แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kyle เมื่อ 2014-4-9 00:58
วันนึงก็มีชายผมทองสวมชุดคลุมสีน้ำตาลคลุมทั้งตัวขับรถม้าเข้ามาในเมืองหลวงของอาณาจักรเอสทรอน
รถม้าคันนั้นเป็นรถที่ใช้สำหรับแสดงหุ่นมือเมื่อขับมาถึงจัตุรัสกลางเมืองรถม้าคันนั้นก็จอด
ก่อนที่ชายบนรถม้าจะจัดพื้นที่รอบรถม้าให้โดยการเอาเก้าอี้มาตั้ง
“เร่เข้ามาทุกท่าน เร่เข้ามา นักเล่านิทานได้เดินทางมาถึงแล้วเชิญมารับชมกันได้ เร่เข้ามาครับเร่เข้ามา...”
ทันที่ชาวเมืองได้ยินก็รีบจับจองที่นั่งอันน้อยนิดและต่างยืนล้อมกันเป็นวงรอบรถม้านั้นก่อนที่ชายคนนั้นจะใช้หมวกไปรับเงินจากคนดู
“ขอบคุณมากครับทุกท่าน วันนี้กระผมจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับความลับแห่งวังหลวงที่ถูกลืมให้ชมกันครับ”
ชายคนนั้นโค้งก่อนหลายไปหายไปในรถม้าก่อนหยิบหนังสือเก่าๆออกมานั่งบนเก้าอี้แล้วเตรียมเล่า
“วันนี้เราขอเสนอเรื่องหญิงสาวผู้ต้องคำสาปครับ”ผู้ชมต่างปรบมือแล้วตั้งตารอชมการฟัง
“กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กสาวที่เกิดในครอบครัวชาวประมงที่ยากจนนางต้องช่วยพ่อแม่ทำงานทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวอยู่ได้
เมื่ออายุเธอพอที่จะเป็นเด็กรับใช้ในวังได้เธอก็รีบไปถวายตัวทันทีเพราะการทำเช่นนั้นครอบครัวของเธอจะได้เงินจำนวนมาก
พอที่จะให้ครอบครัวของเธอเปิดกิจการเลี้ยงตัวไปตลอดชีวิตได้ทันทีที่เข้าวังเธอก็ต้องทำงานหนักแทบทุกวัน
แต่เธอก็เป็นที่รักของคนงานระดับล่างทุกคนในความขยันและตั้งใจ”ชายคนนั้นเริ่มเล่าไปเรื่อยๆ
“เมื่อเวลาผ่านไป จากเด็กโตเป็นหญิงสาวเต็มตัวเธอก็ยังทำงานอย่างแข็งขันทุกวันแม้จะได้เงินเดือนเล็กน้อยก็ไม่บ่น
เพื่อให้ครอบครัวมีความสุขเป็นเวลาช่วงเดียวกับพระราชาอหนุ่มองค์องค์ปัจจุบันได้อภิเษกสมรสกับพระชายาลำดับที่12
ผู้ชนะการประกวดนางงามประจำปีนั้นซึ่งพระชายาลำดับที่12ก็ได้มีการคัดเลือกคนรับใช้ส่วนพระองค์ไว้รับใช้ส่วนตัว
ซึ่งหญิงสาวคนนั้นเป็นคนเดียวที่รับเลือกไป หญิงสาวและพระชายาต่างเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากกว่าการเป็นเจ้านายกับลูกน้อง
แต่พระชายาองค์อื่นๆกับข้ารับใช้ของพวกนางต่างเกลียดชังทั้งคู่มากเพราะทั้งคู่นั้นสนิทกับพระราชามากกว่าพวกนางมาก
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติด้วยดีจนกระทั้งปีต่อมา”ชายคนนั้นยกน้ำขึ้นดื่มระหว่างที่ดื่มคนฟังก็ใจจดใจจ่อ
“หลังจากที่ทั้งคู่เป็นนาย บ่าวกันมาได้1ปีพระชายาลำดับที่12ก็นึกสนุกส่งหญิงสาวรับใช้ของตน
