วันนี้ขอเรื่องผี(อีกแล้วหรอ)
เสียงเรียกยามราตรี
คืนนี้ผมต้องนอนในห้องคนเดียว เนื่องจากแม่ออกไปค้างที่ต่างจังหวัดรู้สึกว่าจะไปงานทำบุญหรืองานอะไรสักอย่าง ห้องของผมจะอยู่ตรงหน้าบ้านใกล้ๆกับประตูซึ่งแต่ก่อนจะเป็นห้องครัวแต่แม่ได้ให้ช่างเข้ามาต่อเติมให้เป็นห้องขึ้นมา ไม่บ่อยครั้งนักที่ผมจะต้องนอนคนเดียว เพราะผมชอบนอนกับแม่ ที่นอนประจำของผมจะอยู่ที่ด้านขวามือของแม่หมอนของผมจะวางไว้ตรงบริเวณใต้รักแร้ของแม่ มันเป็นจุดที่ทำให้ผมนอนกอดแม่ได้ถนัดที่สุดและผมจะหลับง่ายขึ้นถ้าแม่เอามือมาลูบหัวผมเรื่อยๆตอนนอนอยู่ บางคนอาจจะมีบางช่วงเวลาที่อยากหยุดเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด ผมว่าตรงที่นอนจุดนี้ในช่วงเวลาที่ผมนอนกอดแม่อยู่นี่ล่ะที่ผมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด
ผมหยิบการ์ตูนเล่มเก่าๆมานั่งอ่านอยู่ที่โต๊ะ เพราะรู้สึกว่ายังไม่ง่วงสักเท่าไหร่ อ่านไปได้ไม่นานนักก็รู้สึกได้ถึงความเย็นที่พัดเข้ามาตามช่องลมของผนังห้องลมข้างนอกท่าทางจะแรง ผมได้ยินเสียงเศษกระดาษและเศษใบไม้ปลิวอยู่ด้านนอก เสียงกระดิ่งก้ามปูดังก้องอยู่ตรงชายคาบ้าน ผมอ่านหนังสืออยู่อีกพักใหญ่จนรู้สึกว่ามันดึกมากแล้วจึงวางหนังสือการ์ตูนลงก่อนที่จะเดินไปที่สวิทช์ไฟเพื่อดับไฟนอน
"เกิน" เสียงเรียกกึ่งดังกึ่งเบา ออกมาตรงช่องลมของผนังห้อง ซึ่งอยู่ในระดับสายตาของผม
มันดังออกมาก่อนที่ผมจะกดสวิทช์ดับไฟ ผมได้แต่คิดในใจว่า ใครกันนะมาเรียกดึกดื่นขนาดนี้ แต่มันเหมือนเป็นเสียงแว่วๆที่ได้ยินไม่ค่อยถนัด ด้วยความสงสัยจึงเดินไปเอาตาแนบกับช่องลมมองออกไปด้านนอก มันมืดมิดมองไม่เห็นสิ่งใด นอกจากแสงไฟสลัวๆจากหลอดไฟริมถนนที่อยู่ห่างออกไปจากหน้าบ้าน
ผมเดินกลับไปที่สวิทช์ไฟอีกครั้ง และดับมันลงโดยไม่มีเสียงอะไรทักอีก ผมเดินไปที่เตียงนอนพร้อมกับไหว้พระกราบลงไปที่หมอนสามทีก่อนจะล้มตัวลงนอน ความเย็นจากลมที่พัดผ่านเข้าช่องลมมาในห้องทำให้ไม่ต้องเปิดพัดลม ทั้งที่เกือบทุกคืนจะต้องเปิดพร้อมกับห่มผ้าไปด้วย
หลับตาไปได้ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงเรียกอีกครั้ง
"เกิน"
คราวนี้ได้ยินอย่างถนัดเต็มสองรูหู มันเป็นเสียงของเด็กผู้หญิง ดังออกมาจากช่องลม มันทำให้ผมไม่กล้าที่จะมองออกไปด้านนอกเหมือนอย่างเคย เพราะมีเสียงหัวเราะคิกคัก ตามมาหลังเสียงเรียกเหมือนกำลังสนุกอยู่ ผมขยับผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมตัวอย่างเบาๆ ความสงสัยประดังเข้ามาในหัว ว่าเป็นเสียงใคร เรียกทำไม ทำไมถึงมาเรียกกลางคืน ทำไมไอพัดหมาของผมมันถึงไม่เห่าทั้งๆที่ปกติ แค่ได้ยินเสียงคนเดินมันก็เห่าจนลั่นบ้าน หรือว่ามันจะหลบลมหนาวไปนอนที่อื่นจนทำให้ไม่เห็น หรือจะเป็นคนที่มันรู้จัก หรือเสียงที่ได้ยินอาจจะไม่ใช่เสียงคน!!!
