จากเด็กน่ารักสู่การเป็นฆาตกรโรคจิต
ยิ่งเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์โตขึ้นเขายิ่งโดดเดี่ยวมากขึ้นทุกที เขาเริ่มพูดกลับตัวเองในโลกแห่งความฝันและเริ่มมีพฤติกรรมวิปริต
เมื่อดาห์เมอร์อายุ 15 ปี ก็เริ่มพิเรนด้วยการสะสมอวัยวะสัตว์ที่ตายแล้ว โดยเก็บไว้ในถึงขยะพลาสติก เมื่อเข้าชั้นมัธยมไฮส:Xล ดาห์เมอร์ก็พอมีกิจกรรมที่จะสังสรรค์กับคนอื่น ๆ บ้าง เช่น เข้าชมรมเทนนิส และเข้าชมรมหนังสือพิมพ์โรงเรียน เพื่อนร่วมชั้นสังเกตว่าเขามักปลีกตัวอยู่คนเดียวเสมอและมีท่าทางติดเหล้า บางครั้งก็แอบมากรึ๊บในห้องเรียน จนครูได้คาดโทษไว้ครั้งหนึ่งแต่งไม่เป็นผล จนต้องเชิญพ่อมารับรู้พฤติกรรมลูกชาย แต่ทุกอย่างก็ไม่ดีขึ้น
เมื่ออายุ 18 พ่อแม่ของเขาได้หย่าขาดกัน พ่อเขาได้แต่งงานใหม่กับชารี แต่นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอ้างว้างสับสนและโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น อาจกล่าวได้ว่านี้เป็นจุดหักเหครั้งสำคัญก็ว่าได้
ปีค.ศ. 1978 เจฟฟรีย์ได้ไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยโอไฮโอ เสตท แต่ยังไม่เลิกนิสัยชอบกินเหล้า จนผลการเรียนตกต่ำ
และนี้เป็นปีที่เขาฆ่าคนครั้งแรก
สตีเฟ่น ฮิวค์
เขายอมรับว่าเขาหลงใหลในการร่วมรักทางทวารหนักมาจากสตีเฟ่น ฮิวค์คนนี้............
มิถุนายน 1975 ขณะที่ดาห์เมอร์ขับรถอยู่ ดาห์เมอร์ได้รับคนโบกรถกลางทางชื่อ สตีเวน ฮิวค์ เป็นพวกรักร่วมเพศ เขาหลงเสน่ห์อย่างหัวปักหัวปำ เขาพาสตีเวนมาที่บ้าน ในขณะที่ไม่มีใครอยู่พวกเขาดื่มเบียร์และมีเซ็กซ์กัน
นั้นทำให้ดาห์เมอร์ได้รับความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาชอบรสเซ็กซ์จากเพศเดียวกัน และจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ได้ผันตัวเป็นเกย์ตลอดมา
แต่เมื่อฮิวค์เสร็จธุระ จึงขอตัวกลับ ดาห์เมอร์เหมือนกำลังถูกทอดทิ้งกันอีกครั้งเหมือนกับพ่อแม่ทำกับเขามาแล้ว เขาคว้าดับเบิลยกน้ำหนักทุบตีที่หัวของสตีเวนจนเสียชีวิต ตายคามือ จากนั้นก็หั่นศพเป็นท่อน ๆ ใส่ในถุงขยะพลาสติกและเอาไปฝังในป่าละเมาะข้างหลังบ้าน
ปีค.ศ. 1979 พ่อของเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์กังวลเรื่องลูกชายสุดที่รัดติดเหล้ามาก จนพยายามให้เจฟฟรีย์ หางานทำแทนที่วันๆ จะมานั่งกินเหล้าแทนข้าว จึงพาเจฟฟรีย์ไปสมัครเป็นทหาร โดยหวังว่าด้วยกฎระเบียบของทหารจะทำให้เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ดีขึ้น