ลงประกวดการประกวดนางงามที่ตนชนะมาเมื่อปีที่แล้วและทำให้ตนได้กลายเป็นพระชายา
แม้ว่าหญิงรับใช้จะปฏิเสธเท่าไหร่พระชายาก็ยังดื้อดึงจะส่งนางลง รู้สึกพระราชาดันเห็นด้วยกับพระชายาที่จะส่งหญิงรับใช้ลงเพื่อเล่นสนุก
แต่มันกลับทำให้พระชายาองค์อื่นที่จะส่งตัวเองเข้าประกวดไม่ก็ส่งญาติๆเข้าประกวดยิ่งเกลียดหญิงรับใช้เข้าไปใหญ่
เพราะเป็นการทาบรัศมีกับราชวงศ์ก็ว่าได้ ตลอดเวลาก่อนการแข่งขันหญิงรับใช้ถูกแกล้งสารพัด
แม้บางครั้งพระชายากับพระราชาจะมาช่วยไว้ได้ทันแต่นั้นก็ส่วนน้อยจนกระทั้งถึงวันแข่งขันชุดที่เตรียมใส่ลงรอบแรกถูกชำแหละจนไม่เหลือซาก
หญิงรับใช้ไม่มีชุดที่จะลงแข่งพระชายาจึงยกชุดชุดนึงให้ใส่ขึ้นประกวดพร้อมทั้งให้ยืมเครื่องประดับเพชรประจำตัวด้วย
ทำให้นางเด่นที่สุดบนเวทีและยังถูกตาต้องใจชายหลายๆคนร่วมทั้งพระราชาเองด้วยและแล้วหญิงรับใช้ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศมาแบบไม่ตั้งใจ
ยิ่งทำให้พระชายาองค์อื่นๆไม่พอใจหนักขึ้นกว่าเดิม”ชายคนนั้นกระเอมก่อนเล่าต่อ
“นับจากวันที่ชนะพระราชาก็เริ่มมองหญิงรับใช้ในฐานะหญิงสาวคนนึงทำให้พระชายาลำดับที่12เริ่มรู้สึกน้อยใจพระราชา
ทำให้พระชายาองค์อื่นๆเริ่มได้ทียุแยงโดยบอกกับพระชายาลำดับที12ว่า ‘อีกหน่อยหญิงสาวรับใช้ก็จะตีสนิทกับพระราชา
แล้วกลายเป็นชายาองค์ต่อไปแล้วนางก็จะตกกระป๋อง’ ทันทีที่ได้ยินพระชายาลำดับที่12ก็โมโหหญิงรับใช้แล้วก็เริ่มหาทางแกล้งต่างๆนานา
ดังที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทั้งทำร้ายตัวเองให้พระราชาคิดว่าเป็นฝีมือหญิงสาวรับใช้ถึงขั้นกระโดดตกลงมาจากบันไดกลิ้งลงไป2ชั้น
เพื่อโทษหญิงสาวรับใช้ว่าทำร้ายตนเพราะหวังในตัวพระราชาซึ่งหญิงรับใช้เองก็ไม่ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้หวังในตัวพระราชา
แต่ก็ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายพระชายาซึ่งพระราชาก็เชื่อในตัวพระชายามากกว่าจึงสั่งลงโทษหญิงสาวรับใช้”ชายเล่าเรื่องเปลี่ยนท่านั่งเพราะเริ่มเมื่อย
“ก่อนหน้านั้นพระราชาก็ล่วงรู้เกี่ยวกับกลุ่มลับในวังเป็นกลุ่มคนที่กินคนเพื่อใช้เป็นพลังเวทย์เลยได้ทำการกวาดล้างคนกลุ่มนั้น
แล้วมารู้เอาว่าเสด็จย่าของตัวเองเป็นหัวหน้ากลุ่มลับนั้นเลยไม่มีทางเลือกจึงส่งเสด็จย่าไปขังอยู่ในวังเย็นที่ซึ่งเป็นที่กักบริเวณคนในราชวงศ์
คนที่ไปที่นั้นจะไม่มีสิทธิ์ออกมาจนว่าจะตาย และบทลงโทษของหญิงรับใช้ก็คือไปเป็นคนรับใช้ของเสด็จย่า
เพราะคนก่อนๆหายไปอย่างไร้ล่องลอยคาดว่าถูกกินไปแล้ว ซึ่งนั้นก็หมายถึงโทษของหญิงสาวรับใช้ก็คือถูกส่งไปตาย”ชายเล่าเรื่องยกน้ำขึ้นดื่มอีก
