10. Forward mail: เมลลวงโลก
ถ้าคุณเคยได้รับอีเมลที่มีข้อความว่า "ไมโครซอฟต์ทำการสำรวจตลาดผู้ใช้ข้อมูลของบริษัทใคร FW อีเมลต่อให้เพื่อนได้รับเงินใน
ทันที" ...รู้ไว้เลยว่ามันมั่ว!
ไมโครซอฟต์ออกมาแจ้งเตือนชาวบ้านผู้ใช้เน็ตทั่วโลกว่า อย่าไปหลงเชื่อ บริษัทไม่เคยมีนโยบายแจกเงินลักษณะนี้ ถ้าจะทำแบบ
สอบถามเขาก็จะทำผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น การส่งข้อความอีเมลมีความเสี่ยงต่อการถูกเจาะข้อมูลไปใช้ประ
โยชน์ แต่ถ้าได้รับเมลพวกนี้อีกก็ควรทำดังนี้ 1.อย่าเปิด 2. อย่าส่งต่อ 3. อย่าโอนเงินให้เขา 4.อย่าให้เลขบัญชี 5.ลบเมลทิ้งไปซะ..
เงินน่ะมันไม่เคยได้มาง่ายๆแบบนี้หรอก ดังนั้นอย่าตกเป็นเหยื่อ!
9. Monkey on Mars:ลิงจากดาวอังคาร
พิพิธภัณฑ์ของสำนักงานสอบสวนรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งตั้งอยู่ที่นครแอตแลนตา นำสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวกับคดีความดังๆ
และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาออกแสดง ซึ่งสิ่งหนึ่งที่สร้างความสนใจให้กับผู้เข้าชมมากที่สุดคือ "ลิงจากดาวอังคาร"
ข่าว "ลิงจากดาวอังคาร" สร้างความแตกตื่นไปทั่วเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1953 ที่มีผู้พบซากสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาด โดยผู้สร้าง
เรื่องหลอกลวงนี้มีกันอยู่ 3 คน คือนายเอ็ดเวิร์ด วัตเตอร์ส นายทอม วิลสัน ทั้งสองเป็นช่างตัดผม และนายอาร์โนลด์ เพย์น หรือ "บัดดี้"
พ่อค้าขายเนื้อสัตว์
ทั้งสามให้การกับตำรวจว่า เห็นยานอวกาศสีแดงจอดอยู่บนถนนในเวลากลางคืน จากนั้นเห็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดสูง 2 ฟุตออกมา
จากยาน ซึ่งรถปิกอัพของพวกเขาได้ชนสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่ง ทำให้ที่เหลือถอยกลับไปยังยานและบินออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
ยานยังทำให้ถนนเป็นรอยไหม้รูปวงกลม
อย่างไรก็ตามภายหลังจากนั้นไม่นาน ดร.เฮอร์แมน ดี.โจนส์ ผู้ก่อตั้งห้องทดลองจีบีแล็บ และดร.แมเรียน ไฮนส์ ผู้วชาญด้านอนาโตมี
จากมหาวิทยาลัยเอโมรี่ ระบุว่า เรื่องเล่านั้นหลอกลวงเพราะซากรูปร่างประหลาด ที่พบนั้นเป็นลิง
เมื่อถูกแฉ ทั้งสามยอมรับว่า นำซากลิงมาตัดหาง และแว็กซ์เอาขนออกจนหมด พร้อมทั้งใส่สีเขียวลงไปในซากลิง และนำไปไว้บน
ถนนเปลี่ยวเหนือนครแอตแลนต้าก่อนพระอาทิตย์ตกดินเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1953 เพียงไม่กี่ชั่วโมง
8. RODS: สิ่งมีชีวิตปริศนา
รอดส์ สัตว์ปริศนาที่ฝรั่งเขาเรียกกันอีกชื่อว่า Sky fish เพราะเท่าที่พบส่วนใหญ่มันใช้ชีวิตอยู่ในอากาศ ลำตัวกว้างประมาณ 4 นิ้ว
ลักษณะใสๆ บางๆ แบนๆ ยาวๆ มีครีบรอบลำตัว บินได้เร็วประมาณ 270-300 กม./ชม. และด้วยความเร็วขนาดนี้จึงทำให้มนุษย์ไม่
สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ที่มีหลักฐานส่วนใหญ่จึงเป็นภาพที่ถ่ายด้วยกล้องสปีดชัตเตอร์สูงล้วนๆ
การค้นพบรอดส์ครั้งแรกคือเมื่อเดือนมีนาคม 1994 โดย ลินดา ฮิววิตต์ ชาวแคนาเดียนที่บอกว่าถ่ายติดมาโดยบังเอิญตั้งแต่ปี 1972
แต่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั่งมารู้อีกทีว่าน่าจะเป็นรอดส์อย่างที่เขาว่ากัน แต่คนที่ทำให้รอดส์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกก็คือ โฆเซ่
เอสคามิลล่า ที่นำเรื่องนี้ไปพูดในรายการวิทยู Artbell ในนิวเม็กซิโกก่อนจะมีผู้รายงานว่าถ่ายติดรอดส์ไปทั่ว ทั้งในอเมริกา แคนาดา
อังกฤษหรือแม้แต่แบกแดด
จนถึงทุกวันนี้ เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่ารอดส์ไม่ใช่เรื่องจริง นักวิเคราห์ ภาพบอกหลายคนตั้งข้อสังเกตุว่า มันมีความเร็วในการเคลื่อนที่
เป็น 2 เท่า ของความยาวลำตัว/เฟรม ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นวิดีโอที่ถ่ายจากมุมไหน ตัวไหนหรือที่ไหนของโลกก็ตาม มันจะมีความเร็ว
สัมพัทธ์กับตัวเลขนี้เสมอ จึงสรุปได้ว่า มันคือภาพเบลอของแมลงที่บินผ่านหน้าเลนส์เท่านั้น!
