คำถามที่เจอบ่อยเลยก้อคือ
1.ลงทุนเท่าไหร่
2.รายได้คุ้มไหม
3.หาหนังสือที่ไหน
4.ทำยากหรือเปล่า
เอาล่ะ เริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ
การทำร้านหนังสือเช่ามิได้ทำง่าย ๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจนะคะ หากคุณคิดจะทำเป็นงานอดิเรกนอกเหนือจากงานประจำ ญ ไม่แนะนำค่ะ
ใครที่ทำแบบนี้ เท่าที่เห็นเจ๊งหมดทุกราย การทำร้านเช่ารายได้มีอยู่ 2 แบบคือ ได้มาก กับได้น้อย
ส่วนเรื่องร้านเจ๊งนี่เจอได้ในกรณีที่
-ทำไม่เป็นเลย เปิดแล้วไม่ใส่ใจเรียนรู้
-เปิดเป็นงานอดิเรกแล้วจ้างเด็ก
-บริการไม่ดีเลย บิรการแย่มาก
-ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไม่สนใจ ไม่ update หนังสือ
-ทำเลแย่ ค่าเช่าแพงเกินเหตุ
-คู่แข่งเยอะ
อันนี้คือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ร้านเจ๊ง ส่วนมากที่ปิด ๆ ไปก้อเกิดจาก 6 ข้อนี่หละค่ะ
ส่วนการซื้อแฟรนไชส์ ญ ไม่แนะนำ เพราะอะไรคะ..
-แพง เสียเงินโดยใช่เหตุ
-ไม่ได้เรียนรู้เรื่องหนังสือเลย เพราะไม่ได้สัมผัสโดยตรง
-เจ้าของแฟรนไชน์ขายแต่แฟรนไชน์อย่างเดียว คือจัดหนังสือให้ นอกนั้นคุณทำเอง
แล้วมันก้อจะมีพวกรับบริการเปิดร้าน ให้คำปรึกษา จัดหน้งสือเพื่อเปิดร้าน อะไรเทือก ๆ นี้
ส่วนมากจะเป็นที่สวนจตุจักร
ถามว่าดีไหม ญ ว่าดีในแง่ที่ว่าคุณไม่ต้องเหนื่อยมาหาหนังสือเอง เค้าจัดให้เป็นชุดเสร็จสรรพ แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่า หนังสือชุดที่เค้าจัดให้นั้นใช้ได้แค่ไหน เช่น จัดหนังสือมาให้ 100 เล่ม ใช้ได้จริง ๆ อาจมีไม่ถึงครึ่ง เป็นต้น
สรุปว่า ก้อแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน แต่ถ้าถาม ญ แนะนำว่าให้เก็บหนังสือเอง ทำเองดีกว่าแน่นอน
ญ ยกตัวอย่างการซื้อแฟรนไชส์เจ้าดังเจ้าหนึ่ง (ญ รู้จักกับเจ้าของเป็นการส่วนตัว เพราะเคยเป็นสมาชิกเค้ามาก่อนด้วย)
ค่าแฟรนไชส์ 400,000 ... ได้อะไรบ้าง
1. โลโก้ร้าน ชื่อร้าน
2. หนังสือประมาณหนึ่ง (บอกไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่คิดว่าไม่เกิน 6000 เล่ม บอกได้แค่ว่าน้อยมาก ไม่คุ้มเสีย)
แค่นี้ค่ะ.. ไม่รวมค่าชั้น ค่าตกแต่งร้าน ค่าป้าย ค่าเช่าที่ เงินมัดจำ ฯลฯ
แต่ถ้าทำเอง 400,000 ได้อะไรบ้าง
หนังสือ ประมาณ 9000 เล่ม+-
ชั้นวางหนังสือ
คอม + โปรแกรม
ตกแต่งร้าน ปูกระเบื้อง ทาสี ทำฝ้า เดินไฟ (กรณีได้ตึกเปล่า ๆ ยังไม่ได้ตกแต่ง)
กระจก ป้ายโฆษณา สติ๊กเกอร์ร้าน
ค่าเช่าร้าน + มัดจำ
แอร์ พัดลม
บัตรสมาชิก
ประมาณนี้ อาจจะใช้งบ 400,000 - 500,000
เปรียบเทียบกันดูนะคะ แฟรนไชน์แพงกว่า เหนื่อยน้อยกว่า
แต่ก้อมีผลเสียหลาย ๆ อย่าง ดีอย่างเดียวคือสะดวก ง่าย เร็ว
ทำเอง คุมงบประมาณได้ ได้ทุกอย่างครบ แต่ข้อเสียคือเหนื่อยมั่กๆๆๆๆๆๆๆ (แต่เหนื่อยแล้วคุ้มน๊า... )
พอแระ บอกแล้วว่ายาว เด๋วค่อยมาต่อเกี่ยวกับเรื่องเงินทุน การหาทำเล การวางระบบโปรแกรม แล้วก้อเรื่องรายได้ (อันนี้อยากรู้กันมากสุด )
ไปแระ ขอพักกินน้ำก่อนนะค๊า จุ๊ฟ ๆ
เราจะมาคุยกันเรื่องเบสิคทั่ว ๆ ไปก่อน นั่นคือ ทำเล วิธีการหาทำเล หรือ ทำเลที่ดี เป็นอย่างไร
อันนี้จากประสบการณ์ 3 ปี 3 ร้าน แล้วก้อจากประสบการณ์ช่วยทำร้านให้คนรู้จัก และบุคคลอื่นที่มาขอให้ช่วยดูให้นะคะ
1.ที่ตั้งร้านควรอยู่ละแวกชุมชน ตลาด หมู่บ้าน หรือจุดกินข้าวใหญ่ ๆ ไม่แนะนำตามมหาวิทยาลัย หรือที่ ๆ อพาร์ทเม้นเยอะๆ ในที่นี้ขอพูดเกี่ยวกับปัญหาที่พบในร้านตามมหาลัยก่อน
- คู่แข่งเยอะ ทำไปเหนื่อยเปล่า ต้องมาแข่งตัดราคากันอีก เสียรายได้ที่ควรได้เพราะโดนแบ่งส่วนทางตลาดไปเยอะ
