วันจันทร์ที่ 22 ก.ค. ปี 1991 วันเริ่มต้นการทำงานที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย ตำรวจสายตรวจสองนายแห่งเมืองมิลวอกี้ ขับรถลาดตะเวนรอบ ๆ มหาวิทยาลัยมาร์เควตต์ พื้นที่ละแวกนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเขตอาญากรรมสูงที่สุดแห่งหนึ่ง วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว ความร้อนสูงและมีความชื้นในอากาศสูงมาก จนแทบทนไม่ไหว แถมผสมกับกลิ่นจากกองขยะและของเสียพวกฉี่ที่พวกจรจัดราดจนส่งกลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียนอบอวลไปหมด
เวลานั้นเป็นเวลาราว ๆ เที่ยงคืน ขณะที่ตำรวจสองนายยังคงนั่งอยู่ในรถสายตรวจตะเวนสอดส่ายไปมาหาสิ่งผิดปกติหรือบุคคลน่าสงสัยนั้น พลันก็มองเห็นชายผิวดำคนหนึ่งวิ่งกระหืบ กระหอบที่ข้อมือมีกุญแจมือห้อยต่องแต่งไปมา สองนายตำรวจคิดว่าอาจเป็นคนร้ายหนีจากการจับกุม จึงรีบขับรถดักหน้าควักเครื่องหมายตไรวจมาให้ดู
"เฮ้ย หยุด นี่ตำรวจ ทำผิดแล้วหนีมาเรอะ ?"
เมื่อชายผิวดำเห็นตำรวจ แทนที่จะแสดงความตกใจกลับแสดงความดีใจเหมือนเห็นนักบุญมาโปรดสัตว์ไม่ปาน เขายักไหล่พูดเร็วปรื๋อ
"ปะ เปล่า ครับ ผมชื่อ การ์ซี่ เอ็ดเวิร์ด คือผมเป็นอย่างนี้เพราะมีไอ้บ้าคนหนึ่งจับผมใส่กุญแจไว้ในอพาร์ตเมนต์ของมัน"
เรื่องราวของเอ็ดเวิร์ดค่อยพรั่นพูดออกมา...มันส่อเค้ากระเดือดไปทางรักร่วมเพศ
"อย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า"
"ไปดูซักนิดก็แล้วกัน จะได้ไปจุดอื่นต่อ" ตำรวจคู่หูออกความเห็น
"ไปเลยครับคุณตำรวจ ออกซ์ฟอร์ดพาร์ดเมนต์นี้เอง ห้อง 213"
และตำรวจสองนายก็ได้เห็นภาพที่ลืมไม่ลงตลอดชั่วชีวิต
อ๊อกฟอร์ด อพาร์ทเมนต์ เลขที่ 924 เหนือ ถนน 25
ก๊อก ก๊อก.......
"ช่วยเปิดประตูด้วย นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ"
ผู้เปิดประตู เป็นชายผมบลอน์อายุราว 30 ต้น ๆ แต่งกายสะอาดเรียบร้อย
"อ้าวสวัสดีครับ...... คุณตำรวจ"
ชายผู้นั้นดูดี มาดนิ่ง พูดจาเป็นเรื่องเป็นราว น้ำเสียงก็เป็นปกติ
"มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับคุณตำรวจ"
"เราเจอเพื่อนคุณ ไม่ทราบว่าคุณกรุณาไขกุญแจมือให้ชายคนนี้ด้วยครับ"
ชายผิวดำเป็นอิสระ แล้วรีบร้องบอกตำรวจทันที
"มันจะฆ่าผมมันเอามีดเล่มโน้นแหละมาขู่ผม คุณตำรวจเชิญไปดูห้องนอนมันสิครับ"
"เชิญครับ" ชายผมบลอน์เชิญตำรวจ "อ๋อ........ผม เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ครับ เข้าไปข้างในก่อนสิครับ"
สองสายตรวจก้าวเขาไปในห้องสายตากวาดไปรอบ ๆ อย่างที่ถูกฝึกมา ห้องเล็กๆนั้นสะเอี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อย จนไม่อยากเชื่อว่าเป็นห้องชายโสด ปลาในตู้อ้วนแสดงถึงความเอาใจใส่