7. NESSIE: ไดโนเสาร์แห่งล็อคเนสส
นี่คือดาราอีกตัวที่โด่งดังไปทั่วโลก เจ้าไดโนเสาร์เนสซี่มีคนอ้างว่าพบเห็นบ่อยๆในทะเลสาบล็อคเนสส์ ประเทศสกอตแลนด์ มันจะชู
คอยาวโผล่ขึ้นจากผิวน้ำขณะกำลังแหวกว่าย บางคนที่มีโอกาสเจอก็ถ่ายภาพไว้ได้ แต่ที่ชัดที่สุด คงจะเป็นฝีมือของ ด็อก ชิลส์ ที่จับ
ภาพไว้ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.1977
แม้ภาพนี้จะถูกกล่าวขวัญไปทั่วโลกและทำท่าว่าจะยืนยันได้ว่าเนสซี่มีอยู่จริง แต่แล้วก็ถูกวิจารณ์โดยรัสเซลล์ แองกลิซานี ผู้เชี่ยวชาญ
การตกแต่งภาพที่ออกมาบอกว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาเป็นเรื่องลวงทั้งเพ มันน่าจะเกิดจากการใช้เทคนิคเก่าๆ โดยหยดสารฟอกสี น้ำยา
ย้อมแล้วป้ายด้วยพู่กัน แถมยังบอกอีกว่า ดูจากภาพแล้วเนสซี่ น่าจะหนักไม่ต่ำกว่า 30 ตัน แต่ทำไมน้ำหนักมันถึงไม่กระเพื่อมเลยซักกะนิด?
..ภาพนี้ก็เลยถูกบรรจุไว้ในเรื่องลวงโลกจนได้
6. DRACULA CASTLE: ปราสาทผีดูดเลือด
"ประสาทบราน" แห่งแคว้นทรานซิลวาเนีย สถานท่องเที่ยวยอดฮิตของโรมาเนีย ซึ่ง บราน สโตกเกอร์ หยิบไปเขียนนิยายปิศาจดูดเลือด
และกลายเป็นหนังสยองขวัญเรื่องดัง... ใช่แล้วพี่น้องนี่คือปราสาทแดร็กคิวล่า! ประสาทนี้เป็นของเจ้าชายวลาดที่ 3 ผู้ครองแคว้นวาลาเซีย
ซึ่งได้รับฉายาวลาด แดร็กคิวล่า(ราชบุตรแห่งมังกร) เขาชิงบัลลังค์ได้ในปี 1456 แล้วปกครองด้วยความโหดเ้ยม มีเรื่องเล่าว่าเขาสั่งเผา
ขอทาน คนแก่ คนเจ็บ ไปทั้งเป็นจะได้ไม่มีคนจนก่อปัญหาว่ากันว่าช่วงปี 1456 - 1462 เขาสังหารประชาชนไปราว 4หมื่น - 1แสนคน
หลายครั้ง เขาก็นั่งเสวยชมการประหารแบบเพลินๆ
แดร็กคิวล่าถูกสังหารในปี 1476 ขณะถูกทัพเติร์กโจมตี หัวถูกแขวนไว้ที่คอนแสตนติโนเปิล ส่วนร่างแยกไปฝังที่เกาะของตระกูลสนากอฟ
ต่อมาเมื่อมีการขุดค้นในปี 1931 กลับไม่พบโลงศพของเขา นั่นทำให้เรื่องนี้ถูกผูกเป็นนิยายผีดิบในที่สุด แม้ปราสาทผีดูดเลือดจะเป็นเรื่อง
ลวงโลก แต่ชาวโรมาเนียก็ไม่มีใครออกมาโวยวาย เพราะมันทำให้รายได้เข้าประเทศเรียกว่า.. มหาศาล!