อย่างเช่น เราคิดค่าสมัครสมาชิก 50 บาท ร้านเอตัดราคาเราโดยคิด 39 บาท ร้านบี คิด 29บาท ร้านซีสมัครฟรี คุณคิดว่า นศ.จะสมัครที่ไหน
หรือค่าเช่าหนังสือ เราคิด 8 บาท ร้านเอคิด 7 บาท ร้านบีคิด 6 บาท ร้านซีคิด 5 บาท คุณคิดว่า นศ.จะเช่าร้านไหน
การตัดราคากัน ถามว่าเป็นสาระสำคัญมากไหม ตอบว่าไม่สำคัญมาก เพราะที่สุดแล้วการที่ลูกค้าจะเข้าร้านเราหรือไม่มันขึ้นอยู่กับหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่องการบริการ แต่หากเราไม่มีคู่แข่งเลยมันจะดีกว่าไหมคะ
- หนังสือจะหายเยอะมาก เพราะ นักศึกษา ปิดเทอมทีนึง ก้อจะหอบหนังสือเราไปด้วย ให้สังเกตว่าทำไมร้านเช่าตามมหาลัยจึงให้นศ.วางบัตร
ส่วนการเปิดร้านตามหอพักหรือแหล่งคอนโด อพาร์ทเม้นเยอะ ๆ ข้อเสียจะคล้าย ๆ กับในมหาลัยนะคะ คือคู่แข่งเยอะ และหนังสือหายมาก เพราะเด๋วนี้คนย้ายห้องกันง่ายจะตาย ตามยากมั่ก ๆ แต่ถ้าเป็นตามพวกเคหะจะยกเว้น เพราะส่วนมากการเคหะเค้าจะขายขาด มีส่วนน้อยที่ปล่อยห้องให้คนเช่า
2.ให้เกาะติดเซเว่นเป็นหลัก รองลงมาคือร้านเช่าซีดี ร้านอินเตอร์เน็ท ประเภทซึทาญ่า คนรักหนัง วีดีโออีซี่ ร้านประเภท โก๊ะกังวีซีดีอย่างนั้นไม่เอา เพราะอะไรคะ เพราะว่าพวกเซเว่นหรือซึทาญ่าพวกนี้ก่อนที่เค้าจะขายแฟรนไชส์ เค้าจะมีทีมมาสำรวจตลาดเรียบร้อยแล้วว่า ปริมาณคนหนาแน่นพอคุ้มค่าแก่การลงทุนหรือเปล่า เค้าลงทุนกันอย่างต่ำเป็นล้าน เพราะฉะนั้นถ้าเค้าอยู่ได้เราก้ออยู่ได้ค่ะ อีกอย่างลูกค้าร้านเช่าหนังสือกับร้านเช่าซีดีก้อเป็นกลุ่มเดียวกัน
อย่างร้าน ญ ทั้ง 3 ร้านก้อติดกะซึทาญ่าหมดเรย
ส่วนเรื่องสถานที่ หากคุณมีตึกแถวอยู่เองแล้วก้อแจ๋วมั่ก ๆ เซฟค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ แต่หากต้องเช่าจริง ๆ ญ แนะนำให้หาที่ค่าเช่าไม่แพงมาก อย่าให้เกิน 15000 กำลังดี อย่างร้าน ญ สาขาแรก ค่าเช่า 8,000 ร้านสองค่าเช่า 20,000 ร้านสามค่าเช่า 18,000 ..
ถามว่าทำไมสองร้านหลังค่าเช่าถึงแพงมาก คำตอบก้ออยู่ที่ทำเลไงคะ ทำเลดีมาก ค่าเช่าก้อแพงมากตามลำดับ ถึงค่าเช่าถูกแค่ไหนแต่เราทำไม่ดี ไม่ใส่ใจ ค่าเช่าถูกก้อไม่ช่วยอะไรนะคะ เจ๊งได้เหมือนกัน แต่ค่าเช่าแพงมากไปก้อไม่ดีเพราะมันจะหนัก อย่าง ญ มีประสบการณ์แล้ว มั่นใจถึงกล้าเช่า แต่คนที่เพิ่งเริ่ม แนะนำให้หาที่ ๆ ค่าเช่าถูกหน่อย เริ่มเล็ก ๆ ก่อนแล้วค่อยขยับขยายดีกว่านะคะ
ส่วนเรื่องรายได้ อันนี้ก้อขึ้นอยู่กับหลาย ๆ อย่างนะคะ แต่ที่สำคัญที่สุดเลยคือทำเลค่ะ
ไอ้หลาย ๆ อย่างที่ว่านี่หมายถึง หากเราไม่มีคู่แข่งเลย เราก้อเก็บได้เต็ม ๆ แต่ถ้ามีคู่แข่ง รายได้เราก้อลดลง รองลงมาคือเรื่องบริการ การลงหนังสือในร้าน เยอะมั๊ยตรงใจลูกค้าหรือเปล่า update ตลอดหรือไม่
การทำร้านเช่า จะว่าง่ายก้อง่าย จะว่ายากก้อยาก...
ใครที่คิดจะทำลองถามใจตัวเองก่อนนะคะ ว่าอึดหรือเปล่า รักการบริการหรือไม่ การทำร้านเช่าก้อเหมือนกับงานบริการทั่วไปที่ต้องเจอลูกค้าหลายประเภทหลายแบบ มีปัญหาให้ปวดหัว ให้แก้กันไม่เว้นแต่ละวัน ต้องอาศัยไหวพริบ และความอดทนสูงนะคะ
ร้านเช่าแบบเก่าที่เราชินตากันก้อคือร้านเก่า ๆ มืด ๆ ทึม ๆ ชั้นเหล็ก วางหนังสือรก ๆ ใช่ไหมคะ
แต่ร้านเช่ารูปแบบใหม่ที่ ญ ทำนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง เป็นร้านเช่ารูปแบบใหม่ ติดแอร์ สวยงามน่าเข้า..
หากคุณคิด หรือมุ่งมั่นที่จะทำจริง ๆ เด๋วเรามาคุยกันต่อเรื่องรายได้ .. ดีมะคะ
ขอตัวแป๊บ ยุ่งมั่ก ๆ เด๋วมาตอบต่อนะค๊า
เง้อ...พอพิมพ์แล้วยาวจังแฮะ..
