มีเรื่องลึกลับมากมายรอบโลก การที่คนเราสร้างตุ๊กตาขึ้นมาก็มีหลายเหตุผล เช่น ทำพิธีกรรม เป็นตัวแทนมิตรภาพยามเหงาของเด็กๆ แต่ในบางครั้งตุ๊กตาเหล่านี้ก็ผ่านประสบการณ์ที่เลวร้าย หรือไม่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ความชั่วร้ายมาเข้าอยู่อาศัย ในบทความนี้เราจะลองมาพูดถึงตุ๊กตาต้องคำสาบและคอยสร้างเหตุการณ์ความหลอกหลอนให้แก่ผู้คนรอบข้าง
ตุ๊กตาผีโรเบิร์ต (ROBERT THE DOLL) น้อยคนที่จะรู้จักตำนานผีตนนี้ ซึ่งก็มีเรื่องราวความเป็นมาอยู่จริง เมื่อ “โรเบิร์ต ยูจีน ออโต้” (Robert Eugene Otto) เกิดเมื่อปี 25 ตุลาคม ค.ศ.1900 ในรัฐฟลอลิดา ได้รับตุ๊กตาตัวหนึ่งเป็นของขวัญจากพ่อแม่ของเขาตอน 6 ขวบ ซึ่งเขาก็ตั้งชื่อเดียวกับเขาว่า “โรเบิร์ต” เช่นกันในช่วงเวลาของทุกวันเขาจะใช้เวลาอยู่กับตุ๊กตาของเขา พูดคุยกับมันเหมือนกับว่ามันมีชีวิตอยู่จริงๆ ซึ่งยามเวลาที่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในบ้าน เด็กชายยูจีนมักจะบอกว่า “ไม่ใช่ผม แต่เป็นตุ๊กตาโรเบิร์ตต่างหากที่เป็นคนทำ!!
ต่อมายูจีนเติบโตและกลายเป็นจิตกรที่มีชื่อเสียง โดยผลงานของเขาซึ่งจะเป็นภาพวาดเขียนซะส่วนใหญ่ ซึ่งยูจีนจะใช้เวลาทำงานในห้องใต้หลังคา โดยที่มีตุ๊กตาโรเบิร์ตอยู่เคียงข้างด้วย หลังจากที่ยูจีนได้แต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อเธอได้พบกับตุ๊กตาก็เกิดอาการขนหัวลุกเพราะพลังอำนาจบางอย่าง เธอจึงนำมันไปเก็บในห้องเก็บของ ไม่นานยูจีนได้บอกกับภรรยาว่าโรเบิร์ตเข้าฝันมาบอกเขา ซึ่งตุ๊กตาบอกกับเขาว่ามันรู้สึกโกรธแค้นเธอมากที่นำเธอไปเก็บในที่มืด และมันต้องการอยู่ในห้องเหมือนคนอื่นที่มีหน้าต่าง ภรรยาด้วยความกลัวจึงยินยอมให้มันอยู่ในห้องใต้หลังคาเหมือนเดิมที่มีหน้าต่างด้วย
เป็นที่มาความหวาดกลัวของผู้คนที่ผ่านไปมาและมองขึ้นไปบนชั้น 3 ในห้องใต้หลังคา ซึ่งจะมองเห็น โรเบิร์ตที่เดินผ่านหน้าต่าง ขณะเดียวกับยูจีนที่มีอาการคล้ายคนบ้าทุบตีข้าวของและกรีดร้องเหมือนเป็นคนละคน โดยภรรยาต้องพยายามสงบสติอารมณ์ยูจีนที่ถูกผีสิง เมื่อเขาได้สติเขาก็บอกว่า “ผมจำอะไรไม่ได้เลย ผมรู้แต่ว่า... โรเบิร์ตเป็นคนทำ...” นอกเหนือจากคนในบ้าน ผู้มาเยือนที่บ้านก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามักมีเสียงหัวเราะเหมือนกับเด็กที่ห้องใต้หลังคา
