Anime Review 4 : Psycho-Pass (A-)

สวัสดีครับ ทุกๆ ท่าน

สำหรับการรีวิวครั้งที่ 3 นี้ ถือได้ว่าเป็นอีกผลงานหนึ่งที่อาจจะไม่ได้อยู่ในระดับ pinnacle ของเหล่าอนิเมทั้งหลายก็จริง

แต่อนิเมนี้ได้สวนกระแสอนิเมที่หลังๆ มานี้ ได้เน้นความโมเอะเป็นจุดขาย

หลักๆ ของเรื่องนี้เป็นการเน้นนวัตกรรมของตัวการ์ตูน โดยได้นำกฏหมาย และโลกสมัยใหม่มาใช้ในการแต่ง

นั่นคือ Psycho-Pass นั่นเอง หรือเรียกไทยๆ กันว่า มาตรวัดอาชญากรรมอำมหิต

เป็นอนิเมของทางสตูดิโอ Production I.G. ซึ่งก็เคยมีผลงานที่อาจจะไม่ดี แต่ก็เคยเด่นเรื่องสร้างจุดขายของตัวละครมา

และทางสตูดิโอก็นำสิ่งที่เน้นความสมจริงมาใช้ในการแต่ง ก็คือ เรื่องนี้ครับ

ผมอาจจะคาดหวังว่าออกมาดีไหม โปรดติดตามอ่านได้เลยครับ

ถ้าคนแต่งคือ จอมมารอุโรบุจิ ล่ะก็ ผมก็คงไม่แปลกใจล่ะว่าทำไมเลือดต้อง:Xหน้าจอกันตั้งแต่ตอนที่ 1 เลย

Psycho-Pass สอบผ่านได้แบบไม่ชวนงงนัก ช่วงแรกๆ เป็นการปูเนื้อเรื่องต่างๆ ของตัวโลกของอนิเมได้ค่อนข้างเข้าใจง่าย

แต่เมื่อดูไปสักพักแล้ว เรื่องนี้กลับทำให้รู้สึกว่าไม่ผิดหวังเลย และมันก็เข้าสู่ Dark ได้อย่างเต็มปากเต็มคำอีกเรื่องหนึ่งในบรรดาอนิเม

แต่บางครั้งก็รุนแรงพอสมควร ขอแนะนำตรงๆ ว่าเนื้อหามันแรงมากๆ ผมคนนึงล่ะที่แทบจะไม่อยากกินข้าวอะไร หลังดูเรื่องนี้ไปน่ะครับ

ระบบสืบสวนก็ถือว่า Hi-Tech และมีความทันสมัย และด้วยที่ข้อมูลในการทำล้วนละเอียด และปมเยอะ ถือเป็นอีกเรื่องที่น่าติดตามครับ

แต่ที่สำคัญกว่าสำหรับสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมคิดว่าเรื่องนี้ Innovative มากๆ คือ Sibil System

Sibil System เป็นระบบที่ทำออกมาเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อของสมองมนุษย์ เป็นประมาณศูนย์กลางเลย

ทั้งนี้ ระบบต่างๆ ในการหาอาชญกรรม ก็มีการสามารถอ่านค่าอาชญกรรมต่างๆ ของเหล่าคนร้ายต่างๆ ได้

และเป็นอะไรที่ผมบอกตรงๆ ว่า ถ้ามันมีจริงขึ้นมา มันจะเป็นอะไรที่น่ากลัวพอสมควรครับ

แต่ไม่ใช่ว่ามีข้อเสีย ถ้าคนร้ายบางคนถูกมีความสามารถที่โดนอ่านค่าอาชญากรรมแล้วยังมองเป็น Normal แล้วมีจริงในโลกก็คงยากล่ะครับ

สรุปตามตรงว่า ทุกระบบ ทุกสิ่งในโลก ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่มีข้อเสียหรอกครับ มันต้องมีอะไรหนุนจุดด้อย จริงไหม

ส่วนตัวละครล้วน Development ออกมาให้สมกับแนวเรื่องของเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม

Shinya Kōgami ก็เป็นตัวละครที่เข้ากับความรุนแรงของเรื่องนี้ได้ดี

ส่วน Shōgo Makishima ก็คือตัวร้ายที่สามารถเข้ากับเรื่องนี้ได้เต็มๆ และผมไม่ผิดหวังครับ

