เนโครแมนเซอร์ ( Necromancer) คือ ผู้ใช้ศาสตร์แห่งความตาย โดยมีที่มาจากเนโครแมนซี (Necromancy) เป็นศาสตร์อาคมดำมืดที่เกี่ยวกับความตาย
ภูติผีปีศาจ การพยากรณ์ โดยการอัญเชิญจิต หรือภูมิผีมาใช้งาน
ตั้งแต่ยุคเรอนาซองเป็นต้นมา ศาสตร์แห่งเนโครแมนซี่ยิ่งถลำลึกและมีความเกี่ยวข้องกับศาสตร์มนต์ดำ อาถรรพ์ และด้านทางคุณไสยมากยิ่งขึ้น และแน่นอนยิ่งสัมพันธ์กับการเรียกอัญเชิญปีศาจมากยิ่งขึ้นเช่นด้วยเช่นกัน ทำให้ความหมายเกี่ยวกับการเรียกวิญญาณมาสอบถาม หรือมาใช้ในการทำนายพยากรณ์อันเป็นจุดเริ่มต้นแรกเริ่มของศาสตร์นี้กลายเป็นใจความรอง ที่เด่นชัดน้อยกว่าการอัญเชิญปีศาจ ศาสตร์มนต์ดำ และ ศาสตร์เกี่ยวกับ วิญญาณ และ ปีศาจ
ประวัติในยุคสมัยต่างๆ
สมัยโบราณ
ในยุคแรกเริ่มนั้น เนโครแมนซี่ มีความใกล้เคียงกับ ชาแมนนิซึ่ม (พวกคนทรงเจ้า หมอผี) มาก เพราะเนื้อหาใจความหลักของศาสตร์ ไปให้ความสำคัญกับการเรียกหาภูตผี จิตวิญญาณ ต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ ผี หรือ วิญญาณของคนรุ่นก่อนหน้านั้นที่ล่วงลับไปแล้ว โดยเรียกกลับมาเพื่อการสอบถาม การทำนายทายทัก หรือการหาคำตอบในสิ่งอันเป็นประสงค์ใคร่รู้
ในประเทศเปอร์เซีย ได้มีบันทึกเกี่ยวกับหลักการ และศาสตร์เกี่ยวกับเนโครแมนซี่ในยุคแรกๆ นี้ไว้ ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังกลุ่มคนพวกชาลเดีย เอทรูเนีย และ บาบิโลเนีย ซึ่งมีศัพท์เรียกศาสตร์
เนโครแมนซี่นี้เฉพาะว่า แมนซาซูอู (Manzazuu) ชา เอเทมมู (Sha Etemmu) และผี วิญญาณที่เลี้ยงไว้เรียกว่า เอเทมมู (Etemmu)
เนโครแมนซี่ แพร่กระจายเข้าไปในตะวันตกในยุคโบราณ ตามหลักฐานที่ปรากฏใน บาบิโลน อียิปต์ กรีซ และ โรม หนึ่งในหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องเนโครแมนซี่ ปรากฏในบทกวีนิพนธ์ เรื่อง โอดีซซี่ ของโฮเมอร์ (700 ปีก่อนคริสตกาล) มีการกล่าวถึงพิธีกรรมทางเนโครแมนซี่ เป็นพิธีกรรมที่ต้องกระทำในยามกลางคืน กระทำรอบๆ หลุมไฟ ใช้การบูชายัญสัตว์ และเลือดของมัน เป็นอาหารให้กับภูต ผี มาดื่มกิน
พิธีกรรมเช่นนี้เป็นสิ่งที่พบเห็นได้สามัญทั่วไปตามอย่างของศาสตร์เนโครแมนซี่ ในยุคแรกๆ ในพิธีกรรมทางเนโครแมนซี่ยังเกี่ยวข้องกับพวกเครื่องรางของขลัง วงเวทย์ คทา กระดิ่ง และเวทมนตร์ อาคม คาถาอีก ส่วนผู้ประกอบพิธีหลักเองก็ต้องแต่งตัวให้เกี่ยวข้องกับความตายและแลดูขลัง ไม่ว่าจะใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ เอาของที่เกี่ยวกับความตายมาประดับตกแต่งตัว ไว้หนวดเครายาว แลดูโทรมและน่าเกรงขาม และในการประกอบพิธีจะใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อทำการติดต่อกับวิญญาณของภูตผี หรือคนที่ล่วงเลยลับไปแล้ว ส่วนสถานที่ประกอบพิธีนั้นนิยมทำกันในบริเวณสุสาน หรือสถานที่ที่แลดูขลัง และเต็มไปด้วยบรรยากาศน่าหดหู่ ในการเรียกวิญญาณจะนิยมเรียกวิญญาณของคนที่พึ่งเสียชีวิตใหม่ๆ เสียมากกว่า เพราะเชื่อกันว่าจิตเหล่านั้นจะชัดเจนและเชื่อถือได้เต็มที่ แต่หากผู้ที่ต้องการเรียกผู้ที่ตายมาเป็นเวลานานกว่า 1 ปีแล้ว จะนิยมเรียกวิญญาณในธรรมชาติ หรือ พวก ภูต ผี อื่นมาแทนเสียมากกว่า และแน่นอนเป็นความจริงที่ว่าวิญญาณคนมีความรู้ที่จำกัด รู้แค่สิ่งที่ตนรู้ หรือมีประสบการณ์มายามมีชีวิตเสียและเพียงได้รับเพิ่มยามเสียชีวิตไปแล้วเสียมากกว่า ด้วยเช่นกัน
เนโครแมนซี่ ในยุคกลาง
นักประพันธ์ในยุคกลางส่วนใหญ่เชื่อว่าการชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้วไม่สามารถกระทำได้หากไม่ได้รับพระพรจากพระคริสตเจ้า ดังนั้นการชุบชีวิตหรือเรียกหาผู้ที่ตายไปแล้วกลับมาในศาสตร์ของเนโครแมนซี่ จึงเชื่อว่าเป็นการกระทำของปีศาจ ที่ยืมร่างของวิญญาณมาใช้ และทำให้เนโครแมนซี่ถูกจัดอยู่ในประเภทเดียวกันกับศาสตร์มืด อาคม มนต์ดำ และพวกศาสตร์เกี่ยวกับการบูชาปีศาจไปในตัว
เนโครแมนซี่ในยุคกลางเชื่อว่าเป็นส่วนผสมระหว่าง แอสทรัล เมจิค อีกศาสตร์หนึ่งที่ได้รับมาจากทางอารบิค และได้รับอิทธิพลของศาสตร์ เอ็คโซซิซึ่ม หรือการขับไล่ผี มาผสมผสานกันออกมา ซึ่งความเชื่อที่ได้รับมาจากทางอารบิคนี้ปรากฏจากความเกี่ยวข้องทางพิธีกรรม ที่นำเรื่องของ ดวงจันทร์ พระอาทิตย์ ช่วงจันทรคติ สุริยคติ ตำแหน่งดาว ช่วงเวลาในแต่ละวัน มาเกี่ยวข้องด้วย
ส่วนอิทธิพลที่ได้มาจากทางยิว และการเอ็คโซซิซึ่ม ปรากฏในสัญลักษณ์ และรูปแบบการอัญเชิญวิญญาณ
เนโครแมนเซอร์ ในยุคกลาง เชื่อว่าเนโครแมนซี่เป็นศาสตร์ที่ใช้สำหรับกระทำการเพื่อบรรลุสิ่ง 3 อย่างหลักๆ คือ
1. ควบคุม
2. มายา
3. ปัญญา
การควบคุม กระทำเพื่อบรรลุการควบคุมจิตใจและเจตจำนงของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือแม้แต่ภูต ผี และเพื่อการนี้ ปีศาจ จะถูกอัญเชิญมาเข้าควบคุมจิตใจของคนอื่น ทำให้คนผู้นั้นเป็นบ้า หรือทำให้คนผู้นั้นมีความรักหรือความเกลียดต่อบุคคลที่ต้องการ หรือแม้แต่ควบคุมให้คนนั้นมีพฤติกรรมกระทำในสิ่งที่ตนต้องการได้
มายา เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างภาพหลอน คืนชีวิตให้ผู้ตายปรากฏออกมาชั่วคราว หรือสร้างภาพในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงให้หลงคิดไปว่าดำรงอยู่จริง
