กระทู้ นี้เอาใจพวก สาว ๆ ส่วนน้อยแล้วกันครับ แต่ถ้าหนุ่มทั้งหลายอยากกินก็ไม่ได้ห้ามนะ ผมยังอยากเลย 555
อันดับ 10 ดาร์ก ช็อกโกแลต
คงถูกใจสาว ๆ ที่ชอบทานช็อกโกแลต เพราะช็อกโกแลตก็ชอบคุณด้วยเหมือนกัน แต่ต้องเป็น "ดาร์ก ช็อกโกแลต" ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโกโก้เท่านั้นนะ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และสโตรก นั่นเพราะดาร์ก ช็อกโกแลต มีแมกนีเซียม แมงกานีส ทองแดง สังกะสี และฟอสฟอรัส ในปริมาณมาก ซึ่งสารอาหารทั้งหลายเหล่านี้ยังช่วยให้กระดูกของคุณแข็งแรงด้วย นอกจากนั้นแล้ว จากการศึกษายังพบอีกว่า ดาร์ก ช็อกโกแลต จะช่วยทำให้ผิวมีน้ำมีนวลมากขึ้น ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยให้สมองเฉียบแหลมขึ้นอีกต่างหาก แถมยังช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นด้วยนะ ทานแค่ไหนดี : แนะนำว่าให้ทานสักวันละ 1 ส่วน 4 ออนซ์ก็พอ แต่ต้องแน่ใจด้วยนะว่าช็อกโกแลตที่คุณเลือกน่ะ มีส่วนผสมของ โกโก้ อย่างน้อย 70% เพราะถ้าไม่ใช่ดาร์ก ช็อกโกแลต แล้วล่ะก็ คุณอาจจะได้รับความอ้วนกลับมาแทน แต่ถ้าอยากกินช็อกโกแลตให้ได้ประโยชน์ที่ดี ให้เลือกกิน ดาร์กช็อกโกแลต (ช็อกโกแลตดำ ที่ไม่ผสมนม) ที่มีสีเข้มจะดีกว่าช็อกโกแลตผสมนม เพราะจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่านั้นเอง โดยนักวิจัยพบว่า นมอาจเป็นตัวระงับสารต้านอนุมูลอิสระในช็อกโกแลตที่มีชื่อว่า ฟลาโวนอยด์(Flavanols) ได้ เรามาดูประโยชน์ของดาร์กช็อกโกแลตกันดีกว่าครับ - ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้หัวใจไม่ต้องทำงานหนัก - ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ - ลดความเสี่ยงหลอดเลือดสมองแตก - ช่วยคลายเครียด ผ่อนคลายอารมณ์ ทำให้อารมณ์ดีขึ้น - แก้ไอเรื้อรัง - ในอนาคตอาจทำเป็นยาแก้โรคตับแข็งได้ เพราะมีผลวิจัยออกมายืนยันแล้ว
อันดับ 9 น้ำมันมะกอกเมื่อพูดถึง "น้ำมัน" สาว ๆ หลายคนอาจจะขยาด แต่สำหรับ "น้ำมันมะกอก" ซึ่งพบได้บ่อยในอาหารจำพวกเมดิเตอร์เรเนียนนั้น ดีต่อสุขภาพอย่างสุด ๆ โดยเฉพาะต่อหัวใจ และสมอง ซึ่งการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ยืนยันว่า น้ำมันมะกอกจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ และยังช่วยบำรุงสมอง จัดระบบระเบียบความคิดไม่ให้ยุ่งเหยิงได้อีกต่างหาก ไม่หมดแค่นั้้นนะ เพราะการศึกษาจากประเทศสเปน ในปี 2008 ยังระบุว่า น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ (Extra-virgin olive oil) ซึ่งเป็นน้ำมันมะกอกคุณภาพดีที่สุด เพราะสกัดแยกน้ำมันออกมาจากผลมะกอกโดยตรง สามารถช่วยปกป้องคุณสาว ๆ จากมะเร็งเต้านมได้ เพราะฉะนั้น อย่าลืมเลือกใช้น้ำมันมะกอกทาขนมปังแทนการใช้เนย หรือใช้น้ำมันมะกอกปรุงอาหารแทนน้ำมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพทั้งหลายเสียล่ะ ทานแค่ไหนดี : วันละ 2 ช้อนโต๊ะ เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้แล้ว