“ทันทีที่ไปถึงวังเย็นหญิงสาวรับใช้ก็รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าคงไม่รอดกลับไปก่อนจะเดินเข้าไปในตัววังซึ่งความตายรอนางอยู่
หลังจากเข้าไปในตัววังเย็น แทนที่หญิงสาวรับใช้จะได้พบหญิงชราที่เป็นเสด็จย่าของพระราชาองค์ปัจจุบัน
กลับพบหญิงสาวที่น่าจะผ่านช่วงวัยรุ่นมาไม่นานนั่งอยู่ในสวนในวังเย็น หญิงสาวรับใช้รับทำความเคารพหญิงสาวตรงหน้าก่อนถามหาเสร็จย่า
หญิงสาวตรงหน้าหัวเราะก่อนกล่าวว่าตัวเองนี่ล่ะ เสร็จย่า หญิงสาวรับใช้ตกใจมากแต่นางก็ไม่ได้สงสัยอะไรแถมยังรีบทำความเคารพใหม่
หญิงสาวที่บอกว่าตัวเองเป็นเสร็จย่าหัวเราะอีกบอกชอบใจในตัวหญิงสาวรับใช้พร้อมบอกว่าจะไม่ฆ่านางเหมือนคนรับใช่อื่นๆ
ก่อนหน้าที่พอตัวเองบอกว่าเป็นเสร็จย่าก็ไม่เชื่อแถมยังต่อว่านางอีกพระนางจึงกินคนรับใช้เหล่านั้นทั้งเป็น
นอกจากนั้นเสร็จย่าสาวยังสอบถามถึงเหตุที่ต้องมาอยู่ที่นี่ของหญิงสาวรับใช้ ซึ่งนางก็เล่าเรื่องทั้งหมดในเสร็จย่าสาวฟัง เมื่อเสร็จย่าสาวฟังก็ถึงกับโมโหแทน
แต่หญิงสาวรับใช้กลับไม่มีทีท่าโมโหซึ่งทำให้เสร็จย่าสาวประหลาดใจกลับจิตใจของหญิงสาวรับใช้คนนี้”ชายเล่าเรื่องหักข้อนิ้วก่อนจะเล่าต่อ
“ระหว่างที่ที่วังเย็นหญิงสาวรับใช้เสร็จย่าสาวเป็นอย่างดีจนเป็นที่เอ็นดูของนาง
วันนึงเสร็จย่าสาวเอยปากถามหญิงสาวรับใช้ว่าอยากกลับออกไปจากวังเย็นไปสู่ภายนอกรึไม่
หญิงสาวรับใช้ก็บอกตามตรงว่าอยากแต่คงเป็นไปไม่ได้ แต่เสร็จย่าสาวกลับบอกว่ามีวิธี
แต่นางขี้เกียจออกไปแค่นั้นเองและบอกนะสอนวิธีที่จะทำให้ออกไปจากวังเย็นให้
หลังจากนั้นหญิงสาวรับใช้ก็ได้รับการถ่ายทอดพลังเวทย์จากเสร็จย่าสาวทุกวัน
แต่ผลของการใช้พลังเวทย์ทำให้เสร็จย่าสาวดูแก่ขึ้นทันตาทุกวันกว่าหญิงสาวรับใช้จะสังเกตมันก็สายไปเสียแล้ว
ภายใน1เดือนร่างกายเสร็จย่าจากหญิงสาวที่พึ่งพ้นช่องวัยรุ่นมากลายเป็นหญิงชราวัยไม่ต่ำกว่า70
เดินก็เริ่มลำบากต้องให้หญิงรับใช้สาวรับใช้ช่วยตลอดเวลาวันนึงหญิงสาวก็บอกจะเลิกฝึกแล้วบอกให้เสร็จย่ากินเธอเพื่อให้เสร็จย่ามีชีวิตอยู่ต่อไป
แต่เสร็จย่าปฏิเสธพร้อมยังบอกว่ามันถึงเวลาของนางแล้วนางรอให้หญิงรับใช้สาวมาเพื่อจะถ่ายทอดพลังให้ แล้ววันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของนางแล้ว
ซ้ำยังบอกให้หญิงสาวรับใช้กินนางซะเพื่อให้พลังเวทย์มืดที่เธอเรียนมาตลอด1เดือนแสดงผลออกมาอย่างเต็มที่
หญิงรับใช้ปฏิเสธแต่ด้วยเป็นการบังคับจากเสร็จย่า หญิงรับใช้จึงได้ลิ้มรสมนุษย์ด้วยกันเป็นครั้งแรกซ้ำยังเป็นอาจารย์ของเธออีกด้วย”คนฟังถึงขั้นกลืนน้ำลายลงคอ