ปัญญา เกี่ยวกับการรับความรู้ในสิ่งที่ตนไม่รู้ จากผู้มีความรู้เหนือกว่ามนุษย์ คือ ปีศาจ การใช้เนโครแมนซี่ในแง่นี้จะเรียกปีศาจมาเพื่อสอบถามเรื่องราวสารพันที่ใคร่รู้ ใช้สืบเสะหาของที่หายไป หาฆาตกร หรือแม้แต่การเปิดเผยเรื่องราวในอนาคต
การประกอบพิธีเนโครแมนซี่ในยุคกลางมักเกี่ยวข้องกับการใช้วงเวทย์เสมอ วงเวทย์จะถูกวาดลงบนพื้น บางครั้งอาจใช้เศษผ้าหรือเสื้อผ้ามาเรียงแทนที่ได้ เช่นเดียวกับสารพันวัตถุ สัญลักษณ์ ลวดลาย ตัวหนังสือ ในรูปทรงต่างๆ เชื่อว่าวงเวทย์เป็นเสมือนเครื่องมือที่ใช้ในการขยายพลังงานทางจิต และขณะเดียวกัน ก็ปกป้องผู้ประกอบพิธีจากความมุ่งร้ายหรือผลกระทบที่อาจได้รับด้วย
พิธีกรรมอัญเชิญปีศาจ เป็นกระบวนการในการเรียกปีศาจที่อยู่ในมิติที่แตกต่างให้มาปรากฏในโลกแห่งวัตถุนี้ได้ โดยอาศัยพิธีกรรม คาถามนตรา หรือท่าทาง ในการเป็นสื่ออัญเชิญ โดยทั่วไปในระหว่างพิธีกรรม ผู้ประกอบพิธีจะลงมือกระทำพิธีอัญเชิญหรือท่องคาถาในรูปแบบที่ซ้ำๆ กันไปเรื่อยๆ ไม่ก็เคลื่อนที่วนไปมาไปเรื่อยๆ จนกว่าพิธีจะเสร็จสมบูรณ์ หรือปีศาจที่เรียกหาจะปรากฏออกมา ขณะเดียวกันการบูชายัญ หรือของถวายก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จำเป็น เพราะทำหน้าที่เป็นค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย ซึ่งเครื่องบูชาเป็นไปได้ตั้งแต่เลือดสัตว์ เนื้อสัตว์ มนุษย์ จนกระทั่งสิ่งของทั่วไป นอกเหนือจากนั้น เวลา สถานที่ โอกาส และวิธีการนำเสนอพิธีกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีผลและความสำคัญต่อพิธีกรรมเช่นไร
เนโครแมนซี่ ในยุคสมัยใหม่
ในยุคสมัยใหม่ คำว่าเนโครแมนซี่ ถูกใช้เป็นคำศัพท์พาะทั่วไปสำหรับการอธิบายถึงศาสตร์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความตาย หรือเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์คาถา ภูต ผี ปีศาจ และการเรียกหาวิญญาณมาทำนายทายทักถึงอนาคต ขณะที่เชื่อว่ายังมีการประกอบพิธีทางเนโครแมนซี่อยู่ตามที่ต่างๆ ในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างที่พบเห็นในแอฟริกา พวกความเชื่อวูดู ที่ได้รับการปลูกฝังความเชื่อมาแต่โบราณกาลเป็นต้น แต่ไม่ว่าที่ไหนและเมื่อไหร่ เนโครแมนซี่ก็ดี เนโครแมนเซอร์ผู้ใช้ความตายก็ดี ก็เป็นศาสตร์หนึ่งที่มีเสน่ห์และความพิศวงแฝงเร้นกับความตายในตัวมันมาแต่ช้าแต่นานแล้ว
ปัจจุบัน เนโครแมนเซอร์ได้ถูกนำมาสร้างโดยต่อเติมความคิดหรือจินตนาการของผู้สร้างสรร จนมาเป็นส่วนหนึ่งของความบันเทิงเช่น หนัง อนิเมะ เกม เป็นต้น
ตัวอย่าง
Necrolyte จาก Dota
Hellscythe Eucliwood
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ:http://bew1234567.exteen.com/20110131/necromancer
