คนที่เล่นคอมพิวเตอร์เป็นประจำมักจะเกิดโรค CTS หรือ โรค Carpal Tunnel Syndrome ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเกิดจากการที่เพิ่มหนาขึ้นของพังผืดบริเวณช่องเส้นเอ็นตรงข้อมือ (ปกติตรงข้อมือของคนเราจะมีเส้นเอ็นข้อต่อกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมถึงเส้นประสาทที่วิ่งผ่าน) เนื่องจากการใช้เมาส์โดยใช้ข้อมือเป็นจุดหมุน หรือการกดคีย์บอร์ด
โรค CTS หรือ โรค Carpal Tunnel Syndrome
เกิดจากการที่เส้นประสาทที่วิ่งผ่านท่อนแขนจากข้อศอกไปยังข้อมือได้รับแรงกดซ้ำ ๆ หรือ เกิดจากการเพิ่มหนาขึ้นของพังผืดที่บริเวณอุโมงค์ข้อมือกดทับเส้นประสาทมีเดียน (Median Nerve) ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณแขนและมือ และเป็นเส้นประสาทที่รับความรู้สึกบริเวณฝ่ามือ นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และครึ่งหนึ่งของนิ้วนาง เส้นประสาทนี้จะเดินทางตั้งแต่บริเวณต้นคอจนถึงปลายนิ้วมือ
ลักษณะผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรค
- ผู้ที่ใช้ข้อมือทำงานในท่าเดิมๆ
- ผู้ที่ต้องใช้มือหรือข้อมือมากๆในชีวิตประจำวัน
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่มีผลต่อปลายประสาท เช่น โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบ
- หญิงตั้งครรภ์ระยะใกล้คลอด
- ผู้ที่ใช้มือและข้อมือติดต่อกันเป็นเวลานานๆ แม้จะเป็นงานเบาๆ
- ผู้ที่ใช้ข้อมือกระดกขึ้นลงบ่อยๆ หรือทำงานที่มีการสั่นสะเทือนของมือและแขนอยู่เป็นเวลานาน
อาการของโรค CTS
- ชาหรือปวดบริเวณมือ ในบางรายอาจมีอาการได้ทั้งฝ่ามือ มักมีอาการชัดในมือข้างที่ถนัด บางรายอาจเป็นทั้ง 2 ข้าง ส่วนมากมักเป็นเวลากลางคืน หลังจากนอนหลับบางครั้งอาจตื่นขึ้นมาจากอาการปวด แต่เมื่อสะบัดมือแล้วอาการจะดีขึ้นชั่วคราว
- ถ้าเส้นประสาทถูกกดทับมากขึ้น จะทำให้อาการอ่อนแรงของมือ หยิบจับของลำบาก หรือถือของหล่นบ่อยๆ และทำให้กล้ามเนื้อบริเวณฝ่ามือลีบลง
- จะพบได้บ่อยสำหรับเพศหญิง มากว่าเพศชาย
- อายุที่พบบ่อย ประมาณ 35-40 ปี
- มักพบในผู้ที่มีข้อมือค่อนข้างกลม
การรักษา
- หลีกเลี่ยงการกระดกข้อมือขึ้นลงในกิจวัตรประจำวัน โดยการเปลี่ยนมาใช้ข้อศอกหรือข้อไหล่ในการทำกิจกรรม เพื่อลดอาการอักเสบบริเวณข้อมือ
- การทำกายภาพบำบัด การบริหารมือ ซึ่งจะได้ผลดีในผู้ที่เริ่มต้นมีอาการไม่มาก
- การใส่เครื่องช่วยพยุงมือในเวลากลางคืน จะช่วยจัดท่าของข้อมือให้อยู่ในท่าที่ดีที่สุดเวลานอน เพื่อช่วยลดอาการปวดและเป็นการเตือนผู้ป่วยไม่ให้กระดกข้อมือมากเกินไป
- แบบให้ยา ถ้าเพิ่งเริ่มเป็นอาจจะกินยาแก้ปวดแล้วก็พักข้อมือหยุดการเคลื่อนไหวอาการก็อาจทุเลาและหายไปได้เองโดยตรง
- การผ่าตัด พิจารณาในผู้ที่มีอาการค่อนข้างมากได้ผลดี หลังผ่าตัดแล้วผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้เลยและหลังจากที่แผลหายดีแล้ว ควรจะมีการฝึกการบริหารมือและข้อมือ เพื่อให้เส้นเอ็น และเส้นประสาทของมือเคลื่อนไหวได้สะดวก ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการเจ็บบริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้วิธีการทำกายภาพบำบัด เช่น การนวดหรือลูบเบาๆ บริเวณแผล การใช้ความร้อน ความเย็น
ที่มาข้อมูล
โรงพยาบาลลาดพร้าว แพทย์เฉพาะทางเวศศาสตร์ฟื้นฟู
ผมคนนึงก็เป็นคนที่เล่นคอมพิวเตอร์เป็นประจำ และอากการพวกนี้เคยเกิดขึ้นกับผม ผมจึงต้องเล่นคอมน้อยลงและ ซื้อลูกบอลมา คอยออกกำลังกายที่มือ จึงหายเป็นปกติ ผมจึงมาให้เกล็ดความรู้เรื่องโรคภัย เพื่อจะได้ป้องกัน นะครับ
ถ้าเห็นว่ามี สาระ ก็ +1 กันหน่อยนะ ^^