สองสายตรวจก้าวเขาไปในห้องสายตากวาดไปรอบ ๆ อย่างที่ถูกฝึกมา ห้องเล็กๆนั้นสะเอี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อย จนไม่อยากเชื่อว่าเป็นห้องชายโสด ปลาในตู้อ้วนแสดงถึงความเอาใจใส่
แต่เมื่อก้าวลึก ๆ เข้าไปด้านใน กลิ่นเหม็นเน่าประหลาดผสมปนเปเตะเข้าจมูก พลันหนึ่งในสองได้เห็นกับรูปโพลารอยด์หลายใบที่หล่นบนพื้นห้องถึงกับซ็อค ชั่วขณะ มันเป็นภาพร่างคนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ และภาพกะโหลกแช่อยู่ในตู้เย็น
แต่เมื่อก้าวลึก ๆ เข้าไปด้านใน กลิ่นเหม็นเน่าประหลาดผสมปนเปเตะเข้าจมูก พลันหนึ่งในสองได้เห็นกับรูปโพลารอยด์หลายใบที่หล่นบนพื้นห้องถึงกับซ็อค ชั่วขณะ มันเป็นภาพร่างคนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ และภาพกะโหลกแช่อยู่ในตู้เย็น
เงียบไปอึดใจหนึ่ง แต่สำหรับตำรวจสายตรวจผู้เห็นภาพวิปริต มันช่างนานแสนนาน หลังจากรวบรวมสติอย่างเต็มกำลัง สายตรวจตะโกนบอกเพื่อนคู่หูละล่ำละลัก
"เฮ้ยจับ จับ...............จับมันใส่กุญแจมือเดี๋ยวนี้เร็วเข้า"
ชายผมบลอน์ผู้สงบเสงี่ยมสะบัดมือเต็มแรงหนีกุญแจมือที่กำลังสับลงมา เขาสู้สุดชีวิต แต่ไม่นานก็จนมุมเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกฝึกมาชำนาญกว่า จากนั้นตำรวจนายหนึ่งก็รี่เข้าไปกระชากบานตู้เย็นออก แล้วเขาก็ร้องออกมาสุดเสียงต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาเปิดตู้เย็นเต็มแรงพลางตะโกนลั่น
"เฮ้ยมันมีแต่หัวคนเต็มตู้เลยว่ะ เรียกกำลังสมทบด่วน"
ไม่กี่อึดใจอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ก็คลาคล่ำไปด้วยรถต่าง ๆ ทั้งไฟสัญญาณไซเรน บนหลังคาตำรวจตัดกับสีฟ้าวาววับบนหลังคารถพยาบาล
"ดิฉัน แอนน์ อี ชว๊าทซ์ ผู้สื่อข่าว รายงานสดจากออกซ์ฟอร์ด อพาร์ตเมนต์ ห้อง 213 มิลวอกี ขอย่ำว่าดิฉันมาถึงที่นี้เป็นคนแรก ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่กั้นเป็นพื้นที่เขตห้ามเข้า จากที่ได้เดินไปยังห้องหมายเลข 213 ดิฉันพบว่าภายในห้องเล็ก ๆ สะอาดเรียบร้อยมาก ตั้งแต่พื้นเตียงนอนเลยที่เดียว แม้แต่ตู้ปลาก็ใสสะอาดตัด แต่ห้องที่สะอาดนี้กลับกลิ่นเหม็นเน่าที่ตลบอบอวลไปหมด ที่มาของกลิ่นนี้ เราพบว่าเป็นตู้เย็นที่ใส่ศีรษะมนุษย์ไว้ถึง 3 หัว ผลึกไว้ในถุงพลาสติกกับกล่องเบ็คกิ้งโซดาอย่างแน่นหนา เจ้าของห้องพยายามพยายามดับกลิ่นนี้ด้วยการใส่โซดาปิ้งขนมปังเอาไว้หลาย ๆ กล่องด้วยกัน"