จะใช้น้ำมันมะกอกปรุงอาหารได้อย่างไร 1. นำมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำน้ำสลัด หรือน้ำจิ้ม 2. นำมาใช้ในการผัด ชนิดที่ใช้น้ำมันน้อย เช่นผัดผักเร็ว ๆ ผัดกระเพรา มักกะโรนี สปาเก็ตตี หรือ พาสต้า 3. นำมาใช้ในการหมักเนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ ก่อนที่จะนำไปอบจะทำให้เนื้อนุ่มขึ้น 4. ใช้เป็นน้ำมันสำหรับทอด จะช่วยให้อาหารไม่อมน้ำมันเนื่องจากน้ำมันมะกอกจะให้ความร้อนสูง ทำให้อาหารสุกทั่วถึงอย่างรวดเร็ว ไม่สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
อันดับ 8 โยเกิร์ตกรีกโยเกิร์ตกรีกเต็มไปด้วยแคลเซียมซึ่งดีต่อกระดูกและฟัน แถมเพียงแค่กรีกโยเกิร์ตถ้วยเดียว ยังมีแคลเซียมสูงถึง 1 ใน 4 ของปริมาณที่ผู้หญิงต้องการต่อวัน มีโปรตีนมากกว่าโยเกิร์ตทั่วไป 2 เท่า แถมยังไร้ไขมันอีกต่างหาก ซึ่งเหมาะกับคุณสาว ๆ ที่มีอาการลำไส้แปรปรวน หรือ IBS และยังมีโพไบโอติกสูง ซึ่งแม้ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่า โพไบโอติกดีต่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ยืนยันว่า โพไบโอติกจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยเฉพาะในฤดูที่ไข้หวัดใหญ่ระบาด กรีกโยเกิร์ตจะช่วยปกป้องสุขภาพของคุณสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี ทานแค่ไหนดี : ทานให้ได้อย่างน้อย 3 หน่วยบริโภคทุกวัน ( 1 ถ้วยแบ่งทานได้ 3 ครั้ง) โยเกิร์ตกรีกมีปริมาณโปรตีนสูงกว่าและเข้มข้นมากกว่าโยเกิร์ตทั่วไป โยเกิร์ตกรีกไร้ไขมัน 1 กล่องให้โปรตีนสูงกว่าโยเกิร์ตธรรมดาเกือบ 2 เท่า หรือเท่ากับ 15 กรัม การรับประทานโยเกิร์ตกรีกไร้ไขมันเป็นอาหารว่าง นอกจากจะให้โปรตีนที่ทำให้คุณรู้สึกอิ่มท้องแล้ว เรายังไม่ต้องพึ่งพาของว่างอื่น ๆ ในยามเย็นอีกด้วย
อันดับ 7 ถั่วแดงบรรดาถั่วทั้งหลายจัดเป็นอาหารที่มีสารอาหารมากอยู่แล้ว แต่ที่ถั่วแดงได้รับการจัดอันดับไว้เป็นสุดยอดอาหารของสาว ๆ ในที่นี้ด้วย เป็นเพราะในถั่วแดงเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แถมยังมีโปรตีน โฟเลต แร่ธาตุ และไฟเบอร์รวมทั้งแป้งที่ย่อยเป็นน้ำตาลได้ยาก (Resistant Starch) ที่เพิ่งถูกค้นพบว่ามีประโยชน์สารพัด ทั้งช่วยเพิ่มความสามารถในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ท้องอิ่มเร็ว และลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้อีกต่างหาก ทานแค่ไหนดี : ทานถั่วแดงต้มสัปดาห์ละ 3 ถ้วยสิ แต่ถ้ากลัวท้องจะอืด ก็ให้เริ่มจากทานปริมาณน้อย ๆ ก่อน เช่นทานถั่วแดงต้มทุกวัน วันละ 1 ช้อนชา แล้วเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ ในสัปดาห์ถัดไป ถั่วแดงนั้น แพทย์จีนถือว่าช่วยบำรุงหัวใจ ประเภทอาการใจสั่น ช่วยในการบำรุงระบบประสาท บำรุงลำไส้ ลดอาการบวมน้ำ ช่วยขับปัสสาวะ นอกจากนั้น ถั่วแดงยังช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ดี ทั้งยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันการเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองปริแตก และยังอุดมไปด้วยกรดโฟลิกที่ช่วยบำรุงโลหิต ป้องกันความผิดปกติของทารกในครรภ์ และยังประกอบด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนต์ polyphenolics ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้ดีอีกด้วย