“หลังจากที่หญิงรับใช้กินเสร็จพลังเวทย์และจิตวิญญาณของเสร็จย่าก็พุ่งเข้ามาในตัวของเธอ ผมที่เดิมเป็นสีดำยาวกลับกลายเป็นสีขาวราวกับกระดูก
นอกจากนั้นความแค้นของเสร็จย่าที่มีต่อราชวงศ์ก็ส่งผลมาถึงเธอด้วยรวมกับความน้อยใจของตัวเธอเองทำให้เธอรีบออกจากวังเย็น
ฝ่ากลุ่มทหารยามแล้วพุ่งตรงไปยังวังเธอบุกเข้าไปยังท้องพระโรงเพื่อพบกับพระราชา
แล้วถามถึงเหตุผลว่าทำไมไม่เชื่อเธอว่าเธอไม่ได้ทำร้ายพระชายาลำดับที่12และไม่เคยคิดร้ายกับราชวงศ์เลย
แต่พระราชากลับเมินไม่ตอบซ้ำยังเมินหญิงรับใช้สาวทำให้เธอถึงกลับควบคุมสติไม่ได้
และเริ่มทำร้ายคนในท้องพระโรง แม้ว่าทหารกล้าของอาณาจักรเป็นพันคนกรูเข้ามาเพื่อจะจับเธอก็ต่างถูกเธอทำร้ายจนบาดเจ็บไปหมด
ก่อนที่เธอจะออกจากท้องพระโรงไปที่ตำหนักของเหล่าพระชายา”คนดูต่างลุ้นไปกับเนื้อเรื่อง
“หญิงรับใช้บุกทำลายตัวตำหนักพระชายาซ้ำยังทำร้ายและกินพระชายาที่เคยทำอะไรร้ายกับเธอเอาไว้ด้วย
แต่นั้นก็ไม่ใช้เป้าหมายของเธอ เพราะเป้าหมายของเธอคือนายเก่าที่เธอจงรักภักดีแต่ทำร้ายความเชื่อมั่นของเธอคนหมดสิ้น
หญิงรับใช้สาวบุกเข้าไปยังห้องบรรทมของพระชายาลำดับที่12ทันทีที่นายเก่าเห็นอดีตคนรับใช้นางก็ตกใจยังกับเห็นปีศาจที่กลับมาจากนรกก็ไม่ปาน
แต่นางก็ยังทำใจดีพูดดีกับหญิงสาวรับใช้ถามสาระทุกสุขดิบ แต่สิ่งที่ตอบกลับมากลับเป็นการตวาดของคนที่เครียดแค้นอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้
ก่อนจะทำสิ่งที่ไม่น่าใช้สิ่งที่มนุษย์ทำคือการใช้มือแทงเข้าไปที่ทรวงอกของพระชายาลำดับที่12ก่อนควักหัวใจสดๆที่ยังเต้นของนางออกมา
ก่อนจะหัวเราะอย่างซะใจแบบไม่เคยเป็นมาก่อนทันทีพระราชามาถึงพระชายาลำดับที่12ก็ถูกเอาเตียงของนางเองฟาดร่างจนแหลกเหลว
เหลือแค่ศีรษะและหัวใจที่ควักออกมาก่อนหน้าพระราชาถึงกลับร้องเสียงหลงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
หญิงรับใช้ยิ้มเหมือนคนเสียสติไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่ทำอยู่พระราชาหยิบอาวุธออกมาหวังจะปลิดชีพหญิงสาวรับใช้แต่เขากลับทำไม่ได้แม้แต่แตะตัวเธอ
เขาทำทุกวิธีแต่ก็ยังทำอะไรนางไม่ได้และแล้วเขาก็ทำสิ่งที่แม้แต่หญิงสาวรับใช้ก็คิดไม่ถึงเขาของโทษเธอที่เขาไม่เชื่อเธอ
และขอโทษที่เมินเธอในท้องพระโรงเมื่อได้ยินหญิงสาวรับใช้ก็หยุดมือเหมือนได้สติกลับคืน
เธอร้องไห้ไม่หยุดเหมือนสิ่งที่เธอพึ่งทำเกิดจากปีศาจที่ยืมร่างของเธอทำความชั่วมากกว่าตัวเธอเอง”
คนดูบางคนเริ่มร้องไห้ไม่รู้เห็นใจหญิงรับใช้หรือพระชายาลำดับที่12กันแน่
“หลังจากวันนั้นหญิงสาวรับใช้ก็ถูกขังรอการประหารแต่เวลาก็ล่วงเลยมามากกว่า5ปี
