จะเป็นแบบเรียงตามภาคนะครับ
Protagonist Character
Hakurei Reimu
ชื่อไทย : ฮาคุเรย์ เรย์มุ
ชื่ออังกฤษ :Hakurei Reimu
ชื่อญี่ปุ่น : 博麗 霊夢
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ผนึก,พลังชำระล้างและสัญชาตญาณระดับสูง
สถานะ : มิโกะ
ที่อยู่ : ศาลเจ้าฮาคุเรย์
ฮาคุเรย์ เรย์มุ มิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์ สาวน้อยผู้เป็นตัวเอกแห่งโทโฮซีรี่ย์
อาศัยอยู่ในศาลเจ้าฮาคุเรย์ อันเป็นศาลเจ้าแบบศาสนาพุทธนิกายชินโต
ซึ่งตั้งอยู่ทางสุดทิศตะวันออกของเกนโซเกียว และมักจะเป็นศูนย์รวมในการ
พบปะชุมนุมสังสรรค์ของเหล่าโยว์ไคต่างๆอีกด้วย เมื่อเกิดปัญหาเรื่องใหญ่
หรือภัยพิบัติต่างๆในเกนโซเกียว ก็เป็นหน้าที่ของเธอด้วยเช่นกัน ที่จะต้อง
เข้ามามีส่วนในการคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น(ทั้งที่บางทีก็ขี้เกียจและไม่เต็มใจ)
เรย์มุเป็นคนเรียบง่าย เธอจึงกลายเป็นที่นิยมชมชอบของทั้งผู้คนและโยว์ไค
และทำให้แวะเวียนมาหาเธอและก่อความยุ่งยากให้อยู่เสมอ เธอมีสติปัญญา
เฉียบแหลม และมักจะโชคดีอยู่เสมอ กระนั้นเธอก็ออกจะเป็นคนขี้เกียจเช่นกัน
เกลียดการฝึกฝน ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน และปล่อยชีวิตให้ผ่านไปวันๆเสียนี่
ถึงอย่างนั้น ด้วยสิ่งที่เรียกว่าเป็นพรสวรรค์ของเธอ ทำให้เธอมีความแข็งแกร่ง
อย่างถึงที่สุดเลยทีเดียว ถึงแม้จะไม่ยอมฝึกฝนเลยก็ตาม นอกจากนี้ เธอยังชอบ
ดื่มชาเป็นที่สุด นอกจากนี้เรย์มุยังมีพลังมหาศาลไร้ซึ่งขีดจำกัด แถมยังมีไอเท็ม
อย่าง "ลูกแก้วหยินหยาง" สุดยอดไอเท็มพลังมหาศาลที่มีความนึกคิดของมันเอง
และความสามารถของลูกแก้วหยินหยางนั้นก็คือ "แปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ตามใจนึก"
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้เปลี่ยนร่างได้แค่ตัวเองเท่านั้น แต่ยังสามารถใช
ความสามารถนี้กับทุกสิ่งรอบๆตัวได้ด้วย ราวกับว่ามันสามารถดลบันดาลทุกสิ่งได้
ดั่งใจคิด และยังช่วยให้เรย์มุสามารถใช้สุดยอดท่าไม้ตายที่เรียกว่า "มุโซเทนเซย์"
หรือที่แปลว่า "ลิขิตฟ้าชะตาจินตนาการ" ซึ่งจะทำให้เรย์มุเข้าสู่สภาพไร้เทียมทาน
ที่ไม่ว่าใครก็ตามก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะได้เลย จนกว่าจะศิโรราบกันไป ส่วนเรื่อง
ชาติกำเนิดของเรย์มุนั้นยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดและคงความเป็นปริศนาอยู่ รู้เพียง
แต่ว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงไร้ประวัติที่มาซึ่งมีชะตากรรมในการรับสืบทอดตำแหน่งมิโกะ
แห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์เป็นรุ่นที่ 13 ต่อจากรุ่นก่อนซึ่งสืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่นก่อน
ทั้งนี้มิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรยอย่างเรย์มุก็มีหน้าที่ในการดูแลดินแดนเกนโซเกียวให้
สงบสุขเช่นกัน เหมือนกับศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่ถูกสร้างมาเพื่อจุดประสงค์ในการแบ่งแยก
ระหว่างเกนโซเกียวกับโลกภายนอก เพื่อกักขังเหล่าโยว์ไคเอาไว้ และเพื่อความสงบสุข
ที่ยั่งยืนต่อไป
Kirisame Marisa
ชื่อไทย : คิริซาเมะ มาริสะ
ชื่ออังกฤษ : Kirisame Marisa
ชื่อญี่ปุ่น : 霧雨 魔理沙
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : เวทย์มนตร์ชั้นสูงและควบคุมเวทย์มนตร์
สถานะ : :Xด
ที่อยู่ : บ้านคิริซาเมะในป่าเวทย์มนตร์
คิริซาเมะ มาริสะ เป็นอีกหนึ่งในตัวเอกของซีรี่ย์โทโฮเช่นเดียวกับเรย์มุ อาศัยอยู่ในบ้าน
ของตัวเองที่สร้างอยู่ในป่าเวทย์มนตร์ เป็นนักสะสมหนังสือและอุปกรณ์เวทย์มนต์ตัวยง
ที่บ้านของเธอจะรกมากเพราะของสะสมที่วางเรี่ยราดเกลื่นกลาดราวกับภูเขาก็มิปาน
มาริสะเป็นคนที่มีีนิสัยเฮฮา แ็ละเป็นคนที่เรียกว่าเกลียดความพ่ายแพ้มากที่สุดเช่นกัน
กิจวัตรของมาริสะในบางครั้งก็จะคอยหมกหมุ่นฝึกฝนเวทย์มนตร์อยู่ภายในบ้านของตน
แต่ส่วนใหญ่ก็จะออกไปขี่ไม้กวาดซิ่งข้างนอกบ้านออกไปค้นหาเวทย์ใหม่ๆหรือไม่ก็ออก
ไปป่วนชาวบ้านหรือคนที่เธอรู้จักทั่วเกนโซเกียวเลยทีเดียว เช่นว่าไปเยี่ยมกับกินขนม
ฟรีจากเรย์มุบ้างล่ะ บุกเข้าไปที่ห้องสมุดของแพทชูลี่เพื่อขอยืม(แต่จริงๆแล้วมาขโมย
มากกว่า)หนังสือเวทย์มนตร์ใหม่ๆมาศึกษา โดยเฉพาะกับอลิสที่มาริสะเข้าไปเยี่ยมแล้ว
ยืมหนังสืออ่านด้วยทีไร ก็แทบจะทะเลาะกันทุกที แต่นั่นก็ทำให้มาริสะสนิทกับคนอื่นๆ
ไปในตัวด้วย
Touhou 6 東方紅魔郷 ~ the Embodiment of Scarlet Devil
Rumia (Boss Stage 1)
ชื่อไทย : รูเมีย
ชื่ออังกฤษ : Rumia
ชื่อญี่ปุ่น : ルーミア
ฉายา : โยวไคสนธยา(6) , โยวไคสนธยา(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคแห่งความมืด
ความสามารถ : ควบคุมความมืด
ที่อยู่ : ทุกหนทุกแห่งที่เธอผ่านหรือบริเวณใกล้ๆศาลเจ้าฮาคุเรย์
รูเมีย โยว์ไคผู้มีความสามารถควบคุมความมืดซึ่งสามารถสร้างความมืดมิดขึ้นมารอบๆตัวเธอ
ได้ตลอดเวลา โดยความมืดที่เธอสร้างก็ไม่ต่างไปจากยามราตรีเลย ขนาดแม้กระทั่งในช่วง
เวลากลางวันก็ยังไม่สามารถมองทะลุความมืดมิดนี้เข้าไปได้เช่นกัน เพราะรูเมียได้ใช้วิธีตัด
แสงรอบๆตัวเธอออกไป ทำให้ไม่เกิดการกระทบของแสงสว่าง แต่ก็เป็นความสามารถที่เป็น
เหมือนของแถมซะมากกว่า เพราะความมืดนั้นไม่อาจใช้โจมตีสร้างความเสียหายได้ แต่เธอ
ก็ปรับความสามารถของตัวเธอเองมาใช้ให้เหมาะกับการดำรงชีวิตเสียเอง โดยใช้ความมืด
หลบแสงแดดและความร้อนในยามตอนกลางวันได้ เนื่องจากข้างในความมืดนั้นช่างเย็น
สบายเหมือนกับตอนกลางคืนดีๆนี่เอง แต่ทว่า ความสามารถนี้กลับไม่สามารถใช้ในคืน
วันขึ้นหนึ่งค่ำได้ ส่วนสาเหตุนั้นยังคงเป็นปริศนาดำมืดอยู่ ส่วนลักษณะินิสัยของเธอ
ก็ไม่ต่างไปจากภายนอกเสียเลย คือดูเป็นเด็ก ไม่ใส่ใจเรื่องยุ่งยากซับซ้อน กระทั่งจุด
มุ่งหมายของชีวิตสำหรับเธอก็ไม่เคยแม้แต่จะคิด เธอมักจะคอยยิ้มแย้มอยู่เสมอเวลา
บินไปบินมา และไม่ใส่ใจสิ่งใดๆ ตัวของรูเมียเองจะมีริบบิ้นแดงผูกอยู่ที่ผมบนหัวอยู่
ซึ่งแท้จริงแล้วมันคือยันต์ต่างหาก และไม่มีใครทราบว่าใครเป็นผู้ติดสิ่งนี้ไว้กับรูเมีย
แม้แต่ตัวรูเมียที่พยายามจะแกะเอามันออกก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน นอกจากนี้เอง
รูเมียก็จัดว่าเป็นโยว์ไคที่อ่อนแออยู่ในระดับหนึ่ง รูปร่างของเธอแลดูเป็นเด็กผู้หญิง
ตัวเล็กๆคนหนึ่ง อีกทั้งมีนัยน์ตาสีแดงฉานอีก ชาวบ้านต่างก็รู้จักเธอกันในนามว่า
"ปีศาจแหงความมืด" และเป็นที่หวาดกลัวโดยทั่ว เนื่องจากเธอเองก็กินคนได้เช่นกัน
รูเมียชอบบินไปมาโดยกางแขนทั้งสองข้างออก เพราะเธอเคยได้ยินมาว่านักบุญนั้น
จะถูกตรึงกางเขนก็เลยลองเลียนแบบดู และยังคงบินวนเวียนไปมาในเกนโซเกียว
ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายอยู่เช่นนี้เรื่อยไป
Daiyousei (Mini-Boss Stage 2)
ชื่อไทย : ไดโยวเซย์
ชื่ออังกฤษ : Daiyousei
ชื่อญี่ปุ่น : 大妖精
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์
ที่อยู่ : ทะเลยสาบสายหมอก
"ไดโยวเซย์"(ภูตตัวใหญ่) นี่ไม่ใชชื่อของเธอแต่เป็นชื่อที่แฟนๆโทโฮตั้งให้
บทบาทของเธอในโทโฮนั้นยังไม่แน่ชัด แต่ที่มักจะพบเห็นเป็นประจำคือ
เธอเป็นเพื่อนสนิทของชิลโน่ คอยห้ามไม่ให้ชิลโน่หาเรื่องใส่ตัว แต่อ่อนแอกว่าก็เลยห้ามไม่ได้ซักที
แต่ถึงแม้เธอจะเป็นตัวประกอบไร้ชื่อ แต่จะเห็นเธออยู่คู่กับชิลโน่ในแฟนอาร์ตและโดจินอยู่บ่อยๆ
จึงนับว่าเธอเป็นเป็นที่นิยมพอสมควร(แต่รูปเดี่ยวของเธอมีอยู่กระจึ๋งเดียว)
Cirno (Boss Stage 2)
ชื่อไทย : ชิลโน่
ชื่ออังกฤษ : Cirno
ชื่อญี่ปุ่น : チルノ
ฉายา : ภูตผิวทะเลสาบ(6) , ภูตน้ำแข็ง(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์(ภูติ)
ความสามารถ : ควบคุมความเย็น
ที่อยู่ : ทะเลยสาบสายหมอก
โยวเซย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่โยวเซย์ที่อาศัยอยู่ที่บึงใกล้ๆกับคฤหาสน์มารแดง
ชิลโน่นั้นแข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับโยวไค(ระดับกระจอกๆ)ได้อย่างสูสี
ชิลโน่นั้นชอบการต่อสู้มากเวลามีใครผ่านมาบริเวณที่ชิลโน่อยู่ ชิลโน่จะเข้าไปจู่โจมทันที
โดยไม่ดูเลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แล้วก็เป็นฝ่ายโดนสอยร่วงซะเองอยู่ทุกที
ชิลโน่มีความสามารถในการสร้างความเย็น รอบๆตัวชิลโน่เองก็มีไอเย็นแผ่ออกมาตลอดเวลา
(ร้อนๆน่าจับมากอด คงเย็นสบายน่าดู)<-------เย็นสบายจนแข็งตายสิไม่ว่า
ชิลโน่ชอบจับกบมาแช่แข็งแล้วเอาไปแช่น้ำให้น้ำแข็งละลาย แต่ประมาณหนึ่งในสามครั้ง
ชิลโน่มักจะทำกบแตกเป็นเสี่ยงๆป็นประจำ ชิลโน่อ้างว่านี่เป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง
จนโดนกบยักษ์จับกินเพื่อสั่งสอนไปทีนึง แต่ก็รอดมาได้(แต่ก็คงไม่เข็ดอยู่ดี)
สาเหตุที่ชิลโน่โดนเรียกว่า "บากะ"(โง่,บ้า) หรือ (9)
เพราะว่าจากคำอธิบายรายละเอียดต่างๆในหน้าจอ ตำแหน่งที่เก้าท่านZUNดันอธิบายว่า"บากะ"
(เท่ากับว่ามุกนี้ZUNชงเองกับมือเลย)หลังจากนั้นชิลโน่เลยโดนล้อเรื่องนี้มาโดยตลอดในแฟนอาร์ตและโดจินต่างๆ
(พูดอีกอย่างคือชิลโน่แจ้งเกิดในฐานะตัวละครที่มีคนรู้จักมากที่สุดตัวหนึ่งไปด้วยเลย)
รูปที่ว่า
ตรง 9. เขียนว่า "บากะ"
Hong Meirin (Boss Stage 3)
ชื่อไทย : หง เหม่ยหลิง
ชื่ออังกฤษ : Hong Meirin
ชื่อญี่ปุ่น : 紅 美鈴
เผ่าพันธุ์ : โยวไค
ความสามารถ : ควบคุมปราณ
ที่อยู่ : หน้าประตูคฤหาสน์มารแดง
โยวไคสาวในชุดจีนสีเขียวที่รูปลักษณ์ภายนอกแทบไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาทั่วไปเลย
เหม่ยหลิงทำหน้าที่เฝ้าประตูทางเข้าคฤหาสน์มารแดง คอยจัดการผู้บุกรุกด้วยมวยจีนผนวกกับการใช้ลมปราณ
เหม่ยหลิงนั้นเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิด แต่ถ้าเทียบกับพวกบิ๊กๆในคฤหาสถ์น์ะก็เธอจะดูกระจอกไปเลย
ถึงเหม่ยหลิงจะป็นโยวไคแต่ตราบเท่าที่ไม่พยายามบุกรุกเข้าไปในคฤหาสน์ เธอก็ดูเป็นมิตรเอามากๆ
สามารถเข้าไปพูดคุยได้อย่างเป็นกันเอง หรือจะขอท้าประลองฝีมือกับเธอก็ยังได้
จะว่าไปตัวตนของเธอนี่เองที่ทำให้คฤหาสน์มารแดงดูน่ากลัวน้อยกว่าที่ควร
แต่บทบาทของเธอส่วนใหญ่จะเป็นบทไม่ค่อยเต็มเต็งซักเท่าไหร่ แฟนจึงๆวาดล้อกันได้อย่างสนุกสนาน
เหม่ยหลิงก็เลยกลายเป็นตัวโจ๊กประจำโทโฮไปเลย
Koakuma (Mini-Boss Stage 4)
ชื่อไทย : โคอะคุมะ(ปีศาจน้อย)
ชื่ออังกฤษ : Koakuma
ชื่อญี่ปุ่น : 子悪魔
เผ่าพันธุ์ : ปีศาจ
สถานะ : ผู้ช่วยบรรณารักษ์ประจำหอสมุดคฤหาสน์มารแดง
ที่อยู่ : คฤหาสน์มารแดง
โคอะคุมะ หรือที่แปลว่า มารน้อย ซึ่งแท้จริงแล้วนี่หาใช่ชื่อจริงของเธอไม่
แต่เป็นลักษณะเผ่าพันธุ์ของเธอต่างหาก(ในตอนแรกคาแร็คเตอร์ตัวนี้ไม่มีชื่อ
อย่างเป็นทางการให้ เหล่าแฟนๆจึงพากันเรียกว่า "โคอะคุมะ" ซึ่งภายหลังต่อมา
ZUN จึงได้ใช้ชื่อนี้เป็นการคอนเฟิร์มในบทสัมภาษณ์) เธอปรากฎตัวครั้งแรก
ในฐานะบอสกลางประจำด่าน อีกทั้งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของแพทชูลี่ โนว์เล็ดจ์
ในฐานะของผู้ช่วยบรรณารักษ์ห้องสมุด และอยู่พักอาศัยในคฤหาสนมารแดง
นั่นเอง บางครั้งในหน้าที่การงานเธอก็มักจะถูกแพทชูลี่เรียกมาเป็นหนูทดลอง
สเปลการ์ดใหม่ๆอยู่บ้างเช่นกัน แต่เธอก็ยังคงทำงานอย่างเชื่อมั่นเพื่อท่าน
แพทชูลี่ต่อไป
Patchouli Knowledge (Boss Stage 4)
ชื่อไทย : แพทชูลี่ โนว์เล็ดจ์
ชื่ออังกฤษ : Patchouli Knowledge
ชื่อญี่ปุ่น : パチュリー・ノーレッジ
