โอตาคุ ๆ ๆ ๆ Otaku อยากเป็นไหมเอ่ย??
คำว่าโอตาคุ (オタク) ในภาษาญี่ปุ่น มาจากคำว่า Taku ซึ่งแปลว่าบ้าน ซึ่งเป็นคำสุภาพ หลังๆเริ่มเพี้ยนความหมายมาเป็นเช่นเดียวกับคำว่า Mania ที่แปลว่าผู้ที่คลั่งไคล้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมากๆ แต่ส่วนใหญ่จะมักใช้กับพวกที่บ้าการ์ตูนซะมากกว่า เป็นความหมายที่ค่อนข้างไม่ดีภาพพจน์ของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เมื่อให้ Image จะได้ประมาณว่า เพศชาย ตัวอ้วน ๆ สิวเขรอะ ๆ อาจใส่แว่น ผมเผ้ารุงรังไม่สระผม กลิ่นเหงื่อโชย เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าแตะ แบกเป้ จริงๆแล้วโอตาคุไม่จำเป็นต้องมีลักษณะที่กล่าวไว้ก็ได้ หน้าตาดีก็มี และก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชาย เพียงแต่ไอ้ส่วนของโอตาคุผู้ชายจะเยอะกว่ามากนั่นเอง แต่จะมีผู้มาล่าพวกโอตาคุคือสังคังแมน
ซึ่งก็สามารถแปลได้ว่า โอตาคุ คือ กลุ่มบุคคลผู้ซึ่งลุ่มหลงในโลกแห่งการ์ตูน และ อนิเมชั่น กลุ่มคนเหล่านี้จะมีความสามารถในการเก็บเกี่ยวการ์ตูนหรืออนิเมชั่นในระดับ rare จากสถานที่ต่างๆได้อย่างไม่ยาก และด้วยความหมกมุ่นอย่างหนักในโลกของอนิเมชั่น ทำให้คนเหล่านี้ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่าง "เด็ก" ผู้หญิงในชีวิตจริงกับในอนิเมชั่นได้ ทำให้การรับรู้ด้านความสวยงามเกี่ยวกับผู้หญิงจริงๆสูญเสียไป พวกนี้จะคิดว่า "เด็ก" ผู้หญิงที่น่ารักคือผู้ที่มี หูแมว หูหมา หูกระต่าย ชุดเมด เท่านั้น
พวกนี้คือ Otaku2p ยกระดับ ชาตินี้มันจะไม่สนผู้หญิงจริงๆ แล้ว (แต่จริง ๆ คือผู้หญิงไม่สน) โดยมันจะเฝ้าบูชาสาวน้อยจาก Anime อย่างถวายหัว
2p ย่อมาจาก Too Parry หมายถึง หลีกหนีแล้วซึ่งความจริงทุกประการ โอตาคุเหล่านี้จะมีอาการนับถืออนิเมขึ้นสมอง หากมีใครมากล่าวว่าร้ายแก่อนิเมเรื่องโปรดจะเกิดอาการโกรธลุกเป็นไฟจนแทบจะกินเลือดกินเนื้อ โอตาคุเหล่านี้จะคุยกับคนธรรมดาไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเขาจะพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไม่อาจแกะข้อความออกมาได้
สมองส่วนใหญ่ของโอตาคุเหล่านี้ จะใช้จดจำแต่ข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันอย่างเต็มแน่นเอี๊ยด ซึ่งอาจไม่มีเรื่องที่มีสาระอยู่เลย
ในทางด้านบวกนั้น โอตาคุ อาจหมายถึงแฟนพันธุ์แย้ ซึ่งมีความรู้ความสามารถ สามารถจดจำในสิ่งที่ตนเองสนใจเป็นพิเศษ
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้กลายมาเป็นพวก โอตาคุ ส่วนมากจะมาจาก การที่ไม่สามารถสมหวังในความรัก (อกหัก, สาวไม่แล) ดังนั้น จึงต้องมาปลอบประโลมตัวเองด้วยโลกสมมุติที่ตัวเองสร้างขึ้นจากความใฝ่ฝันและหลงใหลในตัวละครของการ์ตูนและอนิเมชั่น เรียกได้ว่า พวกนี้คือพวกที่บ้าการ์ตูนนั่นเอง
OTAKU หรือ โอคาคุ มีผู้ให้คำนิยามตามตัวอักษรดังต่อไปนี้
O obnoxious สันดานแย่ ไม่น่าคบ
T tacky ซกมก
A aggravate น่ารำคาญ
K klutz สมองกลวง
U ugly อุบาทว์
ดังนั้นโอตาคุแปลได้ว่า...
