แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย fanasai เมื่อ 2014-2-14 00:21
ตำนาน บทต้น
กาลครั้งหนึ่งเคยเล่าขาน
ยุคสมัยที่ท้องฟ้ายังว่างเปล่า
ไร้ซึ่งเหล่าเทวาเฝ้าปกครอง
ใต้พิภพยังแห้งแล้ง
ไร้ซึ่งเปลวเพลิงแห่งแดนมาร
หากแต่ในอนันกาลเหล่ามังกรเรืองอำนาจ หากแต่สามบรรพกาล
หนึ่งนั้นสรรสร้างพื้นพิภพ
หนึ่งนั้นสรรสร้างสายน้ำและชีวิต
หนึ่งนั้นให้กำเนิดสี่เผ่าพันธุ์
เผ่าเทวา แดนสวรรค์...กำเนิดเกิดมาจากดวงตา
คอยเฝ้ามองปกป้องทุกสรรพสิ่ง
เผ่าภูตพรายกำเนิดเกิดมาจากสมอง
ทรงอำนาจเรืองฤทธิ์ ชาญฉลาด
เผ่ามวลมารกำเนิดเกิดมาจากเล็บเขี้ยว
สรรสร้างหายนะ สงคราม ความสิ้นหวัง...กลืนกินทุกเผ่าพนัธุ์
เผ่ามนุษย์เกิดมาจากหัวใจ
ความรู้สึกหลากเหลือ...เกินคาดคิด
แปรเปลี่ยน สรรสร้าง ศึกษา ทำลายล้าง
ทุกสิ่งอย่างรวมไว้ในเผ่าเดียว
ทั้งสี่เผ่าแยกแยะโลกทั้งสาม
เผ่าเทวาปกครอง ณ แดนฟ้า
เผ่ามวลมาร ยึดครอง โลกเบื้องล่าง
เผ่าภูตพรายปกครองโลกเบื้องกลาง ถ่วงสมดุลอำนาจโลกทั้งสอง
เผ่ามนุษย์ยึดครอง ณ เศษส่วน แดนกลางสร้างวัฒนธรรม
โลกทั้งสี่ยึดระเบียบไม่ก้าวก่าย...ปกครองแดนตน
เหล่ามังกรผู้เรืองฤทธิ์ เลือกหลับใหล หากแต่นั้นใช่ทุกสิ่ง
สี่จ้าวทรงอำนาจมิยินยอมน้อมรับโชคชะตา
เหล่ามังกรคือผู้ครองมิใช่ผู้ถูกครอง
รีเกล จ้าวแดนเหนือ กลืนกินทุกสรรพสิ่ง
มิมีสิ่งใดต่อกร...ความสิ้นหวังเกาะกุมทุกดวงวิญญาณ
ผู้ชาญชัยต้องยอมสยบ ผู้ทรงอำนาจต้องน้อมเกล้า
เถลิงอำนาจครอบครองโลกแดนเทวา
เดียโบล จ้าวบูรพา ความกราดเกรี้ยวแห่งสงคราม คือเจตจำนงแห่งเปลวเพลิง
ในสงครามมันคือจ้าว สิ่งนี้ไม่แปรเปลี่ยน
ความหายนะคือเส้นทางเดียวที่รออยู่
เถลิงอำนาจบัญชาโลกเหล่ามาร
ก่อวิถีแห่งเจ็ดมารในภายหลัง
กาเปล จ้าวทักษิณ ความอดอยากแห้งแล้งและกันดาร คือเส้นทางในใต้บาท
พื้นแดนดินเขียวชอุ่มแปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย มอบความตายแก่ทุกจิตวิญญาณ
เหล่าภวยภูตมิอาจต่อต้าน...ยอมสยบยินยอมมิเต็มใจ
คาริม จ้าวประจิม น้อมบัญชาวิถีแห่งชะตากรรม มิมีสิ่งใดพ้น
ทุกสรรพสิ่งล้วนแต่ถือกำเนิดเกิดมาจากเวลา
หากกล่าวคือล้วนแลมีกาลเป็นของตัวตน
มิว่าใครก็ไม่อาจหลีกพ้น
พระเจ้าผู้ทรงภูมิ
จ้าวมารทรงอำนาจ
ภูตพรายผู้เรืองฤทธิ์