ฉายา : สาวน้อยแห่งความรู้ผู้ปลีกตัว(6) , หอสมุดใหญ่ไม่เคลื่อนที่(7.5) ,
หอสมุดใหญ่ไม่เคลื่อนที่(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : จอมเวทย์(โยวไค)
ความสามารถ : ชำนาญการใช้เวทย์มนตร์ โดยเฉพาะเวทย์ธาตุต่างๆ
ที่อยู่ : หอสมุดคฤหาสน์มารแดง
แพทชูลี่ โนว์เล็ดจ์ :Xดผู้รอบรู้แห่งบ้านสกาเล็ต มีชื่อเล่นย่อๆที่เรียกกันว่า "พาเช่"
เป็นคนที่ค่อนข้างนิ่งเงียบ พูดน้อย ไร้การตอบสนองต่อคนรอบข้าง สนแต่เพียงเรื่อง
หนังสือกับความรู้ ซึ่งหากเรื่องที่คุยกับเธอด้วยไม่ได้เกี่ยวกับหนังสือ เธอจะไม่ค่อยมี
ความกระตือรือร้นเท่าไหร่ แต่ถ้าเกี่ยวกับเรื่องหนังสือล่ะก็ จะกระตือลือล้นผิดกับตอน
ปกติลิบลับเลยทีเดียว และบางครั้งอาจทำให้เธอถึงกับยอมออกมาที่ข้างนอกคฤหาสน์
อีกต่างหาก การกระทำต่างๆของเธอล้วนคาดเดาได้โดยง่าย ทั้งนี้ก็เพราะเธอได้ทำตาม
หนังสือตำรานั่นเอง โดยบางครั้งเธอก็อาจจะพลาดพลั้งได้เช่นกัน จนต้องไปหาอ่าน
ความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติม อีกทั้งการพูดจาของเธอก็เป็นทฤษฎีมากจนเกินไปจนเข้าใจยาก
ทั้งนี้หากเธอพบผู้บุกรุกห้องสมุดหรือทำร้ายหรือขโมยหนังสือของเธอ เธอจะโกรธมาก
จนน่ากลัวเลยทีเดียว โดยในการต่อสู้นั้น ตัวเธอนั้นก็ไม่เก่งด้านการต่อสู้ประชิดตัวเอา
เสียเลย แถมยังมีร่างกายอ่อนแออีก เนื่องจากมีโรคประจำตัวอย่างโลหิตจางและหอบหืด
มาแต่กำเนิด ทำให้กลายเป็นอุปสรรคในการต่อสู้ เธอจึงเลือกที่จะใช้สเปลการ์ดมากกว่า
การท่องร่ายแบบทั่วไป ซึ่งปกติเธอก็สามารถท่องร่ายเวทย์ในความเร็วระดับสุดยอดมาก
พาชูลี่มีพลังเวทย์มหาศาลอยู่ในตัว มีความรู้มากมาย เก่งในคาถาหลายๆอย่าง โดยเฉพาะ
เวทย์ธาตุที่เธอชำนาญที่สุด และริบบิ้นหลากหลายสีที่เธอมักผูกเอาไว้ตามเสื้อผ้าและผม
ก็เป็นอุปกรณ์ขยายพลังเวทย์ชนิดหนึ่งเช่นเดียวกัน ทั้งที่เป็นอย่างนั้น ตัวเธอก็ไม่เคยใส่ใจ
ต่อสุขภาพของตนแม้แต่น้อย และเธอยังมีงานอดิเรกคือการสร้างสเปลการ์ดใหม่ๆขึ้นมาไว้
ใช้แทนการร่ายคาถา เรียกได้ว่าเธอน่าจะมีสเปลการ์ดไว้ใช้เยอะที่สุดในเกนโซเกียวเสีย
ด้วยซ้ำ เมื่อสร้างเสร็จแล้วเธอก็จะทดลองดู หากจะกล่าวถึงงานอดิเรกอื่นๆนอกจากนี้แล้ว
เธอก็มีเช่นกัน อย่างการอ่านหนังสือต่างๆที่รวบรวมมาได้ ซึ่งหนังสือของเธอก็มีอยู่หลาก
หลายเล่ม ทั้งที่เก็บสะสมเอาไว้ ทั้งเล่มที่เธอเขียนขึ้นมาเอง และหนังสือจากโลกภายนอก
อีกด้วย ส่วนทางด้านความสัมพันธ์กับคนอื่นๆภายในบ้าน ก็มีเรมีเลียผู้เป็นเพื่อนสนิทกับ
เธอมาแต่ใหนแต่ไร ซาคุยะซึ่งเป็นเมดรับใช้ที่เธอมักจะคอยเรียกใช้อยู่เสมอในฐานะคน
ใกล้ตัว โดยที่เรียกใช้ส่วนใหญ่ก็คือการที่เธอจะทดลองสเปลการ์ดชิ้นใหม่กับคนที่ค่อย
สมน้ำสมเนื้ออย่างซาคุยะนั่นเอง บางครั้งก็จะรับปากจากเรมีเลียช่วยสอนหนังสือให้แก่
ฟรานดร์อีกด้วย และืคนอื่นๆ แต่ทุกคนในบ้านต่างก็คือเพื่อนมิตรสหายของเธอนั่นเอง
Izayoi Sakuya (Boss Stage 5)
ชื่อไทย : อิซาโยอิ ซาคุยะ
ชื่ออังกฤษ : Izayoi Sakuya
ชื่อญี่ปุ่น : パチュリー・ノーレッジ
ฉายา : เมดแห่งคฤหาสน์มารแดง(6) , คนรับใช้ผู้สง่างามอย่างสมบูรณ์แบบ(7.5) ,
เมดแห่งคฤหาสน์มารแดง(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ควบคุมเวลา
ที่อยู่ : คฤหาสน์มารแดง
หัวหน้าเมดแห่งคฤหาสน์มารแดง แต่หน้าที่ต่างๆในคฤหาสน์นั้นดูเหมือนจะเป็นหน้าที่ของเธอเพียงคนเดียวซะมากกว่า
เธอภักดีต่อเรมิเรียเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นคำสั่งของเรมีเรียแล้วเธอจะทำตามแต่โดยดี แต่เธอเองก็ไม่ได้ถูกบังคับให้เชื่อฟัง
เรมิเลีย บางครั้งเธอก็เป็นฝ่ายออกคำสั่งแก่เรมิเรียเสียเอง
เนื่องจากเธอรับใช้ใกล้ชิดกับคุณหนูเป็นอย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง แฟนๆก็เลยตบรางวัลด้วยการจิ้นคู่นี้ให้บ่อยเป็นพิเศษ
ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจที่หารูปซาคุยะแล้วจะมีเรมิเลียพ่วงแถมมาด้วย
ซาคุยะ มีความสามารถใน"ความเร็วในการไหลของเวลา" เธอทำได้ทั้งเร่งเวลา(ใช้ในการบ่มไวน์หรือทำดอกไม้แห้ง)
แม้กระทั่งหยุดเวลา(THE WORLD)ก็ยังได้ อีกทั้งเธอยังใช้ความสามารถนี้มาประยุกต์ใการสร้างมิติอีกด้วย
ทำให้ภายในคฤหาสน์มารแดงนั้นกว้างขวางกว่าที่เห็นจากภายนอกเอามากๆ
ชื่อ"อิซาโยอิ ซาคุยะ"นั้นไม่ใช่ชื่อจริงของเธอ อายุที่แท้จริงของเธอก็ไม่แน่ชัด กระทั่งเธอเป็นมนุษย์จริงหรือไม่ก็ไม่แน่ชัดเช่นกัน
ในสารานุกรมโทโฮได้ลงบทความที่คาดเดาความเป็นมาของเธอไว้ว่า เธออาจจะเป็นนักล่าปีศาจที่มาล่าแวมไพร์ที่อยู่ในคฤหาสถ์มารแดง
แต่กลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียเองและถูกไว้ชีวิตและถูกมอบชื่อใหม่ที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิ
ตของเธอตลอดไป
อย่างไรก็ตาม ซาคุยะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับผีดูดเลือดที่หยุดเวลาแล้วปามีดที่มีช่วงคอลงมาเป็น
ร่างของคนอื่น จริงๆนะ ตัวเอง~
Remilia Scarlet (Boss Final Stage)
ชื่อไทย : เรมิเลีย สคาร์เลท
ชื่ออังกฤษ : Remilia Scarlet
ชื่อญี่ปุ่น : レミリア スカーレット
ฉายา : จันทราสีแดงฉานผู้อ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์(6) , จันทราสีแดงผู้อ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์(7.5) ,
ปิศาจแดง(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ผีดูดเลือด
ความสามารถ : ควบคุมและรับรู้ชะตากรรม
ที่อยู่ : คฤหาสน์มารแดง
เรมิเลียเจ้าบ้านแห่งคฤหาสน์มารแดง จอมเอาแต่ใจ ชอบสั่งงานอะไรที่มันพิสดาร(แต่ซาคุยะก็จัดให้ได้)
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูเหมือนเด็กแต่ที่จริงเรมิเลียมีอายุอย่างน้อย500ปีแล้ว
ถึงแม้เธอจะแพ้แสงแดด แต่ก็มีการพบเห็นเธอในตอนกลางวันอยู่บ่อยๆโดยใช้ร่มกันแดดป้องกันแสงแดดไว้
(เรย์มุยังบ่นเลยว่า ใช้แค่ร่มก็กันอยู่แล้วจะปล่อยหมอกออกมาเพื่อ?...)
ความสามารถของเธอคือ"การควบคุมชะตากรรม" แต่ความสามารถนี้เป็นอะไรที่เป็นนามธรรม
จนแทบจะพิสูจน์ผลอะไรไม่ค่อยได้เลย แต่ก็มีลือกันบ้างว่าเธอใช้ความสามารถนี้กับตัวเอง
เพื่อคงความเยาว์วัยไว้ชั่วนิรันดร์
ผีดูดเลือดนั้นจัดว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถสูงรอบด้านแต่ในขณะเดียวกันก็มีจ
ุดอ่อนอยู่เพียบเลย
ทั้งโดนแสงแดดแล้วจะอ่อนแอลง แพ้กระเทียม หัวปลาซาร์ดีน ถั่วคั่ว ข้ามน้ำไหลไม่ได้ ฝ่าสายฝนก็ไม่ได้
แต่กระนั้นผีดูดเลือดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะโค่นได้ง่ายๆอยู่ดี
ผีดูดเลือดก็ต้องดื่มเลือดเป็นอาหาร แต่จากสนธิสัญญาที่ผีดูดเลือดทำไว้กับโยวไค เรมิเลียจึงไม่ต้องไปทำร้ายมนุษย์
เพื่อดูดเลือด แต่โยวไคจะเป็นฝ่ายเตรียมวัตถุดิบหลัก(เชื่อว่าเป็นมนุษย์จากโลกภายนอก)ไว้ให้ แล้วซาคุยะ
ก็จะนำวัตถุดิบนั้นไปปรุงต่อไป(ของขึ้นชื่อของที่นี่คือเค้กและชาแดง)
จากตรงนี้ก็พอเดาได้ว่าห้องครัวของคฤหาสน์มารแดงนั้นคงไม่ค่อยน่าพิสมัยซักเท่าไหร่
มีเรื่องหนึ่งที่เรมิเลียถูกล้อเป็นพิเศษนอกจากเรื่องจุดอ่อนของเธอคือ "ท่าก้มการ์ด" ของเธอที่มีมาตั้งแต่ภาค7.5
น่ารักจริงเชียว
และอีกมากมายกับท่าการ์ดในตำนาน
Flandre Scarlet (Boss Extra Stage)
ชื่อไทย : ฟรานดร์ สคาร์เลท
ชื่ออังกฤษ : Flandre Scarlet
ชื่อญี่ปุ่น : フランドール スカーレット
ฉายา : น้องสาวของปิศาจ(6),น้องสาวของปิศาจ(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ผีดูดเลือด
ความสามารถ : ทำลายล้างสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
ที่อยู่ : คฤหาสน์มารแดง
ฟรานดร์เป็นน้องสาวของเรมิเลีย เธออายุประมาณ495ปี แต่ก็ยังเหมือนเด็กๆที่ไม่ค่อยประสีประสาอะไรดีนัก
ปกติแล้วฟรานดร์ไม่ค่อยปรากฎตัวให้ใครเห็นซักเท่าไหร่ แม้แต่ในคฤหาสน์มารแดงเองก็ตาม
ฟรันเดิลนั้นเข้ากับคนอื่นได้ยาก และเธอเองก็ไม่รู้จักการออมมือเสียด้วย
ว่ากันตามตรงแล้วฟรานดร์นั้นแข็งแกร่งกว่าเรมิเลียซะอีก
ความสามารถของฟรานดร์คือ"การทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง" หลักการของความสามารถนี้คือ
ทุกวัตถุจะมี"ตา"(คนละอย่างกับที่ใช้มองเห็น)อยู่ "ตา"ในที่นี้จุดที่มีความเครียดสะสมมากที่สุด
ถ้า"ตา"นั้นถูกอัดพลังเข้าไปอีก วัตถุนั้นก็จะถูกทำลาย
ฟรานดร์สามารถย้าย "ตา"ของวัตถุนั้นมาที่ฝ่ามือแล้วกำมือ วัตถุนั้นก็จะถูกทำลายในทันที
แม้แฟนๆจะจัดให้มาริสะมาคู่กับฟรานดร์อยู่บ่อยๆ คงเพราะมาที่คฤหาสน์มารแดงอยู่บ่อยๆ
แต่ความจริงแล้วดูเหมือนมาริสะจะไม่ค่อยอยากเจอฟรานดร์ซักเท่าไหร่
การเขียนชื่อของเธอเป็นภาษาอังกฤษนั้น ปัจจุบันยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
เพราะZUNได้เขียนไว้ถึงสามแบบ FRANDRE ,FLANDRE และFRANDLE
และยังไม่สามารถระบุได้ว่าชื่อไหนคือชื่อที่ถูกต้องที่สุดกันแน่
[Touhou 7 東方妖々夢 ~ Perfect Cherry Blossom]
Letty Whiterock (Boss Stage 1)
ชื่อไทย : เลตตี้ ไวท์รอค
ชื่ออังกฤษ : Letty Whiterock
ชื่อญี่ปุ่น : レティ ホワイトロック
ฉายา : สิ่งที่ถูกลืมแห่งฤดูหนาว(7) , โยวไคเหมันต์(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคแห่งฤดูหนาว
ความสามารถ : ควบคุมความหนาวเย็น
ที่อยู่ : ปรากฎตัวในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น
เลตตี้ ไวท์ร็อค สาวน้อยผู้ค่อนข้างใจเย็นสมกับเป็นภูติฤดูหนาว และมีความเป็นผู้ใหญ่สูง
อีกทั้งยังกิริยามารยาทสุภาพเรียบร้อยสมเป็นสุภาพสตรีคนหนึ่ง เธอรู้จักหาความรู้รอบตัว
ประเมินสิ่งรอบข้างด้วยตนเอง อีกทั้งเธอมักจะคอยยิ้มแย้มนิดๆ ชอบพูดคุยกับผู้อื่นอย่าง
เป็นฉันท์มิตร เลตตี้เป็นตัวละครที่มักจะเผลอหลุดมาด งอแง และโต้แย้งในเรื่องที่ไม่ชอบ
อย่างน่ารักพร้อมน้ำตาเล็ดเล็กน้อยที่หางตา ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยๆสบายๆ ดูไม่เคยทุกข์ร้อน
อะไรเพราะเธอเข้าใจความเป็นไปและกฏของธรรมชาติเป็นอย่างดี เลตตี้เป็นภูติหิมะผู้มี
ความสามารถควบคุมความหนาวเย็น และปรากฎตัวในเฉพาะในฤดูหนาวเพียงอย่างเดียว
เลตตี้มิได้เพียงแต่ควบคุมกระแสลมหนาวและหิมะโปรยปรายเท่านั้น หากเธอยังสามารถ
เพิ่มพูนพลังและประสิทธิภาพของฤดูหนาวตามธรรมชาติได้อีกด้วย เธอจึงสามารถบงการ
ธรรมชาติในฤดูหนาวได้ดั่งใจ แต่มันก็เป็นเพียงพลังที่ใช้ได้เพียงช่วงฤดูหนาวเท่านั้นเอง
กระนั้นการที่เธอคิดจะเอาจริงขึ้นมา ก็อาจจะสามารถแช่แข็งเกนโซเคียวได้ทั้งหมดใน
คราวเดียวเลยทีเดียว เป็นพลังมหาศาลที่ไม่น่าเชื่อสำหรับภูิติตนนี้ อาจจะเรียกได้ว่า
เลตตี้เป็นโยว์ไคตนหนึ่งที่น่าสะพรึงกลัวในฤดูหนาว เปรียบได้กับนางหิมะจำพวกหนึ่งดีๆ
นี่เอง แต่ก็น่าแปลกประหลาดยิ่งนักที่เธอกลับแพ้เกสรดอกไม้ ลักษณะภายนอกที่เห็นก็คือ
สาวน้อยผู้สวมเสื้อผ้าบางเบาซึ่งดูแล้วไม่น่าจะช่วยกันหนาวอะไรได้ ตัวเลตตี้ไม่มีที่อยู่
อาศัยที่แน่นอน เธอมักจะเพียงขอได้ชื่นชมกับฤดูหนาวอย่างไร้จุดหมายเพียงเท่านั้น
โดยจะพบเห็นเธอได้ป็นระยะๆ แต่มนุษย์ที่พบเห็นก็อาจจะถูกเํธอจู่โจมด้วยพลังหนาวเย็น
จนแข็งตายไปเสียส่วนใหญ่ อาหารการกินและที่หลับที่นอนไม่เป็นที่แน่ชัดนัก ตัวเธอนั้น
เปรียบเสมือนพี่สาวและเพื่อนเล่นคนหนึ่งของชิลโน่ีอีกด้วย โดยเวลาที่ทั้งคู่จะได้พบกัน
ก็มีเพียงช่วงฤดูหนาวเท่านั้น พลังของทั้งคู่นั้นต่างก็คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกัน
โดยเลตตี้จะควบคุมความหนาวเย็นที่ฤดูหนาวนำมาให้ได้ตามใจ หรือพูดง่ายๆคือต้องพึ่งพา