เนื่องด้วยตัวร้ายมันก็ถือได้ว่า ออกแนวไร้มนุษยธรรมพอตัว และเ:X้ยมใช้ได้เลยครับ

นอกนั้นก็สามารถเสริมความโหดเ:X้ยมของตัวอนิเมให้เข้ากับพระเอก และตัวร้ายได้อย่างลงตัว

ตัว Art ของเรื่องนี้ทำมาให้เน้น Dark อย่างแท้จริง ตัวเรื่องจึงคล้าย Stein;Gates แต่มันออกแนวความรุนแรงมาก เลยต้องใส่โทนเข้มเยอะพอสมควร

แต่ตัวละครก็ออกมาไม่ผิดหวังเลย คนวาดก็เป็นคนวาด REBORN! มาด้วย ทั้งแสง สีถือได้ว่าสมจริง และออกมาได้ละเอียด

สิ่งที่ผมชอบเลยคือ แอนิเมชั่น ล้วนมีความละเอียด และทำได้ดีมากๆ

แต่ที่ออกมาเด่นคือ การใส่แสงของแต่ละเรื่องของอนิเมนี้ ให้ตายเถอะถึงจะโทนเข้ม แต่มันก็สวยในแบบของเขาล่ะครับ

เสียที่ว่ามันแข็งๆ ไปบ้าง และหน้าของบางตัวละครมันดูออกมาไม่ดีบางส่วนเท่านั้นเอง

ยังดีที่ Graphic และ Framerate ออกมาไม่ได้แข็งอย่างที่คิด ผมคิดว่าเรื่องนี้ทำมาลื่นหัวเกือบแตกได้เลยครับ

Psycho-Pass สอบผ่านอีกแล้วครับ

ด้วยการใส่เสียงที่ไปเน้นความรุนแรง จึงบอกได้เลยว่า เสียงคล้ายๆ กับการเล่นเกมสอบสวนได้ดี

แต่ถึงแม้ว่าจะไม่เท่าเกมก็เถอะ แต่ว่านี่ก็เป็นอีกอนิเมที่คุ้มค่าในการใช้เสียง และเอฟเฟคครับ

ส่วนเพลงเปิดที่ 1 ออกมาแนวรุนแรง และมีการใส่ดีดกีตาร์ที่แรงพอสมควร และเสียงคนร้องก็เข้ากับเรื่องนี้อย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อเทียบกับเพลงเปิดที่ 2 แล้ว มันออกมาดีทั้งคู่จนไม่อยากเอามาเทียบนัก เพราะแบบที่ 2 ออกแนวสะกดจิตคนฟัง

ซึ่งในบรรดาเพลงแล้ว เพลงเปิดที่ 1 เน้นปล่อยความเ:X้ยมโหด ส่วนเพลงเปิดที่ 2 ผมฟังอยู่ในหัวจนแทบอยากจะแตกออกมาในหัวได้เลย

สำหรับเพลงปิดที่ 1 และ 2 เพลงปิดที่ 1 จะเน้นสะกดจิต เน้นฟังแล้วเกิดการหลอนได้บ้าง

เพลงปิิดที่ 2 ก็ไม่เลว ออกมาแนวเย็น และโล่งๆ แต่ก็ออกแนวรุนแรงในบางจังหวะ

ถือเป็นอีกอนิเมที่สวนกระแสได้อย่างที่พูดจริงๆ กับเนื้อเรื่องที่ว่าโหดแล้ว และการดำเนินเรื่องที่ Serious สุดๆ

Psycho-Pass ได้นำสิ่งที่อนิเมที่แทนที่จะเน้นความน่ารัก กลับเน้นความสมจริงได้อย่างไม่น่าผิดหวัง

แม้ตัวอนิเมจะออกมาไม่ถึงกับยอดเยี่ยม แต่ด้วยที่เนื้อเรื่อง และตัวอาร์ตมันเ:X้ยมโหดได้อย่างสมจริง

Psycho-Pass จึงกลายเป็นม้ามืดในวงการอนิเมของปี 2012 จากผลงานของท่านจอมมารอุโรบุจิอีกครั้ง