5. MOON HOAX: อพอลโล ปฏิบัติการลวงโลก
ย้อนหลังไปเมื่อ 7 ปีก่อน เกิดกระแสฮือฮาไปทั่วประเทศไทย เมื่อสารคดี "อพอลโล 11 ปฏิบัติการลวงโลก?" ออกฉายในยูบีซี มันสะกิดใจให้
คิดว่า มนุษย์เคยขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์มาจริงหรือเป็นแค่การเซ็ตถ่ายในสตูดิโอ?
20 กรกฏาคม 1969 ยานอพอลโล 11 นำนักบินอวกาศลงสู่ดวงจันทร์เป็นครั้งแรก นีล อาร์มสตรอง, บัช อัลดรีน และไมเคิล คอลลินส์
สองคนแรกได้ลงเหยียบดวงจันทร์ ในขณะที่ไมเคิลยอมเสียสละขับยานอีกลำรอรับเพื่อนอยู่ในวงโคจร ภาพถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
แต่มีคนกลุ่มหนึ่งไม่เชื่อเรื่องนี้ บิล เคย์ซิง, ราล์ฟ เรเน่ และบาร์ต ไรเบรลกล่าวหาว่า นาซ่าจัดฉากเซ็ตภาพทั้งหมดขึ้นในสตูดิโอ โดยมี
สแตนลีย์ คูบริก(2001 : A Space Odyssey) รับหน้าที่กำกับ บิลเขียนหนังสือ We never Went To The Moon ก่อนกลายไปเป็นสารคดี
Conspiracy Theory: Did we land on The Moon? ออกอากาศในอเมริกาเมื่อ 15 ก.พ.2001 และฉายในยูบีซีไปเมื่อ 8 ก.ย.2002 ใน
สารคดีมีจุดจับผิดอยู่ด้วยกันหลายจุด แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ออกมาเคลียร์ได้หมดทุกจุด
SMOKELESS CIGARETTE: บุหรี่ไร้ควัน
ใครที่เคยตั้งใจจะเลิกบุหรี่ โดยหวังจะใช้บุหรี่ไร้ควันมาเป็นตัวช่วยแล้วละก็เลิกคิดได้เลย รู้รึเปล่าว่า นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้เลิกบุหรี่
สำเร็จแล้ว กับยังจะยิ่งทำให้ติดงอมแงมมากขึ้นไปอีกแถมเสี่ยงมะเร็งมากขึ้นอีกเท่าตัว!
เรื่องนี้ยืนยันโดย ดร.วรานันท์ บัวจีบ อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ช่องปากคณะทันตแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ที่บอกว่าคำโฆษณา
ของบุหรี่ไฟฟ้าไร้ควันคือเรื่องลวงโลกล้วนๆ เพราะความจริงพวกมันก็คือยาสูบที่ไม่ได้เผาไหม้ แต่ใช้การดูดซึมนิโคตินเข้าร่างกายโดยตรง
บุหรี่ธรรมดาจะมีปริมาณนิโคตินในเลือดสูงสุดแค่ 5 นาทีแรก แล้วจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าบุหรี่ไร้ควันนอกจากจะดูดซึมได้สูงกว่าเป็น
เท่าตัวแล้ว มันยังอยู่ในกระแสเลือดได้นานกว่าซะอีก แบบนี้ก็เสี่ยงมะเร็งสูงกว่าสิเพื่อนรัก!
3. แนน อมิตตดา: ป่องลวงโลก
ทั้งน้ำตาขอโทษสังคมที่เคยกุข่าวเรื่อง
คลอดลูกสาวชื่อ น้องมันนี่ แท้จริงเพื่อหวังขายพ็อกเก็ตบุ๊ก เพื่อเอาเงิน 6 ล้านไปไถ่บ้านที่กำลังจะถูกยึด
เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อมีรูปของเธออุ้มทารกว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต พร้อมระบุว่าดาราสาวคลอดลูกชื่อ "มันนี่" พร้อมกันนั้นเธอก็อาศัยจังหวะนี้
ออกรายการทีวีเพื่อบอกเล่าประสบการณ์ความรักแสนโชกโชนในชีวิต ตบท้ายด้วยการโฆษณาพ๊อกเก็ตบุ๊ก "จะต้องลองรัก...อีกสักกี่ครั้ง"
แม้ผู้คนจะรุมสงสารกันอยู่สักพักใหญ่ แต่หลังจากนั้น มีคนออกมาแฉว่าเธอท้องลม ไม่ได้ป่องจริงอย่างในข่าว จนในที่สุดเธอก็เปิดแถลง
ข่าวสารภาพผิดด้วยน้ำตานองหน้า ขอโทษในการโกหก พร้อมเล่าเหตุจำเป็นเรื่องบ้านที่กำลังจะโดนยึด แต่ก็ยืนยันว่าเธอเคยท้องจริง
ทว่าโชคร้ายที่เกิดแท้งไปขณะอายุครรภ์แค่ 4 เดือน
หลังแถลงข่าวได้พักใหญ่ เธอก็ตัดสินใจโกนหัวบวชชีล้างบาป เรื่องโอละพ่อที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เลยกลายเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนบันเทิงว่า
ความจริงอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น เอ๊ะ.. ทำไมมันเหม่งๆ!