ฤดูหนาวเพื่อใช้ความสามารถได้ ส่วนของชิลโน่นั้น เธอสามารถสร้างและควบคุมความ
หนาวเย็นได้ด้วยตัวเธอเอง และเมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิมาเยือน เธอก็จะหาย
ตัวไปและรอคอยวันเวลาที่ฤดูหนาวจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งเดียว
ที่เธอจะกลับมามีความสุขอีกครั้งหนึ่ง
Chen(Boss Stage 2)
ชื่อไทย : เชน
ชื่ออังกฤษ : Chen
ชื่อญี่ปุ่น : 橙
ฉายา : แมวดำแห่งลางร้าย(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยวจูว(สัตว์ภูติ)
ความสามารถ : วิชาอาคม
เชน เนโกะมาตะซึ่งเป็นภูติรับใช้ของยาคุโมะ รัน ซึ่งเนโกะมาตะก็คือแมวที่มีอายุมากจนพัฒนา
ตัวเองและมี 2 หาง โดยสำหรับเชนนั้นจะมีร่างเป็นมนุษย์ มีหูแมวและหางแมวทั้งสองหาง นั่นก็
เนื่องจากการกลายร่างที่ไม่สมบูรณ์นั่นเอง(ภูติรับใช้จะมีความแข็งแกร่งขนาดใหนขึ้นอยู่กับผู้ป็น
นายของตน ซึ่งในกรณีของเชนนั้นถือเป็นภูติรับใช้ของภูติรับใช้อีกทีนึง) บ่อยครั้งที่มักจะได้เห็น
เธอเข้าไปเิดินเล่นอยู่ที่มาโยะอิกะ สถานที่ลึกลับตามตำนาน ซึ่งน่าจะอยู่ไม่ห่างไกลไปจากบ้าน
ของยูคาริซึ่งอยู่บริเวณเขตแดนของเกนโซเกียวนัก โดยเธอจะไปคอยคุมและเล่นกับเหล่าแมว
ทั้งหลายที่อยู่ที่นั่น เรียกได้ว่าเธอเป็นเจ้าถิ่นของที่แห่งนั้นเลยทีเดียว เชนนั้นเป็นเหมือนกับแมว
ทั่วๆไป มีนิสัยขี้อ้อนกับเจ้าของ เกลียดน้ำ และชอบอยู่บริเวณที่อบอุ่น โดยส่วนใหญ่เธอมักจะ
ว่างงาน เพราะไม่มีงานบ้านที่ต้องทำ เพราะรันซึ่งเป็นเจ้านายของเธอทำคนเดียวหมดทุกอย่าง
กิจวัตรของเธอก็เลยเหมือนกับแมวทั่วไป คือเดินเล่น เฝ้าถิ่น เล่นกับแมวตัวอื่นๆ หาเรื่องเล่นสนุก
ฆ่าเวลาไปวันๆ และความใฝ่ฝันของเธอก็คือการที่จะแข็งแกร่งขึ้น และทำอะไรได้ทุกอย่างสารพัด
เหมือนกับรันผู้เป็นเจ้านายของเธอเอง
Alice Margatroid (Boss Stage 3)
ชื่อไทย : อลิส มาร์กาทรอยด์
ชื่ออังกฤษ : Alice Margatroid
ชื่อญี่ปุ่น : アリス マーガトロイド
ฉายา : ผู้ใช้ตุ๊กตาเจ็ดสี(7) ผู้เชิดตุ๊กตาเจ็ดสี(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : จอมเวทย์
ความสามารถ : ควบคุมตุ๊กตา
หากพูดถึงจอมเวทที่มักจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเมื่อมีงานเทศกาล และจัดงานแสดงตุ๊กตาให้ทุกคนได้ชม ก็ต้องนึกถึง อลิส มาร์กาทรอยด์
เธอเป็นจอมเวทผู้เชี่ยวชาญการควบคุมตุ๊กตาด้วยเวทมนตร์ให้ดำเนินการแสดงได้ราวกับว่ามีชีวิต
ผมสีทอง ผิวซีดขาว, ตัวเธอเองก็ดูคล้ายกับตุ๊กตาเช่นกัน
เธอเป็นมนุษย์ที่ฝึกฝนจนกลายเป็นจอมเวท
ด้วยเหตุนี้จึงมีความเข้าใจในตัวมนุษย์เป็นอย่างดี
เธอยังเป็นจอมเวทมือใหม่ที่มีประวัติไม่มากนัก
และยังคงทานอาหารและหลับนอนเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง ทั้งๆที่เธอน่าจะไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้นแล้ว
โดยปกติแล้วเธอจะอาศัยอยู่ในบ้านแบบตะวันตกที่มีขนาดกะทัดรัดและเต็มไปด้วยตุ๊กตา ซึ่งตั้งอยู่ในป่าเวทมนตร์
เล่ากันว่าหากหลงทางในป่าเวทมนตร์จนไปถึงบ้านหลังนี้โดยบังเอิญ เธอก็ยินดีให้ค้างแรม
แต่ถึงจะบอกว่าให้ค้างแรม, เธอก็ยังคงวิจัยเวทมนตร์หรือสร้างตุ๊กตาต่อไปเรื่อยๆ, แทบจะไม่มีการสนทนาจนรู้สึกน่ากลัว และอยากรีบหนีออกไปทันที
{ความสามารถ}
เวทมนตร์ควบคุมตุ๊กตา คือ เวทมนตร์ที่ทำให้ตุ๊กตาดูเหมือนกับมีชีวิต
มันไม่ใช่เวทมนตร์ที่มอบชีวิตให้แก่ตุ๊กตา แต่เป็นการควบคุมด้วยเส้นใยเวทมนตร์ ทำให้การควบคุมระยะไกลเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
แต่ตุ๊กตาก็จะไม่มีทางขัดคำสั่งหรือทำร้ายผู้ควบคุม
ตุ๊กตาที่เธอควบคุมนั้นไม่ได้เป็นตุ๊กตาพิเศษไปเสียทุกตัว, ส่วนมากเป็นตุ๊กตาที่แสนจะธรรมดา
ส่วนใหญ่นั้นเป็นตุ๊กตาที่เธอทำมือขึ้นมาเอง
เอาเส้นใยเวทมนตร์ติดเข้ากับตุ๊กตาทำมือ และควบคุมมันตามใจนึก
อาจเป็นเพราะอลิสเคยจับคู่แท็คทีมกับมาริสะในภาค8 ทำให้มีแฟนอาร์ตและโดจินที่จับสองคนนี้มาคู่กันอยู่บ่อยๆ
แต่ความจริงเธอไม่ค่อยชอบมาริสะซักเท่าไหร่(เคยทำตุ๊กตาฟางมาริสะไปตอกหมุดด้วยซ้ำ)เพราะมาริสะ
ชอบไปยืม(ฉก)ตำราเวทจากบ้านเธออยู่บ่อยๆ
Lilywhite (Mini-Boss Stage 4)
ชื่อไทย : ลิลลี่ไวท์
ชื่ออังกฤษ : Lilywhite
ชื่อญี่ปุ่น : リリーホワイト
ฉายา : ภูตผู้นำพาฤดูใบไม้ผลิ(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์(ภูติ)
ความสามารถ : ป่าวประกาศการมาของฤดูใบไม้ผลิ
ลิลลี่ไวท์ ภูติตัวน้อยๆที่จะปรากฏตัวขึ้นเมื่ออากาศเริ่มเปลี่ยนจากหนาวเป็นอบอุ่น ซึ่งแสดงถึง
การกำลังจะมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ เธอสามารถดูเมฆบนฟ้าแล้วบอกได้ว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังมา
เธอจึงเดินทางไปเรื่อยๆเพื่อบอกกล่าวแก่ผู้คน จนกว่าจะไม่มีที่ไหนในเกนโซเคียวที่ฤดูใบไม้ผลิ
กำลังจะเริ่ม เธอก็จะไม่หยุดบิน ลิลลี่ไวท์นับว่าเป็นตัวละคร นิสัยดีอีกตัวหนึ่ง เพราะแม้ว่านั่นจะ
เป็นความสามารถของเธอแต่ก็ไม่มีความจำเป็นขนาดที่จะต้องบินไปประกาศแบบนั้น และผู้คน
ก็ไม่ได้สนใจการบินประกาศของเธอเท่าใดนัก นอกจากนี้ ลิลลี่ยังเป็นแฟรี่ที่มักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ
สมกับที่เป็นภูติฤดูใบไม้ผลิ
Lunasa Prismriver(Boss Stage 4)
ชื่อไทย : ลูนาซ่า ปริซึมริเวอร์
ชื่ออังกฤษ : Lunasa Prismriver
ชื่อญี่ปุ่น : ルナサ プリズムリバー
ฉายา : Violinist วิญญาณหลอน(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยูวเรย์(ผี)
ความสามารถ : บรรเลงดนตรีโดยไม่ต้องใช้มือ
พี่ใหญ่แห่งวงดนตรีปริซึมริเวอร์
ลูนาซ่ามีนิสัยตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
เธอถูกเปรียบว่าเป็นพวกนักเรียนดีเด่นที่ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมไปหมด
แต่ก็เป็นพวกที่โดนหลอกง่ายเช่นกัน
เสียงที่เธอเปล่งออกมามีผลทำให้จิตใจสงบแต่ถ้าฟังมากเกินไปจะเกิดอาการเศร้าหมองแทน
Merlin Prismriver(Boss Stage 4)
ชื่อไทย : เมแลง ปริซึมริเวอร์
ชื่ออังกฤษ : Merlin Prismriver
ชื่อญี่ปุ่น : メルラン プリズムリバー
ฉายา : Trumpeter วิญญาณหลอน(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยูวเรย์(ผี)
ความสามารถ : บรรเลงดนตรีโดยไม่ต้องใช้มือ
พี่รองแห่งวงดนตรีปริซึมริเวอร์
เธอมีนิสัยร่าเริงและมีพลังเวทสูงสุดในหมู่สามพี่น้อง
เธอโดนล้อกันว่าเป็นพวกชอบทำอะไรแผลงๆ
มาจากบั๊กเกมตอนที่พวกเธอใช้ท่าประสานบางครั้งจะเกิดบั๊กทำให้เธอเคลื่อนไหวผิดจากที่ควร
เสียงที่เธอเปล่งออกมมีผลทำให้อารมณ์พุ่งพล่าน
แต่ถ้าฟังมากเกินไปจะเต้นรำทำเพลงออกมาอย่างกะทันหันจนไม่สามารถพูดคุยกันตรงๆตามปกติได้
Lyrica Prismriver(Boss Stage 4)
ชื่อไทย : ลิริก้า ปริซึมริเวอร์
ชื่ออังกฤษ : Lyrica Prismriver
ชื่อญี่ปุ่น : リリカ プリズムリバー
ฉายา : Keyboardist วิญญาณหลอน(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยูวเรย์(ผี)
ความสามารถ : บรรเลงดนตรีโดยไม่ต้องใช้มือ
น้องเล็กแห่งวงดนตรีปริซึมริเวอร์
ลิริก้านั้นถนัดเครืองดนตรีทุกประเภทแต่ปกติเธอจะเล่นพวกเครื่องดีดหรือเครื่องเคาะเป็นหลัก
เธอมีนิสัยฉลาดแกมโกง เธอมักจะยุพวกพี่สาวให้สู้แทนตัวเอง
เสียงที่เธอเปล่งออกมาเป็นเสียงมายาที่ไม่สามารถจัดเข้าพวกกับเสียงใดๆได้
และไม่เกิดผลกระทบกับผู้ฟังต่างจากเสียงของอีกสองคน
Konpaku Youmu(Boss Stage 5)
ชื่อไทย : คอนปาคุ โยวมุ
ชื่ออังกฤษ : Konpaku Youmu
ชื่อญี่ปุ่น : 魂魄 妖夢
ฉายา : คนสวนครึ่งคนครึ่งผี
เผ่าพันธุ์ : ครึ่งคน ครึ่งผี
ความสามารถ : ใช้วิชาดาบ
ยูวเรย์มีรูปร่างไม่แน่นอน จึงมีน้อยคนนักที่สามารถจะแยกแยะยูวเรย์บริสุทธิ์แต่ละตัวได้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน
ตระ:Xลคอนปาคุ เป็นตระ:Xลลูกครึ่งระหว่างมนุษย์กับยูวเรย์ มิใช่ยูวเรย์บริสุทธิ์
ไม่มีจุดที่แตกต่างกับมนุษย์ในแง่ของรูปร่าง
แนวคิดก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เป็นพิเศษ แต่ว่ากันว่ามีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกตินิดหน่อย
อายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์อย่างมาก เชื่อกันว่าเป็นเพราะร่างครึ่งหนึ่งเป็นยูวเรย์ที่ไม่มีอายุขัยจำกัดนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมียูวเรย์ขนาดใหญ่คอยติดตามร่างมนุษย์อยู่เสมอ
ยูวเรย์ดวงนี้เป็นลักษณะเด่นของครึ่งคนครึ่งผี และเป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้แยกแยะความแตกต่างจากมนุษย์ธรรมดา
ยูวเรย์ขนาดใหญ่นี้เคลื่อนไหวตามเจตนาของครึ่งคนครึ่งผี
และต่างจากยูวเรย์ธรรมดาตรงที่อุณหภูมิร่างกายไม่เย็นมากนัก
โยวมุอาศัยอยู่ในตำหนักหยกขาว ซึ่งตั้งอยู่ในโลกวิญญาณ โดยทำงานเป็นคนสวนและผู้ชี้แนะวิชาดาบ แต่ช่วงหลังมานี้ก็พบเห็นเธอในโลกนี้ ได้บ่อยๆ
มีการคาดเดากันไปต่างๆนานาเกี่ยวกับสาเหตุที่เขตแดนอ่อนแอลง แต่สาเหตุที่แท้จริงก็คือ ความอารมณ์แปรปรวนของโยวไคผู้ควบคุมอาณาเขต (ยูคาริ อู้)
Saigyouzi Yuyuko(Boss Final Stage)
ชื่อไทย : ไซเกียวจิ ยูยูโกะ
ชื่ออังกฤษ : Saigyouzi Yuyuko
ชื่อญี่ปุ่น : 西行寺 幽々子
ฉายา : วิญญาณฝันกลางวัน(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โบวเรย์(วิญญาณ)
ความสามารถ : ควบคุมความตาย
ไซเงียวจิ ยูยูโกะ เจ้าหญิงแห่งโลกวิญญาณ ผู้มีความสามารถในการควบคุม
ความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ประวัติของเธอหากจะกล่าวถึง เรื่องก็ย้อนกลับ
ไปยังอดีตกาล โดยกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกวีสาวผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์
อันล้ำเลิศอาศัยอยู่ในเกนโซเกียว เธอเป็นคนที่รักธรรมชาติอย่างมากและมักจะ
ใช้ชีวิตอยู่กับการเดินทางไปใหนมาใหนอยู่ที่เกนโซเกียว และเธอยังมีเพื่อนสนิท
อยู่คนหนึ่งซึ่งก็คือยาคุโมะ ยูคาริ โยว์ไคผู้สิ่งสู่ในเส้นเขตแดนนั่นเอง แต่สิ่งที่
ตัวเธอนั้นไม่พึงปรารถนาและหวาดกลัวมันมาตลอด ก็คือความสามารถในการ
"ควบคุมความตาย" ซึ่งนับวันมันก็เริ่มมีพลังแข็งกล้าขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกับขั้นชักจูง
ให้คนสามารถตายได้ เธอกลัวว่ามันจะไปควบคุมผู้อื่นให้พากันฆ่าตัวตายจึงคิด
จะทำการผนึกมันด้วยความตายของตนเสียเอง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอซึ่ง
ยังคงเป็นมนุษย์อยู่ได้ไปพบกับยูคาริ เพื่อขอให้ยูคาริช่วยเป็นเพื่อนกับเธอแม้ว่า
จะกลายเป็นดวงวิญญาณไปแล้วก็ตาม และกล่าวขอโทษในสิ่งที่ตนได้กระทำลง
ซึ่งยูคาริก็ได้รักษาสัญญานี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบันในฐานะ "เพื่อน" และจะเป็น
เช่นนั้นไปตลอดกาล... กวีสาวได้เลือกสถานที่ฆ่าตัวตายที่ตนชอบ เป็นต้นซากุระ
ขนาดใหญ่ซึ่งนับว่างามที่สุดตั้งตระหง่านอยู่ในสวนตำหนักหยกขาวในโลกวิญญาณ
และแล้วเธอก็ได้ฆ่าตัวตายลงตรงใต้ต้นซากุระใหญ่ต้นนั้น ซึ่งภายในเวลาต่อมา
ต้นซากุระต้นนั้นก็ได้เบ่งบานอย่างงดงามหาต้นใดเทียบได้ และได้ชักจูงเหล่าผู้คน
จำนวนมากที่คิดจะฆ่าตัวตายเช่นเดียวกันพามากันตายอย่างสงบ ณ ตรงที่แห่งนั้น
จนมันถูกขนานนามว่า "ไซเงียวอายาคาชิ(ภูติท่องตะวันตก)" และต่อมามันก็สะสม
พลังจนพัฒนากลายเป็นโยว์ไคไปในที่สุด อีกทั้งมันยังได้รับความสามารถมาจาก
กวีสาวผู้นั้นก็คือ "ควบคุมความตาย" อีกด้วย ทำให้แม้แต่คนธรรมดาก็ถูกชักจูงมา