"นอกจากนี้เมื่อเปิดเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนที่มีสายยูปิดไว้อย่างแน่นหนา เมื่อพังเข้าไปพบว่ามีหม้อใบใหญ่วางไว้ที่มุมด้านในห้องน้ำ และเมื่อเปิดฝาดูในหม้อทำกับข้าวก็พบมือเท้าและอวัยวะเพศชายที่ถูกสับเป็นท่อนๆ เป็นชิ้น ๆ และเริ่มเน่าเปลือยแล้วด้วย" "ที่ชั้นวางเราพบว่ามีกะโหลกศีรษะ 2 หัววางไว้บนชั้น มีเหยือกแก้ว ขวดใส่เอธิล แอลกอฮอล คลอโรฟอร์ม กับฟอร์มาลดีไฮด์ดองใส่อวัยวะเพศชาย มีภาพจากภาพโพลารอยด์จำนวนมากในท่วงท่าต่าง ๆ ของเหยื่อที่เสียชีวิต มีทั้งภาพหัวคนตัดสด ๆ วางอยู่ในอ่างล้างจาน ภาพลำตัวที่ถูกตัดตั้งแต่คอลงไปถึงต้นขา รูปกระดูกเชิงกราน บางภาพเป็นรูปเหยื่อที่พันธนาการเอาไว้ก่อนเสียชีวิต ร่างที่โยนไว้ในอ่างอาบน้ำ ดิฉันได้ยินเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนพูดว่า นี้เป็นคืนนรกแตกโดยแท้"
กริ่นไปซะตั้งนาน และนี้เป็นหัวข้อข่าวของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เกย์กินคน ที่เป็นคดีที่โด่งดัง เป็นฆาตกรที่นักจิตวิทยาอาญาให้ความสนใจเป็นอย่างมากในการเลี้ยงดูบุตร และสาเหตุของความผิดปกติของการกินคน เพราะจากการสืบประวัติแทบไม่มีจุดบกพร่องให้เห็นเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นฆาตกรไปได้ มันน่าสนใจจริง ๆ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ถูกนำตัวไปโรงพัก เขาสารภาพเรื่องราวในการสังหารเหยื่อตลอด 13 ปี อย่างหมดเปลือก..............................
ประวิติ
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 1960 ที่เมืองมิลวอกี้ เป็นบุตรของนายไลออนเนลและนางจอยซ์ ดาห์เมอร์ มีฐานะค่อนข้างร่ำรวย ตอนยังเล็ก ๆ กล่าวได้ว่าเขาเป็นเด็กที่น่ารักคนหนึ่ง มีนิสัยเหมือนเด็กทั่วๆ ไปที่ชอบเล่นของเล่นรักสัตว์ เป็นเด็กสุขภาพเรียบร้อยยกเว้นอย่างเดียวเขามักมีปัญหากับหูและคอเป็นประจำ เมื่อตอนเจฟฟรีย์อายุได้ 4 ขวบ ครอบครัวมีสาเหตุต้องย้ายไปที่อื่น เพราะพ่อเขาได้รับตำแหน่งใหม่ที่มหาวิทยาลัยไอโอวา เสตท ในรัฐโอไฮโอ เพื่อทำปริญญาเอก ที่นี้เองหนูน้อยเริ่มสังเกตเห็นงานอดิเรกของพ่อที่มักจะสะสมสต๊าฟสัตว์และกระดูกสัตว์เก็บไว้ดูเล่น หนูน้อยเจฟฟรีย์รู้สึกสนใจในเสียงแกร๊กๆ ระหว่างที่โครงกระดูกเหล่านี้ถูกกวาดมารวมกัน มือน้อยนั้นควานลงไปในกองกระดูกเสมือนหาของเล่นไม่ปาน แต่พ่อเขาเห็นกลับคิดว่านั้นเป็นเพียงสัญชาติญาณการเรียนรู้ของเด็กเท่านั้นไม่มีอะไรมากหรอกน่า ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์ณ์ในครั้งนั้นได้ทำให้ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ จดจำฝั่งใจไปจนโต และแล้วเงาหฤโหดได้ฝั่งเข้าไปในจิตวิญญาณของเจฟฟรีย์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาปี 1966 ดาห์เมอร์นั้นอายุได้ 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นประถม ในช่วงนี้เขาเริ่มเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะโรคอัณฑะไม่เท่ากันต้องแก้ไขโดยการผ่าตัดสถานเดียว และช่วงนี้เองที่เริ่มเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับหนูน้อยดาห์เมอร์ที่ร่าเริง