2. BIGFOOT: เท้าโต
สิ่งมีชีวิตลึกลับที่เล่าขานจนเป็นตำนาน มันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่สูงถึง 2 เมตร หนัก 130 กก. ขนรุงรังเหมือนกอริลล่า รอยเท้ามันใหญ่
เบ้อเร่อก็เลยถูกเรียกชื่ออย่างนั้น เคยมีคนอ้างว่าพบเห็นอยู่ทั่วโลกทั้งในอมริกา(Bigfoot) แคนาดา(Sasquatch) ออสเตรเลีย(Yowie)
หรือแม้แต่เนปาล(Yeti) แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานยืนยัน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1967 โรเจอร์ แพตเตอร์สัน ก็ออกมาบอกข่าวโลกว่าเขาพบตีนโตในระยะใกล้แค่ 40 เมตร แถมยังถ่ายหนัง
ด้วยฟิล์มความยาว 39 วินาทีไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่มันเดินอยู่ริมลำธารในป่าทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย เรื่องนี้สร้างความตื่นตะลึงให้
ชาวโลกเป็นเวลานาน แต่แล้ววันหนึ่งหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ออกมาแฉหมดเปลือกว่า แท้จริงแล้วมันถูกจัดฉากขึ้นมา แถมมีบทสัมภาษณ์
ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมายืนยัน เริ่มจากฟิลลิป มอร์ริส ขายชุดกอริลล่าให้แพตเตอร์สันในราคา 700 ดอลลาล์ จากนั้น บ๊อบ เฮโรนิมัส ก็เป็น
ผู้สวมแล้วเดินให้แพตเตอร์สันถ่ายตามด้วย เกร๊ก ลอง ผู้ใช้เวลา 4 ปี รวบรวมข้อมูลเขียนเป็น The Making of Bigfoot มาแฉ ส่วนแพตเตอร์-
สันเป็นคนเดียวที่ไม่ได้สัมภาษณ์ เพราะกลับบ้านเก่าไปตั้งแต่ปี 1976..
อันดับ1
1. TONGUE MAP: แผนที่ลิ้นลวงโลก
ในการทดลองเมื่อปลายทศวรรษ 1800
แต่ก็น่าแปลกใจเหลือเกิน เพราะดูเหมือนกันว่ามันจะไม่มีทางถูกลบออกจากตำราเรียนได้เลย.. พับผ่าสิ!
ครูเคยสอนว่า มนุษย์รับรสหวานจากปุ่มรับรส(Taste Bud) ตรงปลายลิ้น ,รสเปรี้ยวจากข้างลิ้น ,รสขมที่ด้านในสุดของลิ้น และรสเค็มตาม
แนวขอบลิ้น แถมยังเอาของเข้าปากให้เราทดลองแล้วบังคับให้เชื่อตามแผนที่(ทั้งที่เราไม่ เห็นด้วยเลยซักนิด) ตอนนี้มีหลักฐานยืนยันแล้วว่า
มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!
จากการวิจัยจนถึงวินาทีนี้ ยังไม่มีหลักฐานไหนฟันธงได้เลยว่า ลิ้นแยกระดับความไวในการรับรสชัดเจนขนาดนั้น รสต่างๆ มันเกิดจากสมอง
ตีความปฏิกิริยาเคมีในปุ่มรับรส ทำให้ประจุไฟฟ้ารวมภายในเซลล์รับรสเปลี่ยนไป เซลล์รับรสก็จะกระตุ้นเซลล์ประสาทให้ส่งสัญญาณไปยัง
สมองเพื่อตีความ เรารับหลายรสได้พร้อมกัน เหมือนกับที่ดวงตาเห็นรูปร่าง ความสว่าง สีและการเคลื่อนไหวได้พร้อมๆกันในคราวเดียว...
เพื่อเห็นแก่อนาคตของชาติโยนตำราเล่มเก่าทิ้งได้แล้ว!