สู่ความตาย จนกระทั่งได้มีคนมาฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ และแล้วในที่สุด
ก็ได้มีผู้แกร่งกล้ามากำหราบไซเงียวอายาคาชิและทำการปิดผนึกมันไว้โดยใช้ร่าง
ของกวีสาวผู้นั้นเป็นร่างผนึก ทำให้ไซเงียวอายาคาชินั้นอ่อนโรยจนแห้งเฉาตายไป
และไม่กลับมาเบ่งบานอีกเลย หลังจากนั้นอีกทางด้านหนึ่ง ก็มีหญิงสาวได้ตื่นขึ้นมา
จากการหลับไหลอันยาวนาน เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าเธอจำอะไรไม่ได้เลย รู้เพียงแต่ว่าใน
ขณะนี้เธออยู่ในสถานที่ๆเรียกว่า "ตำหนักหยกขาว" ซึ่งตั้งอยู่ในภพที่เรียกว่าเมย์ไค
และเธอก็เป็นวิญญาณเพียงดวงเดียวที่มีร่างเนื้อ จึงทำให้เธอได้กลายเป็นเจ้าหญิง
แห่งโลกวิญญาณไปโดยปริยาย ในนามของ "ไซเงียวจิ ยูยูโกะ" และแล้วเวลาก็ได้
ล่วงเลย จนมาถึง 1000 ปีต่อมา ณ วันหนึ่งยูยูโกะได้เกิดความสงสัยว่า ทำไมซากุระ
ต้นใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านเด่นอยู่กลางสวนนั้นจึงไม่ผลิบานเสียที ไม่ว่าจะผ่านพ้นช่วง
ฤดูใบไม้ผลิไปซักกี่รอบก็ยังคงเป็นเช่นนั้นมาตลอด ยูยูโกะจึงได้เข้าไปค้นหาตำรา
และบันทึกเก่าๆในหอสมุดประจำตำหนักหยกขาวที่ตัวเธอมักจะเข้าไปใช้เป็นประจำ
จนไปพบกับบันทึกเล่มหนึ่งเข้าอันมีเนื้อความได้ว่ามีวิญญาณของหญิงสาวผู้หนึ่ง
ได้ผนึกไซเงียวอายาคาชิไว้ และหากปลดผนึกออกมาจะทำให้ไซเงียวอายาคาชิ
กลับมาผลิบานได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งยังคืนชีวิตกลับคืนให้แก่หญิงสาวคนนั้นอีกด้วย
โดยปกติแล้ว สรรพสิ่งที่อยู่ในโลกแห่งวิญญาณนั้นเกือบทั้งหมดเป็นร่างวิญญาณ
ดังนั้นเธอจึงเกิดความสงสัยและความสนใจต่อซากศพที่ถูกฝังไว้ให้นอนหลับไหล
อยู่ใต้ไซเงียวอายาคาชิ ด้วยเหตุฉะนี้เอง ยูยูโกะจึงมีความคิดที่ว่าจะปลดปล่อย
ผนึกนั้นออกมา ซึ่งสำหรับยูยูโกะนั้นตามปกติแล้ว ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย
นอกจากเชิญชวนผู้คนหรือไม่ก็โยว์ไคมาสู่ความตายอันเป็นการจุดจบสิ้นแห่งชีวิต
จึงกล่าวได้ว่า ตัวเธอที่เป็นเช่นนั้นกำลังพยายามจะคืนชีพให้กับคนตายเป็นครั้งแรก
ยูยูโกะได้สั่งใหคอนปาคุ โยว์มุ คนดูแลสวนประจำตำหนักอีกทั้งยังเป็นผู้รับใช้คนสนิท
ให้ทำการรวบรวมฤดูใบไม้ผลิเอาไว้ให้มากที่สุดทั้งจากโลกวิญญาณเองและเกนโซเกียว
ก็ด้วย โดยรูปร่างของฤดูใบไม้ผลินั้นจะเป็นเหมือนกลีบดอกซากุระนั่นเอง จนกระทั่ง
เธอรวบรวมมาได้ระดับหนึ่ง ทำให้ต้นซากุระต้นอื่นๆต่างก็ผลิบานสะพรั่งอย่างงดงาม
ส่วนไซเงียวอายาคาชิก็เริ่มผลิดอกออกมาบ้างแล้ว แม้จะเล็กน้อยก็ตาม แต่นั่นกลับทำให้
เกนโซเกียวประสบปัญหาขาดฤดูใบไม้ผลิไป แม้จะเข้าเวลาล่วงเลยแล้วก็ยังคงเป็น
ฤดูหนาวอยู่ แผนการที่กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น ในที่สุดก็ถูกขัดขวางโดยเหล่า
สาวน้อยชาวมนุษย์ทั้ง 3 คน ที่ต้องการจะช่วงชิงเอาฤดูใบไม้ผลิกลับคืนสู่เกนโซเกียว
ยูยูโกะได้ต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อทำสิ่งที่ต้องการให้บรรลุผล แล้วก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด
พร้อมกับหมดสติลง ส่งผลให้ผนึกถูกทำลายออก และวิญญาณของกวีสาวที่ถูกผนึกก็ไ
ด้รับการปลดปล่อยออกมา แต่หญิงสาวคนนั้นกลับเป็นยูยูโกะเสียเอง เรื่องราวต่างๆ
ในบันทึก ทั้งเรื่องที่ว่าหญิงสาวผู้จากไป ทั้งเรื่องกวีสาวที่ถูกผนึก ซึ่งมันก็คือเรื่องราว
ความเป็นมาของยูยูโกะเองทั้งสิ้น รวมถึงการที่เธอไม่ได้ไปเกิดใหม่ ทั้งการที่ไม่ได้หาย
สาบสูญไป และทั้งการที่ได้อาศัยในตำหนักหยกขาว ก็เป็นผลมาจากการมีอยู่ของร่าง
ผนึกแห่งไซเงียวอายาคาชินั่นเอง ซึ่งถ้าเกิดไปคลายผนึกอันนี้ออก เวลาที่หยุดนิ่งอยู่นั้น
ก็จะไม่ถูกหยุดจะกลายเป็นเริ่มไหลเวียนแทน ซึ่งนั่นจะเป็นการประสบกับความตายของ
ยูยูโกะอีกครั้ง และแล้วผนึกก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ไซเงียวอายาคาชิก็กลับมาสงบลง
ดังเดิม ยูยูโกะตื่นขึ้นมาอีกครั้งและจำอะไรไม่ได้เลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อได้ลองถามพวก
เรย์มุที่ได้ประสบกับเรื่องนี้กับตา ก็ไม่มีใครยอมบอกสักคน แม้กระทั่งโยว์มุผู้เป็นคนสนิท
ก็ไม่ได้บอกด้วยเช่นกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หากจะหาบุคคลผู้รู้เรื่องราวทั้งหมดนั้นก็คงมีอยู่
เพียงคนเดียวนั่นคือคอนปาคุ โยว์กิ ผู้เป็นทั้งบิดาและอาจารย์ของโยว์มุ และเป็นผู้ดูแล
คนก่อนของยูยูโกะ ซึ่งได้แยกตัวออกไปอยู่อย่างสันโดษที่ใหนสักแห่งโดยที่ไม่มีใครรู้
ยูยูโกะเป็นตัวละครที่มักจะอารมณ์ดีและยิ้มแย้มอยู่เสมอ เธอเป็นผีที่ตะกละมาก จนเรียก
ได้ว่าเธอคงจะไม่รู้จักคำว่าอิ่มด้วยซ้ำ มีความไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ และชอบแกล้งหรือ
หยอกล้อเหย้าแหย่โยว์มุเป็นบ่อยครั้งเมื่อมีโอกาส สร้างความลำบากและเหนื่อยใจให้แก่
ตัวโยว์มุยิ่งนัก อีกทั้งสิ่งที่ยูยูโกะชื่นชอบนั้นก็คือ การชื่นชมต้นซากุระเบ่งบานในยามฤดู
ใบไม้ผลินั่นเอง สุดท้าย ไม่ว่าจะผ่านไปนานเพียงใด ยูยูโกะก็จะใช้ชีวิตเป็นองค์หญิงของ
โลกวิญญาณและเป็นคุณหนูของตระ:Xลไซเงียวจิผู้มีร่างดับสูญไปแล้วตลอดกาล เรื่องที่ว่า
ยูยูโกะจะได้ดูไซเงียวอายาคาชิผลิบานอีกครั้งนั้น จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีก...
Yakumo Ran(Boss Stage Extra)
ชื่อไทย : ยาคุโมะ รัน
ชื่ออังกฤษ : Yakumo Ran
ชื่อญี่ปุ่น : 八雲 藍
ฉายา : เก้าหางจอมวางแผน(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยวจูว
ความสามารถ : เวทย์ดำและควบคุมภูติรับใช้
ยาคุโมะ รัน จิ้งจอกเก้าหางผู้เป็นภูติรับใช้ของยาคุโมะ ยูคาริ เนื่องจากว่ายูคาริ
เจ้านายของเธอจะหลับพักผ่อนเป็นเวลานานถึง 12 ชั่วโมงต่อวัน และจะตื่นขึ้น
มาช่วงตอนหัวค่ำเท่านั้น แถมยังหลับจำศีลในช่วงฤดูหนาวอีก ด้วยเหตุนั้น รันจึง
จำต้องช่วยดูแลบ้านช่องกับทำงานบ้านต่างๆใน ช่วงที่ยูคาริหลับอยู่ด้วย สำหรับ
ตัวรันเองนั้นเป็นภูติรับใช้มานานมากแล้วเท่าที่จำความได้ โดยตัวเธอนั้นมีพลัง
แข็งแกร่งกว่าโยว์ไคธรรมดาๆหลายเท่าตัว และเพียงพอที่จะมีภูติรับใช้เป็นของ
ตัวเองเสียอีกซึ่งก็คือเชน โดยทั้งคู่สนิทกันมากกว่าที่จะเป็นเจ้านายกับภูติรับใช้
เสียอีก ดูแล้วเหมือนพี่น้องยังไงยังงั้น แถมบางทีรันอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าเธอ
เองก็เป็นภูติรับใช้เหมือนกัน และในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกๆปี พวกยูคาริจะได้
รับเชิญจากยูยูโกะให้ร่วมงานชมดอกซากุระในเมย์ไคอีกด้วย ซึ่งจากเหตุการณ์
ในปีหนึ่ง รันได้สังเกตุเห็นมนุษย์มีชีวิตทั้ง 3 คนบุกรุกเข้าไปในโลกวิญญาณ
จึงคอยสังเกตุดูเหตุการณ์ต่อไปสักระยะ จนหลังจากนั้นเธอก็ได้ปะทะกับมนุษย์
พวกนั้นด้วยและแพ้พ่ายไปในที่สุด ที่จริงแล้วนั้น รันเองก็เป็นจิ้งจอกที่กลายเป็น
โยว์ไคเช่นเดียวกับเชนที่มาจากแมว โดยรูปร่างจะเหมือนมนุษย์ทั่วไป ยกเว้นหู
กับหางจิ้งจอกทั้งเก้าโผล่ขึ้นมา และยังไม่เคยกลับร่างเป็นจิ้งจอกให้เห็น โดยตัว
รันเองก็เป็นโยว์ไคตนหนึ่งที่แข็งแกร่งมาก เนื่องจากอายุที่มากมายเกิน 1000 ปี
จึงสามารถต่อสู้ได้เพียงลำพังโดยไม่จำเป็นต้องมียูคาริคอยส่งพลังให้เหมือนกับ
ภูติรับใช้ทั่วไป รันมีนิสัยดูเป็นผู้ใหญ่ สวยสง่า และสุภาพเรียบร้อย เป็นคนที่เก่ง
และทำงานได้สารพัด ทั้งงานบ้านการศึกเธอทำมาหมดแล้ว เป็นคนที่พึ่งพาได้
และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่เป็นอันมากอีกด้วย
เรื่องที่เธอโดนล้อในโดจินบ่อยๆคือเรื่องที่เธอโอ๋เชนเหมือนลูก ไม่ก็เห็นเชนโมเอะเกินจนเลือดกำเดาไหลอยู่บ่อยๆ
Yakumo Yukari(Boss Stage Phantasm)
ชื่อไทย : ยาคุโมะ ยูคาริ
ชื่ออังกฤษ : Yakumo Yukari
ชื่อญี่ปุ่น : 八雲 紫
ฉายา : โยวไคแห่งอาณาเขต(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยวไค
ความสามารถ : ควบคุมอาณาเขต
ยาคุโมะ ยูคาริ โยว์ไคแห่งเขตแดนผู้มีความสามารถในการควบคุมเขตแดน เธอมีอายุยาวนานมา
ตั้งแต่เกนโซเกียวถือกำเนิดขึ้นมาก็ว่าได้ เธอจึงเป็นโยว์ไคตนหนึ่งที่รักเกนโซเกียวยิ่งกว่าใครๆ
เลยทีเดียว และเฝ้าคอยดูแลเกนโซเกียวนับตั้งแต่นั้นมา ตัวเธอกับยูยูโกะรู้จักกันมานานแล้ว
ตั้งแต่สมัยที่ยูยูโกะยังคงเป็นมนุษย์อยู่ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันทุกอย่างจะเปลี่ยนไปมาก แม้กระทั่ง
ยูยูโกะเองด้วย แต่เธอก็ยังคอยแวะเวียนไปเยี่ยมหายูยูโกะตลอดมิขาดและทั้งคู่ต่างก็สนิทสนม
กันอีกด้วย เพื่อเป็นการรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เมื่อใดที่มีมนุษย์จาก
โลกภายนอกหลงเข้ามาในเกนโซเกียว จึงเป็นหน้าที่ของยูคาริเช่นกันที่จะส่งแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
กลับออกไป โดยใช้ความสามารถควบคุมเขตแดนของเธอ ซึ่งมักจะได้เห็นเธอใช้ความสามารถนี้
ในการเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หรือเรียกและขนย้ายสิ่งของไปมา รวมทั้งยังสามารถใช้
ในการทำลายและสร้างเขตแดนต่างๆอีกด้วย โดยปกตินั้นเธอจะมีรอยแยกมิติประจำตัวไว้ใช้เป็น
ประจำ ซึ่งสังเกตุได้จากโบว์ทั้งสองข้างที่ยูคาริผูกไว้ให้ตรงปลาย เธอมักจะใช้รอยแยกมิตินี้ในการ
ออกเดินทางและการนั่ง-นอน โดยใช้ขอบของรอยแยกเป็นจุดรับน้ำหนักของตัวเองไว้ ยูคาริมีนิสัย
ออกจะแปลกๆ โดยที่เธอนั้นเป็นคนที่ขี้เกียจ แถมยังขี้เซานอนยาวเป็นเวลาถึงครึ่งวันเลยทีเดียว
ในขณะที่อีกด้านนั้น เธอ่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นพี่สาวคนหนึ่งด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เธอยังมี
ภูติรับใช้ของตัวเองซึ่งก็คือรัน โดยงานต่างๆ ทั้งงานบ้านและกิจธุระอื่นๆ เธอก็จะฝากให้รันจัดการ
ทำให้หมดทุกอย่าง แล้วตัวเองก็หลับพักผ่อนอย่างสบายใจต่อไป เสื้อผ้าของยูคาริเท่าที่สังเกตเห็น
จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชุดด้วยกัน คือ ชุดแบบตะวันตกที่ใส่ในตอนที่เจอกับเรย์มุครั้งแรก ซึ่งดูดีมาก
และชุดตะวันออกที่เรามักจะได้เห็นเป็นประจำ ซึ่งก็เป็นชุดประจำตัวที่เธอมักใส่ออกมาเที่ยวเล่น
ในเกนโซเกียวนั่นเอง
ยูคาริเป็นผู้รอบรู้เรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเกนโซเกียว รวมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้วย
ซึ่งตลอดชีวิตของเธอนั้นได้แต่คอยเฝ้าสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆของเกนโซเกียว
ตราบมาจนถึงปัจจุบัน และจะเป็นอยู่อย่างนั้นตลอดไปจนกว่าชีวิตของเธอจะดับสิ้นไป
เธอเป็นหนึ่งในตัวละครที่ถูกเขียนถึงในโดจินและแฟนอาร์ทบ่อยที่สุด
เรื่องที่เธอโดนล้อบ่อยมากที่สุดคงไม่พ้นเรื่องที่เป็นโยวไคสูงอายุ ปัจจุบันเธอถูกจัดอยู่ในกลุ่ม
"สามป้ามหาภัยแห่งเก็นโซเกียว" (อีกสองคนคือเอย์รินจากภาคแปดและคานาโกะจากภาคสิบ)
อีกเรื่องที่โดนล้อบ่อยคือให้เธอเป็นโยวไคอภิมหาขี้เกียจจากการที่เธอใช้เวลานอนถึงสามในสี่ส่วนของวัน
แถมยังจำศีลในฤดูหนาวอีกต่างหาก
[Touhou 7.5 東方萃夢想 ~ Immaterial and Missing Power]
Ibuki Suika
ชื่อไทย : อิบุคิ ซุยกะ
ชื่ออังกฤษ : Ibuki Suika
ชื่อญี่ปุ่น : 伊吹 萃香
ฉายา : ความฝัน, มายา, และร้อยอสูรท่องราตรีที่มารวมตัวกัน(7.5),ร้อยอสูรท่องราตรีตัวน้อย(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยักษ์
ความสามารถ : ควบคุมความหนาแน่น
อิบุกิ ซุยกะ ยักษ์เพียงตนเดียวในเกนโซเกียว ถึงแม้จะไม่มีการระบุว่าในเกนโซเกียวนั้น
