ฤทธิ์ดาบไร้ปรานี กำลังจะมีภาคแยกอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2029
นิตยสาร Afternoon รายเดือนของทาง Kodansha ได้เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า มังงะเรื่อง ฤทธิ์ดาบไร้ปรานี ของอาจารย์ Samura Hiroaki กำลังจะมีภาคแยกอย่างเป็นทางการ (Real Spin Off) ที่ใช้ชื่อภาคว่า Mugen No Junin – Bakumatsu No Sho (ฤทธิ์ดาบไร้ปรานี – องก์บาคุมัตสึ) ภาคนี้จะได้ อาจารย์ Suenobu Ryu เป็นผู้วาด และ อาจารย์ Takigawa Kenji เป็นผู้แต่ง ส่วนอาจารย์ Samura ได้เครดิตในฐานะผู้ร่วมเขียน และนิตยสารเล่มเดียวกันยังได้ปล่อยภาพตัวอย่างของมังงะภาคใหม่ที่จะเริ่มตีพิมพ์ในนิตยาารฉบับหน้า ซึ่งจะวางจำหน่ายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2019
และตัวนิตยสารยังได้ระบุว่า จะมีประกาศสำคัญสำหรับเรื่อง ฤทธิ์ดาบไร้ปรานี ในนิตยสารฉบับหน้า
ภาคสปินออฟของ ฤทธิ์ดาบไร้ปรานี จะเดินเรื่องอยู่ในช่วงบาคุมัตสึหรือราวศตวรรษที่ 19 (ภาคแรกดำเนินเรื่องอยู่ในช่วงยุคเอโตะตอนต้น) ที่จะติดตามชีวิตของ มันยิ ที่ตอนต้นเรื่องตัดสินใจไปอาศัยอยู่ในแคว้นโทซะอย่างสงบ แต่ต้องเดินทางเข้าเมืองหลวงด้วยเหตุผลบางอย่าง เรื่องราวจะนำพาเขาไปพบกับนักรบที่เก่งที่สุดของยุค และตัวนิตยสารก็ได้เปิดตัวละครที่มีอยู่จริงตามประวัติศาสตร์ด้วย อาทิ ซากาโมโต้ เรียวมะ รวมถึงสมาชิกของกลุ่มชินเซ็นกุมิ อย่าง โอคิตะ โซจิ, คอนโดะ อิซามุ และ ฮิจิคาตะ โทชิโซ
อาจารย์ Samura Hiroaki เขียนมังงะเรื่องฤทธิ์ดาบไร้ปรานี ภาคแรก ลงในนิตยสาร Afternoon รายเดือนตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 1993 ก่อนที่เขียนจบในปี 2012 มังงะภาคแรกมีรวมเล่มทั้งหมด 30 เล่ม ทำยอดตีพิมพ์ได้มากกว่า 5 ล้านเล่ม และมังงะเรื่องดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ใน 22 ประเทศ ตัวมังงะยังได้รับรางวัล Excellence Prize ต่กงาน Japan Media Arts Festival ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นในปี 1997 ก่อนจะได้รางวัล Eisner Award สาขา Best U.S. Edition of Foreign Materia ในปี 2000
หลังจากเขียนมังงะเรื่อง ฤทธิ์ดาบไร้ปรานี จบแล้ว อาจารย์ Samura ได้ไปเขียนมังงะอิงประวัติศาสตร์เรื่อง Harukaze No Snegurochka, มังงะแนวโรแมนติกเรื่อง Nami Yo Kitte Kure และมังงะแอคชั่นเรื่อง สาวโฉดไร้ปรานี (Die Wergelder)
ในประเทศไทย สยามอินเตอร์คอมิกส์เป็นผู้จัดทำมังงะลิขสิทธิ์เรื่อง ฤทธิ์ดาบไร้ปรานี และมังงะยังเคยถูกสร้างเป็นอนิเมะในปี 2008 มังงะเรื่องนี้ยังถูกสร้างเป็น ภาพยนตร์คนแสดงที่กำกับโดย Takashi Miike ซึ่งออกฉายในญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 2017 อีกด้วย
Source: The Mainichi Shimbun’s Mantan Web via news.dexclub