ถ้าคุณเคยได้รับอีเมลที่มีข้อความว่า "ไมโครซอฟต์ทำการสำรวจตลาดผู้ใช้ข้อมูลของบริษัทใคร FW อีเมลต่อให้เพื่อนได้รับเงินใน
ทันที" ...รู้ไว้เลยว่ามันมั่ว!
ไมโครซอฟต์ออกมาแจ้งเตือนชาวบ้านผู้ใช้เน็ตทั่วโลกว่า อย่าไปหลงเชื่อ บริษัทไม่เคยมีนโยบายแจกเงินลักษณะนี้ ถ้าจะทำแบบ
สอบถามเขาก็จะทำผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น การส่งข้อความอีเมลมีความเสี่ยงต่อการถูกเจาะข้อมูลไปใช้ประ
โยชน์ แต่ถ้าได้รับเมลพวกนี้อีกก็ควรทำดังนี้ 1.อย่าเปิด 2. อย่าส่งต่อ 3. อย่าโอนเงินให้เขา 4.อย่าให้เลขบัญชี 5.ลบเมลทิ้งไปซะ..
เงินน่ะมันไม่เคยได้มาง่ายๆแบบนี้หรอก ดังนั้นอย่าตกเป็นเหยื่อ!
9. Monkey on Mars:ลิงจากดาวอังคาร
พิพิธภัณฑ์ของสำนักงานสอบสวนรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งตั้งอยู่ที่นครแอตแลนตา นำสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวกับคดีความดังๆ
และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาออกแสดง ซึ่งสิ่งหนึ่งที่สร้างความสนใจให้กับผู้เข้าชมมากที่สุดคือ "ลิงจากดาวอังคาร"
ข่าว "ลิงจากดาวอังคาร" สร้างความแตกตื่นไปทั่วเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1953 ที่มีผู้พบซากสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาด โดยผู้สร้าง
เรื่องหลอกลวงนี้มีกันอยู่ 3 คน คือนายเอ็ดเวิร์ด วัตเตอร์ส นายทอม วิลสัน ทั้งสองเป็นช่างตัดผม และนายอาร์โนลด์ เพย์น หรือ "บัดดี้"
พ่อค้าขายเนื้อสัตว์
ทั้งสามให้การกับตำรวจว่า เห็นยานอวกาศสีแดงจอดอยู่บนถนนในเวลากลางคืน จากนั้นเห็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดสูง 2 ฟุตออกมา
จากยาน ซึ่งรถปิกอัพของพวกเขาได้ชนสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่ง ทำให้ที่เหลือถอยกลับไปยังยานและบินออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
ยานยังทำให้ถนนเป็นรอยไหม้รูปวงกลม
อย่างไรก็ตามภายหลังจากนั้นไม่นาน ดร.เฮอร์แมน ดี.โจนส์ ผู้ก่อตั้งห้องทดลองจีบีแล็บ และดร.แมเรียน ไฮนส์ ผู้วชาญด้านอนาโตมี
จากมหาวิทยาลัยเอโมรี่ ระบุว่า เรื่องเล่านั้นหลอกลวงเพราะซากรูปร่างประหลาด ที่พบนั้นเป็นลิง
เมื่อถูกแฉ ทั้งสามยอมรับว่า นำซากลิงมาตัดหาง และแว็กซ์เอาขนออกจนหมด พร้อมทั้งใส่สีเขียวลงไปในซากลิง และนำไปไว้บน
ถนนเปลี่ยวเหนือนครแอตแลนต้าก่อนพระอาทิตย์ตกดินเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1953 เพียงไม่กี่ชั่วโมง
8. RODS: สิ่งมีชีวิตปริศนา
รอดส์ สัตว์ปริศนาที่ฝรั่งเขาเรียกกันอีกชื่อว่า Sky fish เพราะเท่าที่พบส่วนใหญ่มันใช้ชีวิตอยู่ในอากาศ ลำตัวกว้างประมาณ 4 นิ้ว
ลักษณะใสๆ บางๆ แบนๆ ยาวๆ มีครีบรอบลำตัว บินได้เร็วประมาณ 270-300 กม./ชม. และด้วยความเร็วขนาดนี้จึงทำให้มนุษย์ไม่
สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ที่มีหลักฐานส่วนใหญ่จึงเป็นภาพที่ถ่ายด้วยกล้องสปีดชัตเตอร์สูงล้วนๆ
การค้นพบรอดส์ครั้งแรกคือเมื่อเดือนมีนาคม 1994 โดย ลินดา ฮิววิตต์ ชาวแคนาเดียนที่บอกว่าถ่ายติดมาโดยบังเอิญตั้งแต่ปี 1972
แต่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั่งมารู้อีกทีว่าน่าจะเป็นรอดส์อย่างที่เขาว่ากัน แต่คนที่ทำให้รอดส์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกก็คือ โฆเซ่
เอสคามิลล่า ที่นำเรื่องนี้ไปพูดในรายการวิทยู Artbell ในนิวเม็กซิโกก่อนจะมีผู้รายงานว่าถ่ายติดรอดส์ไปทั่ว ทั้งในอเมริกา แคนาดา
อังกฤษหรือแม้แต่แบกแดด
จนถึงทุกวันนี้ เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่ารอดส์ไม่ใช่เรื่องจริง นักวิเคราห์ ภาพบอกหลายคนตั้งข้อสังเกตุว่า มันมีความเร็วในการเคลื่อนที่
เป็น 2 เท่า ของความยาวลำตัว/เฟรม ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นวิดีโอที่ถ่ายจากมุมไหน ตัวไหนหรือที่ไหนของโลกก็ตาม มันจะมีความเร็ว
สัมพัทธ์กับตัวเลขนี้เสมอ จึงสรุปได้ว่า มันคือภาพเบลอของแมลงที่บินผ่านหน้าเลนส์เท่านั้น!