ต่อ...เรื่องเงินลงทุน (เรื่องรายได้ยังมะบอก เพราะบอกไปแล้วเด๋วไม่ติดตามตอนต่อไปกัน ไว้ค่อยเฉลยท้ายสุด )
เงินลงทุน มากน้อยขึ้นอยู่กับหลาย ๆ อย่าง (อีกแระ)
แต่โดยหลัก ๆ ก้อเริ่มต้นที่ 300,000 - 500,000 ต่อร้าน
ค่าอะไรบ้าง เด๋ว ญ จะจาระไนให้ดู ดูตัวเลขแล้วดูเหมือนเยอะ ก้อใช่อ่ะค่ะ มันเยอะจริง ๆ ไม่อยากบอกว่าตอนทำร้านแรกเนื่องจากทำโดยไม่รู้เลย งบมันบานไปเกือบ 600,000 ง่ะ ขาดอีกไม่กี่บาท ที่มันบานก้อเพราะเรื่องหนังสืออ่ะค่ะ เราทำโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย เห็นหนังสืออะไรก้อเก็บๆๆๆๆๆ โดยที่ไม่รู้ว่าไอ้ที่ซื้อ ๆ มาน่ะมันใช้ไม่ได้ยอะเร้ยยยย เปิดไปเป็นปีถึงได้รู้เรื่อง
ค่าใช้จ่าย แบ่งออกได้ดังนี้ (เงินทุนเริ่มต้นก่อนเปิดร้านนะค๊า)
- ค่าซื้อหนังสือ 200,000- 300,000 ได้หนังสือประมาณ 8,000 - 9,000 เล่ม ทั้งการ์ตูน นิยาย พ็อกเก็ตบุ๊คส์ นิตยสาร( 90% ซื้อเป็นพวกมือสอง อีก 10%เป็นหนังสือใหม่อัพเดทชนแผงก่อนเปิดร้าน)
- ค่าตกแต่งร้าน (กรณีตึกเปล่า) ที่ต้องทำคือ ปูพื้นกระเบื้อง ทาสี ทำฝ้า เดินไฟ ติดกระจก ประมาณ 100,000+
- ป้ายโฆษณา + สติกเกอร์หน้าร้าน 30,000 (บางร้านอาจทำป้ายเล็ก ๆ แต่ของ ญ เอาอลังการไว้ก่อน )
- คอมฯ + โปรแกรม ไม่เกิน 30,000
- แอร์ พัดลม ประมาณ 35,000
- ค่าเช่า ส่วนมากเค้าจะคิดค่าเช่าล่วงหน้า 2 เดือน มัดจำเดือนนึงรวมเป็น 3 เดือน มากน้อยก้อแล้วแต่ค่าเช่า อย่างของ ญ เจอเข้าไปหนักเหมือนกันร้านสองกะร้านสามอ่ะค่ะ แทบหมดตรูด
- ค่าทำบัตรสมาชิก (ส่วนมากใบละ 4 - 5 บาท)
- ของแจกลูกค้า (ไม่ทำก้อได้ เปลืองเปล่า ๆ แต่ ญ ทำ เป็นการหลอกล่อลูกค้า )
ไปแระ เด๋วปิดร้านก่อน แล้วต้องไปตระเวนเช็คร้านอีก 2 ร้าน เหนื่อยมากมาย แต่ก้อสู้นะงับ
รายได้เด๋วมาบอกนะ เหอเหอ ..
ไปแระ จุ๊ฟ ๆ
งั้นเด๋ว ญ จะสรุปเรื่องทำเลให้คนที่สนใจจะทำจริง ๆ ก่อนนะคะ
การหาทำเลให้ดูหลัก ๆ เลยดังนี้ ..
1.ให้หาที่ ๆ อยู่ตรงตลาด ละแวกชุมชน จุดที่ขายของกินเยอะ ๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี มี่เซเว่น และร้านเช่าซีดี ร้านอินเตอร์เน็ท อยู่ใกล้ ๆ กัน
วิธีสังเกตง่าย ๆ ก้อคือ เป็นจุดที่มีการทำการค้ากันเยอะ ๆ อ่ะค่ะ เช่นมีร้านขายยา มินิมาร์ท ร้านทอง ร้านเสริมสวย ฯลฯ นึกออกใช่มั๊ยคะ
2.สำหรับคนที่คิดจะเปิดที่ต่างจังหวัด ให้ดูจุดที่จะเปิดให้ดี ๆ นะคะ จุดที่ควรเปิดก้อควรมีลักษณะเช่นข้อ1 ที่สำคัญคือดูว่ามีคู่แข่งอยู่แล้วหรือเปล่า ถ้าไม่มีก้อทำเลย แต่ถ้ามี ก็ให้ดูว่าร้านของเค้าใหญ่มากแค่ไหน หนังสือเยอะหรือเปล่า ถ้าดูแล้วไม่น่ากลัวมาก คิดว่าพอแข่งได้ ก็เปิดได้เลย แต่เปิดแล้วก็ต้องทำให้ดีกว่าเค้านะคะ ไม่ใช่เปิดทีหลัง แต่หนังสือน้อยกว่า ร้านเล็กกว่า แบบนั้นก็จบค่ะ
มาที่เรื่องการทำสัญญาเช่า
หากคิดจะทำแล้วแน่นอน หาทำเลที่ถูกใจได้แล้ว การคุยเรื่องการทำสัญญา ก็ต้องมีเทคนิคเหมือนกันนะคะ
บางทำเลที่ดีจริง ๆ แน่นอนว่าที่แถวนั้นย่อมเป็นที่ต้องการของคนอื่นด้วยเช่นกัน หมายความว่า.. สมมติที่ซ.โชคชัย 4 ละกัน แถวนั้นหาตึกว่างได้ยากเพราะทำเลดี แต่ถ้าหากมีห้องว่างขึ้นมา แน่นอนว่าต้องมีคนติดต่อไปเยอะ แต่... ร้านเช่าเราจะได้เปรียบคนอื่น ๆ
ได้เปรียบยังไงคะ หากคุณเป็นเจ้าของตึกคุณจะให้ใครเช่าตึกคะ ระหว่างร้านอาหารตามสั่ง กะร้านหนังสือเช่า แน่นอนว่าต้องเป็นร้านหนังสือเช่า
เพราะตึกเค้าจะไม่เสียหายมาก ส่วนวิธีการคุย เราก็ต้องบอกเค้าว่า เราทำร้าน ร้านเราจะสวยงาม ติดกระจก ติดแอร์ (ดีกว่าไม่ติดนะคะ แต่จะไม่ติดก้อได้แล้วแต่เจ้าของค่ะ แต่ ญ แนะนำให้ติด เพราะส่วนมากเค้าไม่ติดกัน ตรงนี้แหละที่ทำให้เราได้เปรียบคู่แข่ง ใคร ๆ ก้ออยากเข้าร้านเย็น ๆ ถูกมะคะ) บอกเค้าไปว่าเราจะทำให้ตึกเค้าสวยแน่นอน (กรณีตึกเปล่า) แล้วตึกเค้าก็ไม่เสียหายด้วย เพราะแค่เอาชั้นหนังสือมาวาง ไม่ได้ทำให้ตึกเสื่อมโทรมเหมือนพวกขายของกิน
ส่วนเรื่องระยะเวลาในการทำสัญญา เราต้องทำอย่างน้อย 3 ปีค่ะ ทำไมต้อง3 ปี เพราะ 1 ปีสั้นไปยังไม่คืนทุน 2 ปีก้อยังน้อยไป 3 ปีดีที่สุด แต่นานกว่านี้ก้อไม่ได้ เพราะหนังสือสัญญาเช่าทั่วไปเนี่ย เช่าได้นานสุด 3 ปีค่ะ เจ้าของตึกบางที่หัวหมอ ให้เช่าแค่ปีต่อปี เพราะว่าเค้าจะได้มีโอกาสขึ้นค่าเช่าเราได้ไงคะ เราต้องบอกเค้าทำนองว่า ทำร้านเช่ารายได้ไม่ได้ดีอะไรมากแค่พอเลี้ยงตัว ปีสองปียังไม่ได้ทุนคืนหรอกต้องซัก 3 ปี ยังไงก็ต้องต่อรองเค้าให้ได้มากที่สุดนะคะ เพราะว่าแค่ปีเดียวโอกาสที่เค้าจะขึ้นค่าเช่ามีมากถึง 99.99% อย่างน้อย ๆ ก้อต้อง 2 ปีอ่ะค่ะ
