2012 โลกล่มสลาย จริงหรือ?
จากภาพยนตร์ เรื่อง 2012 รวมทั้งกระแสข่าวลือใน "อินเตอร์เน็ต" ผ่าน "อีเมล์ลูกโซ่" ถึงวันโลกาวินาศ หรือวันโลกแตก ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2012 ( พ.ศ. 2555) ตามคาทานาย "ปฏิทินมายา" และการคาดคะเนถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้แพร่สะพัดไปทั่วโลก เมื่อปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันก็ยังเป็นข่าวที่กล่าวกันยังไม่จบสิ้นจนกว่าจะถึงวันนั้น http://images.palungjit.com | เรื่องโลกแตก โลกล่มสลาย เหตุเพราะปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ ได้รับการบอกกล่าวมาทุกยุคทุกสมัย เช่นเมื่อดาวเคราะห์มาเรียงกันก็จะมีคนบอกว่าจะเกิดแผ่นดินไหวบนโลกมากขึ้น โลกจะสิ้นสลายลงในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 เป็นอีกข่าวที่พูดกันปากต่อปาก วันที่ 21 ธันวาคม 2012 มาจากปฏิทินมายาโบราณซึ่งถือกาเนิดมานานแล้ว ความรู้และอารยธรรมของพวกมายาเป็นที่ยอมรับมาเป็นเวลาหลายพันปี ปฏิทินมายามีช่วงเวลาที่ยาวนานมาก |
กล่าวคือวันเริ่มต้นตรงกับวันที่ 14 สิงหาคม 3114 ปีก่อนคริสตศักราช วันสุดท้ายตรงกับวันเหมายันของ ค.ศ. 2012 และวันเหมายันคือ วันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ผู้เชื่อเรื่องนี้พยายามหาปรากฏการณ์อื่นมาเสริม เช่น เชื่อว่าพวกสุเมเรียนได้ค้นพบดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ชื่อ “ นิมิรุ” ซึ่งเคลื่อนรอบดวงอาทิตย์รอบละ 3600 ปีกาลังจะมาชนโลก วงการดาราศาสตร์ยังไม่พบดาวเคราะห์ดังกล่าว อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องที่ดวงอาทิตย์เรียงกันอยู่ในแนวศูนย์กลางกาแล็กซีทางช้างเผือกในเดือนธันวาคม เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงโดยดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่ในทางกลุ่มดาวคนยิงธนู ซึ่งเป็นทิศทางของศูนย์กลางกาแล็กซีของเรา แต่ดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่ทางนั้นทุกปี ไม่ใช่เฉพาะปี ค.ศ. 2012
( ที่มา นิพนธ์ ทรายเพชร ราชบัณฑิต ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สสวท.)
ปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) เป็นสิ่งที่หลายคนกาลังกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับโลกของเราอย่างไร หรือไม่
การทานายของ "นอสตราดามุส" หรือการทานายของใครหลายๆคน อาจเป็นการจูงใจทาให้คนหันมาให้ความสนอกสนใจเรื่องนี้มากขึ้น อีกทั้งกระแสโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ทาให้คนรู้สึกได้ผนวกกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปี ล่าสุดที่ผ่านมา (พ.ศ. 2553 ) ภัยธรรมชาติจากสภาวะความแห้งแล้งและอุทกภัยที่เกิดขึ้นปรากฏหลายพื้นที่รอบโลกรวมทั้งประเทศไทย หลายคนกล่าวว่ามีความรุนแรงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา สร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล สิ่งเหล่านี้เป็นการสนับสนุนและเพิ่มความกังวลมากขึ้นไปอีก
ปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) โลกจะแตกหรือไม่ ไม่มีใครพิสูจน์ได้ แต่ปัญหาภาวะโลกร้อนที่ทุกประเทศกาลังเผชิญอยู่ รวมถึงการคาดการณ์ภูมิอากาศในอนาคตหลายคนได้รับรู้ถึงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก และของประเทศไทยแล้วก็ตาม หากเรายังคงมีพฤติกรรมเดิมหรือเพิ่มกิจกรรมต่างๆที่ส่งผลต่อสภาวะโลกร้อน คาดว่าอุณหภูมิโลกและประเทศไทยจะสูงขึ้นประมาณ 1-2 องศาเซลเซียสในอีกประมาณ 30 ปีข้างหน้า ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนก็จะตามมาอีกมากมาย ดังนั้นทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ ช่วยกันรณรงค์ลดโลกร้อน ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะลดน้อยลงแม้จะไม่เห็นผลในช่วงปี สองปีข้างหน้า แต่อนาคตข้างหน้าโลกของเราจะกลับสู่ภาวะปกติได้อีกครั้ง
เครดิต ศูนย์ภูมิอากาศ สานักพัฒนาอุตุนิยมวิทยา
กรมอุตุนิยมวิทยา
17 กุมภาพันธ์ 2554
2012โลกแตกจริงป่าว?