7. NESSIE: ไดโนเสาร์แห่งล็อคเนสส
นี่คือดาราอีกตัวที่โด่งดังไปทั่วโลก เจ้าไดโนเสาร์เนสซี่มีคนอ้างว่าพบเห็นบ่อยๆในทะเลสาบล็อคเนสส์ ประเทศสกอตแลนด์ มันจะชู
คอยาวโผล่ขึ้นจากผิวน้ำขณะกำลังแหวกว่าย บางคนที่มีโอกาสเจอก็ถ่ายภาพไว้ได้ แต่ที่ชัดที่สุด คงจะเป็นฝีมือของ ด็อก ชิลส์ ที่จับ
ภาพไว้ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.1977
แม้ภาพนี้จะถูกกล่าวขวัญไปทั่วโลกและทำท่าว่าจะยืนยันได้ว่าเนสซี่มีอยู่จริง แต่แล้วก็ถูกวิจารณ์โดยรัสเซลล์ แองกลิซานี ผู้เชี่ยวชาญ
การตกแต่งภาพที่ออกมาบอกว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาเป็นเรื่องลวงทั้งเพ มันน่าจะเกิดจากการใช้เทคนิคเก่าๆ โดยหยดสารฟอกสี น้ำยา
ย้อมแล้วป้ายด้วยพู่กัน แถมยังบอกอีกว่า ดูจากภาพแล้วเนสซี่ น่าจะหนักไม่ต่ำกว่า 30 ตัน แต่ทำไมน้ำหนักมันถึงไม่กระเพื่อมเลยซักกะนิด?
..ภาพนี้ก็เลยถูกบรรจุไว้ในเรื่องลวงโลกจนได้
6. DRACULA CASTLE: ปราสาทผีดูดเลือด
"ประสาทบราน" แห่งแคว้นทรานซิลวาเนีย สถานท่องเที่ยวยอดฮิตของโรมาเนีย ซึ่ง บราน สโตกเกอร์ หยิบไปเขียนนิยายปิศาจดูดเลือด
และกลายเป็นหนังสยองขวัญเรื่องดัง... ใช่แล้วพี่น้องนี่คือปราสาทแดร็กคิวล่า! ประสาทนี้เป็นของเจ้าชายวลาดที่ 3 ผู้ครองแคว้นวาลาเซีย
ซึ่งได้รับฉายาวลาด แดร็กคิวล่า(ราชบุตรแห่งมังกร) เขาชิงบัลลังค์ได้ในปี 1456 แล้วปกครองด้วยความโหดเ้ยม มีเรื่องเล่าว่าเขาสั่งเผา
ขอทาน คนแก่ คนเจ็บ ไปทั้งเป็นจะได้ไม่มีคนจนก่อปัญหาว่ากันว่าช่วงปี 1456 - 1462 เขาสังหารประชาชนไปราว 4หมื่น - 1แสนคน
หลายครั้ง เขาก็นั่งเสวยชมการประหารแบบเพลินๆ
แดร็กคิวล่าถูกสังหารในปี 1476 ขณะถูกทัพเติร์กโจมตี หัวถูกแขวนไว้ที่คอนแสตนติโนเปิล ส่วนร่างแยกไปฝังที่เกาะของตระกูลสนากอฟ
ต่อมาเมื่อมีการขุดค้นในปี 1931 กลับไม่พบโลงศพของเขา นั่นทำให้เรื่องนี้ถูกผูกเป็นนิยายผีดิบในที่สุด แม้ปราสาทผีดูดเลือดจะเป็นเรื่อง
ลวงโลก แต่ชาวโรมาเนียก็ไม่มีใครออกมาโวยวาย เพราะมันทำให้รายได้เข้าประเทศเรียกว่า.. มหาศาล!