ยูจีนล้มป่วยอาการทรุดลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อ 24 มิถุนายน ค.ศ.1974 โดยที่ตุ๊กตาโรเบิร์ตยังคงอยู่เคียงข้างเขา เวลาต่อมาผู้ที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ก็เจอเหตุการณ์ที่ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ จนในที่สุดพวกเขาต้องยกตุ๊กตาโรเบิร์ตไปที่พิพิธภัณฑ์อีส มาร์เทลโล (East Martello Museum) ซึ่งจนทุกวันคุณก็สามารถไปเยี่ยมผีตุ๊กตาตนนี้ได้ เหล่าหมอผีได้บอกเล่าว่า วิญญาณของโรเบิร์ตกำลังจางหายไปช้าๆ ทั้งนี้เส้นผมของมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนกับคนที่กำลังแก่ลงไป
ส่วนบ้านดิ อาร์ทติส เฮาส์ (The Artist house) ที่ “คีย์ เวส เฮาส์” (key west house) ที่เคยเป็นที่อยู่ของยูจีนและตุ๊กตาผีโรเบิร์ต ปัจจุบันกลายเป็นที่พักเกส เฮาส์สำหรับแขกที่ใจกล้าพอที่จะลองของ
วิญญาณผีอนาเบลล์ (ANNABELLE DOLL) ในเมืองที่สงบเงียบที่มีชื่อว่า “มอลโรลล์” (Monroe)รัฐคอนเน็คติกัล (Connecticut) มีพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง “วอเรน ออคคอล มิวเซียม” (Warren occult museum)ซึ่งเป็นสถานที่เก็บสิ่งของที่ต้องอาถรรพ์และสยองขวัญมากมายอยู่ในที่แห่งนี้ แต่มีสิ่งเดียวที่ทรงพลังในการฆ่าที่สุดเห็นจะไม่พ้น “ตุ๊กตาผีอนาเบลล์”
ปี ค.ศ.1970 หญิงสาวนามว่า “ดอนน่า” ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นกับเพื่อนที่ชื่อว่า “แอนจี้” ได้รับตุ๊กตาในวันครบรอบคล้ายวันเกิดปีที่ยี่สิบแปด เธอตั้งชื่อมันว่า “อนาเบลล์” ซึ่งมันจะถูกวางไว้บนเตียงอยู่ตลอดเวลา แต่กระนั้นหลายวันที่ดอนน่าสังเกตการณ์เห็นสิ่งผิดปกติเมื่อตุ๊กตาเปลี่ยนท่าทางในการนอนไปจากเดิม ทั้งมีการไขว้ขาหรือตะแคงนอน แต่จะเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเรื่องขนลุกต่อมา เมื่อเธอพบข้อความต่างๆ เขียนด้วยลายมือว่า “ช่วยด้วย” หรือ “ช่วยพวกเราด้วย” ต่อมาเมื่อมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น เธอจึงเรียกให้คนทรงมาตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ ซึ่งคำตอบที่เธอได้รับก็คือ มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกฆ่าตายในห้องนี้และวิญญาณเธอก็ได้สิงเข้าไปยังตุ๊กตาตัวนี้แล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเธอจึงพยายามปฏิบัติเอาใจตุ๊กตาตัวนี้อย่างดีเรื่อยมา
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเชื่อในสิ่งที่พวกเธอชื่อ เมื่อเพื่อนชาย “ลูอิส” เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องตลกสำหรับเขา และก็หยอกล้อเล่นกับตุ๊กตาอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งในวันหนึ่งขณะที่เขากำลังงีบหลับอยู่ในห้องนั้น ลูอิสก็ถูกบีบคอในขณะที่หลับ เมื่อเขาก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่ามีรอยมือขนาดเล็กรอบคอของเขา