แจ่มใสอยู่เสมอ กลับค่อย ๆ กลายเป็นเด็กผอม เงียบขรึม ใจลอย ไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และเริ่มปรับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ไม่ได้ และเก็บตัว มีความเครียดทางอารมณ์ จนบางครั้งก็เหมือนหุ่นที่ปราศจากวิญญาณ ถึงแม้ว่าในช่วงนี้เจฟฟรีย์จะเป็นทุกข์ แต่ตรงกันข้างกับสมาชิกในครอบครัวที่มีความสุขมากในช่วงนี้ไลออนเนลสำเร็จปริญญาเอกไอโอวา ได้รับงานนักวิจัยทางเคมี ในอาครอนที่โอไฮโอและตอนนั้นจอยซ์แม่ของเขาตั้งท้องลูกคนที่สองชื่อเดวิด เมื่อดาห์เมอร์อายุ 15 ปี ก็เริ่มพิเรนด้วยการสะสมอวัยวะสัตว์ที่ตายแล้ว โดยเก็บไว้ในถึงขยะพลาสติก เมื่อเข้าชั้นมัธยม ดาห์เมอร์ก็พอมีกิจกรรมที่จะสังสรรค์กับคนอื่น ๆ บ้าง เช่นตีเทนนิส และเข้าชมรมหนังสือพิมพ์โรงเรียน เพื่อนร่วมชั้นสังเกตว่าเขามักปลีกตัวอยู่คนเดียวเสมอและมีท่าทางติดเหล้า บางครั้งก็แอบมากรึ๊บในห้องเรียนด้วย เมื่ออายุ 18 พ่อแม่ของเขาอย่าขาดกัน นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอ้างว้างสับสนและโดดเดี่ยวมากขึ้น อาจกล่าวได้ว่านี้เป็นจุดหักเหครั้งสำคัญก็ว่าได้ นั้นเป็นสาเหตุทำให้ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ กลายเป็นคนต่อต้านสังคมหนักยิ่งขึ้น พ่อของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์เข้าใจดีว่าความเปลี่ยนแปลงสถานที่อยู่และบรรยากาศรอบตัวเป็นเหตุที่ทำให้เจฟฟรีย์ เปลี่ยนไป เพราะตัวเองก็มีประสบการณ์ในการปรับตัวในตอนเด็กมาแล้ว เขาจึงพยายามสอนเจฟฟรีย์ให้เอาชนะตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่าเจฟฟรีย์ไปไกลเกินกว่าผู้เป็นพ่อจะตามทันแล้ว.......................... เดือนเมษายนปี ค.ศ. 1967 พ่อของเขาซือบ้านใหม่ เจฟฟรีย์ชอบบ้านใหม่มากและเริ่มปรับตัวกับบ้านใหม่และโรงเรียนได้ดีขึ้น แต่ยังไม่เลิกพฤติกรรมต่อต้านสังคม มีอยู่ครั้งหนึ่งเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ได้ให้โหลใส่ลูกอ๊อดที่เขาไปซ้อนมาได้ให้ครูคนหนึ่งในโรงเรียนที่เขารักมากเพื่อเป็นที่ระลึก ต่อมาเขาทราบข่าวว่าครูได้ให้โหลนั้นกับลีเพื่อนสนิทของเขา เจฟฟรีย์ โกรธมากจึงแอบเข้าไปใส่น้ำมันเครื่องในโหลจนลูกอ๊อดตายจนเกลี้ยง เมื่อเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์อายุ 10 – 15 ปี จากเด็กที่เก็บตัวกลับกลายเป็นคนใหม่ที่มีความสับสนในการแสดงออก มีร่างกายล่ำสัน แข็งแกร่ง แต่ยังคงขี้อายเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับคนอื่น มีความเครียดในอารมณ์ตลอดเวลา ชอบเก็บตัวในห้องนอน เหม่อดูโทรทัศน์ หน้าตายไร้ความรู้สึก ไม่ใส่ใจคนรอบข้าง มีชีวิตอยู่ไปวันๆ อย่างไม่รู้จุดหมาย เมื่ออายุ 18 ปี เจฟฟรีย์เริ่มมีพฤติกรรมประหลาด ชอบหิ้วถังพลาสติกไปเที่ยวเก็บซากสัตว์ที่ตายแล้วมาฝังสุสานส่วนตัวของเขา เริ่มแล่ซากสัตว์ที่ตายเพราะรถชน บางครั้งก็ตัดหัวสุนัขมาเสียบกับไม้แล้วมาปักลงดิน