มียักษ์อยู่ก็ตาม ซุยกะเป็นเด็กที่มีนิสัยดี ร่าเริงแจ่มใส ซุกซน ชอบความปรองดองสามัคคี
และรักความยุติธรรม เมื่อมีปัญหาเธอก็จะเข้าไปยุติข้อขัดแย้งนั้นๆ ไม่ชอบการมีเรื่อง
แต่หากถูกหาเรื่อง เธอก็พร้อมที่จะโต้ตอบเอาคืนเช่นกัน อีกทั้งยังชอบการเลี้ยงฉลอง
และดื่มเหล้าเหมือนนิสัยของยักษ์ทั่วๆไป และเพราะความเป็นยักษ์ ซุยกะจึงมีพละกำลัง
ความเร็วกับพลังเวทย์มากมายมหาศาล เธอมีเครื่องประดับรูปทรงต่างๆอยู่ 3 อย่างด้วยกัน
อันได้แก่ ทรงกลม(ข้อมือซ้าย) ทรงปิรามิด(ข้อมือขวา) และทรงลูกบาศก์(ผม) นอกจากนี้
ยังมี "น้ำเต้าอิบุกิ" สมบัติของเผ่ายักษ์ ซึ่งมีความสามารถในการดึงเอาสิ่งของจากมิติหรือ
โลกอื่นมาอยู่ที่น้ำเต้าได้ โดยที่ก้นน้ำเต้าจะมีประตูที่เชื่อมต่อกับมิติอื่นอยู่ โดยของที่ซุยกะ
มักจะดึงมาเป็นประจำก็คือเหล้าซึ่งเป็นของโปรดของเธอนั่นเอง และยังสามารถดึงพลังมา
เสริมให้แก่ซุยกะได้อีกด้วย
ส่วนความสามารถของซุยกะนั้นก็คือ "ควบคุมความหนาแน่น" โดยความสามารถนี้
จะมีเงื่อนไขที่จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อได้กำหนดขอบเขตกับสิ่งที่จะใช้ควบคุมความหนาแน่น
เสียก่อน และสิ่งนั้นจะต้องไม่มีพลังต้านทานอีกด้วย ซึ่งเป็นไปได้หลายต่อหลายอย่าง
อย่างการย่อร่าง(เพิ่มความหนาแน่น) ขยายร่าง(ลดความหนาแน่น) แปลงกายเป็นหมอก
(ลดความหนาแน่น) หรือสร้างหลุมดำจำลองในอากาศ (เพิ่มความหนาแน่น) ซึ่งความ
สามารถนี้ทำให้ซุยกะได้ก่อเรื่องราววุ่นวายขึ้น ซึ่งนั่นก็คือการควบคุมความหนาแน่น
ของประชากร โดยซุยกะได้ลดความหนาแน่นของร่างกายตนเองลงจนกลายเป็นหมอก
ปกคลุมไปทั่วเกนโซเกียว พร้อมกับใช้พลังในการควบคุมความหนาแน่นของประชากรอีก
ทำให้ผู้คนล้วนหันหน้าเข้าหากันแล้วจัดงานฉลองขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะดึงเหล่า
พรรคพวกยักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ให้ออกมาและรวบรวมพลพรรคชาวยักษ์อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับ
เพื่อฟื้นสัมพันธ์กับพวกมนุษย์ โดยการใช้งานเลี้ยงเป็นตัวสานสัมพันธ์กัน ที่มาของซุยกะ
ที่ว่ามาเกนโซเกียวได้อย่างไรนั้น จากปากคำของมิโกะรุ่นที่13 ฮาคุเรย์ เรย์มุได้กล่าวไว้ว่า
เกนโซเกียวไม่มียักษ์แล้ว และ้พวกยักษ์ทั้งหลายก็ได้ออกไปจากที่นี่หมดแล้วด้วย ทำให้เรา
ได้ทราบว่าเผ่ายักษ์อาจจะออกไปจากที่นี่หมดแล้ว สร้างความปลงใจให้แก่ซุยกะ แต่เธอ
ก็หวังที่จะได้จัดงานฉลองขึ้นมาอีกครั้ง โดยหวังนิดๆว่าสักวันหนึ่งจะมีเพื่อนยักษ์ของเธอ
กลับมาหาอีกครั้งหนึ่ง
[Touhou 8 東方永夜抄 ~ Imperishable Night]
Wriggle Nightbug
ชื่อไทย : ริกเกิล ไนท์บั๊ก
ชื่ออังกฤษ : Wriggle Nightbug
ชื่อญี่ปุ่น : リグル・ナイトバグ
ฉายา : แมลงแห่งแสงผู้ไต่ตอมความมืด(8) , แมลงแห่งแสงผู้ไต่ตอมความมืด(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคแมลง(หิ่งห้อย)
ความสามารถ : ควบคุมแมลง
ริกเกิล ไนท์บั๊ก โยว์ไคแมลงหิ่งห้อยซึ่งเป็นผู้มีความสามารถในการควบคุมเหล่าแมลงอื่นๆ
ได้ทั้งมวล หรือทั้งโลกก็ว่าได้ๆได้ดั่งใจของตนเองซึ่งคำสั่งที่เธอออกไปนั้น เหล่าแมลงก็
จะยอมทำตามเธอทุกอย่าง เหมือนถูกเชิดใช้ราวกับเป็นผู้ซื่อสัตย์ แม้แต่จะต้องตายเพื่อ
เธอก็ตาม และจะน่ากลัวยิ่งขึ้นหากว่าเธอใช้ความสามารถนี้อย่างจริงจัง เพราะแมลงมีพิษนั้น
เธอก็สามารถควบคุมมันได้เช่นกันลักษณะนิสัยของริกเกิลนั้นดูเป็นเด็กเหมือนกับลักษณะ
คาแร็คเตอร์ภายนอกที่เป็นเด็ก แต่ก็มีความคิดอ่านอยู่พอสมควร รู้จักเรียนรู้และยอมรับ
อีกทั้งยังรู้จักการวางแผนการอย่างมีจุดหมาย ตามปกติเธอจะเป็นโยว์ไคที่เรียบร้อยดีอยู่
แต่หากโกรธเมื่อไหร่ก็จะโจมตีใส่คนๆนั้นทันที และสิ่งที่ทำให้เธอโกรธได้ก็มีเพียงการ
ดูถูกและดูผิด(ต่างไปจากที่เธอเป็นหิ่งห้อย)นั่นเอง ถึงแม้ว่าการแต่งตัวของเธอจะทำให้
เธอมีลักษณะคล้ายกับเด็กผู้ชายห้าวๆก็ตาม แต่เธอก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่สามารถทำตัว
น่ารักน่าทนุถนอมผิดกับภายนอกมากเลยทีเดียว โยว์ไคอย่างริกเกิลตนนี้เป็นที่รู้สึกไม่ดี
ต่อชาวบ้านไม่น้อย เนื่องจากเธอจะชอบมาพร้อมกับเหล่าแมลงฝูงใหญ่ ซึ่งสร้างความ
น่าหวาดผวาเป็นยิ่งนัก และแม้โยว์ไคตนนี้จะเป็นโยว์ไคแมลง แต่นอกจากหนวดแมลง
ที่งอกอยู่บนหัวแล้ว อย่างอื่นก็คล้ายคลึงไปกับมนุษย์ไปเสียทุกอย่างเลยทีเดียว อาจจะ
เพราะว่าหิ่งห้อยนั้นเป็นแมลงที่สวยงามและพิศวง ทำให้มนุษย์มีความรู้สึกไม่อยากจะ
ทำลายมันทิ้ง จึงเป็นเหตุให้หิ่งห้อยที่มีอายุมากสามารถเติบโตเป็นโยว์ไคได้ไปในที่สุด
รวมถึงริกเกิลด้วย
Mystia Lorelei
ชื่อไทย : มิสเทีย โลเรไล
ชื่ออังกฤษ : Mystia Lorelei
ชื่อญี่ปุ่น : ミスティア・ローレライ
ฉายา : ภูตนกกระจอกราตรี(8) , ภูตนกกระจอกราตรี(9) , โยวไคนกกระจอกราตรี(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคนกกระจอกราตรี
ความสามารถ : ทำให้ผู้คนสับสนงงงวยด้วยเสียงเพลง
มิสเทีย โลเรไล นกกระจอกราตรีผู้มีอารมณ์ดีและมักจะร้องเพลงอยู่เสมอ แถมยังร้องอยู่ตลอดเวลา
จนน่าจะเรียกได้ว่านอกจากเธอจะร้องเพลงแล้ว ยังทำอย่างอื่นเป็นหรือเปล่า แต่ทว่าเธอนั้นก็เป็นคน
ที่มีความเฉลียวฉลาดทางด้านการค้าชนิดจับตัวได้ยาก ทั้งยังมีลูกเล่นทางการค้าแพรวพราวอีกด้วย
ซึ่งเธอได้เปิดกิจการร้านแผงลอยปลาไหลย่างนั่นเอง โดยได้เลือกทำเลที่มีประโยชน์ต่อการค้ามาก
เป็นถนนที่ไม่ค่อยมีคนสัญจร แต่ด้วยคุณสมบัติของปลาไหลยัทสึเมะนั้นมีคุณสมบัติสามารถรักษา
โรคตาบอดกลางคืนได้ และคนที่จะเดินมาตามถนนเส้นนี้ในยามราตรีก็มักจะเป็นพวกที่เป็นโรคตา
บอดกลางคืนเสียด้วย จึงกลายเป็นของขายดีไปในทันตา ส่วนทางด้านเพลงของเธอเอง หากได้ลอง
ฟังเนื้อดูก็จะรู้สึกได้เลยว่ามันแปลกประหลาดจนน่าใจหายจนไม่รู้จะเรียกว่าเป็นเพลงได้หรือเปล่า
นอกจากนี้เธอก็ไม่อาจอ่านหนังสือออกและเรียนไม่ได้เรื่องอีกด้วย เรียกว่านอกจากพรสวรรค์ทาง
ด้านการค้าขายแล้ว เธอแทบจะไม่ได้เรื่องเกือบซะทุกด้านเลย ความสามารถของมิสเทียคือการทำให้
ผู้คนสับสนงงงวยด้วยเสียงเพลง เสียงร้องเพลงของมิสเทียนั้นมีพลังเวทย์แฝงเอาไว้อยู่ มันสามารถ
ทำให้การรับรู้และการตัดสินใจของมนุษย์เกิดการสับสนได้ จึงทำให้หลงทางได้ง่ายๆ และยังสามารถ
ใช้เสียงเพลงเหล่านี้ทำให้ผู้ที่โดนเกิดตาบอดกลางคืนได้อีกด้วย ความสามารถนี้ใช้ได้ทั้งกับมนุษย์
และทั้งโยว์ไคกับโยว์เซย์ เพียงแต่ว่า ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เธอก็ต้องยิ่งร้องให้ดังขึ้นเท่านั้น
แต่เพลงของมิสเทียนั้นเป็นบทเพลงที่โดดเด่นเกินคาด สามารถเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งจนแทบ
นึกไม่ถึงว่าเป็นบทเพลงของโยว์ไค ด้วยเหตุนี้จึงโดนใจคนหนุ่มคนสาว และได้รับความนิยมอย่างมาก
โดยไม่ได้นึกถึงโทษของมันเลย ส่วนสำหรับเหล่าผู้สูงอายุต่างก็เป็นเพลงที่ฟังแล้วน่ารำคาญไปเสียนี่
มิสเทียชอบสถานที่ๆอึกทึกครื้นเครง และมักจะไปเข้าร่วมร้องเพลงที่นั่น อีกทั้งตัวมิสเทียเองยังไม่ถูก
โรคกับมนุษย์เป็นอย่างมาก หากเป็นกับเหล่าผู้ที่ฟังเพลงของเธอหรือเป็นลูกค้าที่มาทำมาค้าขายด้วย
เธอก็จะเฉยๆไว้ก่อนไม่มีอะไร แต่หากไปทำให้เธอโกรธเข้าล่ะก็ เธอจะโจมตีโดยไม่สนใจว่าเป็นใคร
มาจากไหนเลยทีเดียว นอกจากนี้มิสเทียยังเป็นโยว์ไคที่มีความภาคภูมิในตัวเองสูงและหวงถิ่นของ
ตัวเองอย่างมาก โดยเฉพาะเวลามีใครมาร้องเพลงหรือเล่นดนตรีส่งเสียงในอาณาเขตของเธอ จะทำให้
เธอโกรธเคืองมากเลยทีเดียว นอกจากนี้เธอยังเป็นคนที่เกลียดความพ่ายแพ้ คล้ายๆกับมาริสะเสียด้วย
Kamishirasawa Keine
ชื่อไทย : คามิชิราซาวะ เคย์เนะ
ชื่ออังกฤษ : Kamishirasawa Keine
ชื่อญี่ปุ่น : 上白沢 慧音
ฉายา : ครึ่งสัตว์แห่งความรู้และประวัติศาสตร์(8) , ครึ่งสัตว์จอมเขมือบประวัติศาสตร์(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ครึ่งคนครึ่งฮาคุตาคุ(แวร์ฮาคุตาคุ)
ความสามารถ :กลืนกินประวัติศาสตร์(มนุษย์) สร้างสรรค์ประวัติศาสตร์(ฮาคุตาคุ)
คามิชิราซาวะ เคย์เนะ ครึ่งคนครึ่งฮาคุตาคุหรือเรียกว่าแวร์ฮาคุตาคุ เป็นมนุษย์สัตว์ผู้ชาญฉลาด
มากด้วยความรู้ความสามารถ ทั้งนี้การที่เธอเป็นแวร์ฮาคุตาคุนั้น เธอก็ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิดแต่
อย่างใด แต่เหตุที่เธอกลายเป็นเช่นนี้ก็ยังมิอาจที่จะทราบได้ เมื่อใดที่เกิดจันทร์เพ็ญขึ้นยามราตรี
เคย์เนะจะแปลงร่างเป็นฮาคุตาคุโดยพลัน ไม่อาจหักห้ามตนเองได้ โดยนับตั้งแต่โบราณกาลแล้ว
ฮาคุตาคุคือโยว์ไคที่จะปรากฏกายต่อหน้ามหากษัตริย์ผู้ได้ปกครองแผ่นดินโดยธรรมในประเทศนั้น
ซึ่งฮาคุตาคุจะทำหน้าที่คอยแจ้งเตือนหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นแก่ประเทศและคอยชี้นำแนวทางที่
ถูกต้องให้แก่กษัตริย์องค์นั้น นอกจากนี้ ความสามารถของฮาคุตาคุนั้นยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ทาง
ประวัติศาสตร์ที่สวยหรูให้แก่กษัตริย์ได้อีกด้วย โดยความสามารถของเคย์เนะนั้นจะแบ่งออกเป็น
ร่างมนุษย์และร่างฮาคุตาคุ โดยในยามปกติที่เธออยู่ในร่างมนุษย์ ก็จะมีความสามารถในการกลืนกิน
ลบล้าง หรือซ่อนงำประวัติศาสตร์ กล่าวคือสามารถปกปิดประวัติศาสตร์ได้ดั่งใจตน และในยามเมื่อ
อยู่ในร่างฮาคุตาคุเธอสามารถขีดเขียนประวัติศาสตร์ได้ตามใจชอบเช่นกัน หรือจะเรียกว่าสามารถ
สร้างสรรค์ เปลี่ยนแปลง แก้ไขได้ตามใจนึก จะบิดเบือนความจริง กลับผิดเป็นถูก สร้างเรื่องที่ไม่
เคยเกิดขึ้นจริงก็ยังทำได้ ตราบใดที่ยังอยู่ในร่างฮาคุตาคุนี้ ถึงแม้จะเป็นพลังความสามารถที่สุดแสน
ยิ่งใหญ่เช่นนั้น แต่การจะเป็นประวัติศาสตร์ได้ ก็จำเป็นต้องมีใครสักคนทำการบันทึกจดจำมันเอาไว้
ถึงจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ขึ้นมาได้ แม้กระนั้นพลังของตัวเธอนั้นไม่อาจกร้ำกรายพลังที่เรียกว่า
"เกนโซเกียวเอนกิ" ซึ่งถ่ายทอดกันมาในตระ:Xลฮิเอดะได้ เพราะเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ทีเหล่า่
ตระ:Xลฮิเอดะถือครองเอาไว้โดยไม่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของเคย์เนะแม้แต่ประการใดทั้งปวง
หากจะกล่าวถึงลักษณะนิสัยของเคย์เนะแล้ว ก็จะเห็นได้ถึงความเอาจริงเอาจัง เข้มงวดในการงาน
และอ่อนโยนในยามปกติ ในเวลาปกติเธอเป็นคนเรียบร้อย และเป็นมิตรไมตรีกับคนรอบข้างเป็น
อย่างมาก แต่เวลาโกรธก็ดุดันน่าดูชม และการที่เธอได้จัดตั้งโรงเรียนประถมขึ้นมา เพื่อที่จะพร่ำ
สอนวิชาประวัติศาสตร์ให้แก่เด็กๆ ก็ทำให้เธอเปรียบเสมือนครูอาจารย์ผู้แสนเคร่งครัดที่พบเจอได้
ตามโรงเรียนประถมทั่วไป นอกจากนี้เคย์เนะยังรวบรวมและเรียบเรียงประวัติศาสตร์ไว้ในรูปแบบ
หนังสือเป็นจำนวนมากในสถานศึกษาแห่งนั้น เธอรู้สึกว่ามันเป็นงานของเธอที่จะต้องกระทำเช่นนี้
ซึ่งเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับตระ:Xลฮิเอดะอย่างลึกซึ้ง สืบเนื่องจากข้อมูลมหาศาลที่ตระ:Xลฮิเอดะรวบรวม
มายาวนานเกินกว่าพันปีนั้นเป็นประโยชน์ต่อเธอมาก และความฉลาดรอบรู้ของเธอก็มีประโยชน์ต่อ
ชาวบ้านเป็นอย่างมากเช่นกัน ความยุติธรรม เมตตา ให้อภัย น้ำใจ และอื่นๆ ที่ฝ่ายธรรมะพึงมีติดตัว
ไว้นั้น ล้วนมีอยู่ในตัวเธอทั้งสิ้น เมื่ออยู่ในเวลาต่อสู้ เธอก็จะพูดจาตอบโต้กับศัตรูอย่างแข็งกร้าวดุดัน
ราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว ทั้งนี้เมื่อเธอได้อยู่ในร่างฮาคุตาคุแล้ว เธอจะก้าวร้าวขึ้นอีกเล็กน้อย...