5. MOON HOAX: อพอลโล ปฏิบัติการลวงโลก
ย้อนหลังไปเมื่อ 7 ปีก่อน เกิดกระแสฮือฮาไปทั่วประเทศไทย เมื่อสารคดี "อพอลโล 11 ปฏิบัติการลวงโลก?" ออกฉายในยูบีซี มันสะกิดใจให้
คิดว่า มนุษย์เคยขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์มาจริงหรือเป็นแค่การเซ็ตถ่ายในสตูดิโอ?
20 กรกฏาคม 1969 ยานอพอลโล 11 นำนักบินอวกาศลงสู่ดวงจันทร์เป็นครั้งแรก นีล อาร์มสตรอง, บัช อัลดรีน และไมเคิล คอลลินส์
สองคนแรกได้ลงเหยียบดวงจันทร์ ในขณะที่ไมเคิลยอมเสียสละขับยานอีกลำรอรับเพื่อนอยู่ในวงโคจร ภาพถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
แต่มีคนกลุ่มหนึ่งไม่เชื่อเรื่องนี้ บิล เคย์ซิง, ราล์ฟ เรเน่ และบาร์ต ไรเบรลกล่าวหาว่า นาซ่าจัดฉากเซ็ตภาพทั้งหมดขึ้นในสตูดิโอ โดยมี
สแตนลีย์ คูบริก(2001 : A Space Odyssey) รับหน้าที่กำกับ บิลเขียนหนังสือ We never Went To The Moon ก่อนกลายไปเป็นสารคดี
Conspiracy Theory: Did we land on The Moon? ออกอากาศในอเมริกาเมื่อ 15 ก.พ.2001 และฉายในยูบีซีไปเมื่อ 8 ก.ย.2002 ใน
สารคดีมีจุดจับผิดอยู่ด้วยกันหลายจุด แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ออกมาเคลียร์ได้หมดทุกจุด
SMOKELESS CIGARETTE: บุหรี่ไร้ควัน
ใครที่เคยตั้งใจจะเลิกบุหรี่ โดยหวังจะใช้บุหรี่ไร้ควันมาเป็นตัวช่วยแล้วละก็เลิกคิดได้เลย รู้รึเปล่าว่า นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้เลิกบุหรี่
สำเร็จแล้ว กับยังจะยิ่งทำให้ติดงอมแงมมากขึ้นไปอีกแถมเสี่ยงมะเร็งมากขึ้นอีกเท่าตัว!
เรื่องนี้ยืนยันโดย ดร.วรานันท์ บัวจีบ อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ช่องปากคณะทันตแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ที่บอกว่าคำโฆษณา
ของบุหรี่ไฟฟ้าไร้ควันคือเรื่องลวงโลกล้วนๆ เพราะความจริงพวกมันก็คือยาสูบที่ไม่ได้เผาไหม้ แต่ใช้การดูดซึมนิโคตินเข้าร่างกายโดยตรง
บุหรี่ธรรมดาจะมีปริมาณนิโคตินในเลือดสูงสุดแค่ 5 นาทีแรก แล้วจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าบุหรี่ไร้ควันนอกจากจะดูดซึมได้สูงกว่าเป็น
เท่าตัวแล้ว มันยังอยู่ในกระแสเลือดได้นานกว่าซะอีก แบบนี้ก็เสี่ยงมะเร็งสูงกว่าสิเพื่อนรัก!
3. แนน อมิตตดา: ป่องลวงโลก
ทั้งน้ำตาขอโทษสังคมที่เคยกุข่าวเรื่อง
คลอดลูกสาวชื่อ น้องมันนี่ แท้จริงเพื่อหวังขายพ็อกเก็ตบุ๊ก เพื่อเอาเงิน 6 ล้านไปไถ่บ้านที่กำลังจะถูกยึด
เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อมีรูปของเธออุ้มทารกว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต พร้อมระบุว่าดาราสาวคลอดลูกชื่อ "มันนี่" พร้อมกันนั้นเธอก็อาศัยจังหวะนี้
ออกรายการทีวีเพื่อบอกเล่าประสบการณ์ความรักแสนโชกโชนในชีวิต ตบท้ายด้วยการโฆษณาพ๊อกเก็ตบุ๊ก "จะต้องลองรัก...อีกสักกี่ครั้ง"
แม้ผู้คนจะรุมสงสารกันอยู่สักพักใหญ่ แต่หลังจากนั้น มีคนออกมาแฉว่าเธอท้องลม ไม่ได้ป่องจริงอย่างในข่าว จนในที่สุดเธอก็เปิดแถลง
ข่าวสารภาพผิดด้วยน้ำตานองหน้า ขอโทษในการโกหก พร้อมเล่าเหตุจำเป็นเรื่องบ้านที่กำลังจะโดนยึด แต่ก็ยืนยันว่าเธอเคยท้องจริง
ทว่าโชคร้ายที่เกิดแท้งไปขณะอายุครรภ์แค่ 4 เดือน
หลังแถลงข่าวได้พักใหญ่ เธอก็ตัดสินใจโกนหัวบวชชีล้างบาป เรื่องโอละพ่อที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เลยกลายเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนบันเทิงว่า
ความจริงอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น เอ๊ะ.. ทำไมมันเหม่งๆ!
