เค้าบอกว่าที่จริงแล้ว เรื่องโทโทโร่นี้มีเบื้องหลังซ่อนอยู่หลังความน่ารัก เรื่องนี้เล่ากันมานานในญี่ปุ่น (แหงมหล่ะ การ์ตูนมันเก่าแล้ว) ไม่รู้ว่าเคยได้ยินกันรึยังนะเค้าบอกว่ามีสาม สี่ความเชื่อ
แต่ก่อนอื่นขอเรื่มด้วยเรื่องทั่วไปของโทโทโร่ก่อน
๐ ชื่อโทโทโร่ นั้น เมย์เป็นคนตั้งให้จาก เสียงร้องของมันและมีเสียงใกล้เคียงกับคำว่า "โทะโระรุ" ซึ่งเป็นคำเรียกทับศัพท์ของคำว่าโทรล์ ในภาษาญี่ปุ่น
๐ รถบัสแมว "บาเกะ เนโกะ" มาจากความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่ว่าเมื่อแมวเติบโตขึ้น มันจะมีพลังเวทมนตร์ในการแปลงร่างเพิ่มขึ้นด้วยซึ่งเรียกว่า "บาเกะ เนโกะ" รถบัสแมวก็คือ "บาเกะ เนโกะ"ตัวที่มองเห็นรถบัสแล้วก็เลยอยากเป็นรถบัส นอกจากเรื่องนี้แล้ว "บาเกะเนโกะ" ยังถูกกล่าวถึงในการ์ตูนเรื่องอื่นๆของสตูดิโอจิบลิด้วย
๐ แม่ของซัทซึกิและเมนั้นเป็นโรคกระดูกสันหลังอักเสบเนื่องมาจากวัณโรคซึ่งเป็นโรคเดียวกับที่แม่ของมิยาซากิในชีวิตจริง
๐ ซัทซึกิและเมนั้นเกิดในเดือนพฤษภาคมด้วยกันทั้งคู่ ชื่อ "ซัทซึกิ"เป็นภาษาญี่ปุ่นโบราณที่ใช้เรียกเดือนนี้ เช่นเดียวกับ "เม"ที่เป็นคำพ้องเสียงของ May ในภาษาอังกฤษ
ข้อมูลจากวิกิจ้า
ความเชื่ิอที่1
อันนี้ง่ายมาก โทโทโร่เป็นสิ่งที่เมย์และซัทสึกิสร้างขึ้นจากจินตนาการ เพื่อชดเชยความเหงาจากการไม่มีแม่
ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่มิยาซากิ บอกด้วย
ความเชื่อที่2
หลายคนเชื่อว่าโทโทโร่นั้น เป็นตัวแทนของความตาย หรือยมทูตนั่นเองชื่อเรื่ิอง"โทนาริ โนะโทโทโร่"นั้นก็อาจจะมีความหมายว่า"ความตายอยู่ใกล้ๆตัวเรา"โดยคนที่มองเห็นโทโทโร่ก็คือคนที่กำลังจะตายนั่นเอง พ่อ ยายและ คันตะล้วนมองไม่เห็น เพราะยังไม่ใกล้ขะตาย จดหมายที่ทางโรงพยาบาลส่งมา ที่บอกว่าแม่จะได้กลับบ้าน นั้นคือการกลับบ้านครั้งสุกท้ายก่อนตาย ฉากที่เมย์หายตัวไปแล้วเจอรองเท้าอยู่ในบ่อน้ำนั้นหลายคนเชื่อว่านั่นคือรองเท้าองเมย์ และเมย์ได้ตายอยู่ในบ่อน้ำแล้วซัทสึกิทำหน้าตกใจ(มาก) ก่อนที่จะบอกว่านั้นไม่ใช่รองเท้าของเมย์เพื่อไม่ให้ คุณยายเป็นกังวล แต่ก็ได้ไปขอร้องโทโทโร่ซึ่งก็คือทูตแห่งความตายเพื่อให้ได้พบกับเมย์อีกครั้ง โดยขึ้นเนโกะบัสซึ่งก็คือภาหนะที่เชื่อมระหว่างโลก กับโลกคนตายไปหลังจากนั้นจะสังเกตุได้ว่า ทั้ง ซัทสึกิและเมย์ จะไม่มีเงาข้วโพดที่วางไว้ข้างหน้าต่าง แต่ไม่ได้เอาไปให้ด้วยตัวเอง นั้นก็แสดงว่าทั้งสองไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วจึงไปหาไม่ได้และยังมีคนบอกอีกว่า"มัคคุโรคุโรสึเกะ"นั้นคือวิญญาณของเด็กที่โทโทโร่ฆ่าไปนั่นเอง