แต่กระนั้น แม้เธอจะไม่ใช่มนุษย์เต็มตัว แต่ก็รักมนุษย์เป็นอย่างมาก เธอจึงเป็นมิตรแท้ของมวลมนุษย์
อีกทั้งเธอยังคอยให้ความช่วยเหลือผู้คนเท่าที่ตนจะทำได้ และคอยปกป้องมนุษย์จากเหล่าโยว์ไค
ในเกนโซเกียว แต่ตัวเคย์เนะเองนั้นก็พยายามปกปิดไม่ให้พวกชาวบ้านในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง
ได้รู้ถึงอีกร่างหนึ่งหรือร่างฮาคุตาคุของเธอ เพราะเธอเกรงว่าหากชาวบ้านรู้เข้าก็จะเกิดความหวาดกลัว
และเกลียดชังในตัวเธอ และเพราะความที่เคย์เนะชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั้น เธอจึงได้พบ
และรู้จักกับโมโคว์ และเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด หรือจะเรียกว่าสหายรักกันเลยก็ว่าได้ โดยเคย์เนะ
ได้คอยช่วยเหลือโมโคว์ในเรื่องต่างๆ แม้กระทั่งการล้างแค้นของโมโคว์ด้วย แต่โมโควเองก็ไม่อยาก
ให้เคย์เนะเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้มากนักเช่นกัน ร่วมกับโมโคว์ที่พักอยู่ที่บ้านของเธอเอง รวมทั้งการ
ดูแลเหล่ามนุษย์ในหมู่บ้านอย่างสงบสุข ความสามารถที่เธอมีพึงครอบครองไว้นั้น ก็จะตั้งใจใช้เพื่อ
ผลประโยชน์แด่มวลมนุษย์ทั้งปวง
Inaba Tei
ชื่อไทย : อินาบะ เทอิ
ชื่ออังกฤษ : Inaba Tewi
ชื่อญี่ปุ่น : 因幡 てゐ
ฉายา: กระต่ายเปลือยแห่งโชคลาภ(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคกระต่าย
ความสามารถ : ควบคุมโชคดี
อินาบะ เทอิ กระต่ายบนโลกผู้เป็นหัวหน้าของเหล่ากระต่ายในโรงเตี๊ยมนิรันดร์
เคยเป็นกระต่ายธรรมดามาก่อน แต่เนื่องจากที่เธอคอยดูแลรักษาสุขภาพอย่างดี
มาตลอด จึงมีชีวิตที่ยืนนานจนวิวัฒนาการเป็นโยว์ไคไปในที่สุด และเธอก็ได้รับ
การแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของเหล่ากระต่ายบนโลกทั้งหลาย จากเอย์รินและคางุยะ
ด้วย เนื่องจากตัวเธอมีพลังพิเศษที่มากมายกว่าตัวอื่นนั่นเอง โดยงานหลักของเธอ
จะเป็นการดูแลโรงตี๊ยมนิรันดร์ ทั้งการบริหารงานและคอยขับไล่ผู้บุกรุกจากภายนอก
โดยที่เทอิมีหน้าที่ควบคุมดูแลความเรียบร้อยทั้งหมด รวมไปถึงสวัสดิภาพของเหล่า
กระต่ายด้วย เทอิมีนิสัยขี้แกล้ง เป็นจอมวางกับดักตัวยง จนกลับกลายเป็นกิจวัตรอัน
แสนสนุกสนานของเธอเลยก็ว่าได้ กิจกรรมโปรดของเธอก็คือ การวางกับดักภายใน
โรงเตี๊ยมเพิ่มเติม จากนั้นก็จะใช้ความสามารถของตนในการเสริมดวงให้กับทุกคนใน
โรงเตี๊ยม เพื่อไม่ให้มีใครโดนกับดักของเธอ แต่ถ้ารู้สึกอยากแกล้งใครขึ้นมาก็จะลด
ดวงของคนๆนั้นลง หรือถ้ามีผู้บุกรุกที่ไม่ได้เสริมดวงบุกเข้ามาในโรงเตี๊ยม ก็จะโดน
สารพัดกับดักเหล่านั้นไป โดยเป้าหมายหลักในการแกล้งของเธอก็คือเรย์เซ็นหรือ
อุด้งเกะนั่นเอง แต่กับเอย์รินและคางุยะเธอจะไม่กล้าเข้ายุ่งด้วย และจะคอยรับคำสั่ง
จากนายเหนือหัวทั้งสองอีกทีนึง แต่ส่วนใหญ่แล้วคางุยะจะเรียกใช้อุด้งเกะมากกว่า
หรือไม่ก็เรียกใช้เอย์ริน แล้วเอย์รินจะมาถ่ายทอดงานต่อมาี่เทวิอีกทีนึง นอกจากนี้
เธอยังชอบเอา"กล่องรับบริจาคขนาดจิ๋ว" เดินเร่ร่อนมารีดไถตังค์จากคนที่เจอด้วย
โดยถ้ามีคนให้เงินบริจาคเธอไป เธอจะทำให้คนๆนั้นดวงดีขึ้นตามจำนวนเงินที่ใส่
ลงไป แต่ถ้าไม่ยอมให้ก็จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งเทวิจะทำการลดดวง
ของคนๆนั้นลง จนต้องเจอกับเรื่องแย่ไปตามๆกัน และบางครั้งเทวิมักจะออกไป
ข้างนอกเพื่อเดินเล่นหรือไม่ก็ออกไปสนุกกับกระต่ายตัวอื่นๆ เป็นการออกกำลังกาย
ด้วยไปในตัว โดยไม่บอกกล่าวกับสมาชิกในโรงเตี๊ยมนิรันดร์ก่อนเป็นประจำ
Reisen Udongein Inaba
ชื่อไทย : เรย์เซน อุด้งเกะอิน อินาบะ
ชื่ออังกฤษ : Reisen Udongein Inaba
ชื่อญี่ปุ่น : 鈴仙・優曇華院・イナバ
ฉายา: กระต่ายจันทราแห่งความวิกลจริต (8) , เนตรแดงแห่งความวิกลจริต(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : กระต่ายดวงจันทร์
ความสามารถ : ควบคุมความคลุ้มคลั่งและโทรจิตกับกระต่ายจันทราตัวอื่น
เรย์เซ็น อุด้งเกะอิน อินาบะ กระต่ายดวงจันทร์ผู้มีเนตรแดงคลุ้มคลั่ง เดิมเธอมีชื่อว่า "เรย์เซ็น"
แต่ภายหลังก็ได้เอย์รินกับคางุยะเปลี่ยนชื่อให้จนกลายเป็น"เรย์เซ็น อุด้งเกะอิน อินาบะ" ไปแทน
และได้ใช้นามนี้มาจนถึงปัจจุบัน โดยคำว่าอินาบะ คางุยะเป็นผู้ตั้งให้ แต่ที่จริงแล้วอินาบะเป็นคำ
ที่ใช้เรียกกระต่ายทุกตัวเสียนี่ เพราะฉะนั้นเมื่อเธอคิดจะเรียกอุด้งเกะแล้วก็จะพูดว่าอินาบะออกมา
ซึ่งหมายถึงการเรียกตัวเรย์เซ็นนั่นเอง ส่วนกระต่ายตัวอื่นๆันั้น เธอจะใช้วิธีปรบมือเรียกเอาแทน
โดยกระต่ายตัวที่อยู่ใกล้ๆและเข้ามาหาคางุยะก็จะเป็นตัวที่ถูกใช้งานไป ส่วนคำว่าอุด้งเกะอินนั้น
เป็นชื่อที่เอย์รินมอบให้ มีที่มาจากดอกอุด้งเกะอินซึ่งดอกไม้ชนิดนี้จะมีลักษณะคล้ายกับหูกระต่าย
แต่ปกติเอย์รินจะเรียกย่อๆว่าอุด้งเกะเท่านั้น ซึ่งเรย์เซ็นคิดว่าเอย์รินแกล้งเธอ แต่ที่จริงแล้วเอย์ริน
ก็เรียกไปด้วยความสนิทสนมและเอ็นดูอย่างจริงใจก็เท่านั้น นัยน์ตาสีแดงเป็นตัวบ่งบอกถึงพลัง
ของเธอที่มีพลังมากกว่ากระต่ายบนโลกทั้งหลายที่อยู่ในโรงเตี๊ยมนิรันดร์ และจากการที่เธอได้ฝาก
ตนเป็นลูกศิษย์ของเอย์ริน ทำให้เธอนอกจากมีความรู้ทางด้านยาแล้ว ยังได้เล่าเรียนวิชาต่อสู้ด้วย
โดยวิชาหลักที่เธอใช้ก็คือ "กระสุนจิต" โดยการรวบรวมพลังไว้ที่มือ แล้วยิงออกมาทางปลายนิ้ว
ในรูปของก้อนพลังงานคล้ายกระสุนปืน ในเหตุการณ์ภาค 8 เองนั้น มนุษย์โลกภายใต้การนำของ
"นีล อาร์มสตรอง" ได้บุกรุกเข้าไปที่ดวงจันทร์ พร้อมกับนำธงไปปักบนพื้นไว้ สร้างความไม่พอใจ
แก่ชาวจันทรา และนำกองทัพออกต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถต่อกรกับกองทัพอันแสนญานุภาพของ
มนุษย์ได้ เรย์เซ็นได้หลบหนีออกจากแนวหน้าสงครามเพียงคนเดียวโดยทิ้งเพื่อนพ้องไว้ และได้
เดินทางมาถึงเกนโซเกียว เพื่อนำ:Xน์ไปรายงานแก่คางุยะให้ทราบ พวกคางุยะตัดสินใจรับเธอ
เข้ามาอาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยมนิรันดร์ด้วย พร้อมกับตั้งชื่อใหม่ให้ จนกระทั่งในค่ำคืนของจันทร์เพ็ญใน
คืนหนึ่ง พรรคพวกกระต่ายบนดวงจันทร์ได้ใช้สิ่งที่เรียกว่า "คลื่นของกระต่าย" ส่งมาให้ทางเรย์เซ็น
เป็นผู้รับ ซึ่งหมายความว่าหูอันใหญ่โตของเหล่ากระต่ายจันทราทั้งหลายสามารถใช้โทรจิตสื่อสาร
กันได้ ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันมากสักเพียงใด นับเป็นความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของเหล่ากระต่าย
ดวงจันทร์ โดยข้อความมีเนื้อหาสรุปได้ว่าพวกมนุษย์โลกคิดจะสร้างฐานทัพและยึดครองดวงจันทร์
ชาวจันทราจึงคิดจะเปิดสงครามกับมนุษย์โลกอีกครั้ง และเรย์เซ็นจะต้องกลับไปเข้าร่วมรบสงคราม
จันทราอีกครั้งหนึ่ง โดยทางการจะส่งฑูตไปรับตัว คางุยะปฎิเสธที่จะให้เรย์เซ็นกลับไป จึงหาทางปิด
เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างฝ่ายดวงจันทร์กับทางโลกมนุษย์ และเป็นสาเหตุของการเกิดเรื่องในภาค 8
เรย์เซ็นได้ปะทะกับเหล่าสาวน้อยแห่งเกนโซเกียวและพ่ายแพ้ไป ซึ่งหลังจากนั้นมาเรื่องราวต่างๆก็ได้
จบลงด้วยดีโดยไม่ต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อ กิจวัตรประจำวันของเรย์เซ็นในวันๆนึงก็จะคอยติดตาม
เอย์ริน และหากว่างจากการติดสอยห้อยตามเอย์ริน ก็จะเดินเล่นทำอะไรอย่างอื่นในโรงเตี๊ยม และรอรับ
คำสั่งต่างๆจากเอย์รินและคางุยะ ซึ่งอาจจะไปเล่นกับเทอิ หรือเข้าไปแวะพูดคุยกับเหล่ากระต่ายตัวอื่น
อ่านหนังสือตำราและอื่นๆ หากได้รับคำสั่งจากเอย์รินก็มักจะเป็นการออกตามหาวัตถุดิบสำหรับทำยา
ส่วนคางุยะนั้นก็เรียกใช้ได้ตามใจชอบ โดยเพียงแค่พูดว่าอินาบะ เรย์เซ็นก็จะเข้ามารับใช้โดยทันที
งานสำคัญอีกอย่างของเรย์เซ็นก็คือการช่วยงานทดลองสร้างยาของเอย์ริน ตั้งแต่ออกค้นหาวัตถุดิบ
รวมไปจนถึงงานจิปาถะในห้องยา เธอจึงมักจะเข้านอนหลังจากเอย์รินไปเข้านอนแล้ว แต่ในบางครั้ง
เอย์รินก็จะโหมงานไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ดังนั้นบางครั้งเอย์รินก็จะคอยสั่งให้อุด้งเกะไปพักผ่อนก่อน
ส่วนตัวเองก็จะโหมทำงานอย่างหนักต่อไป โดยในปัจจุบันเรย์เซ็นและเหล่าพวกพ้องในโรงเตี๊ยมนิรันดร์
ทั้งหลายต่างก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างปกติสุขตลอดมาและพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องผู้เป็นอาจารย์และนาย
ทั้งสองของตน
Yagokoro Eirin
ชื่อ : ยาโกะโคโระ เอย์ริน
ชื่ออังกฤษ : Yagokoro Eirin
ชื่อญี่ปุ่น : 八意 永琳
ฉายา: มันสมองของดวงจันทร์ (8) , คุณร้านขายยาโฮวไร (สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ชาวจันทรา
ความสามารถ : เชี่ยวชาญการปรุงยา
ยาโกะโคโระ เอย์ริน ชาวจันทราและหมอยาอัจฉริยะจากตระ:Xลยาโกะโคโระอันมีชื่อเสียง
ลือลั่นแห่งนครจันทรา ตระ:Xลยาโกะโคโระนั้นต่างก็รับใช้เหล่าราชวงศ์แห่งจันทรามาเป็น
เวลานานหลายชั่วอายุคน ทั้งตระ:Xลล้วนมีแต่อัจฉิรยะทั้งสิ้น หากแต่เอย์รินนั้นกลับอัจฉริยะ
เหนือกว่าใครในตระ:Xล หรือจะเรียกว่าเป็นอัจฉริยะแห่งอัจฉริยะก็ว่าได้ โดยบางครั้งเธอก็มักจะ
พูดอะไรที่เข้าใจยากๆออกมา จนทำให้เธอไม่ค่อยมีใครอยากจะคบหาเท่าไรนัก ครั้นที่เอย์ริน
ได้เข้าประจำการครั้งแรกในฐานะหมอยา หลังจากที่บรรจุเข้าทำงานได้ไม่นาน เธอก็ถูกคางุยะ
เรียกตัวไปเข้าเฝ้า ครั้งแรกที่เจอกันเอย์รินไม่ค่อยชอบหน้าคุณหนูเอาแต่ใจอย่างคางุยะเท่าไรนัก
แถมยังโดนดูถูกพร้อมกับท้าทายให้สร้างยาโฮว์ไรขึ้นมา ด้วยศักดื์ศรีของหมอยา ทำให้เกิดทิฐิโง่ๆ
ที่จะสร้างยาโฮว์ไรขึ้น แม้ว่าจะผิดกฎเธอก็ไม่สน และแล้วเอย์รินก็หายตัวไปเป็นเวลาหลายวัน
จนในที่สุดยาในตำนานก็ถูกสร้างเสร็จขึ้นมาจนได้ และเอย์รินก็ได้นำไปถวายให้แก่คางุยะได้