2. BIGFOOT: เท้าโต
สิ่งมีชีวิตลึกลับที่เล่าขานจนเป็นตำนาน มันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่สูงถึง 2 เมตร หนัก 130 กก. ขนรุงรังเหมือนกอริลล่า รอยเท้ามันใหญ่
เบ้อเร่อก็เลยถูกเรียกชื่ออย่างนั้น เคยมีคนอ้างว่าพบเห็นอยู่ทั่วโลกทั้งในอมริกา(Bigfoot) แคนาดา(Sasquatch) ออสเตรเลีย(Yowie)
หรือแม้แต่เนปาล(Yeti) แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานยืนยัน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1967 โรเจอร์ แพตเตอร์สัน ก็ออกมาบอกข่าวโลกว่าเขาพบตีนโตในระยะใกล้แค่ 40 เมตร แถมยังถ่ายหนัง
ด้วยฟิล์มความยาว 39 วินาทีไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่มันเดินอยู่ริมลำธารในป่าทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย เรื่องนี้สร้างความตื่นตะลึงให้
ชาวโลกเป็นเวลานาน แต่แล้ววันหนึ่งหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ออกมาแฉหมดเปลือกว่า แท้จริงแล้วมันถูกจัดฉากขึ้นมา แถมมีบทสัมภาษณ์
ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมายืนยัน เริ่มจากฟิลลิป มอร์ริส ขายชุดกอริลล่าให้แพตเตอร์สันในราคา 700 ดอลลาล์ จากนั้น บ๊อบ เฮโรนิมัส ก็เป็น
ผู้สวมแล้วเดินให้แพตเตอร์สันถ่ายตามด้วย เกร๊ก ลอง ผู้ใช้เวลา 4 ปี รวบรวมข้อมูลเขียนเป็น The Making of Bigfoot มาแฉ ส่วนแพตเตอร์-
สันเป็นคนเดียวที่ไม่ได้สัมภาษณ์ เพราะกลับบ้านเก่าไปตั้งแต่ปี 1976..
อันดับ1
1. TONGUE MAP: แผนที่ลิ้นลวงโลก
ในการทดลองเมื่อปลายทศวรรษ 1800
แต่ก็น่าแปลกใจเหลือเกิน เพราะดูเหมือนกันว่ามันจะไม่มีทางถูกลบออกจากตำราเรียนได้เลย.. พับผ่าสิ!
ครูเคยสอนว่า มนุษย์รับรสหวานจากปุ่มรับรส(Taste Bud) ตรงปลายลิ้น ,รสเปรี้ยวจากข้างลิ้น ,รสขมที่ด้านในสุดของลิ้น และรสเค็มตาม
แนวขอบลิ้น แถมยังเอาของเข้าปากให้เราทดลองแล้วบังคับให้เชื่อตามแผนที่(ทั้งที่เราไม่ เห็นด้วยเลยซักนิด) ตอนนี้มีหลักฐานยืนยันแล้วว่า
มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!
จากการวิจัยจนถึงวินาทีนี้ ยังไม่มีหลักฐานไหนฟันธงได้เลยว่า ลิ้นแยกระดับความไวในการรับรสชัดเจนขนาดนั้น รสต่างๆ มันเกิดจากสมอง
ตีความปฏิกิริยาเคมีในปุ่มรับรส ทำให้ประจุไฟฟ้ารวมภายในเซลล์รับรสเปลี่ยนไป เซลล์รับรสก็จะกระตุ้นเซลล์ประสาทให้ส่งสัญญาณไปยัง
สมองเพื่อตีความ เรารับหลายรสได้พร้อมกัน เหมือนกับที่ดวงตาเห็นรูปร่าง ความสว่าง สีและการเคลื่อนไหวได้พร้อมๆกันในคราวเดียว...
เพื่อเห็นแก่อนาคตของชาติโยนตำราเล่มเก่าทิ้งได้แล้ว!
10 อันดับเรื่องลวงโลก...