้านั่งเมื่อทั้งสองสบตากันนั้นเอง อาเบะก็รูดซิปจน “กระเจี๊ยว” โผล่ออกมา และเขาก็พูดว่า “ยาราไนก้า" แปลว่า “เอาไหม" แล้วทั้งสองก็เดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อมีเพศสัมพันธ์กัน ซึ่งในช่วงเวลาการ์ตูนออกในยังไม่ได้รับความนิยมนัก
จนกระทั้งในปี 2003 การ์ตูนดังกล่าวได้ถูกโพสลงในเว็บ 2channel ปรากฏว่าถูกอกถูกใจแก่คนเข้ามาชมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นท่าทางของอาเบะตอนนั่งบนม้านั่ง หรือสีหน้าของอาเบะที่หลับตาเคลิ้มปากเผยอ พร้อมกับการเกิดศัพท์แสลงใหม่ว่า "Uho! Otoko II" และ "Yaranai Ka" และหลังจากนั้นก็มีเพลง "Yaranai Ka" ตามมา จนเป็นที่ได้รับความนิยมในอินเตอร์เน็ตในญี่ปุ่นและในไทยในที่สุด (แต่เมืองนอกตะวันตกไม่ได้รับความสนใจสักเท่าไร) และนับจากนั้นเป็นต้นก็มีคลิปหรือการตัดต่อรูปภาพอาเบะเป็นจำนวนมาก และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเสื่อมและน่ากลัวไป
credit:http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=490841
มุขฮาทางโลกไซเบอร์