ในที่สุดดอนน่าจึงต้องยินยอมยกตุ๊กตาให้ “เอ็ด วอเรน” (Ed Warren) กับ “ลอเลน วอเรน” ( Lorraine Warren) สองสามีภรรยาที่เป็นเจ้าของพิพิธภัณฑ์วอเรน ซึ่งแรกพบตุ๊กตาที่สองสามีภรรยามาเจอ พวกเขามีความเห็นที่แตกต่างออกไปจากคนทรงก่อนหน้านี้ เพราะพวกเขาเชื่อว่าตุ๊กตามีปีศาจสิงสู่อยู่ อย่างไรก็ดีพวกเขาก็ยินยอมที่จะรับอนาเบลล์กลับไปด้วย แต่ขณะที่ทั้งสองกำลังขับรถกลับ ระหว่างทางรถของเขาได้เสียหลักจนเกือบเป็นที่มาของความหายนะ ซึ่งเอ็ดต้องรีบจอดรอดและพรมน้ำมนต์ใส่ตุ๊กตาเพื่อให้มันสงบลง
ไม่สิ้นสุดเพียงเท่านั้น เมื่อมีนักท่องเที่ยวที่มายังพิพิธภัณฑ์วอเรน ชายผู้หนึ่งได้ท้าทายให้อนาเบลล์แสดงอำนาจต่อหน้าเขา ซึ่งเมื่อชายผู้นั้นกลับออกไปไม่ถึงสามชั่วโมง เขาก็มอเตอร์ไซด์คว่ำเสียชีวิตแล้ว
สำหรับใครที่อยากเยี่ยมชมเธอ อนาเบลล์ก็ยังคงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วอเรนจนถึงทุกวันนี้เรื่อยมา
ผีตุ๊กตาโอคิคุ (OKIKU DOLL) หลังเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงไป 1 ปี (ค.ศ.1919) ชายหนุ่มวัย 18 ปี “เอคิชิ ซูซุกิ” (Eikichi Suzuki) ไปเดินเล่นกับน้องสาววัย 3 ขวบ ที่ชื่อว่า “คิคุโกะ”(Kikuko) ระหว่างนั้นเองที่เขาได้ซื้อตุ๊กตาโบราณญี่ปุ่นขนาดเล็กที่ร้านแห่งหนึ่งให้เป็นของขวัญแก่น้องสาวเขา และตั้งชื่อมันว่า “โอคิคุ” ซึ่งในเวลาต่อมาเพียงปีเดียว เด็กหญิงก็จบชีวิตลงเพราะล้มป่วย โดยที่ยังมีตุ๊กตาตัวโปรดของเธอวางอยู่เคียงข้าง เอคิชิได้สังเกตเห็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดอย่างที่ไม่ควรจะเป็น เมื่อตุ๊กตาที่เดิมทีมีผมยาวปะบ่า แต่ตอนนี้มันกลับยาว ตอนนั้นทั้งครอบครัวของเด็กหนุ่มมีความเชื่อว่าวิญญาณของเด็กหญิงได้สิงสู่ในตุ๊กตาตัวนี้แล้ว
เวลาผ่านไปหลายปี เมื่อพ่อแม่ของเอคิชิได้เสียชีวิต ส่วนตัวเขาได้รับจดหมายเรียกทางการกองทัพของญี่ปุ่นให้เข้าไปรับใช้ชาติ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังปะทุขึ้น เพราะรู้ว่าเขาไม่อาจจะสามารถดูแลสมบัติที่บ้านได้ เด็กหนุ่มได้มอบตุ๊กตาโอคิคุและอัฐเถ้ากระดูกของน้องสาวเขาให้แก่ทางวัด และหลังจากที่เขากลับมาจากสนามรบ พร้อมกับมุ่งหน้าไปยังวัดที่ฝากอัฐน้องสาวไว้ เขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่พบ เมื่อผมตุ๊กตายาวจนเกือบจะถึงลำตัว มีคำร่ำลือว่า ผีของคิคุโกะโกรธแค้นที่ต้องลาจากโลกนี้ไวเกินไป บ้างก็ว่าเธออาลัยคิดถึงพี่ชายที่จากบ้านไปยังสนามรบ