อันดับ 6 อะโวคาโดแม้ว่าคุณสาว ๆ อาจจะเคยรู้มาว่า "อะโวคาโด" มีไขมันสูง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวหรอกนะจ๊ะ เพราะกรดไขมันในอะโวคาโดนั้นดีต่อหัวใจอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังช่วยลดพุงน้อย ๆ ของคุณด้วย นอกจากนั้นแล้ว อะโวคาโด ยังมีโปแตสเซียม แมกนีเซียม โฟเลต โปรมีน วิตามินบี 6 และวิตามินเค แถมยังมีไฟเบอร์ และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อีก ด้วยเหตุผลที่ยกมา แล้วคุณจะกลัวไขมันในอะโวคาโดอยู่อีกทำไมล่ะ ทานแค่ไหนดี : เลือกทานวันละ 1 ใน 4 หรือครึ่งผลก็พอแล้ว อะโวคาโด ประกอบด้วย วิตามิน เอช่วยบำรุงสายตา วิตามินบีช่วยป้องกันโรคเหน็บ ชา ปากนกกระจอก วิตามินซีช่วยป้องกันหวัด เลือดออกตามไรฟัน และโดยเฉพาะ วิตามินอี ซึ่งเป็นสาร antioxidant ที่มีคุณค่าในการปกป้องเซลล์ร่างกายจากมลพิษทาง อากาศ น้ำ และอาหาร สามารถป้องกันโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ และโรคหัวใจ และนอก จากนี้อะโวคาโดยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น โซเดียม โพแทสเซียม โฟเลต ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอล โดยเฉพาะโฟเลต นั้น เป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากโฟเลตเป็นสารอาหารที่จำเป็น สำหรับการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อของทารก ยังพบอีกว่าอะโวคาโดนั้นมีโปรตีนสูง กว่าผลไม้สดอื่น ๆ ประมาณ 0.8 – 1.7 % โดยให้ค่า พลังงานความร้อนต่อร่างกายสูง แต่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเยื่อใยสูง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อระบบ ขับถ่าย
อันดับ 5 วอลนัท"มีทั้ง โปรตีน ไฟเบอร์ วิตามิน แร่ธาตุ และโอเมก้า-3 แล้วจะมีเหตุผลอื่นใดอีกที่คุณสาว ๆ จะไม่เลือกทานวอลนัทล่ะ" ดร.เดวิด แอล แคทซ์ จากโรงเรียนแพทย์เยล บอก หากทานวอลนัททุกวัน จะช่วยให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง นอนหลับได้ดีขึ้น จัดการความเครียดได้ง่ายขึ้น ช่วยปกป้องโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และอีกสารพัดประโยชน์ นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการศึกษาชิ้นใหม่ล่าสุด บอกให้เรารู้ด้วยว่า วอลนัท มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านมในหนูได้ด้วย เช่นนี้แล้วคุณสาว ๆ ยังจะมองข้ามวอลนัทไปอีกหรือจ๊ะ ทานแค่ไหนดี : ทานวอลนัทสักวันละ 1 ออนซ์ หรือประมาณ 28 กรัม ทุกวัน มีนักวิจัยค้นพบว่า ในวอลนัทมีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด จากการศึกษาครั้งล่าสุดทำให้มั่นใจมากขึ้นว่า วอลนัทเป็นสุดยอดถั่ว ที่มีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้หัวใจแข็งแรง วอลนัทหนึ่งกำมือมีสารต้านอนุมูลอิสระมากเกือบสองเท่าของถั่วชนิดอื่นในปริมาณเท่ากัน แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่รับประทานวอลนัทในปริมาณไม่มาก การศึกษาครั้งนี้แนะนำให้รับประทานวอลนัทมากขึ้นเพื่อสุขภาพที่ดี
อันดับ 4 บร็อคโคลี่การศึกษาครั้งใหม่ค้นพบว่า เจ้าผักสีเขียวเข้มนี้สามารถช่วยปกป้องคุณสาว ๆ ไม่ให้เป็นมะเร็งเต้านมได้ เพราะมันจะไปช่วยลดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ผลิตออกมามากเกินไป นอกจากนั้นแล้ว ในบร็อคโคลี่ ยังเต็มไปด้วยวตามินซี และวิตามินเอ แถมยังช่วยให้คุณอิ่มท้องเร็ว ๆ โดยได้รับพลังงานเพียงแค่ 30 แคลอรีเท่านั้น นี่ยังไม่รวมถึงคุณจะได้รับไฟเบอร์ โฟเลต แคลเซียม ธาตุเหล็ก และโปแตสเซียม เป็นโบนัสอีกนะ ทานแค่ไหนดี : อย่าลืมเลือกบร็อคโคลี่อยู่ในมื้ออาหารของคุณสัก 2 ถ้วย หรือมากกว่านั้นต่อสัปดาห์ เรามาสรุปประโยชน์ของบร๊อคโคลี่กันเลย - ช่วยป้องกันมะเร็ง - อุดมด้วยวิตามินซี สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายและยังช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรงอีกด้วย - ประกอบด้วยสาร glutathione ซึ่งช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดไขข้ออักเสบ เบาหวาน และโรคหัวใจ และนอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดระดับคลอเลสเตอรอล และช่วยลดความดันโลหิตสูง - ป้องกันการเกิดต้อกระจก เนื่องจากบร็อคโคลี่จะมีสารเบต้าแคโรทีนสูงโดยเฉพาะสาร lutein - ขนาดรับประทาน บร็อคโคลี่ 1/2 ถ้วย ต่อสัปดาห์ ก็จะดีต่อสุขภาพของคุณ
อันดับ 3 ข้าวโอ๊ตเรารู้กันดีว่า "ข้าวโอ๊ต" สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ แต่การศึกษาใหม่ยังพบด้วยว่า ในข้าวโอ๊ตเต็มไปด้วยไฟเบอร์ ทั้งที่ละลายน้ำได้ และละลายน้ำไม่ได้ ซึ่งไฟเบอร์เหล่านี้จะช่วยควบคุมน้ำหนักของคุณได้ดีเลยล่ะ เพราะฉะนั้น อย่าลืมเลือกทานข้าวโอ๊ตเป็นอาหารเช้านะจ๊ะ ทานแค่ไหนดี : พยายามทานข้าวโอ๊ตให้ได้ทุกวัน หรือจะเลือกพวกโฮลเกรนแทนก็ได้ โดยสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา แนะนำว่า แต่ละวันเราควรรับประทานไฟเบอร์ให้ได้ 25-30 กรัม ซึ่งนั่นเท่ากับปริมาณของไฟเบอร์โดยเฉลี่ยที่หาได้จากข้าวโอ๊ตบดเลยนะ นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตยังมีไขมันต่ำ อุดมด้วยโปรตีน วิตามิน เกลือแร่และสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ดังนั้น การบริโภคข้าวโอ๊ตจึงทำให้เราได้รับสารอาหารที่หลากหลาย โดยเฉพาะเส้นใยละลายน้ำเบต้า-กลูแคนในข้าวโอ๊ต (ที่หาไม่ได้แม้ในข้าวกล้อง) ซึ่งให้ประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านต่างๆ เช่น ลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอล และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนั้นยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อร่างกายใช้อินซูลินนน้อยลงทำให้เรารู้สึกอิ่มนาน ไม่หิวระหว่างวัน ข้าวโอ๊ตจึงเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานอย่างยิ่ง สำคัญที่สุดคือ ช่วยลดอัตราเสี่ยงโรคหัวใจ การรับประทานข้าวโอ๊ตสม่ำเสมอ ช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้ปกติและช่วยลดการสะสมคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ
อลาสกา ไวด์ บลูเบอร์รี่ (Alaska Wild Blueberry)ถ้าคุณเคยได้ยินว่า ผลไม้จำพวกเบอร์รี่เป็นผลไม้ชั้นยอดที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่่มีประโยชน์ "บลูเบอร์รี่ป่า" จากอลาสกา ก็คืออัญมณีชั้นยอดกว่านั้นเลยล่ะ เพราะนี่คืออาหารชั้นยอดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก จึงช่วยชะลอความชรา ซึ่งคุณสาว ๆ คงถูกใจเป็นแน่แท้ นอกจากนั้นแล้ว "บลูเบอร์รี่ป่า" ยังช่วยปกป้องอาการความจำเสื่อม ควบคุมเซลล์ประสาทสั่งการให้ทำงานเป็นปกติ แถมยังช่วงลดความดันโลหิตด้วย แล้วทำไมต้องเป็น "บลูเบอร์รี่ป่า" นะหรือ? ก็เพราะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ได้เคยทดสอบหาสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารแต่ละชนิด แล้วก็พบว่า "บลูเบอร์รี่" ชนะเลิศ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าใครเพื่อน โดยประกอบด้วย "แอนโทไซยานิน" ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ แถมยังมีแคลอรีต่ำ คุณสาว ๆ จึงหยิบมาทานได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดเลยล่ะ ทานแค่ไหนดี : เลือกทานผลไม้ตระ:Xลเบอร์รี่ให้หลากหลายชนิด สักวันละครึ่งถ้วยหรือหนึ่งถ้วยก็พอแล้ว และในบรรดาเบอร์รี่นั้นควรมีบลูเบอร์รี่ป่าด้วย โดยสามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต
อันดับ 1 ปลาแซลมอนอลาสกานี่คืออาหารที่ผู้หญิงทั้งหลายไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะในเนื้อปลาแซลมอนเต็มไปด้วยโอเมก้า-3 ซึ่งดีต่อหัวใจเอามาก ๆ แถมยังช่วยปรับอารมณ์ของคุณไม่ให้ซึมเศร้า และช่วยป้องกันมะเร็ง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้อีกต่างหาก นอกจากนี้ ในปลาแซลมอนยังมีโปรตีน และวิตามินดี ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ผู้หญิงมักจะขาด และสำหรับว่าที่คุณแม่ทั้งหลาย ก็ต้องหาแซลมอนมารับประทานโดยด่วน เพราะในเนื้อปลายังมี DHA ซึ่งเป็นกรดไขมัน ที่เป็นสารอาหารจำเป็น สำหรับลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย ทานแค่ไหนดี : สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา แนะนำว่า ควรทานปลาแซลมอน หรือปลาที่มีกรดไขมันดีคล้าย ๆ กับแซลมอน สัปดาห์ละ 2 มื้อ แต่ถ้าหาปลาอลาสกา แซลมอน สด ๆ ไม่ได้ จะทานเป็นปลาแซลมอนกระป๋องก็ได้เหมือนกัน
อยากกินเลยใช่ไหมละ 55 อยากอันไหนบ้างเอ่ย ??
เครดิต : toptenthailand