พิธีกรรมทางศาสนาของเหล่าโอตาคุ
แนวของการ์ตูนที่โอตาคุชอบดู
คุณสามารถคัดลอกลิงค์ที่อยู่ตรงนี้
เพื่อลิงค์มายังหน้านี้ได้
เว็บย่อ: http://th.uncyclopedia.info/wiki/Otaku หากเป็นชายต้องเป็นแนวสาวน้อยตาโต ฮาเร็ม พระเอกมีแต่สาวๆมารุมล้อม ทั้งสาวแว่น สาวอกโต สาวเรียบร้อย น้องสาว คุณหนูผู้เย่อหยิ่ง ฯลฯ และถ้าโอตาคุชายผู้นั้นชอบเล่นซุปเปอร์โรบอทด้วยล่ะก็ จะเพิ่มพลังความเป็นโอตาคุอีก 30%
สำหรับโอตาคุหญิงนั้นก็จะเป็นแนว Boy-Love หรือแนว Y เรื่องรักๆใคร่ๆระหว่างผู้ชายด้วยกัน ใกล้ชิดสนิทสนม กอดกัน หอมแก้มกัน และอาจจะไต่ระดับไปถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกันเลยทีเดียว
คนพวกนี้สามารถพบได้ตามงานการ์ตูนทั่วไปโดยเฉพาะงานที่มีคอสเพลย์ โอตาคุคือกลุ่มเป้าหมายหลักในการหารายได้ของวงการอนิเม หรือเรียกได้ว่าคือเส้นเลือดหล่อเลี้ยงวงการอนิเมแต่อีกด้านนึงก็ค่อย ๆ ทำลายวงการอนิเมไปทีละช้าๆเช่นกัน
วิธีสังเกตโอตาคุ
ไม่สนใจผู้หญิงอื่น นอกจากนางในฝันในอนิเมเท่านั้น
จะก้มหน้าอ่านหนังสือการ์ตูนลูกเดียว โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ถ้าเดินไปอ่านไปก็ไม่สนใจว่าจะเดินชนใคร
ถ้าชวนคุยเรื่องการเมือง ก็จะเอากันดั้มมาอ้าง ถ้าชวนคุยเรื่องแฟชั่น ก็จะพูดถึงชุดคอสเพลย์ ไม่ก็ชุดเมด บลาๆๆ
ถ้าชี้ให้ดูเด็กผู้หญิง ก็จะพล่ามแต่เรื่อง L (Lolicon) และ Y (Yaoi,Yuri)
แต่ถ้าพูดเรื่องเคนชิโร่ พวกนี้ตะโกนว่า "จ๊าก K"แล้วเดินหนีคุณไป
ถ้าเกิดเป็นคนรู้จักบังเอิญเจอพวกนี้ แล้วตะโกนเรียกเค้า เค้าจะไม่ตอบ ไม่สนใจ เพราะกำลังท่องชื่อตัวละครอยู่
ถ้าเกิดบังเอิญได้ยินชื่อญี่ปุ่นจากคนที่หน้าตาค่อนไปทางประเทศเพื่อนบ้านให้รู้ได้เลยว่านั่นแหละ ใช่
มากกว่า 50% ของพื้นที่ในคอมจะมีแต่เรื่องเกมส์และอนิเม นอกนั้นเป็นระบบปฏิบัติการ และ MS Office
สะพายกระเป๋าใบเบ้อเริ่ม.. ไม่รู้ว่าข้างในใส่อะไรไว้นักหนา
แต่งตัวเชยๆ บ้างก็ใส่แว่น ชอบหลบหน้าผู้คน
คติประจำใจพวกนี้คือ " ตัวตายไม่ว่า ขอข้าดูอนิเมเถอะ "
ขาดกามา การ์ตูนไม่ได้ เหมือนขาดอาหาร...