บางคนอาจจะคิดว่า 3 ปีนานไปรึเปล่า เดี๋ยวเกิดไม่ดี เจ๊งขึ้นมาทำยังไง ญ บอกได้เลยว่าทำร้านไม่เจ๊งง่าย ๆ หรอกค่ะ มีแต่ได้น้อย กะได้มาก
หากยังไม่แน่ใจ ให้กลับไปอ่านข้อความต้นที่ ญ โพสต์ไว้ว่ากรณีใดบ้างที่ทำให้ร้านเราเจ๊ง หากเรามั่นใจว่าตั้งใจที่จะทำจริง ๆ จัง ๆ ให้ตายก้อไม่เจ๊งค่ะ แต่เปิดร้านแล้วคุณต้องทำเองนะคะ ทำเล่น ๆ นอกเวลาไม่ได้ ต้องทำเต็มตัวและเต็มเวลาค่ะ แต่พอเปิดไปซักพัก ร้านอยู่ตัวแล้วเราค่อยจ้างเด็กก้อได้ค่ะ
ทำไมเราถึงต้องทำเองก่อน นั่นก้อเพราะว่าเราจะต้องเรียนรู้เรื่องหนังสือ เรื่องการให้บริการ เรื่องลูกค้า เราต้องทำเองให้เป็นหมดทุกอย่าง ไม่งั้นถ้าเราจ้างเด็กแล้วเราจะสอนเด็กยังไงคะ ญ ถึงบอกว่าธุรกิจนี้คุณต้องทุ่มเทจริง ๆ ทำเล่น ๆ ไม่ได้นะคะ
หากคุณคิดว่าเปิดแล้วจะจ้างเด็ก ไม่ทำเอง ญ บอกตรงนี้เลยว่าคุณอย่าทำ.. ล้มเลิกไปเถอะค่ะ แล้วไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า แบบว่าขายกาแฟ ขายของ หรือธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ต้องรับผิดชอบ ทำร้านเช่าไม่เหมือนร้านซีดีนะคะ ลูกค้าร้านเช่าซีดี มีหนังใหม่เค้าก็มาเช่า บางวันอยากดู บางวันไม่อยากดู แต่ร้านเช่าหนังสือ สมาชิกที่ร้านคุณจะต้องเจอเค้าแทบทุกวัน มันเป็นเรื่องการให้บริการที่ต่อเนื่องอ่ะค่ะ ส่วนมาก 80% ของลูกค้าก็จะเป็นลูกค้าหน้าเดิม ๆ ที่มาทุกวัน ทำ 3 ปี ก็เจอหน้ากันแทบทุกวัน ดังนั้น คุณจึงต้องใส่ใจกับร้านให้มาก ๆ
ไม่รู้ว่าอ่านแล้วจะเปลี่ยนใจกันบ้างหรือเปล่า แต่ทุกสิ่งที่บอกไปนั่นเป็นเรื่องจริง มาจากประสบการณ์จริงโดยตรง
ญ ไม่อยากให้คุณเสียเงินและเสียเวลาเปล่า ๆ เพราะการทำร้านก็ใช้เงินไม่ใช่น้อย ๆ หากไม่มุ่งมั่นจริง ๆ ก้อเก็บเงินไว้เถอะนะคะ
เด๋วมาต่อเรื่องรายได้
สุดท้ายแล้วค่ะ...
เรื่องรายได้
มากน้อยขึ้นอยู่กับหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะทำเล อย่างที่ ญ บอกว่าหากเราไม่มีคู่แข่งเลยเราก็เก็บได้เต็ม ๆ
รายได้เฉลี่ย/วัน โดยทั่วไปเอาอย่างแย่สุด ๆ อยู่ที่ 500-1000 นี่คือแย่มาก ๆ แล้วนะคะ หรือไม่ก็เป็นประเภทเปิดในบ้านตัวเอง เปิดในหมู่บ้านหรือใต้ถุนอพาร์ทเม้น อย่างไม่ได้ ๆ เลยนี่ก้ออยู่ที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 300 500 แน่นอน บางที่อยู่ใต้ถุนคอนโด ยังได้กันพันกว่าบาทเลยค่ะ
สำหรับร้าน ญ บอกตรง ๆ ว่าตอนนี้ยอดตกเล็กน้อยอันเนื่องมาจากการจ้างเด็ก และเราไม่ได้ดูเองตลอดเวลา อาจทำให้ลูกค้าหายไปบ้าง
ร้านแรกรายได้เฉลี่ยตอนนี้อยู่ที่ 1500 - 2000 บาท/วัน
ร้านที่ 101 เฉลี่ย 2000/วัน
ร้านที่ร่มเกล้ายอดดีสุด ตั้งแต่เปิดมาได้เฉลี่ยวันละ 2500 - 3000
.
.
.
หากคุณหาทำเลได้อย่างที่ ญ บอก รายได้มันก้อจะอยู่ประมาณนี้อ่ะค่ะ 1500-2000 แน่นอน
บางร้านที่ทำเลดีมาก ๆ วันนึง ๆ เค้าได้กัน 3000 - 4000 เลยนะคะ
แต่ก้ออย่างที่บอก ต่อให้ทำเลดีแค่ไหน แต่ถ้าทำไม่ดี รายได้ก้อไม่แน่ว่าจะดีตามนะคะ
ยังไงก้อคิดให้ดี ๆ ก่อนทำ มีอะไรก้อ pm มาถามได้ ยินดีให้คำปรึกษาทุกเรื่องค่ะ
อ้อ.. ลืมบอกเรื่องเก็บหนังสือ การซื้อหนังสือไม่จำเป็นว่าจะต้องซื้อที่สวนนะคะ เพราะจริง ๆ แล้วที่สวนอ่ะแพงนะขอบอก ไม่ได้ขายครึ่งราคา
ต้องเก็บตามร้านหน้งสือมือสองอ่ะค่ะ มีที่น้อมจิต ซีคอน แฟชั่น สะพานควาย แต่ถ้ากะจะเก็บทีเดียวให้ครบก้อต้องที่สวน แต่แพงค่ะ เค้าขายกัน 60-80% จากราคาปกเลยนะ
สงสัยอะไรถามได้นะค๊า
ไปแระ จุ๊ฟ ๆ
credit :http://www.thaimazda3.com/forum/index.php?s=c4fe027373af58fd8514640a77b153c2&showtopic=28308&st=0
1.ลงทุนเท่าไหร่
2.รายได้คุ้มไหม
3.หาหนังสือที่ไหน
4.ทำยากหรือเปล่า
เอาล่ะ เริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ
การทำร้านหนังสือเช่ามิได้ทำง่าย ๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจนะคะ หากคุณคิดจะทำเป็นงานอดิเรกนอกเหนือจากงานประจำ ญ ไม่แนะนำค่ะ
ใครที่ทำแบบนี้ เท่าที่เห็นเจ๊งหมดทุกราย การทำร้านเช่ารายได้มีอยู่ 2 แบบคือ ได้มาก กับได้น้อย
ส่วนเรื่องร้านเจ๊งนี่เจอได้ในกรณีที่
-ทำไม่เป็นเลย เปิดแล้วไม่ใส่ใจเรียนรู้
-เปิดเป็นงานอดิเรกแล้วจ้างเด็ก
-บริการไม่ดีเลย บิรการแย่มาก
-ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไม่สนใจ ไม่ update หนังสือ
-ทำเลแย่ ค่าเช่าแพงเกินเหตุ
-คู่แข่งเยอะ
อันนี้คือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ร้านเจ๊ง ส่วนมากที่ปิด ๆ ไปก้อเกิดจาก 6 ข้อนี่หละค่ะ
ส่วนการซื้อแฟรนไชส์ ญ ไม่แนะนำ เพราะอะไรคะ..
