1)ประเทศไทย : ขนมลูกชุบ
คืออะไร : ขนมหวานจากถั่ว เป็นของธรรมดาที่พบได้ในหลายๆ วัฒนธรรม มี
รูปร่างเหมือนผลไม้หรือสัตว์ แต่ของไทยมีลักษณะเฉพาะ ซึ่งบางทีช่วยบรรเทาการทานมากเกินไป ทำจากถั่วและกะทิ
แล้วปั้นเป็นรูปผักต่างๆ อันเล็กๆ น้ำตาวและน้ำมะลิช่วยทำให้ภายนอกดูแวววาว น่ารักซะจนไม่อยากรับประทาน
รสชาติ : ผู้ที่ชื่นชอบลูกอมเม็กซิกันคงจะต้องผิดหวัง เพราะมันไม่มีรสพริก แต่นุ่มนวลด้วยรสของกะทิ และกลิ่นหอมของดอกไม้
หาได้ที่ : หาได้ทั่วไปในตลาดในกรุงเทพ
2)ลอนดอน : Percy Pigs
คืออะไร : Percy Pigs เป็นลูกอมที่เกิดขึ้นในสมันสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำมาจากเจราตินที่ได้จากหมู แล้วตกแต่งให้เป็นหน้าหมูยิ้ม ลูกอมนี้เพิ่งจะได้รับการประกาศจากหนังสือ Vogueอังกฤษว่ามันทันสมัย
รสชาติ : รสองุ่น และราสเบอรี จะทำให้คุณนึกถึง ขนม gummy bears (ต้องขอบคุณมากๆ ที่มันไม่ได้ทำจากเจราตินหมี) มีแฟนในลอนดอนได้กล่าวว่ามันให้ความรู้สึกบนลิ้นเหมือนกับหลังจากที่คุณกลืนแชมเปญ Veuve Cliquot ลงไป มันอาจจะเป็นเวทมนต์ของหมูก็ได้นะ
หาได้ที่ : ในแคนาดาและยุโรป เช่น “petit cochons” ในฝรั่งเศส แต่ Percy Pigs ของแท้สามารถซื้อได้ที่ร้าน Marks & Spencer ถุงละไม่เกิน 1 เหรียญ
3)ฮ่องกง : Dragon Beard Candy
คืออะไร : ตุรกี อิหร่าน และจีน ต่างก็มีประเพณีร่วมในเขนมหวานชนิดหนึ่งเป็นเส้นเหมือนใยไหมประกอบด้วยผงเมล็ดงาและน้ำผึ้ง หรือ pishmaniye การรวมกันของน้ำตาลและน้ำตาลมอลโทส และใช่มือยึดจนมันกลายเป็นเหมือนเชือก Pishmaniye แปลว่าการคร่ำครวญ (เพราะความยากในการทำ) แต่ในเวอร์ชั่นตะวันออกไกลนั้นน่าสนุกกว่า Icy Crispy Dragon Beard Candy ซึ่งอ้างว่าในการยืดน้ำตาลด้วยมือนั้นออกมาเป็นเส้นกว่า 8,000 เส้น แล้วนำไปห่อมะพร้าว ถั่วลิสง หรือเมล็ดงา
รสชาติ : หวานไม่มาก ความหวาน บาง อ้อยอิ่งอยู่ในปาก เหมือนหนวดของมังกร
หาได้ที่ : หาได้ทั่วไปในฮ่องกง ที่ตลาด, Excelsior Hotel, Kowloon Market ที่สนามบินฮ่องกง (กล่องละประมาณ 20 เหรียญ)
4)นิวซีแลนด์ : Chocolate Fish
คืออะไร : ช็อกโกแลตเคลือบสับปะรด แต่รสที่คนพื้นเมืองชอบคือกีวี แต่ปัจจุบันได้พัฒนาโดยChocolate Fish ที่มีมาตั้งแต่ประมาณปี 1950 มีแรงบันดาลใจมาจากบทสนทนาง่ายๆ ไม่มีใครที่Cadbury สามารถอธิบายได้ว่าผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันที่มีรูปปลานั้นมีต้นกำเนิดอย่างไร