ภูติผีปีศาจ การพยากรณ์ โดยการอัญเชิญจิต หรือภูมิผีมาใช้งาน
ตั้งแต่ยุคเรอนาซองเป็นต้นมา ศาสตร์แห่งเนโครแมนซี่ยิ่งถลำลึกและมีความเกี่ยวข้องกับศาสตร์มนต์ดำ อาถรรพ์ และด้านทางคุณไสยมากยิ่งขึ้น และแน่นอนยิ่งสัมพันธ์กับการเรียกอัญเชิญปีศาจมากยิ่งขึ้นเช่นด้วยเช่นกัน ทำให้ความหมายเกี่ยวกับการเรียกวิญญาณมาสอบถาม หรือมาใช้ในการทำนายพยากรณ์อันเป็นจุดเริ่มต้นแรกเริ่มของศาสตร์นี้กลายเป็นใจความรอง ที่เด่นชัดน้อยกว่าการอัญเชิญปีศาจ ศาสตร์มนต์ดำ และ ศาสตร์เกี่ยวกับ วิญญาณ และ ปีศาจ
ประวัติในยุคสมัยต่างๆ
สมัยโบราณ
ในยุคแรกเริ่มนั้น เนโครแมนซี่ มีความใกล้เคียงกับ ชาแมนนิซึ่ม (พวกคนทรงเจ้า หมอผี) มาก เพราะเนื้อหาใจความหลักของศาสตร์ ไปให้ความสำคัญกับการเรียกหาภูตผี จิตวิญญาณ ต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ ผี หรือ วิญญาณของคนรุ่นก่อนหน้านั้นที่ล่วงลับไปแล้ว โดยเรียกกลับมาเพื่อการสอบถาม การทำนายทายทัก หรือการหาคำตอบในสิ่งอันเป็นประสงค์ใคร่รู้
ในประเทศเปอร์เซีย ได้มีบันทึกเกี่ยวกับหลักการ และศาสตร์เกี่ยวกับเนโครแมนซี่ในยุคแรกๆ นี้ไว้ ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังกลุ่มคนพวกชาลเดีย เอทรูเนีย และ บาบิโลเนีย ซึ่งมีศัพท์เรียกศาสตร์
เนโครแมนซี่นี้เฉพาะว่า แมนซาซูอู (Manzazuu) ชา เอเทมมู (Sha Etemmu) และผี วิญญาณที่เลี้ยงไว้เรียกว่า เอเทมมู (Etemmu)
เนโครแมนซี่ แพร่กระจายเข้าไปในตะวันตกในยุคโบราณ ตามหลักฐานที่ปรากฏใน บาบิโลน อียิปต์ กรีซ และ โรม หนึ่งในหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องเนโครแมนซี่ ปรากฏในบทกวีนิพนธ์ เรื่อง โอดีซซี่ ของโฮเมอร์ (700 ปีก่อนคริสตกาล) มีการกล่าวถึงพิธีกรรมทางเนโครแมนซี่ เป็นพิธีกรรมที่ต้องกระทำในยามกลางคืน กระทำรอบๆ หลุมไฟ ใช้การบูชายัญสัตว์ และเลือดของมัน เป็นอาหารให้กับภูต ผี มาดื่มกิน
พิธีกรรมเช่นนี้เป็นสิ่งที่พบเห็นได้สามัญทั่วไปตามอย่างของศาสตร์เนโครแมนซี่ ในยุคแรกๆ ในพิธีกรรมทางเนโครแมนซี่ยังเกี่ยวข้องกับพวกเครื่องรางของขลัง วงเวทย์ คทา กระดิ่ง และเวทมนตร์ อาคม คาถาอีก ส่วนผู้ประกอบพิธีหลักเองก็ต้องแต่งตัวให้เกี่ยวข้องกับความตายและแลดูขลัง ไม่ว่าจะใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ เอาของที่เกี่ยวกับความตายมาประดับตกแต่งตัว ไว้หนวดเครายาว แลดูโทรมและน่าเกรงขาม และในการประกอบพิธีจะใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อทำการติดต่อกับวิญญาณของภูตผี หรือคนที่ล่วงเลยลับไปแล้ว