ผ้าห่มถูกขยับขึ้นมาคลุมบนตัวผมจนมิดไล่ตั้งแต่เท้าจนถึงหัว โผล่ออกมาแค่ตาที่ยังจ้องเขม็งไปยังช่องลม ความกลัวก่อตัวเพิ่มขึ้น เมื่อได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง
"เกินนนน" เป็นเสียงผู้ชายวัยกลางคน ลากเสียงเรียกชื่อของผมยาว
ดังขึ้นมาจากช่องลมช่องแรก เหมือนเสียงมันลอยได้ มันยาวแผ่วไปดังเบาๆที่หน้าประตูบ้าน
ความร้อนจากผ้าห่มที่คลุมตัวทำให้เหงื่อผุดออกมาเต็มใบหน้าแต่ด้วยความกลัวจึงไม่ยอมที่จะเปิดผ้าห่มออก ลมเย็นๆที่พัดเข้ามาจากช่องลมในตอนนี้มันไม่ได้ช่วยให้ผมคลายร้อนได้เลย รังแต่จะเพิ่มความน่ากลัวให้กับผมมากขึ้น ผมพยายามข่มตาหลับ แต่สมองยังคงคิดวนเวียนกับเสียงที่ได้ยินไม่นานนักก็หลับลงไปได้
ตื่นเช้าขึ้นมาผมก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะกลัวเขาจะหาว่าผมบ้า และในคืนต่อมานี้เองที่มันตอกย้ำความเชื่อของผมในเรื่องของเสียงที่ได้ยินว่ามันไม่ได้เกิดจากเสียงของคนมาเรียก
คืนที่สองนี้ แม่กลับมาจากงานที่ต่างจังหวัด:Xานอนกับผมทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจและคิดว่าคืนนี้คงนอนสบายไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่ แต่แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกจนได้ผมนอนกับแม่ไปได้พักเดียวก็มีเสียงเรียกชื่อผมดังออกมาจากช่องลมเหมือนเคย
"เกิน"เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของผู้หญิง ฟังจากน้ำเสียงน่าจะเป็นวัยกลางคนเกือบแก่ๆ
ผมขยับตัวเข้าไปนอนชิดกับแม่สองมือกำผ้าห่มแน่น
"ใคร"เสียงแม่ดังออกมาเหมือนตะโกน มันทำให้ผมรู้สึกโล่งและสบายใจขึ้น เสียงเรียกชื่อผมหายไป และในคืนนั้นก็ไม่มีเสียงนั้นดังขึ้นอีกเลย
หลังจากคืนนั้นผมก็ไม่เคยได้ยินเสียงนั้นอีก ได้แต่เก็บเอาไว้ไม่ได้บอกใคร ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่จะลืมไปแล้วหรือยัง แต่สำหรับผมเหตุการณ์ในสองคืนนั้นมันยังจำมาได้จนทุกวันนี้ ไม่เคยลืมเลย...