-แพง เสียเงินโดยใช่เหตุ
-ไม่ได้เรียนรู้เรื่องหนังสือเลย เพราะไม่ได้สัมผัสโดยตรง
-เจ้าของแฟรนไชน์ขายแต่แฟรนไชน์อย่างเดียว คือจัดหนังสือให้ นอกนั้นคุณทำเอง
แล้วมันก้อจะมีพวกรับบริการเปิดร้าน ให้คำปรึกษา จัดหน้งสือเพื่อเปิดร้าน อะไรเทือก ๆ นี้
ส่วนมากจะเป็นที่สวนจตุจักร
ถามว่าดีไหม ญ ว่าดีในแง่ที่ว่าคุณไม่ต้องเหนื่อยมาหาหนังสือเอง เค้าจัดให้เป็นชุดเสร็จสรรพ แต่คุณไม่มีทางรู้หรอกว่า หนังสือชุดที่เค้าจัดให้นั้นใช้ได้แค่ไหน เช่น จัดหนังสือมาให้ 100 เล่ม ใช้ได้จริง ๆ อาจมีไม่ถึงครึ่ง เป็นต้น
สรุปว่า ก้อแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน แต่ถ้าถาม ญ แนะนำว่าให้เก็บหนังสือเอง ทำเองดีกว่าแน่นอน
ญ ยกตัวอย่างการซื้อแฟรนไชส์เจ้าดังเจ้าหนึ่ง (ญ รู้จักกับเจ้าของเป็นการส่วนตัว เพราะเคยเป็นสมาชิกเค้ามาก่อนด้วย)
ค่าแฟรนไชส์ 400,000 ... ได้อะไรบ้าง
1. โลโก้ร้าน ชื่อร้าน
2. หนังสือประมาณหนึ่ง (บอกไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่คิดว่าไม่เกิน 6000 เล่ม บอกได้แค่ว่าน้อยมาก ไม่คุ้มเสีย)
แค่นี้ค่ะ.. ไม่รวมค่าชั้น ค่าตกแต่งร้าน ค่าป้าย ค่าเช่าที่ เงินมัดจำ ฯลฯ
แต่ถ้าทำเอง 400,000 ได้อะไรบ้าง
หนังสือ ประมาณ 9000 เล่ม+-
ชั้นวางหนังสือ
คอม + โปรแกรม
ตกแต่งร้าน ปูกระเบื้อง ทาสี ทำฝ้า เดินไฟ (กรณีได้ตึกเปล่า ๆ ยังไม่ได้ตกแต่ง)
กระจก ป้ายโฆษณา สติ๊กเกอร์ร้าน
ค่าเช่าร้าน + มัดจำ
แอร์ พัดลม
บัตรสมาชิก
ประมาณนี้ อาจจะใช้งบ 400,000 - 500,000
เปรียบเทียบกันดูนะคะ แฟรนไชน์แพงกว่า เหนื่อยน้อยกว่า
แต่ก้อมีผลเสียหลาย ๆ อย่าง ดีอย่างเดียวคือสะดวก ง่าย เร็ว
ทำเอง คุมงบประมาณได้ ได้ทุกอย่างครบ แต่ข้อเสียคือเหนื่อยมั่กๆๆๆๆๆๆๆ (แต่เหนื่อยแล้วคุ้มน๊า... )
พอแระ บอกแล้วว่ายาว เด๋วค่อยมาต่อเกี่ยวกับเรื่องเงินทุน การหาทำเล การวางระบบโปรแกรม แล้วก้อเรื่องรายได้ (อันนี้อยากรู้กันมากสุด )
ไปแระ ขอพักกินน้ำก่อนนะค๊า จุ๊ฟ ๆ
เราจะมาคุยกันเรื่องเบสิคทั่ว ๆ ไปก่อน นั่นคือ ทำเล วิธีการหาทำเล หรือ ทำเลที่ดี เป็นอย่างไร
อันนี้จากประสบการณ์ 3 ปี 3 ร้าน แล้วก้อจากประสบการณ์ช่วยทำร้านให้คนรู้จัก และบุคคลอื่นที่มาขอให้ช่วยดูให้นะคะ
1.ที่ตั้งร้านควรอยู่ละแวกชุมชน ตลาด หมู่บ้าน หรือจุดกินข้าวใหญ่ ๆ ไม่แนะนำตามมหาวิทยาลัย หรือที่ ๆ อพาร์ทเม้นเยอะๆ ในที่นี้ขอพูดเกี่ยวกับปัญหาที่พบในร้านตามมหาลัยก่อน
- คู่แข่งเยอะ ทำไปเหนื่อยเปล่า ต้องมาแข่งตัดราคากันอีก เสียรายได้ที่ควรได้เพราะโดนแบ่งส่วนทางตลาดไปเยอะ
อย่างเช่น เราคิดค่าสมัครสมาชิก 50 บาท ร้านเอตัดราคาเราโดยคิด 39 บาท ร้านบี คิด 29บาท ร้านซีสมัครฟรี คุณคิดว่า นศ.จะสมัครที่ไหน
หรือค่าเช่าหนังสือ เราคิด 8 บาท ร้านเอคิด 7 บาท ร้านบีคิด 6 บาท ร้านซีคิด 5 บาท คุณคิดว่า นศ.จะเช่าร้านไหน
การตัดราคากัน ถามว่าเป็นสาระสำคัญมากไหม ตอบว่าไม่สำคัญมาก เพราะที่สุดแล้วการที่ลูกค้าจะเข้าร้านเราหรือไม่มันขึ้นอยู่กับหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่องการบริการ แต่หากเราไม่มีคู่แข่งเลยมันจะดีกว่าไหมคะ
