ขึ้นศาล
หลังถูกจับกุม ดาห์เมอร์ได้ขึ้นศาล และพิจารณาคดี ในวันที่ 13 กรกฏาคม 1992
แต่ก่อนที่เจฟฟรีย์ ตำรวจมิลวอกี้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสุดยอด มีสุนัขดมกลิ่นหาวัตถุระเบิดทุกตารางนิ้ว ผู้เข้าในห้องพิจารณาต้องถูกตรวจร่างกายทุกคน
ที่นั่งห้องพิจารณาคดีมีทั้งหมด 100 ที่นั่ง แบ่งออกเป็น ผู้สื่อขาว23 ที่นั่ง พ่อและแม่บุญธรรมของเจฟฟรีย์(รูปบน)และญาติของฝ่ายเหยื่อ 34 ที่นั่ง ที่เหลือเปิดให้ประชาชนทั่วไปมารับฟัง โดยมีผู้พิพากษา ลอเรนซ์ ซี.แกรม จูเนียร์ และ จูเลียร์ ไมเคิล แม็คแคนส์ อัยการเขต
ทนายความของเจฟฟรีย์ได้หยิบยกว่าเจฟฟรีย์เป็นคนวิกลจริตไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องมาใช้สู่กันในศาล และหาสาเหตุว่าอะไรดลใจให้ดาห์เมอร์ก่อเหตุฆาตกรรมน่ากลัวนี้ได้ ตำรวจสอบสวนรายหนึ่งกล่าวว่าดาห์เมอร์ฆ่าเหยื่อเพราะไม่ต้องการให้เหยื่อไปจากเขาแต่อัยการไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ไม่ได้บ้าแต่มีสติสมบูรณ์ และลงมือเหยื่ออย่างเลือดเย็น
ทนายฝ่ายจำเลยและอัยการต่างพยายามแถลงต่อศาลเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบจากคณะลูกขุน การโต้เถียงเป็นไปอย่างสนุกเผ็ดผัดราวกับโต้มัธยมศึกษา จนถึงขนาดมีการบรรยายเหตุการณ์ในห้องพิจารณ์คดีในวันที่สอง ไว้ว่า
"ก่อนที่คณะลูกขุนจะเข้าสู่ห้องพิจารณาคดี ทนายจำเลยเปิดหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ฉบับหนึ่งอ่านพาดหัวข่าวเกี่ยวกับเจฟฟรีย์ด้วยเสียงอันดังลั่นว่า ฆาตกรกินคนแห่งมิลวอกี้ กินเนื้อเพื่อนร่วมห้องอย่างหน้าตาเฉย ทุกคนได้ฟังต่างพากันฮาหัวเราะตกเก้าอี้ โดยเฉพาะเจฟฟรีย์เขาหัวเราะจนตัวงอ แต่มองดูแล้วเขาหล่อเอาการแม้จะอยู่ในขณะที่หัวเราะ"
ในวันวันที่ 29 มกราคม ปีค.ศ. 1992 มีการคัดเลือกคณะลูกขุนกับบุคลภายนอกอีกสองคน รวมแล้วประกอบด้วยชายผิวขาว 6ท่าน สตรีผิวขาว 7 ท่าน และมีชายคนผิวดำแค่คนเดียวเท่านั้นในคณะลูกขุน ทำให้ญาติผู้ตายประท้วงจนเกือบก่อจารชนย่อย
มีสติหรือวิกลจริต
ทนายจำเลยเบิกพยานจำนวน 45 ปากขึ้นให้การต่อศาล มีการสนับสนุนข้ออ้างว่า อุปนิสัยพิสดารของเจฟฟรีย์เป็นเหตุก่อให้เกิดความผิดปกติในการก่อการฆาตกรรม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นของเขากระทำโดยอาการป่วยทางจิต
แต่อัยการโต้ตอบคำแก้ตอบได้หมดจนถึงวันคำตัดสิน............................
คำตัดสิน
ในวันตัดสินคดีวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1992 เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ได้แถลงคำต่อศาลก่อนที่พิพากษาจะอ่านคำตัดสิน เขาแสดงความเสียใจต่อญาติผู้ตายด้วยสีหน้าท่าทางสงบและเยือกเย็น ก่อนที่จะสรุปเป็นสำนวนของศาลจำนวน 4 หน้ากระดาษพิมพ์ ได้ว่า
"บัดนี้ทุกอย่างดำเนินมาจนถึงที่สุดแล้ว ณ วันนี้ มิใช่พยายามเอาตัวรอดจากความผิด ด้วยความจริงใจข้าพเจ้ามิเคยคิดถึงการได้รับอิสรภาพแม้แต่น้อย นี้เป็นการทำให้โลกรู้ว่าข้าพเจ้ากระทำการอะไรลงไป ข้าพเจ้ามิได้กระทำการลงไปเพราะความโกรธก็หาไม่................