จอมราชันย์ผู้ปกครอง
เมื่อหมดกาลย่อมหมายถึงความตาย
จ้าวทั้งสี่แยกแยะต่างปกครอง
โลกทั้งสี่น้อมรับชะตากรรม
___________________________________
บท สงคราม
ภายหลังการล่มสลายลงของนครเหนือ และแดนตะวันออกจากสงครามที่นำทัพมาโดย โร เรีย อาร์
รวมไปถึงผลความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากสองจ้าวมังกร รีเกล และเดียโบล
ในสถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่ของเอสทรอน ก็มีข่าวลือออกมาเกี่ยวกับกองทัพที่เดินทางมาจากทิศต่างๆซึ่งหมายถึงต่างแดน
ทางเหนือนั้นผ่านพ้นทิวเขาปราการอันแข็งแกร่ง คือดินแดนซึ่งปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี
ความหนาวเย็นนั้นแทบจะทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ได้นอกจากเผ่าๆหนึ่งซึ่งมีความรู้ทางเทคโนโลยีในระดับสูง
กล่าวกันว่าเทคโนโลยีที่เเอสทรอนได้ใช้อยู่ในตอนนี้ก็มีการนำเข้ามาจากอาณาจักรในแดนหิมะนี้นั่นเอง
แต่ทว่าภายหลังจากเหตุกาณ์ที่ไม่คาดฝันก็ทำให้อาณาจักรที่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต้องถึงกาลอวสาน
ชาวเมืองที่เหลือหายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอยรวมไปถึงวิทยาการความรู้ของพวกเขา
ส่วนข่าวลือจากฝั่งตอนใต้นั้นปรากฎกองเรือจำนวนมหาศาลที่ล่องเรือมาตามกระแสของสายลม
ซึ่งกล่าวกันว่าผู้นำกองทัพนั้นมาคือ จอมกษัตริย์ผู้พิชิตเจ็ดคาบสมุทร
ในสถานการณ์ที่เลวร้ายซึ่งกำลังครอบงำแอสทรอนก็มีสิ่งที่ยังคงผุกร่อนความมั่นคงจากภายใน
เฮเลน หนึ่งในสมาชิกสภาเวทย์ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ร้ายระดับสูง ได้ทำการวางแผนเพื่อปลุกชีพมหามารทั้งเจ็ดขึ้นมาอีกครั้ง
และมีการปรากฎร่องรอยของชนเผ่าเอลฟ์ที่สาปสูญที่ป่าทางตะวันออกของอาณาจักร
หรือว่านี่จะคืออวสานของแอสทรอนเสียแล้ว ?
ข้อมูลของฝ่ายเอลฟ์
มีประชากรทั้งหมดรวมแล้ว 146,124 คน
นครหลวงคือ นครแอลเฮล์ม(Alfheim) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณป่าตะวันออกของอาณาจักรเอสทรอน โดยมีทั้งหมด 4 มณฑล ได้แก่
แอตแลนติส(ตั้งอยู่ใต้มหาสมุทรเลยชายฝั่งทางใต้ของเอสทรอนไป 1500 เมตร)
สวาทัล์ฟเฮม(ตั้งอยู่ใต้ดินบริเวณเมืองตะวันตกของเอสทรอนลึกลงไป 1200 ม.)