ในที่สุด ทว่าโทษของการสร้างยาต้องห้ามนี้ขึ้นมาก็คือประหารชีวิตเท่านั้น และทุกสิ่งก็ไม่ได้
ราบรื่นเสมอไป ไม่นานก็มีคนสังเกตได้ว่าวัตถุดิบที่ใช้ในการทำยาหายไปจากคลัง และจับได้ว่า
เอย์รินสร้างยาโฮว์ไรขึ้นมา จึงทำการเข้าจับกุมตัวโดยทันที แต่คางุยะเข้ามาห้ามปรามไว้ โดย
บอกว่าตนเป็นคนสั่งเอย์รินให้ทำยาขึ้นมาเอง นางจึงไม่มีความผิด ขอให้ละเว้นโทษแก่นางด้วย
และขอเป็นคนรับโทษแต่เพียงผู้เดียว โดยเอย์รินนั้นรู้สึกทึ่งและคิดว่าคางุยะคงจะมั่นใจถึงความ
เป็นอมตะของนาง ทว่าผลของการเป็นอมตะนั้นส่งผลให้คางุยะถูกประหารครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยวิธี
การต่างๆ ถึงตายแล้วก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ สร้างความทรมานเป็นที่สุด เอย์รินแทบจะสำลักน้ำตา
ออกมา เพราะศักดิ์ศรีงี่เง่าของตนจึงทำให้สาวน้อยผู้หนึ่ง ต้องมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ เอย์ริน
ได้ทูลเสนอเหล่าผู้อาวุโสให้ขอยกเลิกการประหารองค์หญิงคางุยะ เพราะมีแต่จะเปล่าประโยชน์
เหล่าผู้อาวุโสได้เข้าประชุมหาลือกัน จึงได้ข้อสรุปว่าให้เนรเทศคางุยะไปยังโลกมนุษย์ เอย์ริน
ได้ฟังดังนั้นก็แทบคลั่ง เพราะโลกมนุษย์ที่เธอได้ยินมานั้นยังด้อยด้วยวิชาการและความเป็นอยู่
จึงเท่ากับว่าเธอกำลังส่งคางุยะไปใช้ชีวิตในนรก เอย์รินคิดอย่างนั้นและเสียใจเป็นอย่างมาก
และแล้วคางุยะก็ได้ถูกเนรเทศส่งลงไปยังโลกมนุษย์ในที่สุด พร้อมกับความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ของหมอยาอัจฉริยะผู้โง่เขลาคนนี้ หลายปีผ่านไป ทางการจากดวงจันทร์ได้ประกาศนิรโทษให้
แก่คางุยะ และจะส่งคณะฑูตเข้าไปรับกลับ เอย์รินรู้ข่าวนี้ จึงได้ขอติดตามไปกับคณะฑูตด้วย
โดยอ้างความจำเป็นในการมีหมอยาเดินทางไปด้วย เผื่อมีเวลาที่จำเป็นต้องใช้หมอยามมีคน
บาดเจ็บ ซึ่งก็ได้รับการอนุญาตโดยไม่ยากนัก เมื่อทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้ง เอย์รินรู้สึกผิดและ
เสียใจอย่างสุดซึ้งต่อคางุยะ เธอได้กล่าวขอโทษและอยากให้คางุยะอภัยแก่ตน พร้อมกับจะ
ขอติดตามรับใช้คางุยะไปชั่วชีวิตในฐานะเจ้านาย คางุยะไม่กล่าวโทษอะไรแก่เอย์รินราวกับ
ให้อภัยโดยดี ทว่าคางุยะนั้นมีความคิดไม่อยากจะกลับไปยังดวงจันทร์เสียแล้ว ซึ่งทางเหล่า
คณะทูตก็ดึงดันที่จะพาคางุยะกลับให้ได้ แต่กระนั้นคางุยะก็ยังปฏิเสธและร้องขอเอย์รินให้
ช่วยตนด้วย เอย์รินเห็นว่าคางุยะไม่อยากกลับไป จึงได้ลงมือสังหารคณะทูตจากดวงจันทร์
เหล่านั้นเสียจนหมดอย่างโหดเ:X้ยม หลังจากนั้นเอย์รินคิดว่าคางุยะกับตนต้องหลบหนีหา
ที่ซ่อนโดยไม่ให้ใครรู้ เพราะทางดวงจันทร์ต้องส่งคนมาตามล่าอีกแน่ ส่วนพวกมนุษย์นั้น
ตนจะติดสินบนไว้ด้วยยาโฮว์ไรเพื่อไม่ให้แพร่งพรายเรื่องของพวกตนออกมา โดยที่พวก
ชาวบ้านนั้นต่างก็ไม่มีใครกล้าปฎิเสธเอย์รินเลยแม้แต่คนเดียว ก่อนจากกันนั้นคางุยะได้
กล่าวอำลาครั้งสุดท้ายแก่สองตายายที่เลี้ยงดูตนมาด้วยความรักและห่วงใย ซึ่งพอเสร็จสิ้น
แล้ว เอย์รินก็บอกให้คางุยะล่วงหน้าไปก่อน และแล้วเอย์รินก็ปล่อยละอองพิษออกมาสังหาร
เหล่าชาวบ้านจนหมดสิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งสองตายายที่เลี้ยงดูคางุยะ เป็นการกระทำที่โหด
เ:X้ยมยิ่งนักถึงแม้จะเป็นการทำเพื่อปิดปากก็ตาม และแล้วเอย์รินก็บินจากไป ทั้งเอย์รินกับ
คางุยะต่างก็เดินทางหลบซ่อนไปมาเป็นเวลายาวนาน จนในที่สุดทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงดินแดน
ที่เรียกกันว่าเกนโซเกียว และก่อตั้งโรงเตี๊ยมนิรันดร์ขึ้นมา และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น โดยมีเหล่า
กระต่ายทั้งหลายเป็นบริวาร และเอย์รินยังได้รับกระต่ายจันทราเรย์เซ็นมาเป็นลูกศิษย์ของ
ตนด้วย พร้อมกับถ่ายทอดวิชาต่างๆให้ ซึ่งในปัจจุบันเอย์รินกับคางุยะก็ได้ใช้ชีวิตตามปกติ
ในโรงตี๊ยมแห่งนี้อย่างสงบสุข และด้วยความเป็นนิรันดร์ เธอจะคอยติดตามเฝ้ารับใช้องค์หญิง
คางุยะของเธอไปตลอดกาลไม่มีวันเสื่อมคลาย ที่จริงแล้วนั้นเอย์รินมีพลังแกร่งกล้ากว่าคางุยะ
เสียอีก เพียงแต่ติดอยู่ตรงที่เธอไม่อยากให้คางุยะผู้เป็นนายของตนต้องเสียหน้า จึงพยายาม
เก็บออมฝีมือไว้ยามที่คางุยะอยู่ด้วย ซึ่งเป็นการยากยิ่งที่เราจะได้เห็นเอย์รินแสดงฝีมือที่แท้จริง
ให้ดูเป็นขวัญตา
Houraisan Kaguya
ชื่อไทย : โฮว์ไรซัน คางุยะ
ชื่ออังกฤษ : Houraisan Kaguya
ชื่อญี่ปุ่น : 蓬莱山 輝夜
ฉายา : คนบาปแห่งความนิรันดร์และความชั่วพลัน(8) เจ้าหญิงแห่งนิรันดร์ (สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ชาวจันทรา(มนุษย์โฮว์ไร)
ความสามารถ : ควบคุมความนิรันดร์และความชั่วพลัน
สถานะ : เจ้าหญิงจันทรา
ที่อยู่ : โรงเตี๊ยมนิรันดร์
โฮว์ไรซัน คางุยะ องค์หญิงแห่งจันทราผู้มีเชื้อสายราชวงศ์แห่งจันทราอันสูงศักดิ์ ตัวเธอได้รับการ
เลี้ยงดูมาอย่างสุดทนุถนอมในฐานะองค์หญิง ดังนั้นจึงทำให้เธอเป็นคนที่เอาแต่ใจตนเอง อยากจะ
ได้สิ่งใดก็ต้องได้เป็นสิทธิ์ขาด ทว่าได้มีสิ่งหนึ่งที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของสาวน้อยไปตลอดกาล
เพราะเธอได้เกิดสนใจใคร่รู้เรื่องของยาอมตะ "ยาโฮว์ไร" อันเป็นยาต้องห้ามเข้าจึงหาทางที่จะได้
ครอบครองมัน ซึ่งตอนนั้นก็ประกอบกับมีหมอยาคนใหม่เข้ามาประจำตำแหน่งพอดี ซึ่งหมอยาคนนั้น
ก็คือ "ยาโกะโคโระ เอย์ริน" อัจฉริยะแห่งจันทราของตระ:Xลยาโกะโคโระ คางุยะใช้อำนาจของตนเรียก
หมอยาหน้าใหม่ให้มาเข้าเฝ้า และได้ดูถูกเอย์รินต่างๆนานาพร้อมกับท้าให้เอย์รินสร้างยาโฮว์ไรขึ้นมา
เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของเธอเอง ซึ่งเอย์รินก็ได้รับคำท้า และสร้างยาโฮว์ไรขึ้นมาจนสำเร็จ
คางุยะกล่าวชื่นชมเอย์รินที่สร้างยาสำเร็จ พร้อมกับทานมันเข้าไป และแล้วคางุยะก็ได้รับพลังควบคุม
ความนิรันดร์มาไว้ครอบครองพร้อมกับความเป็นอมตะ แต่ทว่า... เรื่องราวมันก็ไม่ได้ง่ายไปเสียทั้งหมด
ไม่นานนักเรื่องยาโฮว์ไรก็ถูกสาวจนถูกจับจนได้ ทั้งคางุยะและเอย์รินต่างถูกควบคุมตัวอย่างรวดเร็ว
แต่คางุยะก็ได้ร้องขออย่าลงโทษเอย์รินเลย เพราะเอย์รินแค่ทำตามคำสั่งของเธอเท่านั้น โทษทัณฑ์
ทั้งหมดเธอจะขอรับเอาไว้เอง แต่โทษของผู้ที่ได้ครอบครองหรือทานยาโฮว์ไรก็คือ "การประหารชีวิต"
คางุยะได้ถูกนำตัวไปประหารครั้งแล้วครั้งเล่า และเนื่องมาจากฤทธิ์ของยาโฮว์ไรที่ทำให้เธอได้ความ
เป็นนิรันดร์มาครอบครอง คางุยะจึงเป็นอมตะ ไม่ว่าจะฆ่าเธอด้วยวิธีใดก็ตาม เธอก็จะคืนชีพขึ้นมาใน
บัดดล ซึ่งหมายความว่าคางุยะจะไม่มีวันตายได้อีกแล้ว มันเป็นชะตากรรมของผู้ทานยาโฮว์ไรเข้าไป
ดังนั้นผู้อาวุโสต่างก็พากันประชุมและเปลี่ยนการลงโทษ จากการประหารชีวิตให้เป็นเนรเทศไปอยู่บน
โลกมนุษย์แทน เพื่อไปเกิดใหม่และอาศัยอยู่กับชนชั้นต่ำ เปรียบได้กับคำสั่งที่จะต้องไปใช้ชีวิตใหม่
กับเหล่าผู้ละโมภบนพื้นพิภพ ซึ่งความคิดของชาวจันทราในขณะนั้นว่ากันว่าโลกมนุษย์ยังอ่อนด้อย
ด้านวิชาการและความเป็นอยู่ เปรียบได้กับนรกดีๆนี่เอง และแล้วคางุยะก็ถูกเนรเทศและถูกทิ้งลงมา
ที่โลกมนุษย์ในที่สุด ต่อมาไม่นานหลังจากที่เธอลงมาเกิดใหม่ในโลกมนุษย์ ชายชราผู้หนึ่งซึ่งมีอาชีพ
ตัดไผ่ขาย มาเจอเธอในปล้องไผ่เปล่งแสงเข้า คางุยะในร่างทารกนั้นต้องชะตากับชายชราผู้นี้มาก
เค้าจึงเก็บเธอไปเลี้ยงดูด้วยความรักพร้อมกับยายอีกคนหนึ่ง โดยเปรียบเสมือนว่าคางุยะเป็นลูกสาว
ของพวกตน และก็ได้กลายเป็นตำนานเจ้าหญิงคางุยะของญี่ปุ่น ทั้งนี้ อดีตชาวจันทราผู้ต้องมาดำเนิน
ชีวิตบนผืนพิภพ เพียงช่วงเวลาหนึ่งคางุยะก็สามารถปรับตัวให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ และภายในเวลา
ต่อมา คางุยะเองก็เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหญิงงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทั้งสองตายายพยายามจะ
ปกปิดเรื่องของคางุยะผู้เปรียบเสมือนลูกสาวเอาไว้ก็ไม่เป็นผล ทำให้ความงดงามของคางุยะถูกล่ำลือ
ไปทั่ว เหล่าบรรดาผู้คนโดยเฉพาะชายหนุ่มทั้งหลายต่างแห่แหนเพื่อชมความงามของคางุยะ พร้อมทั้ง
ขอแต่งงาน และก็เริ่มจะมีผู้คนแวะเวียนมาหาเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จึงกลับกลายเป็นว่าการใช้ชีวิตบนผืน
พิภพเองก็เริ่มใช้ชีวิตได้ยากลำบากเสียแล้ว คางุยะจึงใช้วิธีนั่งอยู่ในที่ซึ่งมีม่านกั้น เพื่อไม่ให้มีใครได้
ชมความงามของเธอได้ง่ายๆ และคางุยะก็ได้ขอปฎิเสธบรรดาชายหนุ่มเหล่านั้นไปทั้งหมด แต่กระนั้น
ดูท่าว่าอุปสรรคของคางุยะใช่ว่าจะหมดลงไปง่ายๆ เมื่อองค์ชายทั้งห้าจากห้าตระ:Xลใหญมาสู่ขอเธอ
แต่งงาน ซึ่งการที่จะขอปฎิเสธกับคนใหญ่คนโตที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
คางุยะจึงแก้ปัญหาโดยการเสนอสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้า ให้องค์ชายทั้งห้าไปหามาคนละอย่าง
ซึ่งก็ไม่มีใครทำได้ตามที่คางุยะขอเลย ทั้งนี้ สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้า ก็คือไอเท็มของระดับแรร์
ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 5 อย่าง อันได้แก่
1.ลูกแก้วมังกร - ทำให้บินได้ แขวนอยู่ที่คอของมังกร ผู้ใดหาญจะขโมย มีแต่จะถูกกิน
2.เสื้อคลุมหนังหนูไฟ - เป็นชุดที่ไม่มีวันไหม้ไฟ ตั้งอยู่ในกองเพลิงกว้างใหญ่ ยากแก่การ
ที่จะเข้าไปข้างในได้
3.กิ่งมณีโฮวไร - ออกดอกออกผลเป็นอัญมณีล้ำค่า อยู่ในทะเลป่าโฮว์ไร ง่ายดายที่จะหลงทาง
4.หอยเบี้ยของนางแอ่น - ซื้อได้แม้กระทั่งชีวิต ซ่อนอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล
5.บาตรหินของพระพุทธเจ้า - พลังศักดิ์สิทธิ์อันแสนบริสุทธิ์ กล่าวกันว่าอยู่ที่ไหนสักแห่งใน
ที่ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยเสด็จไป