- หนังสือจะหายเยอะมาก เพราะ นักศึกษา ปิดเทอมทีนึง ก้อจะหอบหนังสือเราไปด้วย ให้สังเกตว่าทำไมร้านเช่าตามมหาลัยจึงให้นศ.วางบัตร
ส่วนการเปิดร้านตามหอพักหรือแหล่งคอนโด อพาร์ทเม้นเยอะ ๆ ข้อเสียจะคล้าย ๆ กับในมหาลัยนะคะ คือคู่แข่งเยอะ และหนังสือหายมาก เพราะเด๋วนี้คนย้ายห้องกันง่ายจะตาย ตามยากมั่ก ๆ แต่ถ้าเป็นตามพวกเคหะจะยกเว้น เพราะส่วนมากการเคหะเค้าจะขายขาด มีส่วนน้อยที่ปล่อยห้องให้คนเช่า
2.ให้เกาะติดเซเว่นเป็นหลัก รองลงมาคือร้านเช่าซีดี ร้านอินเตอร์เน็ท ประเภทซึทาญ่า คนรักหนัง วีดีโออีซี่ ร้านประเภท โก๊ะกังวีซีดีอย่างนั้นไม่เอา เพราะอะไรคะ เพราะว่าพวกเซเว่นหรือซึทาญ่าพวกนี้ก่อนที่เค้าจะขายแฟรนไชส์ เค้าจะมีทีมมาสำรวจตลาดเรียบร้อยแล้วว่า ปริมาณคนหนาแน่นพอคุ้มค่าแก่การลงทุนหรือเปล่า เค้าลงทุนกันอย่างต่ำเป็นล้าน เพราะฉะนั้นถ้าเค้าอยู่ได้เราก้ออยู่ได้ค่ะ อีกอย่างลูกค้าร้านเช่าหนังสือกับร้านเช่าซีดีก้อเป็นกลุ่มเดียวกัน
อย่างร้าน ญ ทั้ง 3 ร้านก้อติดกะซึทาญ่าหมดเรย
ส่วนเรื่องสถานที่ หากคุณมีตึกแถวอยู่เองแล้วก้อแจ๋วมั่ก ๆ เซฟค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ แต่หากต้องเช่าจริง ๆ ญ แนะนำให้หาที่ค่าเช่าไม่แพงมาก อย่าให้เกิน 15000 กำลังดี อย่างร้าน ญ สาขาแรก ค่าเช่า 8,000 ร้านสองค่าเช่า 20,000 ร้านสามค่าเช่า 18,000 ..
ถามว่าทำไมสองร้านหลังค่าเช่าถึงแพงมาก คำตอบก้ออยู่ที่ทำเลไงคะ ทำเลดีมาก ค่าเช่าก้อแพงมากตามลำดับ ถึงค่าเช่าถูกแค่ไหนแต่เราทำไม่ดี ไม่ใส่ใจ ค่าเช่าถูกก้อไม่ช่วยอะไรนะคะ เจ๊งได้เหมือนกัน แต่ค่าเช่าแพงมากไปก้อไม่ดีเพราะมันจะหนัก อย่าง ญ มีประสบการณ์แล้ว มั่นใจถึงกล้าเช่า แต่คนที่เพิ่งเริ่ม แนะนำให้หาที่ ๆ ค่าเช่าถูกหน่อย เริ่มเล็ก ๆ ก่อนแล้วค่อยขยับขยายดีกว่านะคะ
ส่วนเรื่องรายได้ อันนี้ก้อขึ้นอยู่กับหลาย ๆ อย่างนะคะ แต่ที่สำคัญที่สุดเลยคือทำเลค่ะ
ไอ้หลาย ๆ อย่างที่ว่านี่หมายถึง หากเราไม่มีคู่แข่งเลย เราก้อเก็บได้เต็ม ๆ แต่ถ้ามีคู่แข่ง รายได้เราก้อลดลง รองลงมาคือเรื่องบริการ การลงหนังสือในร้าน เยอะมั๊ยตรงใจลูกค้าหรือเปล่า update ตลอดหรือไม่
การทำร้านเช่า จะว่าง่ายก้อง่าย จะว่ายากก้อยาก...
ใครที่คิดจะทำลองถามใจตัวเองก่อนนะคะ ว่าอึดหรือเปล่า รักการบริการหรือไม่ การทำร้านเช่าก้อเหมือนกับงานบริการทั่วไปที่ต้องเจอลูกค้าหลายประเภทหลายแบบ มีปัญหาให้ปวดหัว ให้แก้กันไม่เว้นแต่ละวัน ต้องอาศัยไหวพริบ และความอดทนสูงนะคะ
ร้านเช่าแบบเก่าที่เราชินตากันก้อคือร้านเก่า ๆ มืด ๆ ทึม ๆ ชั้นเหล็ก วางหนังสือรก ๆ ใช่ไหมคะ
แต่ร้านเช่ารูปแบบใหม่ที่ ญ ทำนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง เป็นร้านเช่ารูปแบบใหม่ ติดแอร์ สวยงามน่าเข้า..
หากคุณคิด หรือมุ่งมั่นที่จะทำจริง ๆ เด๋วเรามาคุยกันต่อเรื่องรายได้ .. ดีมะคะ
ขอตัวแป๊บ ยุ่งมั่ก ๆ เด๋วมาตอบต่อนะค๊า
เง้อ...พอพิมพ์แล้วยาวจังแฮะ..