คิดถึงเรื่องกามา การ์ตูนเกือบ 75% ของความคิดทั้งวัน
แต่งแฟนฟิค แต่งคอส เขียนโดจิน วาดแฟนอาร์ต <<<ทำอะไรซักอย่างใน 4 อย่างนี้ ทำแน่ๆสาบาน อาจทำครบทั้ง 4 ข้อเลยก็ได้
มีการ์ตูนที่ชอบที่สุดแบบยกย่องเทิดทูนคลั่งไคล้อยู่อย่างน้อยสามเรื่อง
มีตัวละครที่รักสุดๆในชีวิตเป็นหนึ่งเลย และมีประปรายอีกเยอะ=_=
สละเงินซื้อของการ์ตูนได้ไม่มีเสียดายเลย เงินกินข้าวของทั้งเดือนก็ยอม! (ไปตายเอาดาบหน้า การ์ตูนข้ามาก่อน!!)
ถ้านึกอยากได้อะไรขึ้นมาก็จะซื้อเลยโดยแทบไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น เหตุผลเดียว ก็ตูชอบอ่ะ ซื้อแล้วหนักกระบาลมรึงเรอะ..
รอบรู้เรื่องการ์ตูนไป (เกือบ) ทุกอย่าง ตามข่าวการ์ตูนไวมาก ใช้ภาษาโอตาคุ
เกลียดพวกสามมิติ (ดารา วงการบันเทิง น้ำเน่า) บางคนอาจเฉยๆหรือแค่รำคาญ แต่จะไม่สนใจพวกนี้เลย
ไม่มีแฟน (เรารักตัวการ์ตูนก็พอ!)
คลุกคลีกับการ์ตูน นั่งดู + อ่านได้ทั้งวัน ข้าวปลาลืมกินก็มี
เคยโหลดพวกสแกนคอมมิค แฟนซับ บิทอนิเม อย่างน้อยสิบครั้ง
เชิดชูอากิฮาบาร่าเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์
เกิดความรู้สึกโมเอะ (สุขใจสุดๆเหมือนไฟในตัวลุกโชน) เมื่อได้อยู่ในที่ๆมีการ์ตูน ได้ดูการ์ตูนหรืออ่านการ์ตูน
เมื่อดูการ์ตูนหรืออ่านการ์ตูนจะดูเหมือนหลุดไปอีกโลกนึง
ไปงาน Event การ์ตูนได้แทบทุกงานไม่มีขาด และหอบข้าวของที่ซื้อมาเป็นประจำ
จะพูดไม่หยุดเมื่อพูดถึงการ์ตูน
สามารถดูอนิเมได้ทั้ง season (เผลอๆ อาจ 2 seasons) ได้ในเวลาวันเดียว
ในห้องจะเต็มไปด้วยการ์ตูน ทั้งของสะสม หนังสือการ์ตูน อนิเม ฟิกเกอร์ การาจคิท โปสเตอร์ และอีกสารพัด
อ่าน&ดูการ์ตูนแบบจริงจังอย่างน้อย เกือบทุกเรื่องที่รู้จัก(โอตาคุจะรู้จักการ์ตูนโดยเฉลี่ยคนละ 100 เรื่อง ถึงจะคิดว่าไม่มากขนาดนั้นมั้ง?แต่ถ้าจับมานั่งลิสต์ซักพัก ดีไม่ดี อาจเกิน 100 ด้วยซ้ำไป)
ซื้อการ์ตูนหรือเกม(หรือแม้แต่ไลท์โนเวล)ที่ชอบคราวละ 3 ชุดขึ้นไป (ชุดแรกไว้ดู/เล่น ชุดที่สองไว้เก็บสะสม ที่เหลือไว้ให้คนอื่นๆยืมหรือแจกจ่ายเพื่อเพิ่มจำนวนสาวก!)