ส่วนสถานที่ประกอบพิธีนั้นนิยมทำกันในบริเวณสุสาน หรือสถานที่ที่แลดูขลัง และเต็มไปด้วยบรรยากาศน่าหดหู่ ในการเรียกวิญญาณจะนิยมเรียกวิญญาณของคนที่พึ่งเสียชีวิตใหม่ๆ เสียมากกว่า เพราะเชื่อกันว่าจิตเหล่านั้นจะชัดเจนและเชื่อถือได้เต็มที่ แต่หากผู้ที่ต้องการเรียกผู้ที่ตายมาเป็นเวลานานกว่า 1 ปีแล้ว จะนิยมเรียกวิญญาณในธรรมชาติ หรือ พวก ภูต ผี อื่นมาแทนเสียมากกว่า และแน่นอนเป็นความจริงที่ว่าวิญญาณคนมีความรู้ที่จำกัด รู้แค่สิ่งที่ตนรู้ หรือมีประสบการณ์มายามมีชีวิตเสียและเพียงได้รับเพิ่มยามเสียชีวิตไปแล้วเสียมากกว่า ด้วยเช่นกัน
เนโครแมนซี่ ในยุคกลาง
นักประพันธ์ในยุคกลางส่วนใหญ่เชื่อว่าการชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้วไม่สามารถกระทำได้หากไม่ได้รับพระพรจากพระคริสตเจ้า ดังนั้นการชุบชีวิตหรือเรียกหาผู้ที่ตายไปแล้วกลับมาในศาสตร์ของเนโครแมนซี่ จึงเชื่อว่าเป็นการกระทำของปีศาจ ที่ยืมร่างของวิญญาณมาใช้ และทำให้เนโครแมนซี่ถูกจัดอยู่ในประเภทเดียวกันกับศาสตร์มืด อาคม มนต์ดำ และพวกศาสตร์เกี่ยวกับการบูชาปีศาจไปในตัว
เนโครแมนซี่ในยุคกลางเชื่อว่าเป็นส่วนผสมระหว่าง แอสทรัล เมจิค อีกศาสตร์หนึ่งที่ได้รับมาจากทางอารบิค และได้รับอิทธิพลของศาสตร์ เอ็คโซซิซึ่ม หรือการขับไล่ผี มาผสมผสานกันออกมา ซึ่งความเชื่อที่ได้รับมาจากทางอารบิคนี้ปรากฏจากความเกี่ยวข้องทางพิธีกรรม ที่นำเรื่องของ ดวงจันทร์ พระอาทิตย์ ช่วงจันทรคติ สุริยคติ ตำแหน่งดาว ช่วงเวลาในแต่ละวัน มาเกี่ยวข้องด้วย
ส่วนอิทธิพลที่ได้มาจากทางยิว และการเอ็คโซซิซึ่ม ปรากฏในสัญลักษณ์ และรูปแบบการอัญเชิญวิญญาณ
เนโครแมนเซอร์ ในยุคกลาง เชื่อว่าเนโครแมนซี่เป็นศาสตร์ที่ใช้สำหรับกระทำการเพื่อบรรลุสิ่ง 3 อย่างหลักๆ คือ
1. ควบคุม
2. มายา
3. ปัญญา
การควบคุม กระทำเพื่อบรรลุการควบคุมจิตใจและเจตจำนงของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือแม้แต่ภูต ผี และเพื่อการนี้ ปีศาจ จะถูกอัญเชิญมาเข้าควบคุมจิตใจของคนอื่น ทำให้คนผู้นั้นเป็นบ้า หรือทำให้คนผู้นั้นมีความรักหรือความเกลียดต่อบุคคลที่ต้องการ หรือแม้แต่ควบคุมให้คนนั้นมีพฤติกรรมกระทำในสิ่งที่ตนต้องการได้
มายา เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างภาพหลอน คืนชีวิตให้ผู้ตายปรากฏออกมาชั่วคราว หรือสร้างภาพในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงให้หลงคิดไปว่าดำรงอยู่จริง
ปัญญา เกี่ยวกับการรับความรู้ในสิ่งที่ตนไม่รู้ จากผู้มีความรู้เหนือกว่ามนุษย์ คือ ปีศาจ การใช้เนโครแมนซี่ในแง่นี้จะเรียกปีศาจมาเพื่อสอบถามเรื่องราวสารพันที่ใคร่รู้ ใช้สืบเสะหาของที่หายไป หาฆาตกร หรือแม้แต่การเปิดเผยเรื่องราวในอนาคต