ต่อ...เรื่องเงินลงทุน (เรื่องรายได้ยังมะบอก เพราะบอกไปแล้วเด๋วไม่ติดตามตอนต่อไปกัน ไว้ค่อยเฉลยท้ายสุด )
เงินลงทุน มากน้อยขึ้นอยู่กับหลาย ๆ อย่าง (อีกแระ)
แต่โดยหลัก ๆ ก้อเริ่มต้นที่ 300,000 - 500,000 ต่อร้าน
ค่าอะไรบ้าง เด๋ว ญ จะจาระไนให้ดู ดูตัวเลขแล้วดูเหมือนเยอะ ก้อใช่อ่ะค่ะ มันเยอะจริง ๆ ไม่อยากบอกว่าตอนทำร้านแรกเนื่องจากทำโดยไม่รู้เลย งบมันบานไปเกือบ 600,000 ง่ะ ขาดอีกไม่กี่บาท ที่มันบานก้อเพราะเรื่องหนังสืออ่ะค่ะ เราทำโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย เห็นหนังสืออะไรก้อเก็บๆๆๆๆๆ โดยที่ไม่รู้ว่าไอ้ที่ซื้อ ๆ มาน่ะมันใช้ไม่ได้ยอะเร้ยยยย เปิดไปเป็นปีถึงได้รู้เรื่อง
ค่าใช้จ่าย แบ่งออกได้ดังนี้ (เงินทุนเริ่มต้นก่อนเปิดร้านนะค๊า)
- ค่าซื้อหนังสือ 200,000- 300,000 ได้หนังสือประมาณ 8,000 - 9,000 เล่ม ทั้งการ์ตูน นิยาย พ็อกเก็ตบุ๊คส์ นิตยสาร( 90% ซื้อเป็นพวกมือสอง อีก 10%เป็นหนังสือใหม่อัพเดทชนแผงก่อนเปิดร้าน)
- ค่าตกแต่งร้าน (กรณีตึกเปล่า) ที่ต้องทำคือ ปูพื้นกระเบื้อง ทาสี ทำฝ้า เดินไฟ ติดกระจก ประมาณ 100,000+
- ป้ายโฆษณา + สติกเกอร์หน้าร้าน 30,000 (บางร้านอาจทำป้ายเล็ก ๆ แต่ของ ญ เอาอลังการไว้ก่อน )
- คอมฯ + โปรแกรม ไม่เกิน 30,000
- แอร์ พัดลม ประมาณ 35,000
- ค่าเช่า ส่วนมากเค้าจะคิดค่าเช่าล่วงหน้า 2 เดือน มัดจำเดือนนึงรวมเป็น 3 เดือน มากน้อยก้อแล้วแต่ค่าเช่า อย่างของ ญ เจอเข้าไปหนักเหมือนกันร้านสองกะร้านสามอ่ะค่ะ แทบหมดตรูด
- ค่าทำบัตรสมาชิก (ส่วนมากใบละ 4 - 5 บาท)
- ของแจกลูกค้า (ไม่ทำก้อได้ เปลืองเปล่า ๆ แต่ ญ ทำ เป็นการหลอกล่อลูกค้า )
ไปแระ เด๋วปิดร้านก่อน แล้วต้องไปตระเวนเช็คร้านอีก 2 ร้าน เหนื่อยมากมาย แต่ก้อสู้นะงับ
รายได้เด๋วมาบอกนะ เหอเหอ ..
ไปแระ จุ๊ฟ ๆ
งั้นเด๋ว ญ จะสรุปเรื่องทำเลให้คนที่สนใจจะทำจริง ๆ ก่อนนะคะ
การหาทำเลให้ดูหลัก ๆ เลยดังนี้ ..
1.ให้หาที่ ๆ อยู่ตรงตลาด ละแวกชุมชน จุดที่ขายของกินเยอะ ๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี มี่เซเว่น และร้านเช่าซีดี ร้านอินเตอร์เน็ท อยู่ใกล้ ๆ กัน
วิธีสังเกตง่าย ๆ ก้อคือ เป็นจุดที่มีการทำการค้ากันเยอะ ๆ อ่ะค่ะ เช่นมีร้านขายยา มินิมาร์ท ร้านทอง ร้านเสริมสวย ฯลฯ นึกออกใช่มั๊ยคะ
2.สำหรับคนที่คิดจะเปิดที่ต่างจังหวัด ให้ดูจุดที่จะเปิดให้ดี ๆ นะคะ จุดที่ควรเปิดก้อควรมีลักษณะเช่นข้อ1 ที่สำคัญคือดูว่ามีคู่แข่งอยู่แล้วหรือเปล่า ถ้าไม่มีก้อทำเลย แต่ถ้ามี ก็ให้ดูว่าร้านของเค้าใหญ่มากแค่ไหน หนังสือเยอะหรือเปล่า ถ้าดูแล้วไม่น่ากลัวมาก คิดว่าพอแข่งได้ ก็เปิดได้เลย แต่เปิดแล้วก็ต้องทำให้ดีกว่าเค้านะคะ ไม่ใช่เปิดทีหลัง แต่หนังสือน้อยกว่า ร้านเล็กกว่า แบบนั้นก็จบค่ะ
มาที่เรื่องการทำสัญญาเช่า
หากคิดจะทำแล้วแน่นอน หาทำเลที่ถูกใจได้แล้ว การคุยเรื่องการทำสัญญา ก็ต้องมีเทคนิคเหมือนกันนะคะ
บางทำเลที่ดีจริง ๆ แน่นอนว่าที่แถวนั้นย่อมเป็นที่ต้องการของคนอื่นด้วยเช่นกัน หมายความว่า.. สมมติที่ซ.โชคชัย 4 ละกัน แถวนั้นหาตึกว่างได้ยากเพราะทำเลดี แต่ถ้าหากมีห้องว่างขึ้นมา แน่นอนว่าต้องมีคนติดต่อไปเยอะ แต่... ร้านเช่าเราจะได้เปรียบคนอื่น ๆ
ได้เปรียบยังไงคะ หากคุณเป็นเจ้าของตึกคุณจะให้ใครเช่าตึกคะ ระหว่างร้านอาหารตามสั่ง กะร้านหนังสือเช่า แน่นอนว่าต้องเป็นร้านหนังสือเช่า
เพราะตึกเค้าจะไม่เสียหายมาก ส่วนวิธีการคุย เราก็ต้องบอกเค้าว่า เราทำร้าน ร้านเราจะสวยงาม ติดกระจก ติดแอร์ (ดีกว่าไม่ติดนะคะ แต่จะไม่ติดก้อได้แล้วแต่เจ้าของค่ะ แต่ ญ แนะนำให้ติด เพราะส่วนมากเค้าไม่ติดกัน ตรงนี้แหละที่ทำให้เราได้เปรียบคู่แข่ง ใคร ๆ ก้ออยากเข้าร้านเย็น ๆ ถูกมะคะ) บอกเค้าไปว่าเราจะทำให้ตึกเค้าสวยแน่นอน (กรณีตึกเปล่า) แล้วตึกเค้าก็ไม่เสียหายด้วย เพราะแค่เอาชั้นหนังสือมาวาง ไม่ได้ทำให้ตึกเสื่อมโทรมเหมือนพวกขายของกิน