แต่ช้าก่อน เราได้ลองสังเกตดูแล้วว่ารองเท้าที่เมย์ใส่ออกจากบ้านกับรองเท้าในหนองน้ำเแป็นคนละคู่กันจริงๆและทางสตูดิโอจิบลิยังออกมาบอกว่า ที่ช่วงท้าย เด็กทั้งสองไม่มีเงาเป็นเพราะทางสตูดิโอจะเร่งการผลิต จึงได้ตัดรายละเอียดส่วนนี้ไป
ความเชื่อที่3
บางคนเชื่อว่าเรื่องโทโทโร่นี้ มีที่มาจากคดีฆ่าข่มขืนมี่เกิดขึ้นที่่ภูเขาซายามะ เมื่องไซตามะ 1 พฤษภาคม 1963โดยสถานที่และวันเวลาที่เกิดคดีนี้ ใกล้เคียงกับในเรื่องโทโทโร่เด็กหญิงผู้เคราห์ร้ายได้หายออกจากบ้านไปทำให้พี่สาวกับคนในหมู่บ้านช่วยกันตาหา แต่เรื่องไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งศพของเด็กหญิงได้ถูกพบในสภาพเละเทะที่หนองน้ำพี่สาวที่เป็นผู้มาดูศพ เสียใจและช็อกมากจนเพ้อไปว่า"เห็นวิญญาณแมว"บ้าง"เห็นทานูกิยักษ์"บ้างทำให้หลายคนชื่อว่านนี้เป็นต้นกำเหนิดของ"เนโกะบัส" และ "โทโทโร่"
นอกจากนั้ีนโรงพยาบาล"ชิฉิโกคุเบียวอิน"ในเรื่องยังเป็นสถานที่ๆมีอยู่จริงและตั้งอยู่ที่ภูเขาซายามะด้วยแต่เป็นโรงพยาบาลของผู้ที่กำลังจะตายเท่านั้นที่จะถูกส่งไปอยู่ทำให้มีคนเชื่อว่าแม่ของซัทสึกิกับเมย์กำลังจะตาย(หรือตายไปแล้ว)เหมือนในความเชื่อที่สอง
แต่ทางสตูดิโอจิบลิก็ได้ออกมาปฎิเสทเรื่องนี้ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2007 44ปีหลังจากเหตุการณ์นั้นพอดีทำให้หลายคนยังสงสัยในความบังเอิญนี้อยู่
ความเชื่ิอที่4
ท้งเมย์และซัทสึกิไม่มีตัวตนอยู่ต้งแต่แรก หรืออาจเป็นลูกที่ตายไปแล้วของพ่อ และแม่ที่ป่วยหนักใกล้ตายแต่คุณพ่อที่ทำงานเป็นนักเขียนไปด้วยนั้น ยังจินตนาการว่าหากลูกยังมีชีวิตอยู่ และได้พบเรืองราวต่างๆ จะเป็นแบบใหนโดยฉากหลังจกที่เมย์ และซัทสึกินำข้าวโพดมาให้ (หลายคนที่เชื่อความคิดนี้บอกว่าที่จริงพ่อเป็นคนเอามาเอง) แม่พูดว่า "ดูราวกับซัทสึกิกับเมย์ส่งยิ้มให้จากยอดไม้ตรงโน้นเลย"นั่นดูเหมือนคำพูดรำพึงถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่ หรือไม่มีอยู่อีกแล้ว
อันนี้ทางสตูดิโอ้ ยังมิได้ให้ความเห็นแต่ดูจากคุณพ่อแล้ว ฮีก็ดูหลุดๆอยู่เหมือนกัน อีกอย่างที่สงสัยคือพ่อแม่ผมดำไหวลูกสองคนผมสีน้ำตาล(วะ)
ยังไง โทโทโร่ก็จะเป็นแอนิเมชั่นอยู่ในความทรงจำของหลายๆคนตลอดไป
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://inspiron530.blog105.fc2.com/blog-entry-48.html
Credit: http://marimitsu.exteen.com
โอ้ จขกท. พึ่งรู้ว่ามันลึกซึ้งขนาดนี้นะเนี่่ย
TOTORO ความจริงเบื้องหลังความน่ารัก รึเปล่า