ปัจจุบันตุ๊กตาตัวนี้ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ที่วัดเดิมที่เอคิชิได้ฝากไว้ โดยวัดแห่งนี้มีชื่อว่า “เมนเน้นจิ”(Mannenji) ซึ่งผู้ที่ต้องการจะพบเห็นตุ๊กตาตัวก็ยังคงไปหาเธอได้
ตุ๊กตาหลอนแมนดี้ (Mandy the Haunted Doll) ในพิพิธภัณฑ์เควสแนล (Quesnel Museum) ซึ่งตั้งอยู่สถานที่เก่าแก่ในประเทศอังกฤษ และเธอเป็นหนึ่งในวัตถุโบราณที่เก็บรวบรวมมากกว่า 30,000 ชิ้นในที่แห่งนี้ แต่ทุกชิ้นคงจะเทียบเท่ากับเธอไม่ได้เลย
แมนดี้ได้รับบริจาคเมื่อปี ค.ศ. 1991 ในสภาพที่สกปรกไปทั่ว ตามร่างกายของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยเสียหายและรอยแตก จากการประเมินเธอน่าจะมีอายุเก่ามากกว่า 19 ปีนับจากวันที่ได้รับ แม้เธอจะดูเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาธรรมดาในพิพิธภัณฑ์ แต่ว่าเธอเป็นมากกว่าแค่เพียงตุ๊กตา
หญิงสาวที่บริจาคเธอมามีนามว่า “มีแรลด้า” (Mereanda) เธอได้เล่าจากประสบการณ์ของเธอว่า ในกลางดึกเธอจะถูกปลุกเกือบทุกคืน จากเสียงของเด็กทารกร้องไห้ ซึ่งดังมาจากในห้องใต้ดิน เมื่อเธอลองลงไปสำรวจก็จะพบหน้าต่างที่เคยปิด เปิดออก ทั้งนี้เธอได้บอกอีกว่า หลังจากที่เธอได้นำแมนดี้ให้กับทางพิพิธภัณฑ์ มีแรลด้าก็ไม่เคยได้รับการรบกวนจากเสียงเด็กทารกอีกเลย แมนดี้ปัจจุบันในพิพิธภัณฑ์
อลิซ ตุ๊กตาต้องคำสาบ (Alice the Haunted Doll) อีกหนึ่งวัตถุที่มีความเชื่อว่าไม่ใช่เพียงแค่สิ่งของธรรมดา เพราะตุ๊กตาตัวนี้มีคำบอกเล่าว่าเธอมักจะมากระซิบข้างหูผู้เป็นเจ้าของในเวลากลางคืน มาเรีย (Marie) เจ้าของคนแรกได้รับสารที่มาจากตุ๊กตาตัวนี้เพียงสั้นๆ ที่สร้างความหวาดกลัวให้แก่คือคำว่า “ฉันไม่ชอบแกเลย”
จากคำบอกเล่าของมาเรีย เธอได้บอกว่าตุ๊กตาตัวนี้ได้ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งคนแรกที่ครอบครองก็คือยายของเธอ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเธอมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชื่อว่า “อลิซ” ยายของเธอยังบอกอีกว่า วิญญาณของอลิซยังคงวนเวียนอยู่ในตุ๊กตาตัวนี้ และครั้งที่หลอนประสาทเธอที่สุดเมื่อเธอตื่นขึ้นในเช้าวันหนึ่งพร้อมกับพบข้อความสีแดงบนกำแพงว่า “ปล่อยให้ฉันอยู่เพียงลำพังและทุกข์ทรมานต่อไป”
สำหรับเรื่องลึกลับเกี่ยวกับอาถรรพ์ของตุ๊กตายังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังคงมีปริศนาของสิ่งที่สร้างความรู้สึกขวัญผวาเหล่านี้อีกมากมาย ซึ่งก่อนจะถึงเวลานั้นลองสำรวจรอบข้างดูสิว่า ตุ๊กตาที่คุณเคยคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทของคุณกำลังจ้องมองคุณอยู่หรือเปล่า