การประกอบพิธีเนโครแมนซี่ในยุคกลางมักเกี่ยวข้องกับการใช้วงเวทย์เสมอ วงเวทย์จะถูกวาดลงบนพื้น บางครั้งอาจใช้เศษผ้าหรือเสื้อผ้ามาเรียงแทนที่ได้ เช่นเดียวกับสารพันวัตถุ สัญลักษณ์ ลวดลาย ตัวหนังสือ ในรูปทรงต่างๆ เชื่อว่าวงเวทย์เป็นเสมือนเครื่องมือที่ใช้ในการขยายพลังงานทางจิต และขณะเดียวกัน ก็ปกป้องผู้ประกอบพิธีจากความมุ่งร้ายหรือผลกระทบที่อาจได้รับด้วย
พิธีกรรมอัญเชิญปีศาจ เป็นกระบวนการในการเรียกปีศาจที่อยู่ในมิติที่แตกต่างให้มาปรากฏในโลกแห่งวัตถุนี้ได้ โดยอาศัยพิธีกรรม คาถามนตรา หรือท่าทาง ในการเป็นสื่ออัญเชิญ โดยทั่วไปในระหว่างพิธีกรรม ผู้ประกอบพิธีจะลงมือกระทำพิธีอัญเชิญหรือท่องคาถาในรูปแบบที่ซ้ำๆ กันไปเรื่อยๆ ไม่ก็เคลื่อนที่วนไปมาไปเรื่อยๆ จนกว่าพิธีจะเสร็จสมบูรณ์ หรือปีศาจที่เรียกหาจะปรากฏออกมา ขณะเดียวกันการบูชายัญ หรือของถวายก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จำเป็น เพราะทำหน้าที่เป็นค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย ซึ่งเครื่องบูชาเป็นไปได้ตั้งแต่เลือดสัตว์ เนื้อสัตว์ มนุษย์ จนกระทั่งสิ่งของทั่วไป นอกเหนือจากนั้น เวลา สถานที่ โอกาส และวิธีการนำเสนอพิธีกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีผลและความสำคัญต่อพิธีกรรมเช่นไร
เนโครแมนซี่ ในยุคสมัยใหม่
ในยุคสมัยใหม่ คำว่าเนโครแมนซี่ ถูกใช้เป็นคำศัพท์พาะทั่วไปสำหรับการอธิบายถึงศาสตร์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความตาย หรือเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์คาถา ภูต ผี ปีศาจ และการเรียกหาวิญญาณมาทำนายทายทักถึงอนาคต ขณะที่เชื่อว่ายังมีการประกอบพิธีทางเนโครแมนซี่อยู่ตามที่ต่างๆ ในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างที่พบเห็นในแอฟริกา พวกความเชื่อวูดู ที่ได้รับการปลูกฝังความเชื่อมาแต่โบราณกาลเป็นต้น แต่ไม่ว่าที่ไหนและเมื่อไหร่ เนโครแมนซี่ก็ดี เนโครแมนเซอร์ผู้ใช้ความตายก็ดี ก็เป็นศาสตร์หนึ่งที่มีเสน่ห์และความพิศวงแฝงเร้นกับความตายในตัวมันมาแต่ช้าแต่นานแล้ว
ปัจจุบัน เนโครแมนเซอร์ได้ถูกนำมาสร้างโดยต่อเติมความคิดหรือจินตนาการของผู้สร้างสรร จนมาเป็นส่วนหนึ่งของความบันเทิงเช่น หนัง อนิเมะ เกม เป็นต้น
ตัวอย่าง
Necrolyte จาก Dota
Hellscythe Eucliwood
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ:http://bew1234567.exteen.com/20110131/necromancer
เนโครแมนเซอร์ (Necromancer) ผู้ใช้ความตาย