กริ่นไปซะตั้งนาน และนี้เป็นหัวข้อข่าวของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เกย์กินคน ที่เป็นคดีที่โด่งดัง เป็นฆาตกรที่นักจิตวิทยาอาญาให้ความสนใจเป็นอย่างมากในการเลี้ยงดูบุตร และสาเหตุของความผิดปกติของการกินคน เพราะจากการสืบประวัติแทบไม่มีจุดบกพร่องให้เห็นเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นฆาตกรไปได้ มันน่าสนใจจริง ๆ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ถูกนำตัวไปโรงพัก เขาสารภาพเรื่องราวในการสังหารเหยื่อตลอด 13 ปี อย่างหมดเปลือก..............................
ประวิติ
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 1960 ที่เมืองมิลวอกี้ เป็นบุตรของนายไลออนเนลและนางจอยซ์ ดาห์เมอร์ มีฐานะค่อนข้างร่ำรวย ตอนยังเล็ก ๆ กล่าวได้ว่าเขาเป็นเด็กที่น่ารักคนหนึ่ง มีนิสัยเหมือนเด็กทั่วๆ ไปที่ชอบเล่นของเล่นรักสัตว์ เป็นเด็กสุขภาพเรียบร้อยยกเว้นอย่างเดียวเขามักมีปัญหากับหูและคอเป็นประจำ เมื่อตอนเจฟฟรีย์อายุได้ 4 ขวบ ครอบครัวมีสาเหตุต้องย้ายไปที่อื่น เพราะพ่อเขาได้รับตำแหน่งใหม่ที่มหาวิทยาลัยไอโอวา เสตท ในรัฐโอไฮโอ เพื่อทำปริญญาเอก ที่นี้เองหนูน้อยเริ่มสังเกตเห็นงานอดิเรกของพ่อที่มักจะสะสมสต๊าฟสัตว์และกระดูกสัตว์เก็บไว้ดูเล่น หนูน้อยเจฟฟรีย์รู้สึกสนใจในเสียงแกร๊กๆ ระหว่างที่โครงกระดูกเหล่านี้ถูกกวาดมารวมกัน มือน้อยนั้นควานลงไปในกองกระดูกเสมือนหาของเล่นไม่ปาน แต่พ่อเขาเห็นกลับคิดว่านั้นเป็นเพียงสัญชาติญาณการเรียนรู้ของเด็กเท่านั้นไม่มีอะไรมากหรอกน่า ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์ณ์ในครั้งนั้นได้ทำให้ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ จดจำฝั่งใจไปจนโต และแล้วเงาหฤโหดได้ฝั่งเข้าไปในจิตวิญญาณของเจฟฟรีย์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาปี 1966 ดาห์เมอร์นั้นอายุได้ 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นประถม ในช่วงนี้เขาเริ่มเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะโรคอัณฑะไม่เท่ากันต้องแก้ไขโดยการผ่าตัดสถานเดียว และช่วงนี้เองที่เริ่มเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับหนูน้อยดาห์เมอร์ที่ร่าเริง แจ่มใสอยู่เสมอ กลับค่อย ๆ กลายเป็นเด็กผอม เงียบขรึม ใจลอย ไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และเริ่มปรับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ไม่ได้ และเก็บตัว มีความเครียดทางอารมณ์ จนบางครั้งก็เหมือนหุ่นที่ปราศจากวิญญาณ ถึงแม้ว่าในช่วงนี้เจฟฟรีย์จะเป็นทุกข์ แต่ตรงกันข้างกับสมาชิกในครอบครัวที่มีความสุขมากในช่วงนี้ไลออนเนลสำเร็จปริญญาเอกไอโอวา ได้รับงานนักวิจัยทางเคมี ในอาครอนที่โอไฮโอและตอนนั้นจอยซ์แม่ของเขาตั้งท้องลูกคนที่สองชื่อเดวิด เมื่อดาห์เมอร์อายุ 15 ปี ก็เริ่มพิเรนด้วยการสะสมอวัยวะสัตว์ที่ตายแล้ว โดยเก็บไว้ในถึงขยะพลาสติก เมื่อเข้าชั้นมัธยม ดาห์เมอร์ก็พอมีกิจกรรมที่จะสังสรรค์กับคนอื่น ๆ บ้าง เช่นตีเทนนิส และเข้าชมรมหนังสือพิมพ์โรงเรียน เพื่อนร่วมชั้นสังเกตว่าเขามักปลีกตัวอยู่คนเดียวเสมอและมีท่าทางติดเหล้า บางครั้งก็แอบมากรึ๊บในห้องเรียนด้วย เมื่ออายุ 18 พ่อแม่ของเขาอย่าขาดกัน นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอ้างว้างสับสนและโดดเดี่ยวมากขึ้น อาจกล่าวได้ว่านี้เป็นจุดหักเหครั้งสำคัญก็ว่าได้ นั้นเป็นสาเหตุทำให้ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ กลายเป็นคนต่อต้านสังคมหนักยิ่งขึ้น พ่อของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์เข้าใจดีว่าความเปลี่ยนแปลงสถานที่อยู่และบรรยากาศรอบตัวเป็นเหตุที่ทำให้เจฟฟรีย์ เปลี่ยนไป เพราะตัวเองก็มีประสบการณ์ในการปรับตัวในตอนเด็กมาแล้ว เขาจึงพยายามสอนเจฟฟรีย์ให้เอาชนะตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่าเจฟฟรีย์ไปไกลเกินกว่าผู้เป็นพ่อจะตามทันแล้ว.......................... เดือนเมษายนปี ค.ศ. 1967 พ่อของเขาซือบ้านใหม่ เจฟฟรีย์ชอบบ้านใหม่มากและเริ่มปรับตัวกับบ้านใหม่และโรงเรียนได้ดีขึ้น แต่ยังไม่เลิกพฤติกรรมต่อต้านสังคม มีอยู่ครั้งหนึ่งเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ได้ให้โหลใส่ลูกอ๊อดที่เขาไปซ้อนมาได้ให้ครูคนหนึ่งในโรงเรียนที่เขารักมากเพื่อเป็นที่ระลึก ต่อมาเขาทราบข่าวว่าครูได้ให้โหลนั้นกับลีเพื่อนสนิทของเขา เจฟฟรีย์ โกรธมากจึงแอบเข้าไปใส่น้ำมันเครื่องในโหลจนลูกอ๊อดตายจนเกลี้ยง เมื่อเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์อายุ 10 – 15 ปี จากเด็กที่เก็บตัวกลับกลายเป็นคนใหม่ที่มีความสับสนในการแสดงออก มีร่างกายล่ำสัน แข็งแกร่ง แต่ยังคงขี้อายเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับคนอื่น มีความเครียดในอารมณ์ตลอดเวลา ชอบเก็บตัวในห้องนอน เหม่อดูโทรทัศน์ หน้าตายไร้ความรู้สึก ไม่ใส่ใจคนรอบข้าง มีชีวิตอยู่ไปวันๆ อย่างไม่รู้จุดหมาย เมื่ออายุ 18 ปี เจฟฟรีย์เริ่มมีพฤติกรรมประหลาด ชอบหิ้วถังพลาสติกไปเที่ยวเก็บซากสัตว์ที่ตายแล้วมาฝังสุสานส่วนตัวของเขา เริ่มแล่ซากสัตว์ที่ตายเพราะรถชน บางครั้งก็ตัดหัวสุนัขมาเสียบกับไม้แล้วมาปักลงดิน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fukutoshinohara เมื่อ 2012-12-23 14:39
ฆาตกรโรคจิต เจฟรี่ ดาห์เมอร์ #1
[img]
[IMG]
[/img]