รสชาติ : ดาร์คช็อกโกแลตเคลือมาชเมลโลสอดไส้สตรอเบอรี่
หาได้ที่ : ร้านขายของชำและร้านสะดวกซื้อ ราคาไม่เกิน 1 เหรียญ
5)ฟินแลนด์ : Salt Licorice
คืออะไร : ในชาติที่มีน้ำเชื่อมน้ำมันสน มันไม่แปลกใจเลยที่ลูกอมของพวกเขาจะขัดแย้งกับรูปแบบของคนอเมริกันด้วย ชะเอมเทศเค็ม หรือ salmiakki ประกอบด้วยแอมโมเนียมคลอไรด์ ซึ่งคือเกลือบริสุทธิ์ชนิดหนึ่ง ชาวสแกนดิเนเวียนใช้ salmiakki เพื่อเพิ่มรสให้กับวอดก้าและปลา
รสชาติ : แย่มาก อย่างน้อยก็ในครั้งแรก
หาได้ที่ : ร้านสะดวกซื้อ โรงหนัง ในแถบสแกนดิเนเวียน
6)ออสเตรีย : Mozartkugeln
คืออะไร : ขนมเคลือบช็อกโกแลต ไม่ได้มีอะไรมากแต่ทำด้วยแรงบันดาลใจ ทำครั้งแรกที่ร้านขายลูกกวาด Fürst ในเมือง Salzburg ก่อนปี 1800 ให้กับลูกชายของ Amadeus Mozart แต่ธุรกิจไปได้ไม่ดีนัก คนทำลูกกวาดจึงทิ้งชื่อทางการค้า Mozartkugeln ดังนั้นจึงมีการลอกเลียนชื่อและขยายไปทั่วออสเตรียและเยอรมันตั้งแต่นั้นมา การสังเกตุของเลียนแบบคือจะมีด้านหนึ่งที่เรียบ สัญลักษณ์การผลิตแบบอุตสาหกรรม
รสชาติ : เข้มข้น สำหรับคนชอบช็อกโกแลต ตรงกลางเป็นพิตาชิโอเขียว อัลมอนด์ เคลือบน้ำตาล
หาได้ที่ : หนึ่งในสี่สาขาของ Fürst Cafés ที่ได้ตั้งชื่อขนมทีหลังคนอื่นว่า “celebs” ที่คุณสามารถซื้อ Mozartkugeln ได้เป็นโหลในราคาไม่ถึง 20 เหรียญ
7)ปารีส : Gold bars, big bears
คืออะไร : ไม่ประหลาดใจ คนฝรั่งเศสสามารถทำช็อกโกแลตแท่งให้เหมือนน้ำตาลขนาดเท่าเสื้อกีฬาแขนยาวที่ใช้สวมทับกันหนาวให้คุณได้ Patrick Roger นักทำช็อกโกแลตที่ชนะการแข่งขันด้วยการผสมผสานกลิ่นที่หอมหวนและการนำเสนอ ผลงานล่าสุดคือ พราลีน ที่เหมือนทองคำแท่ง
รสชาติ : มันห่างไกลจากพราลีนที่คุณเคยเจอในภัตตาคารของคนอเมริกัน ช็อกโกแลตแท่งนี้ ละลายง่าย กรอบบาง ประกอบกับถั่วกรอบๆ โกโก้บัตเทอร์ ช็อกโดแลต และเคลือบด้วยแผ่นทองคำ 24 กะรัต
หาได้ที่ : Patrick Roger มี 4 ร้านเล็กๆ รวมถึงร้านใน Blvd. St.-Germain ถ้าคุณไม่ต้องการซื้อช็อกโกแลต การได้ไปรูปปั้นช็อกโกแลตของเขาก็ถือว่าคุ้มค่าการเดินทางแล้ว ทั้งเพนกวินขนาดเท่าจริง หมีดำทำจากดาร์คช็อกโกแลต ไปจนถึงประธานาธิบดีของฝรั่งเศส Nicholas Sarkozyปัจจุบันหมีมีขายทุกที่ในราคา $13,000 ถึง $65,000