ตุ๊กตาผีโรเบิร์ต (ROBERT THE DOLL) น้อยคนที่จะรู้จักตำนานผีตนนี้ ซึ่งก็มีเรื่องราวความเป็นมาอยู่จริง เมื่อ “โรเบิร์ต ยูจีน ออโต้” (Robert Eugene Otto) เกิดเมื่อปี 25 ตุลาคม ค.ศ.1900 ในรัฐฟลอลิดา ได้รับตุ๊กตาตัวหนึ่งเป็นของขวัญจากพ่อแม่ของเขาตอน 6 ขวบ ซึ่งเขาก็ตั้งชื่อเดียวกับเขาว่า “โรเบิร์ต” เช่นกันในช่วงเวลาของทุกวันเขาจะใช้เวลาอยู่กับตุ๊กตาของเขา พูดคุยกับมันเหมือนกับว่ามันมีชีวิตอยู่จริงๆ ซึ่งยามเวลาที่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในบ้าน เด็กชายยูจีนมักจะบอกว่า “ไม่ใช่ผม แต่เป็นตุ๊กตาโรเบิร์ตต่างหากที่เป็นคนทำ!!
ต่อมายูจีนเติบโตและกลายเป็นจิตกรที่มีชื่อเสียง โดยผลงานของเขาซึ่งจะเป็นภาพวาดเขียนซะส่วนใหญ่ ซึ่งยูจีนจะใช้เวลาทำงานในห้องใต้หลังคา โดยที่มีตุ๊กตาโรเบิร์ตอยู่เคียงข้างด้วย หลังจากที่ยูจีนได้แต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อเธอได้พบกับตุ๊กตาก็เกิดอาการขนหัวลุกเพราะพลังอำนาจบางอย่าง เธอจึงนำมันไปเก็บในห้องเก็บของ ไม่นานยูจีนได้บอกกับภรรยาว่าโรเบิร์ตเข้าฝันมาบอกเขา ซึ่งตุ๊กตาบอกกับเขาว่ามันรู้สึกโกรธแค้นเธอมากที่นำเธอไปเก็บในที่มืด และมันต้องการอยู่ในห้องเหมือนคนอื่นที่มีหน้าต่าง ภรรยาด้วยความกลัวจึงยินยอมให้มันอยู่ในห้องใต้หลังคาเหมือนเดิมที่มีหน้าต่างด้วย
เป็นที่มาความหวาดกลัวของผู้คนที่ผ่านไปมาและมองขึ้นไปบนชั้น 3 ในห้องใต้หลังคา ซึ่งจะมองเห็น โรเบิร์ตที่เดินผ่านหน้าต่าง ขณะเดียวกับยูจีนที่มีอาการคล้ายคนบ้าทุบตีข้าวของและกรีดร้องเหมือนเป็นคนละคน โดยภรรยาต้องพยายามสงบสติอารมณ์ยูจีนที่ถูกผีสิง เมื่อเขาได้สติเขาก็บอกว่า “ผมจำอะไรไม่ได้เลย ผมรู้แต่ว่า... โรเบิร์ตเป็นคนทำ...” นอกเหนือจากคนในบ้าน ผู้มาเยือนที่บ้านก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามักมีเสียงหัวเราะเหมือนกับเด็กที่ห้องใต้หลังคา
ยูจีนล้มป่วยอาการทรุดลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อ 24 มิถุนายน ค.ศ.1974 โดยที่ตุ๊กตาโรเบิร์ตยังคงอยู่เคียงข้างเขา เวลาต่อมาผู้ที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ก็เจอเหตุการณ์ที่ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ จนในที่สุดพวกเขาต้องยกตุ๊กตาโรเบิร์ตไปที่พิพิธภัณฑ์อีส มาร์เทลโล (East Martello Museum) ซึ่งจนทุกวันคุณก็สามารถไปเยี่ยมผีตุ๊กตาตนนี้ได้ เหล่าหมอผีได้บอกเล่าว่า วิญญาณของโรเบิร์ตกำลังจางหายไปช้าๆ ทั้งนี้เส้นผมของมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนกับคนที่กำลังแก่ลงไป