ส่วนเรื่องระยะเวลาในการทำสัญญา เราต้องทำอย่างน้อย 3 ปีค่ะ ทำไมต้อง3 ปี เพราะ 1 ปีสั้นไปยังไม่คืนทุน 2 ปีก้อยังน้อยไป 3 ปีดีที่สุด แต่นานกว่านี้ก้อไม่ได้ เพราะหนังสือสัญญาเช่าทั่วไปเนี่ย เช่าได้นานสุด 3 ปีค่ะ เจ้าของตึกบางที่หัวหมอ ให้เช่าแค่ปีต่อปี เพราะว่าเค้าจะได้มีโอกาสขึ้นค่าเช่าเราได้ไงคะ เราต้องบอกเค้าทำนองว่า ทำร้านเช่ารายได้ไม่ได้ดีอะไรมากแค่พอเลี้ยงตัว ปีสองปียังไม่ได้ทุนคืนหรอกต้องซัก 3 ปี ยังไงก็ต้องต่อรองเค้าให้ได้มากที่สุดนะคะ เพราะว่าแค่ปีเดียวโอกาสที่เค้าจะขึ้นค่าเช่ามีมากถึง 99.99% อย่างน้อย ๆ ก้อต้อง 2 ปีอ่ะค่ะ
บางคนอาจจะคิดว่า 3 ปีนานไปรึเปล่า เดี๋ยวเกิดไม่ดี เจ๊งขึ้นมาทำยังไง ญ บอกได้เลยว่าทำร้านไม่เจ๊งง่าย ๆ หรอกค่ะ มีแต่ได้น้อย กะได้มาก
หากยังไม่แน่ใจ ให้กลับไปอ่านข้อความต้นที่ ญ โพสต์ไว้ว่ากรณีใดบ้างที่ทำให้ร้านเราเจ๊ง หากเรามั่นใจว่าตั้งใจที่จะทำจริง ๆ จัง ๆ ให้ตายก้อไม่เจ๊งค่ะ แต่เปิดร้านแล้วคุณต้องทำเองนะคะ ทำเล่น ๆ นอกเวลาไม่ได้ ต้องทำเต็มตัวและเต็มเวลาค่ะ แต่พอเปิดไปซักพัก ร้านอยู่ตัวแล้วเราค่อยจ้างเด็กก้อได้ค่ะ
ทำไมเราถึงต้องทำเองก่อน นั่นก้อเพราะว่าเราจะต้องเรียนรู้เรื่องหนังสือ เรื่องการให้บริการ เรื่องลูกค้า เราต้องทำเองให้เป็นหมดทุกอย่าง ไม่งั้นถ้าเราจ้างเด็กแล้วเราจะสอนเด็กยังไงคะ ญ ถึงบอกว่าธุรกิจนี้คุณต้องทุ่มเทจริง ๆ ทำเล่น ๆ ไม่ได้นะคะ
หากคุณคิดว่าเปิดแล้วจะจ้างเด็ก ไม่ทำเอง ญ บอกตรงนี้เลยว่าคุณอย่าทำ.. ล้มเลิกไปเถอะค่ะ แล้วไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า แบบว่าขายกาแฟ ขายของ หรือธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ต้องรับผิดชอบ ทำร้านเช่าไม่เหมือนร้านซีดีนะคะ ลูกค้าร้านเช่าซีดี มีหนังใหม่เค้าก็มาเช่า บางวันอยากดู บางวันไม่อยากดู แต่ร้านเช่าหนังสือ สมาชิกที่ร้านคุณจะต้องเจอเค้าแทบทุกวัน มันเป็นเรื่องการให้บริการที่ต่อเนื่องอ่ะค่ะ ส่วนมาก 80% ของลูกค้าก็จะเป็นลูกค้าหน้าเดิม ๆ ที่มาทุกวัน ทำ 3 ปี ก็เจอหน้ากันแทบทุกวัน ดังนั้น คุณจึงต้องใส่ใจกับร้านให้มาก ๆ
ไม่รู้ว่าอ่านแล้วจะเปลี่ยนใจกันบ้างหรือเปล่า แต่ทุกสิ่งที่บอกไปนั่นเป็นเรื่องจริง มาจากประสบการณ์จริงโดยตรง
ญ ไม่อยากให้คุณเสียเงินและเสียเวลาเปล่า ๆ เพราะการทำร้านก็ใช้เงินไม่ใช่น้อย ๆ หากไม่มุ่งมั่นจริง ๆ ก้อเก็บเงินไว้เถอะนะคะ
เด๋วมาต่อเรื่องรายได้
สุดท้ายแล้วค่ะ...
เรื่องรายได้
มากน้อยขึ้นอยู่กับหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะทำเล อย่างที่ ญ บอกว่าหากเราไม่มีคู่แข่งเลยเราก็เก็บได้เต็ม ๆ
รายได้เฉลี่ย/วัน โดยทั่วไปเอาอย่างแย่สุด ๆ อยู่ที่ 500-1000 นี่คือแย่มาก ๆ แล้วนะคะ หรือไม่ก็เป็นประเภทเปิดในบ้านตัวเอง เปิดในหมู่บ้านหรือใต้ถุนอพาร์ทเม้น อย่างไม่ได้ ๆ เลยนี่ก้ออยู่ที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 300 500 แน่นอน บางที่อยู่ใต้ถุนคอนโด ยังได้กันพันกว่าบาทเลยค่ะ
สำหรับร้าน ญ บอกตรง ๆ ว่าตอนนี้ยอดตกเล็กน้อยอันเนื่องมาจากการจ้างเด็ก และเราไม่ได้ดูเองตลอดเวลา อาจทำให้ลูกค้าหายไปบ้าง
ร้านแรกรายได้เฉลี่ยตอนนี้อยู่ที่ 1500 - 2000 บาท/วัน
ร้านที่ 101 เฉลี่ย 2000/วัน
ร้านที่ร่มเกล้ายอดดีสุด ตั้งแต่เปิดมาได้เฉลี่ยวันละ 2500 - 3000
.
.
.
หากคุณหาทำเลได้อย่างที่ ญ บอก รายได้มันก้อจะอยู่ประมาณนี้อ่ะค่ะ 1500-2000 แน่นอน
บางร้านที่ทำเลดีมาก ๆ วันนึง ๆ เค้าได้กัน 3000 - 4000 เลยนะคะ
แต่ก้ออย่างที่บอก ต่อให้ทำเลดีแค่ไหน แต่ถ้าทำไม่ดี รายได้ก้อไม่แน่ว่าจะดีตามนะคะ
ยังไงก้อคิดให้ดี ๆ ก่อนทำ มีอะไรก้อ pm มาถามได้ ยินดีให้คำปรึกษาทุกเรื่องค่ะ
อ้อ.. ลืมบอกเรื่องเก็บหนังสือ การซื้อหนังสือไม่จำเป็นว่าจะต้องซื้อที่สวนนะคะ เพราะจริง ๆ แล้วที่สวนอ่ะแพงนะขอบอก ไม่ได้ขายครึ่งราคา
ต้องเก็บตามร้านหน้งสือมือสองอ่ะค่ะ มีที่น้อมจิต ซีคอน แฟชั่น สะพานควาย แต่ถ้ากะจะเก็บทีเดียวให้ครบก้อต้องที่สวน แต่แพงค่ะ เค้าขายกัน 60-80% จากราคาปกเลยนะ
สงสัยอะไรถามได้นะค๊า
ไปแระ จุ๊ฟ ๆ
credit :http://www.thaimazda3.com/forum/index.php?s=c4fe027373af58fd8514640a77b153c2&showtopic=28308&st=0
แนวทางในการเปิดร้านเช่าการ์ตูน!!