8)เม็กซิโก : Salsagheti
คืออะไร : คนของเม็กซิโกมีความชัดเจนมากเมื่อเขาต้องการไปที่ร้านขนม เขาไม่ค่อยสนใจขนมที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ในการหาพริกป่นในลูกอม หรือโรยพริกลงในขนม เหมือนเคลือบด้วยพริก อย่างไรก็ตาม Salsagheti ลูกอมหลอดรสแตงโมพร้อมกับซอส“gusano tamarind” ซึ่งทำให้มันเหมือนเส้นสปาเกตตี
รสชาติ : ส่วนใหญ่คนที่ลองครั้งแรกจะรู้สึกว่ารสเหมือนสปาเกตตี รสมะขามเข้มข้น และความหวานที่เจอกับความเผ็ด ให้ความรู้สึกเหมือนดื่มเตกิล่าอุ่นๆ
หาได้ที่ : ร้านขายของชำและร้านสะดวกซื้อ ราคาไม่เกิน 1 เหรียญ
9)มาดริด : Violet Candies
คืออะไร : บางทีอาจเป็นเพราะดอกไม้สีม่วงที่เบ่งบานทางเหนือของมาดริด ทำให้คนที่นี่ชอบลูกอมสีม่วง Mariano Gil คนทำลูกกวาด ชาวพื้นเมืองได้ทำขายตั้งแต่ปี 1915 น้ำตาลสีม่วงจากธรรมชาติ รูปดอกไม้ แต่งรสด้วยกลิ่นดอกไวโอเล็ต ซึ่งดึงดูดใจผู้ที่ชื่นชอบมาตลอดทั้งปี (รวมถึงภรรยาทั้งสองของ King Alfonsoด้วย)
รสชาติ : ลูกอมมีรสในตัวมันเองแบบดอกไม้จากธรรมชาติ คนส่วนใหญ่เห็นด้วยว่ารสมันเหมือนน้ำตาล
หาได้ที่ : La Violeta ทั้งสองสาขาใน Plaza de Canalejas ที่บรรจุในบห่อที่หวานพอๆ กับตัวมันเอง (ทำจากแก้วและ porcelain) นั่นเป็นเหตุผลที่ร้านนี้เป็นผู้บริการให้กับพระราชาได้ ลูกอมไวโอเล็ตสองปอนด์ราคาประมาณ $60 ขณะที่ไวโอเล็ตจากธรรมชาติราคาประมาณ $150
10)ญี่ปุ่น : Wagashi
คืออะไร : ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความหลงใหลในแยมและถั่วกวน ที่ญี่ปุ่น
ขนมชนิดนี้จะทำให้มีความรู้สึกเหมือนกลับไปในอดีต ในยุคสมัยที่มีองครักษ์ของจักรพรรดิได้ฆ่าตัวตายหลังจากล้มเหลวจากการส่งขนมของราชวงศ์ ปัจจุบันหน้าตาไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ดูเหมือนซูชิ หรือยางลบมากว่า
รสชาติ : หวานละมุน เหนียวเหมือนเจลลี่
หาได้ที่ : Toraya โรงแรมบูติกในโตเกียว เกียวโต และเคาท์เตอร์สองสามที่ในนิวยอร์คและปารีส ซึ่งจะโชว์อยู่ในตู้กระจกเหมือนร้านขายอัญมณี แต่กล่องเจลลี่ถั่วแดงอันเล็กๆ Yokanราคาไม่กี่ดอลล่าร์
ที่มา http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2548506
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Zero2Zero เมื่อ 2012-7-30 21:22
10 ขนมสุดแปลกจากทั่วโลก...