ส่วนบ้านดิ อาร์ทติส เฮาส์ (The Artist house) ที่ “คีย์ เวส เฮาส์” (key west house) ที่เคยเป็นที่อยู่ของยูจีนและตุ๊กตาผีโรเบิร์ต ปัจจุบันกลายเป็นที่พักเกส เฮาส์สำหรับแขกที่ใจกล้าพอที่จะลองของ
วิญญาณผีอนาเบลล์ (ANNABELLE DOLL) ในเมืองที่สงบเงียบที่มีชื่อว่า “มอลโรลล์” (Monroe)รัฐคอนเน็คติกัล (Connecticut) มีพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง “วอเรน ออคคอล มิวเซียม” (Warren occult museum)ซึ่งเป็นสถานที่เก็บสิ่งของที่ต้องอาถรรพ์และสยองขวัญมากมายอยู่ในที่แห่งนี้ แต่มีสิ่งเดียวที่ทรงพลังในการฆ่าที่สุดเห็นจะไม่พ้น “ตุ๊กตาผีอนาเบลล์”
ปี ค.ศ.1970 หญิงสาวนามว่า “ดอนน่า” ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นกับเพื่อนที่ชื่อว่า “แอนจี้” ได้รับตุ๊กตาในวันครบรอบคล้ายวันเกิดปีที่ยี่สิบแปด เธอตั้งชื่อมันว่า “อนาเบลล์” ซึ่งมันจะถูกวางไว้บนเตียงอยู่ตลอดเวลา แต่กระนั้นหลายวันที่ดอนน่าสังเกตการณ์เห็นสิ่งผิดปกติเมื่อตุ๊กตาเปลี่ยนท่าทางในการนอนไปจากเดิม ทั้งมีการไขว้ขาหรือตะแคงนอน แต่จะเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเรื่องขนลุกต่อมา เมื่อเธอพบข้อความต่างๆ เขียนด้วยลายมือว่า “ช่วยด้วย” หรือ “ช่วยพวกเราด้วย” ต่อมาเมื่อมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น เธอจึงเรียกให้คนทรงมาตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ ซึ่งคำตอบที่เธอได้รับก็คือ มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกฆ่าตายในห้องนี้และวิญญาณเธอก็ได้สิงเข้าไปยังตุ๊กตาตัวนี้แล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเธอจึงพยายามปฏิบัติเอาใจตุ๊กตาตัวนี้อย่างดีเรื่อยมา
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเชื่อในสิ่งที่พวกเธอชื่อ เมื่อเพื่อนชาย “ลูอิส” เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องตลกสำหรับเขา และก็หยอกล้อเล่นกับตุ๊กตาอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งในวันหนึ่งขณะที่เขากำลังงีบหลับอยู่ในห้องนั้น ลูอิสก็ถูกบีบคอในขณะที่หลับ เมื่อเขาก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่ามีรอยมือขนาดเล็กรอบคอของเขา