ที่อาจจะเป็นข้อยกเว้นในกรณีนี้คือถ้าเขาเป็นนักเขียนเสียเองและเพิ่งได้เผยแพร่เป็นเรื่องแรก อันนี้ให้พึงเข้าใจว่าแค่เห่อ
อย่างไรก็ตาม ความไม่เท่าเทียมทางสังคมยังมีอยู่ สาวกของยอดมนุษย์เจเซิร์สแมนนั้นคลั่งไคล้เรื่องนี้ถึงขนาดตีพิมพ์ภาคนิยายไว้แจกฟรี รวมถึงได้รวมตัวกันจัดมีตติ้งทุกวันอาทิตย์ แต่ไม่มีใครเรียกสาวกของยอดมนุษย์เจเซิร์สแมนว่าโอตาคุเลย
ข้อควรสังเกต โอตาคุที่หมั่นแจกจ่ายหรือให้คนอื่นๆยืมสมบัติเป็นนิจนั้น จะไม่เป็นที่รังเกียจของคนรอบข้าง
สรุปก็ คือ อะไร นั่นเอง
สถานที่ที่จะพบเห็นชาวโอตาคุ
สะพานเหล็ก แถวภิรมย์พลาซ่า โดยเฉพาะแถวร้าน High Media จะพบเห็นได้เป็นฝูง [โดนปิดไปแล้ว ปัจจุบัน พบมากหน้าร้านพี่ดำ]
มาบุญครอง ชั้น 6 บริเวณทางขึ้นไปโรงหนัง SFX ด้านฝั่งที่มี เกมส์ PS2 และเกมส์ตู้ ชั้น 7 บริเวณโดยรอบโรงหนัง SFX
เซ็นทรัลลาดพร้าว จะพบเห็นได้ตามชั้นใต้ดินบริเวณที่ขาย หนังสือญี่ปุ่นมือสอง
สยามเซ็นเตอร์ ร้าน Fantasia ซึ่งเป็นร้านที่ขายของแพง แต่ก็ จะพบเห็นเหล่าโอตาคุได้ไม่ยาก
Central World ร้าน Kinokuniya แหล่งหนังสือนำเข้า ชั้นดี (มีอีก1สาขาที่ Siam Paragon) แต่ทุกวันนี้โดนเผายับไปแล้วหว่ะ T_T
อัมรินทร์โซโก้ ร้านโตเกียวโด ร้านแบบเดียวกับ Kinokuniya เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการสั่งหนังสือของเหล่าโอตาคุ
เซ็นทรัลสีลม ช่วงประมาณชั้น 3 ชั้น 4 ไม่แน่ใจว่าชื่อร้านอะไร
เดอะมอลล์รามคำแหง3 ชั้นบนสุดเท่าที่คนทั่วไปขึ้นไปได้ ในบริเวณ Food Center ช่วงด้านหลังห้างฝั่งขวามือ ( ในกรณีมองจากด้านหน้าไปข้างหลัง ) ร้าน J. Shop ฯลฯ
ร้าน Akiba ที่เซ็นเตอร์พ้อย เป็นแหล่งรวมโอตาคุและและแฟนพันธุ์แท้เอนิเมะอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย (ปัจจุบันถูกสั่งปิดไปแล้ว)
ร้าน Akiba ตอนนี้เปิดใหม่แล้ว เปลี่ยนชื่อเป็น Akiba Kiss อยู่ที่ Central World
ร้านขายหนังสือการ์ตูนชั้นนำทั่วไป
ร้านเน็ตทั่วไป
ตาม งานคอสเพลย์ (อาจพกกล้องไปแอบถ่ายนางคอสเพลย์ต่าง ๆ ด้วย)
ที่มา http://th.uncyclopedia.info/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B8
รู้ไว้ซะนะทุกคน แต่.. ถ้าถามเราว่าอยากเป็นไหม...
ก็นะ ไม่ต้องหรอก ขอนอนเกลือกกลิ้งดูอนิเมะอย่างสบายใจเฉิบก็พอแย้ววว
แล้วทุกคนหล่ะว่าไงกันบ้างเอ่ย???
Otaku มันคืออะไรกันเอ่ย??