กินนันกาแน็บ(ตั้งอยู่ในบิรเวณหุบเขาที่ถูกปกคลุมโดยม่านพลังบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถพบเห็นได้บริเวณทิวเขาแห่งนครเหนือ)
โจตันเฮล์ม(ตั้งอยู่ในมิติคู่ขนานบริเวณเมืองหลวงแห่งเอสทรอน)
การปกครองนั้นปกครองในระบบ ประชาธิไตยแบบสังคมนิยม
โดยมีส่วนบริหารทั้งหมด 6 คนทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ โดยข้อเสนอหรือกฎหมายที่จะตีตราออกมาได้นั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกของฝ่ายบริหารทั้ง 6 คน รวมถึงประชาชนมากกว่า 8 ใน 10 เสียงจึงจะสามารถนำออกมาใช้ได้
หน่วยบริหารทั้ง 6 ของเอลฟ์
โอเบรอน - พระเชษฐาของกษัตริย์โยมุงกันเดอร์มหาราชแห่งเอลฟ์ เป็นผู้ล้มล้างระบบกษัตริย์ลงหลังจากกษัตริย์โยมุงกันเดอร์สวรรคตไปในสงครามสามพิภพและก่อตั้งสภาสูงขึ้นมาเพื่อบริหารประเทศ มีนิสัยที่ใจกว้าง เอื้อเฟื้อต่อทุกคนและเป็นพวกหัวก้าวหน้าโดยเขาได้เชื่อมสัมพันธไมตรีกับพวกที่มีแนวโน้มที่จะคิดร้ายต่อประเทศจนกระทั่งสร้างเสถียรภาพความมั่นคงที่ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน เขานั้นไม่ชื่นชอบมนุษย์เสียเท่าไหร่
โนม - อดีตกษัตริย์แห่งสวาทัล์ฟเฮม เป็นผู้แรกที่ยอมเข้าร่วมในสภาสูงและให้การสนับสนุนสภาสูงนี้อย่างเต็มที่ เป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีความมั่นคงและซื่อสัตย์รวมไปถึงได้รับการกล่าวเป็นมีความยุติธรรมสูงสุดในโลกแห่งภูติ
อุนดีเน่ - จักรพรรดินีแห่งแอตแลนติส เข้าร่วมสภาสูงเป็นกลุ่มที่สาม นางนั้นเป็นหญิงที่เข้าใจได้ยากและฉลาดเฉลียวที่สุดในโลก กล่าวกันว่าต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่อาจเข้าใจความคิดของนางได้เพียงเสี้ยวเดียว พระบิดาของนางนั้นคือหนึ่งในอดีตจอมเทพโพไซดอน
ซาลามันเดอร์ - ผู้นำสูงสุดแห่งโจตันเฮล์ม เป็นชายที่ใจร้อนและมุทะลุ แต่ทว่ามีความจริงใจและซื่อสัตย์ไม่แพ้ใคร คำพูดของเขานั้นได้ทุกคำพูดเชื่อถือได้ โดยปกติจะมีอุนดีเน่คอยทักท้วงเวลาที่เขาจะแสดงอารมณ์ออกมาจนเกินเหตุ เขานั้นมีความชื่นชอบในเครื่องจักรกลรวมถึงการใช้ชีวิตของมนุษย์มากพอสมควร ดูเขาจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของโอเบรอนอย่างมาก
สไปรัส - หนึ่งในภูติซึ่งสืบเชื้อสายมาจากนามธรรม เธอนั้นมีความรักอิสระสูงแต่ทว่าก็จะไม่ล่วงละเมิดเกินกว่าขอบเขตที่มีการกำหนดไว้ เพราะมีเชื้อสายที่สูงส่งเธอจึงได้รับความเคารพอย่างสูงสุดในสภาสูง กล่าวกันว่าเธอนั้นเป็นผู้เดียวที่โอเบรอนยอมรับฟังโดยไม่มีข้อทักท้วง
ทิทาเนีย - เจ้าหญิงแห่งกินนันกาแน็บ เธอเป็นผู้หญิงที่อบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิผิดกับดินแดนอันหนาวเย็นที่เธอดูแล เธอเข้าร่วมในสภาสูงเป็นคนที่สอง เธอเป็นผู้ที่ชื่นชอบในเรื่องความเป็นไปของโลกและการพัฒนาการของทุกๆอย่าง เธอเป็นหญิงที่เป็นที่รักของทุกคนในโลกภูติ ดูเหมือนเธอเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดที่จะไม่เข้าช่วยมนุษย์ของโอเบรอนเช่นกัน
คูฮูลินซ์ - แม่ทัพสูงสุดแห่งแอลเฮล์ม เป็นชายที่นิสัยตรงไปตรงมาและซื่อตรงเหมือนกับไม้บรรทัด เขามีความหลังฝังใจกับมนุษย์พอสมควรจึงทำให้ไม่ค่อยชอบมนุษย์สักเท่าไหร่แต่ในอีกส่วนหนึ่งเขาก็ยังรักในตัวมนุษย์เช่นกัน
Ev ver.2
[IMG]