ในที่สุดดอนน่าจึงต้องยินยอมยกตุ๊กตาให้ “เอ็ด วอเรน” (Ed Warren) กับ “ลอเลน วอเรน” ( Lorraine Warren) สองสามีภรรยาที่เป็นเจ้าของพิพิธภัณฑ์วอเรน ซึ่งแรกพบตุ๊กตาที่สองสามีภรรยามาเจอ พวกเขามีความเห็นที่แตกต่างออกไปจากคนทรงก่อนหน้านี้ เพราะพวกเขาเชื่อว่าตุ๊กตามีปีศาจสิงสู่อยู่ อย่างไรก็ดีพวกเขาก็ยินยอมที่จะรับอนาเบลล์กลับไปด้วย แต่ขณะที่ทั้งสองกำลังขับรถกลับ ระหว่างทางรถของเขาได้เสียหลักจนเกือบเป็นที่มาของความหายนะ ซึ่งเอ็ดต้องรีบจอดรอดและพรมน้ำมนต์ใส่ตุ๊กตาเพื่อให้มันสงบลง
ไม่สิ้นสุดเพียงเท่านั้น เมื่อมีนักท่องเที่ยวที่มายังพิพิธภัณฑ์วอเรน ชายผู้หนึ่งได้ท้าทายให้อนาเบลล์แสดงอำนาจต่อหน้าเขา ซึ่งเมื่อชายผู้นั้นกลับออกไปไม่ถึงสามชั่วโมง เขาก็มอเตอร์ไซด์คว่ำเสียชีวิตแล้ว
สำหรับใครที่อยากเยี่ยมชมเธอ อนาเบลล์ก็ยังคงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วอเรนจนถึงทุกวันนี้เรื่อยมา
ผีตุ๊กตาโอคิคุ (OKIKU DOLL) หลังเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงไป 1 ปี (ค.ศ.1919) ชายหนุ่มวัย 18 ปี “เอคิชิ ซูซุกิ” (Eikichi Suzuki) ไปเดินเล่นกับน้องสาววัย 3 ขวบ ที่ชื่อว่า “คิคุโกะ”(Kikuko) ระหว่างนั้นเองที่เขาได้ซื้อตุ๊กตาโบราณญี่ปุ่นขนาดเล็กที่ร้านแห่งหนึ่งให้เป็นของขวัญแก่น้องสาวเขา และตั้งชื่อมันว่า “โอคิคุ” ซึ่งในเวลาต่อมาเพียงปีเดียว เด็กหญิงก็จบชีวิตลงเพราะล้มป่วย โดยที่ยังมีตุ๊กตาตัวโปรดของเธอวางอยู่เคียงข้าง เอคิชิได้สังเกตเห็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดอย่างที่ไม่ควรจะเป็น เมื่อตุ๊กตาที่เดิมทีมีผมยาวปะบ่า แต่ตอนนี้มันกลับยาว ตอนนั้นทั้งครอบครัวของเด็กหนุ่มมีความเชื่อว่าวิญญาณของเด็กหญิงได้สิงสู่ในตุ๊กตาตัวนี้แล้ว
เวลาผ่านไปหลายปี เมื่อพ่อแม่ของเอคิชิได้เสียชีวิต ส่วนตัวเขาได้รับจดหมายเรียกทางการกองทัพของญี่ปุ่นให้เข้าไปรับใช้ชาติ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังปะทุขึ้น เพราะรู้ว่าเขาไม่อาจจะสามารถดูแลสมบัติที่บ้านได้ เด็กหนุ่มได้มอบตุ๊กตาโอคิคุและอัฐเถ้ากระดูกของน้องสาวเขาให้แก่ทางวัด และหลังจากที่เขากลับมาจากสนามรบ พร้อมกับมุ่งหน้าไปยังวัดที่ฝากอัฐน้องสาวไว้ เขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่พบ เมื่อผมตุ๊กตายาวจนเกือบจะถึงลำตัว มีคำร่ำลือว่า ผีของคิคุโกะโกรธแค้นที่ต้องลาจากโลกนี้ไวเกินไป บ้างก็ว่าเธออาลัยคิดถึงพี่ชายที่จากบ้านไปยังสนามรบ
ปัจจุบันตุ๊กตาตัวนี้ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ที่วัดเดิมที่เอคิชิได้ฝากไว้ โดยวัดแห่งนี้มีชื่อว่า “เมนเน้นจิ”(Mannenji) ซึ่งผู้ที่ต้องการจะพบเห็นตุ๊กตาตัวก็ยังคงไปหาเธอได้