แต่เมื่อเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์รับราชการทหารได้ไม่นานก็ถูกไล่ออกเพราะถูกจับได้ว่ากินเหล้าจนไม่สามารถปฏิบัติราชการได้เป็นปกติ แล้วเมื่อกลับมาใช้ชีวิตเป็นพลเมืองอยู่ในบ้านอีกครั้ง เมื่อไปถึงบ้านด้วยความแค้น จึงแอบไปขุดเอากระดูกของฮิวค์มาทุบโดยค้อนจนป่นแล้วเอาไปโรยทิ้งในป่าราวกับขยะ เพื่อระบายอารมณ์ความแค้น
เดือนตุลาคม 1981 เขาถูกจับฐานเมาสุราอาละวาด พ่อของเขาจึงส่งตัวให้ไปอยู่กับกับย่าที่เมืองเวสท์ อัลลิส รัฐคอนซิน
แต่เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์อยู่สงบก็ถูกจับในข้อหาทำอนาจารด้วยการแก้ผ้าเดินโทงๆ ท่ามกลางผู้คน จนเขาอับอายไม่ออกจากข้างนอกเป็นเวลาถึง 4 ปี
เดือนกันยายน 1986 ดาห์เมอร์ถูกจับในข้อหาโชว์ของลับและสำเร็จความใคร่ด้วยมืออวดเด็กชาย 2 คน เขาโดนทัณฑ์อยู่หนึ่งปีก็พ้นโทษ
และปีต่อมาเขาก็เจอเหยื่อรายที่สอง
สตีเว่น เทามี
เดือนกันยายน 1987 ดาห์เมอร์รู้จัก พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งชื่อ สตีเวน เทามี ที่บาร์เกย์แห่งหนึ่ง หลังจากทั้งคู่ดื่มกันหนักก็พากันไปหาความสำราญที่ห้องพักของโทอูมิ จากคำรับสารภาพของดาห์เมอร์ภายหลังว่าเขาจำไม่ได้ว่าฆ่าโทอูมิอย่างไร รู้แต่ว่าเมื่อตื่นขึ้นมาโทอูมิก็สิ้นลมแล้ว มีเลือดติดปากเขาเกรอะกัง เขากลัวความผิด จึงนำร่างนั้นใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ จากนั้นนำไปยังบ้านของยายที่เขาอาศัยอยู่ และเริ่มกระทำสำเร็จความไคร่รสเพศกับศพ เมื่อเสร็จสมก็หั่นออกเป็นชิ้น ๆ และโยนใส่ถังขยะ
เจมี ด็อกซ์เทเตอร์
ยังไม่ถึง 3 เดือน ดาห์เมอร์ก็สอดส่ายหาเหยื่ออยู่หน้าบาร์เกย์ จนกระทั้งเห็นเด็กชายอายุ 14 ปี ชื่อ เจมี ด็อกซ์เทเตอร์ที่ชอบเดินแกว่งอยู่ด้านนอกของบาร์ เป็นนายตัวหาลูกค้าไปร่วมเพศด้วย ดาห์เมอร์หลอกล่อว่าจ่ายเงินให้ถ้ายอมไปกับเขาเพื่อให้เขาถ่ายรูปลามกเก็บไว้ และหลังจากวางยา และเสพสุข ถ่ายรูปเปลือย หลังจากนั้นก็รัดคอจนตายและเสพศพอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดหันเป็นชิ้นๆ ไปทิ้ง แต่ครั้งนี้พิเศษหน่อยที่เก็บกะโหลกและชิ้นส่วนบางอย่างของเจมี ด็อกซ์เทเตอร์เป็นที่ระลึกด้วย
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เล่าว่าเขาได้แนวคิดนี้มาจากริชาร์ด เกียร์เรโร่ หนุ่มเม็กซิกันร่างบึ้ก ที่พบในบาร์เกย์ปลายเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1988
ต่อมาเจฟฟรีย์ฆ่าคู่รักร่วมเพศอีก 4 ศพ แต่เขาจำชื่อไม่ได้ว่าเป็นใคร น่าแปลกที่ย่าเขาไม่ระแคระระคายในตัวหลานแม้แต่น้อย อย่างมากก็แค่มาบ่นว่าหนวกหูกับเสียงเอะอะเพราะความเมาของหลานกับเพื่อนชายที่มาด้วยนั้นเอง
(ติดตามตอนต่อไป)
.
ฆาตกรโรคจิต เจฟรี่ ดาห์เมอร์ #2
[img]
[IMG]
[/img]