http://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=m-IU4IpQ4GU
เสียงเรียกยามราตรี
คืนนี้ผมต้องนอนในห้องคนเดียว เนื่องจากแม่ออกไปค้างที่ต่างจังหวัดรู้สึกว่าจะไปงานทำบุญหรืองานอะไรสักอย่าง ห้องของผมจะอยู่ตรงหน้าบ้านใกล้ๆกับประตูซึ่งแต่ก่อนจะเป็นห้องครัวแต่แม่ได้ให้ช่างเข้ามาต่อเติมให้เป็นห้องขึ้นมา ไม่บ่อยครั้งนักที่ผมจะต้องนอนคนเดียว เพราะผมชอบนอนกับแม่ ที่นอนประจำของผมจะอยู่ที่ด้านขวามือของแม่หมอนของผมจะวางไว้ตรงบริเวณใต้รักแร้ของแม่ มันเป็นจุดที่ทำให้ผมนอนกอดแม่ได้ถนัดที่สุดและผมจะหลับง่ายขึ้นถ้าแม่เอามือมาลูบหัวผมเรื่อยๆตอนนอนอยู่ บางคนอาจจะมีบางช่วงเวลาที่อยากหยุดเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด ผมว่าตรงที่นอนจุดนี้ในช่วงเวลาที่ผมนอนกอดแม่อยู่นี่ล่ะที่ผมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด
ผมหยิบการ์ตูนเล่มเก่าๆมานั่งอ่านอยู่ที่โต๊ะ เพราะรู้สึกว่ายังไม่ง่วงสักเท่าไหร่ อ่านไปได้ไม่นานนักก็รู้สึกได้ถึงความเย็นที่พัดเข้ามาตามช่องลมของผนังห้องลมข้างนอกท่าทางจะแรง ผมได้ยินเสียงเศษกระดาษและเศษใบไม้ปลิวอยู่ด้านนอก เสียงกระดิ่งก้ามปูดังก้องอยู่ตรงชายคาบ้าน ผมอ่านหนังสืออยู่อีกพักใหญ่จนรู้สึกว่ามันดึกมากแล้วจึงวางหนังสือการ์ตูนลงก่อนที่จะเดินไปที่สวิทช์ไฟเพื่อดับไฟนอน
"เกิน" เสียงเรียกกึ่งดังกึ่งเบา ออกมาตรงช่องลมของผนังห้อง ซึ่งอยู่ในระดับสายตาของผม
มันดังออกมาก่อนที่ผมจะกดสวิทช์ดับไฟ ผมได้แต่คิดในใจว่า ใครกันนะมาเรียกดึกดื่นขนาดนี้ แต่มันเหมือนเป็นเสียงแว่วๆที่ได้ยินไม่ค่อยถนัด ด้วยความสงสัยจึงเดินไปเอาตาแนบกับช่องลมมองออกไปด้านนอก มันมืดมิดมองไม่เห็นสิ่งใด นอกจากแสงไฟสลัวๆจากหลอดไฟริมถนนที่อยู่ห่างออกไปจากหน้าบ้าน
ผมเดินกลับไปที่สวิทช์ไฟอีกครั้ง และดับมันลงโดยไม่มีเสียงอะไรทักอีก ผมเดินไปที่เตียงนอนพร้อมกับไหว้พระกราบลงไปที่หมอนสามทีก่อนจะล้มตัวลงนอน ความเย็นจากลมที่พัดผ่านเข้าช่องลมมาในห้องทำให้ไม่ต้องเปิดพัดลม ทั้งที่เกือบทุกคืนจะต้องเปิดพร้อมกับห่มผ้าไปด้วย
หลับตาไปได้ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงเรียกอีกครั้ง
"เกิน"
คราวนี้ได้ยินอย่างถนัดเต็มสองรูหู มันเป็นเสียงของเด็กผู้หญิง ดังออกมาจากช่องลม มันทำให้ผมไม่กล้าที่จะมองออกไปด้านนอกเหมือนอย่างเคย เพราะมีเสียงหัวเราะคิกคัก ตามมาหลังเสียงเรียกเหมือนกำลังสนุกอยู่ ผมขยับผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมตัวอย่างเบาๆ ความสงสัยประดังเข้ามาในหัว ว่าเป็นเสียงใคร เรียกทำไม ทำไมถึงมาเรียกกลางคืน ทำไมไอพัดหมาของผมมันถึงไม่เห่าทั้งๆที่ปกติ แค่ได้ยินเสียงคนเดินมันก็เห่าจนลั่นบ้าน หรือว่ามันจะหลบลมหนาวไปนอนที่อื่นจนทำให้ไม่เห็น หรือจะเป็นคนที่มันรู้จัก หรือเสียงที่ได้ยินอาจจะไม่ใช่เสียงคน!!!