ก็ยังไม่มีการตัดสินลงเธอซะทีเพราะตัวพระราชาเองตั้งแต่ตอนนั้นก็เหมือนเสียความมั่นใจและยังช็อกกับภาพที่ตัวเองเห็นในวันนั้น
พระชายาของพระราชาเกือบทั้งหมดตายที่รอดก็บาดเจ็บยิ่งกว่าตายไม่ก็เสียสติแบบไม่มีทางรักษาได้
ตลอดเวลาพระราชายังคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งวันนึงพระราชาสั่งให้ช่างฝีมือจากแดนไกลสร้างผนึกเวทย์มนต์
ที่ใช้สำหรับควบคุมพลังเวทย์ของผู้โดนผนึกซ้ำยังสามารถใช้สั่งการผู้ถูกผนึกได้ขึ้นมาจากนั้นหลายเดือนมันก็สำเร็จ
พระราชาไปหาหญิงสาวรับใช้ในคุกมืดที่ผนึกด้วยเวทย์มนต์หลายชั้นทั้งที่จริงๆหญิงสาวรับใช้สามารถทำลายและหนีออกมาได้แต่เธอไม่ทำ
เขาใช้ผนึกนั้นกลับเธอและบอกว่ากับเธอว่าจงชดใช้ความผิดโดยอยู่ปกป้องพระราชาองค์ต่อไปด้วยชีวิตก่อนจะหายตัวไป
คณะปกครองตามหาตัวพระราชาเท่าไหร่ก็ไม่พบจนต้องตามตัวเจ้าชายลำดับที่1ที่เรียนอยู่ต่างแดนมาดำรงตำแหน่งแทน
แต่ก่อนที่จะไปพระราชาได้ทิ้งจดหมายว่าให้เปลี่ยนคณะปกครองใหม่ทั้งหมดตามที่พระราชาองค์ใหม่ต้องการ
และอภัยโทษหญิงรับใช้และแต่งตั้งเธอเป็นธิดาเทพคอยให้คำปรึกษาและปกป้องพระราชาองค์ต่อไป
หญิงสาวรับใช้หลังจากเป็นธิดาเทพก็ต้องใช้ชีวิตต้องคำสาปในฐานะอาวุธและโล่ของของพระราชาองค์ต่อมาเรื่อยไปจวบจนวันตายจบแล้วครับ”
ทันทีที่จบก็มีคนปรบมือและให้คนเงินชายเล่าเพิ่มจนล้นหมวกเก่าๆของเขาหลังจากเล่าเสร็จชายเล่าเรื่องก็เก็บเก้าอี้เพื่อเตรียมเดินทางไปยังเมืองต่อไป
ก่อนที่เค้าจะขับรถม้าออกจากจัตุรัสของเมืองไปก็มีเด็กสาวผมสีดำยาวอายุประมาณ12ดึงชายเสื้อของเขาไว้
“มีอะไรเหรอแม่หนู”ชายเล่าเรื่องถาม
“คือ...วันนี้หนูก็จะจะเข้าวังเป็นครั้งแรกในฐานะคนรับใช้เหมือนกันอนาคตของหนูจะเป็นแบบหญิงสาวรับใช้รึเปล่าค่ะ หนูกลัวจังเลย”
เด็กสาวกล่าวขึ้นด้วยท่าทีที่ดูกลัวๆเรื่องที่พึ่งเล่าจบไป
“แล้วแม่หนูชื่ออะไรเหรอครับ”ชายเล่าเรื่องถามอีก
“ริลิเรียค่ะ ริลิเรีย แอสโนวิค แต่คนส่วนมากจะเรียกหนูว่าริลี่”เด็กสาวตอบ
“ชีวิตคนเราจะเป็นอย่างไร ก็อยู่ที่เราจะเลือกนะเราสามรถเปลี่ยนแปลงมันได้นะครับ”เขายิ้มให้เด็กสาว
“งั้นเหรอค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะ หนูจะเป็นคนรับใช้ที่ดีและเปลี่ยนแปลงชีวิตของหนูให้ดีแน่ๆค่ะ”เด็กสาวยิ้มก่อนที่ชายเล่าเรื่องจะบอกลาก่อนขับรถม้าจากไป
ส่วนเด็กหญิงก็โบกมือให้เขาจนสุดสายต่อก่อนจะเดินทางไปยังตัววังเพื่อทำหน้าที่ของเธอในฐานะเด็กรับใช้ในวัง
นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ15ปีก่อน...
เรื่องเล่าแห่งอดีต