ตุ๊กตาหลอนแมนดี้ (Mandy the Haunted Doll) ในพิพิธภัณฑ์เควสแนล (Quesnel Museum) ซึ่งตั้งอยู่สถานที่เก่าแก่ในประเทศอังกฤษ และเธอเป็นหนึ่งในวัตถุโบราณที่เก็บรวบรวมมากกว่า 30,000 ชิ้นในที่แห่งนี้ แต่ทุกชิ้นคงจะเทียบเท่ากับเธอไม่ได้เลย
แมนดี้ได้รับบริจาคเมื่อปี ค.ศ. 1991 ในสภาพที่สกปรกไปทั่ว ตามร่างกายของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยเสียหายและรอยแตก จากการประเมินเธอน่าจะมีอายุเก่ามากกว่า 19 ปีนับจากวันที่ได้รับ แม้เธอจะดูเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาธรรมดาในพิพิธภัณฑ์ แต่ว่าเธอเป็นมากกว่าแค่เพียงตุ๊กตา
หญิงสาวที่บริจาคเธอมามีนามว่า “มีแรลด้า” (Mereanda) เธอได้เล่าจากประสบการณ์ของเธอว่า ในกลางดึกเธอจะถูกปลุกเกือบทุกคืน จากเสียงของเด็กทารกร้องไห้ ซึ่งดังมาจากในห้องใต้ดิน เมื่อเธอลองลงไปสำรวจก็จะพบหน้าต่างที่เคยปิด เปิดออก ทั้งนี้เธอได้บอกอีกว่า หลังจากที่เธอได้นำแมนดี้ให้กับทางพิพิธภัณฑ์ มีแรลด้าก็ไม่เคยได้รับการรบกวนจากเสียงเด็กทารกอีกเลย แมนดี้ปัจจุบันในพิพิธภัณฑ์
อลิซ ตุ๊กตาต้องคำสาบ (Alice the Haunted Doll) อีกหนึ่งวัตถุที่มีความเชื่อว่าไม่ใช่เพียงแค่สิ่งของธรรมดา เพราะตุ๊กตาตัวนี้มีคำบอกเล่าว่าเธอมักจะมากระซิบข้างหูผู้เป็นเจ้าของในเวลากลางคืน มาเรีย (Marie) เจ้าของคนแรกได้รับสารที่มาจากตุ๊กตาตัวนี้เพียงสั้นๆ ที่สร้างความหวาดกลัวให้แก่คือคำว่า “ฉันไม่ชอบแกเลย”
จากคำบอกเล่าของมาเรีย เธอได้บอกว่าตุ๊กตาตัวนี้ได้ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งคนแรกที่ครอบครองก็คือยายของเธอ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเธอมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชื่อว่า “อลิซ” ยายของเธอยังบอกอีกว่า วิญญาณของอลิซยังคงวนเวียนอยู่ในตุ๊กตาตัวนี้ และครั้งที่หลอนประสาทเธอที่สุดเมื่อเธอตื่นขึ้นในเช้าวันหนึ่งพร้อมกับพบข้อความสีแดงบนกำแพงว่า “ปล่อยให้ฉันอยู่เพียงลำพังและทุกข์ทรมานต่อไป”
สำหรับเรื่องลึกลับเกี่ยวกับอาถรรพ์ของตุ๊กตายังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังคงมีปริศนาของสิ่งที่สร้างความรู้สึกขวัญผวาเหล่านี้อีกมากมาย ซึ่งก่อนจะถึงเวลานั้นลองสำรวจรอบข้างดูสิว่า ตุ๊กตาที่คุณเคยคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทของคุณกำลังจ้องมองคุณอยู่หรือเปล่า
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fukutoshinohara เมื่อ 2013-7-10 19:59
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fukutoshinohara เมื่อ 2013-7-10 20:00
[สาระ]ตำนานตุ๊กตาผีรอบโลก
[img]
[IMG]
[/img]