ผ้าห่มถูกขยับขึ้นมาคลุมบนตัวผมจนมิดไล่ตั้งแต่เท้าจนถึงหัว โผล่ออกมาแค่ตาที่ยังจ้องเขม็งไปยังช่องลม ความกลัวก่อตัวเพิ่มขึ้น เมื่อได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง
"เกินนนน" เป็นเสียงผู้ชายวัยกลางคน ลากเสียงเรียกชื่อของผมยาว
ดังขึ้นมาจากช่องลมช่องแรก เหมือนเสียงมันลอยได้ มันยาวแผ่วไปดังเบาๆที่หน้าประตูบ้าน
ความร้อนจากผ้าห่มที่คลุมตัวทำให้เหงื่อผุดออกมาเต็มใบหน้าแต่ด้วยความกลัวจึงไม่ยอมที่จะเปิดผ้าห่มออก ลมเย็นๆที่พัดเข้ามาจากช่องลมในตอนนี้มันไม่ได้ช่วยให้ผมคลายร้อนได้เลย รังแต่จะเพิ่มความน่ากลัวให้กับผมมากขึ้น ผมพยายามข่มตาหลับ แต่สมองยังคงคิดวนเวียนกับเสียงที่ได้ยินไม่นานนักก็หลับลงไปได้
ตื่นเช้าขึ้นมาผมก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะกลัวเขาจะหาว่าผมบ้า และในคืนต่อมานี้เองที่มันตอกย้ำความเชื่อของผมในเรื่องของเสียงที่ได้ยินว่ามันไม่ได้เกิดจากเสียงของคนมาเรียก
คืนที่สองนี้ แม่กลับมาจากงานที่ต่างจังหวัด:Xานอนกับผมทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจและคิดว่าคืนนี้คงนอนสบายไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่ แต่แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกจนได้ผมนอนกับแม่ไปได้พักเดียวก็มีเสียงเรียกชื่อผมดังออกมาจากช่องลมเหมือนเคย
"เกิน"เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของผู้หญิง ฟังจากน้ำเสียงน่าจะเป็นวัยกลางคนเกือบแก่ๆ
ผมขยับตัวเข้าไปนอนชิดกับแม่สองมือกำผ้าห่มแน่น
"ใคร"เสียงแม่ดังออกมาเหมือนตะโกน มันทำให้ผมรู้สึกโล่งและสบายใจขึ้น เสียงเรียกชื่อผมหายไป และในคืนนั้นก็ไม่มีเสียงนั้นดังขึ้นอีกเลย
หลังจากคืนนั้นผมก็ไม่เคยได้ยินเสียงนั้นอีก ได้แต่เก็บเอาไว้ไม่ได้บอกใคร ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่จะลืมไปแล้วหรือยัง แต่สำหรับผมเหตุการณ์ในสองคืนนั้นมันยังจำมาได้จนทุกวันนี้ ไม่เคยลืมเลย...
เสียงเรียกตอนกลางคืน (น่ากลัว)
[IMG]