ข้าพเจ้าไม่เคยโกรธใคร ข้าพเจ้ารู้ดีว่าป่วยหรือไม่ก็โหดเ:X้ยม ณ วันนี้ข้าพเจ้าตระหนักแล้วว่าข้าพเจ้าป่วยแพทย์บอกให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจว่าข้าพเจ้าได้ป่วยจริง และข้าพเจ้าได้สำนึกในความผิดอันร้ายแรงที่ข้าพเจ้าได้ก่อขึ้นทั้งหมดแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่อาจก่อกรรมทำเข็ญต่อผู้อื่นอีกต่อไป ข้าพเจ้าได้หวังว่าพระเยซูเจ้าจักได้ทรงให้อภัยต่อบาปที่ข้าพเจ้าก่อมาทั้งหมด ข้าพเจ้าจะไม่เรียกร้องอะไรอีกต่อไปแล้ว.............."
ผลสุดท้ายผู้พิพากษาตัดสินว่าดาห์เมอร์ผิดจริงจากจำนวนเหยื่อ 15 ราย (เชื่อกันว่าตัวเลขเหยื่อจริง ๆ สูงกว่านี้) หลังจากนั้น 2วัน บรรดาญาติของเหยื่อต่างรอกันประหารชีวิตดาห์เมอร์ แต่กฎหมายของรัฐวิสคอนซินไม่มีการลงโทษประหารชีวิต ดาห์เมอร์ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 957 ปี
ในเวลาต่อมา เจฟฟรีย์ ได้ถูกส่งตัวไปคุมขัง ณ ทัณฑสถาน โคลัมเบีย ในพอร์เทจ วิสคอนซิน
ดาห์เมอร์กล่าวภายหลังว่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ทำเรื่องน่ากลัวเหล่านั้นได้ จิตแพทย์กล่าวว่าเขาอาจเป็นคน 3บุคลิก อันเกิดจากความรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มั่นคงในวัยเด็ก
จุดจบ
25 พฤศจิกายน 1994 เวลา 9.11 น.
นักโทษชายเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำความสะอาดห้องน้ำใกล้กับโรงยิมออกกำลังกายร่วมกับนักโทษชายสองคนคือเจสซี่ แอนเดอร์สัน นักโทษในคดีฆ่าเมียตนเองและป้ายความผิดไปให้คนผิวดำ กับคริสโตเฟอร์ สคาร์เวอร์ นักโทษผิวดำในคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา คิดว่าตนเองคือพระเจ้า
ในขณะที่เจฟฟรีย์กำลังเมื่อเงยหน้าแว่บหนึ่งเขาก็เห็นแท่งเหล็กที่ถอดจากเครื่องออกกำลังกายพุ่งเข้ามาหา มันทิ่มเข้าไปในกะโหลกศีรษะเต็มแรงด้วยน้ำมือของนักโทษคู่อริคริสโตเฟอร์ สคาร์เวอร์ที่เขาโกรธแค้นที่เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ฆ่าเหยื่อผิวดำ เจฟฟรีย์นอนแนบไปกับพื้นกะโหลกศีรษะยุบเลือดท่วมหน้า เขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวตายคาที่
สิ้นสุดกันที่เกย์โหด
ก่อนจบ
ไลโอเนล ดาห์เมอร์ พ่อของเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "หัวอกพ่อ" A Father's Story เขาเขียนได้ไว้ตอนหนึ่งว่า
"นับว่าเป็นโชคดีมหาศาลที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่มีลูกแบบเจฟฟรีย์ที่เป็นอมมนุษย์ แต่มีลูกที่หลงทางผิดก็แค่ ติดเหล้า ยาเสพย์ติด ประกอบอาญชกรรมเล็กๆ น้อย แต่ก็ยังดีที่ไม่ประกอบอาชญากรรมอันสะเทือนขวัญสั่นประสาทผู้คน
มันเป็นความเจ็บปวดของพ่อแม่ มองเห็นลูกตัวเองออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่น หมุนคว้างไปไร้ทิศทาง ถูกพายุพัดหอบไป ไกลออกไปทุกที ทุกทีจนหายลับกลับตา สำหรับผมมันไม่เท่าไร แต่สำหรับเมียเก่าผมหรือแม่ของเขาเธอเครียดและเก็บกดเธอติดสุราจนเป็นพิษเรื้อรัง มันฝึงลึกจิตใจของเธอไปจนตาย
จงระวัง และพยายามให้เต็มที่"
จบ
ฆาตกรโรคจิต เจฟรี่ดาห์เมอร์ #4 จบ
[img]
[IMG]
[/img]