ซึ่งในภายหลังคางุยะก็ได้สิ่งของเหล่านี้มาไว้ครอบครองเป็นของตนเองในที่สุด โดยเชื่อว่าเป็นฝีมือ
ของยอดอัจฉริยะอย่างยาโกะโคโระ เอย์รินนั่นเอง หลังจากที่ผ่านพ้นอุปสรรคเล็กๆน้อยๆไปได้แล้ว
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน คางุยะก็ต้องเจอปัญหาที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม นั่นคือ องค์จักรพรรดิเกิดสนใจ
ในตัวเธอขึ้นมา และพระองค์ก็เดินทางมาหาคางุยะด้วยตัวพระองค์เองซะด้วย แต่คางุยะก็ยังปฎิเสธ
ไม่ให้องค์จักรพรรดิ์ได้เห็นใบหน้าของเธออยู่ดี โดยจักรพรรดิ์เสนอให้คางุยะแต่งงานกับตน และไป
ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสุขสบายที่ราชวัง แต่คางุยะก็ยังคงขอไม่ให้คำตอบแก่พระองค์อยู่ ซึ่งภายใน
เวลาต่อมา แม้คางุยะจะปฏิเสธองค์จักรพรรดิทางจดหมายไปแล้ว แต่ทางจักรพรรดิเองก็ส่งจดหมาย
มาพูดคุยต่อสม่ำเสมอ ทั้งสองจึงติดต่อกันทางจดหมายนับแต่นั้นมา และคางุยะก็ยังคงที่จะยืนยันคำ
ปฏิเสธเดิมนั้นเป็นเวลาหลายปี แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่องค์จักรพรรดิ์ได้เห็นความงดงามของคางุยะเข้า
จนได้ ซึ่งในตอนนั้น พระองค์ได้ออกอุบายจัดงานล่าสัตว์ขึ้นใกล้ๆที่พำนักของคางุยะ แล้วทำเป็น
แกล้งหลุดนอกเขตล่าสัตว์ จนเข้าไปเห็นหน้าของคางุยะสมใจอยากของพระองค์ และประทับใจใน
ความงดงามของเธอนับตั้งแต่นั้นมา และแล้วจนกระทั่งวันหนึ่งในฤดูร้อน คางุยะเอาแต่เหม่อมอง
ดวงจันทร์แล้วร่ำร้องไห้ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนสองตายายสอบถามเธอจึงได้ความว่าตัวเธอ
ไม่ใช่คนของโลกนี้และถึงเวลาที่จะต้องกลับไปยังดวงจันทร์แล้ว โดยคางุยะบอกแก่ชายชราว่า
คณะทูตจากดวงจันทร์จะมารับเธอไปในวันเพ็ญที่จะถึงนี้ ซึ่งอีกทางด้านหนึ่ง ทางด้านทางการของ
ฝั่งดวงจันทร์ก็ได้ตัดสินเวลาที่ความผิดของคางุยะจะได้รับการประกาศนิรโทษกรรมก็มาถึง และจะ
ส่งคณะฑูตไปรับตัวคางุยะเช่นกัน องค์จักรพรรดิ์ได้ฃรับทราบเรื่องนี้เช่นกันจากชายชรา จึงได้มี
คำสั่งให้ทหารนับพันนายคอยเฝ้าคุ้มครองคางุยะอย่างดีที่ตำหนักของเธอ จนถึงเวลาที่เหล่าคณะ
ทูตจันทราปรากฏตัวขึ้นยามเที่ยงคืน และก็ได้ประกาศให้โฮว์ไรซัน คางุยะปรากฎตัวออกมาจาก
ตำหนักเพื่อรับตัวกลับ ทำให้คางุยะต้องจำใจยอมปรากฎตัว ซึ่งคางุยะในตอนนี้ที่ได้รับการเลี้ยงดู
จากความเมตตาและความอ่อนโยนของมนุษย์โลก ก็เกิดเป็นสายสัมพันธ์กับวิถีชีวิตบนโลกใบนี้
ก็ปรกับความชื่นชอบการใช้ชีวิตบนผืนพิภพ แม้จะลำบากไปบ้างก็ตาม แต่วิถีชีวิตบนผืนโลกที่มี
"หัวใจ" นั้นช่างประทับใจคางุยะเหลือเกิน ทำให้คางุยะรู้สึกไม่อที่ยากกลับไปดวงจันทร์อีกแล้ว
แต่ก็ไร้ซึ่งหนทางที่จะต่อต้านเหล่าคณะฑูตจากดวงจันทร์ได้ และแล้วตัวเธอก็ได้เหลือบมองเห็น
หญิงสาวผมเงินคนหนึ่งที่คางุยะสุดแสนจะคุ้นหน้าคุ้นตาเสียเหลือเกิน ใช่... หญิงสาวคนนั้นก็คือ
ยาโกะโคโระ เอย์ริน ผู้สร้างยาโฮว์ไรให้คางุยะจนต้องกลายเป็นเรื่องราวทั้งหมด เอย์รินนั้นเป็นคน
สร้างยาโฮว์ไรขึ้นมาแท้ๆ แต่กลับไม่ได้รับโทษอะไรเลย และในใจของเอย์รินนั้นรู้สึกผิดต่อคางุยะ
เป็นยิ่งนัก เธอจึงตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าจะทำทุกอย่างที่คางุยะปรารถนา และเมื่อจังหวะนั้นที่เอย์ริน
ได้รับรู้ความประสงค์จากคางุยะที่อยากให้ช่วยตน เอย์รินจึงได้หักหลังเหล่าคณะฑูตจากดวงจันทร์
ด้วยการสังหารทิ้งทั้งหมดและพาหนีไปด้วยกัน และด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงใช้ชีวิตในหุบเขาลึกไร้ผู้คน
พร้อมกับซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบราวกับว่าทั้งคู่ต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆไปตลอดกาล หลังจากนั้น
เป็นต้นมา เมื่อผ่านไปเป็นเวลาหลายปีจนมิอาจจะนับได้ การตามล่าจากเหล่าคณะฑูตจากดวงจันทร์
ก็กลับกลายเป็นว่าไม่มีเสียแล้ว เรื่องราวต่างๆในอดีตหลายต่อหลายเรื่องนั้นต่างก็ลืมเลือนสิ้น ทั้งคู่
จึงออกเดินทางกันมาจนถึงเกนโซเกียว และได้เริ่มก่อสร้างโรงเตี๊ยมนิรันด์ขึ้น โดยเกณฑ์พวกกระต่าย
บนโลกมาใช้เป็นแรงงาน แล้วก็ตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าหญิงคางุยะ โดยมีเอย์รินเป็นข้ารับใช้คนสนิท อีกทั้ง
ยังได้แต่งตั้งให้ "อินาบะ เทวิ" กระต่ายบนโลกผู้ซึ่งมีความสามารถพิเศษและมีพลังเหนือกว่ากระต่าย
ตัวอื่น เป็นหัวหน้าของกระต่ายเหล่านั้น หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขเป็นเวลายาวนาน วันหนึ่ง
ได้มีกระต่ายตัวหนึ่งซึ่งเป็นกระต่ายดวงจันทร์หลบหนีเข้ามาที่เกนโซเกียว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่
แยกออกมาจากโลกมนุษย์และมักจะมีโยว์ไคต่างๆอาศัยอยู่ เมื่อกระต่ายดวงจันทร์ตัวนั้นถูกพบเจอเข้า
ก็ได้ถูกพามาเก็บรักษาตัวที่โรงเตี๊ยมนิรันดร์ หลังจากฟื้นขึ้นมา กระต่ายสาวได้เล่าให้แก่คางุยะว่าใน
ขณะนี้ที่ดวงจันทร์ได้ถูกมนุษย์บุกรุก คางุยะรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อมากเท่าไรนัก จึงได้ปรึกษาเอย์ริน
พร้อมกันนั้นก็ได้รับกระต่ายดวงจันทร์ตัวนั้นเข้ามาอยู่ด้วย โดยกระต่ายดวงจันทร์สาวตัวนั้นได้รับการ
ประทานชื่อเพิ่มจนมีนามเต็มว่า "เรย์เซ็น อุด้งเกะอิน อินาบะ" หลังจากนั้นทั้งสามและเหล่าบริวารก็
อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบ จนเหตุการณ์ได้ล่วงผ่านพ้นไปหลายปี กระทั่งวันหนึ่งเรย์เซ็นก็ได้รับการ
ติดต่อจากทางดวงจันทร์ว่าจะเปิดสงครามขั้นแตกหักกับพวกมนุษย์โลก และเรียกตัวให้เรย์เซ็นให้
กลับมาร่วมรบอีกครั้ง เรย์เซ็นจึงนำเรื่องนี้ไปทูลแก่คางุยะ ทำให้คางุยะนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ตนเคย
ก่อไว้ คางุยะได้ปรึกษากับเอย์รินเรื่องของเรย์เซ็น และตกลงกันว่าจะไม่ยอมส่งเรย์เซ็นกลับไปเด็ดขาด
แต่หากไปฆ่าเหล่าคณะฑูตเข้าอีก พวกตนก็ต้องหลบหนีและใช้ชีวิตแบบหลบซ่อนอีกครั้งเป็นแน่แท้
เอย์รินจึงเสนอว่าหากทำจันทร์เพ็ญหายไปจากผืนพิภพได้ เส้นทางระหว่างโลกกับดวงจันทร์์ก็จะถูก
ปิดผนึกลง ได้ฟังดังนั้นคางุยะจึงตรัสสั่งให้เอย์รินนำพระจันทร์ออกไป แล้วนำของปลอมมาใส่ประดับ
ท้องฟ้าแทนและทำให้เส้นทางถูกผนึกลงเรียบร้อย โดยไม่ได้คิดคำนึงถึงผลที่จะตามมาเลย ซึ่งถือ
เป็นเรื่องที่รุนแรงมาก โดยเฉพาะกับเหล่าโยว์ไคที่ต้องพึ่งพลังของดวงจันทร์ และแล้วด้วยพลังของ
เหล่าสาวน้อยแห่งเกนโซเกียว ก็ต้องทำให้แผนการล้มเหลวไปในที่สุด แต่ก็ได้รับรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วนั้น
เกนโซเกียวก็คือช่องว่างที่ถูกปิดผนึกไว้ ซึ่งตามปกติแล้ว การจะเดินทางเข้ามาจากดวงจันทร์นั้นไม่มี
ทางทำได้อย่างแน่นอน พวกคางุยะจึงยอมถอยและล้มเลิกไปในที่สุด และสุดท้าย ไม่ว่าที่ดวงจันทร์
จะเกิดอะไรขึ้นตามมาอีก ก็ไม่ใช่ธุระของคางุยะอีกต่อไป ซึ่งในปัจจุบันนั้นเอง คางุยะและเหล่าสหาย
แห่งโรงเตี๊ยมนิรันดร์ได้เลิกใช้ชีวิตแบบหลบซ่อนตัวและใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในโรงเตี๊ยมนิรันดร์อย่าง
สงบสุขตลอดมาและชั่วนิรันดร์
Huziwara no Mokou
ชื่อไทย : ฟูจิวาระ โนะ โมโคว
ชื่ออังกฤษ : Fujiwara no Mokou
ชื่อญี่ปุ่น : 藤原 妹紅
ฉายา : รูปลักษณ์ของมนุษย์โฮวไร(8) , หน่วยระวังภัยสีแดงชาด(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ไม่แก่ไม่ตายและอาคมไฟ
ฟูจิวาระ โนะ โมโคว์ มนุษย์ผู้ได้กินยาโฮว์ไรจนเป็นอมตะ ไม่แก่ไม่ตาย และมีชีวิตอยู่เรื่อยมา
จนถึงปัจจุบัน มีนิสัยเป็นคนมุ่งมั่น คิดอะไรก็ทำสิ่งนั้นจริงๆ และด้วยความที่เกิดเป็นลูกขุนนาง
ในตระ:Xลใหญ่ จึงออกจะเป็นลูกคุณหนูผู้เอาแต่่ใจเสียหน่อย อีกทั้งยังมีความมั่นใจในตนเองสูง
และเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนคิดพิจารณาและตัดสินใจ นอกจากนี้ เธอยังเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเก่งเอา
เสียเลย และไม่ค่อยจะพูดหรือสุงสิงกับคนอื่นมากซักเท่าไหร่นัก กระนั้น โมโคว์มักจะคอยให้
ความร่วมมือช่วยเหลือผู้คนเป็นอย่างดี และไม่ทำร้ายโยวไคอื่นรุนแรงเกินความจำเป็น บางที
เพราะการที่มีชีวิตอยู่อย่างยาวนานกับประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา คงจะช่วยขัดเกลาเธอจนรู้จัก
คิดถึงคนอื่น และเอาใจเขามาใส่ใจเราแบบนี้ บุคลิกลักษณะของเธอนั้น ถ้าเทียบกับเหล่าบรรดา
โยว์ไคแล้ว เธอก็คงเป็นเหมือนพวกโยว์ไคอาวุโสที่เริ่มเฉยชาต่อสิ่งรอบตัวนั่นเอง อีกทั้งการที่
เธอชอบเอามือของตนใส่เข้าไว้ในกระเป๋ากางเกงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดูเหมือนเธอห้าวหาญและ
เข้มแข็งอย่างเด็กผู้ชาย แต่อันที่จริงเธอก็ยังมีแง่มุมที่อ่อนไหวบอบบางอยู่ดี เพราะความที่โมโคว์
เป็นเด็กผู้หญิงนั่นเอง ทำให้ดูออกจะน่ารักไปอีกแบบด้วย ส่วนยันต์สีขาวที่มีขอบและตัวอักษร
สีแดงที่มักจะได้เห็นประดับประดาอยู่ตามกางเกงและเส้นผมของเธอนั้น เรียกกันว่า "ยันต์เพลิง"
บ้างก็ว่ามันคือยันต์เวทย์ไฟ ที่ช่วยให้โมโควใช้เวทย์ไฟได้ บ้างก็ว่ามันคือยันต์กันไฟ ที่ช่วยให้
เส้นผมและกางเกงของเธอไม่ไหม้ไฟจากอาคมไฟของเธอเอง บ้างก็ว่าเป็นมันทั้งสองอย่างเลย
โดยครั้งหนึ่งในอดีตแสนนาน กาลก่อนที่เธอจะได้เป็นอมตะนั้น โมโคว์เป็นถึงบุตรีของขุนนางผู้
ยิ่งใหญ่ซึ่งมีความผูกพันธ์ใกล้ชิดกับเชื้อสายจักรพรรดิ์ หากแต่ตัวตนของเธอเองนั้นถูกเก็บซ่อนไว้
ราวกับเด็กที่ไม่ต้องการให้เกิดมา... แต่โมโคว์ก็ยังคงรักและเคารพในบิดาของเธออยู่ จนกระทั่ง
วันหนึ่งที่บิดาของเธอได้ไปสู่ขอเด็กสาวผู้มีฐานะต่ำต้อยกว่า และได้ถูกเล่นงานจนอับอายขายหน้า
ด้วยคำขอที่เป็นไปไม่ได้ แม้กระทั่งวัดวาอารามที่ตระ:Xลฟูจิวาระได้นิยมสร้างทั่วสารทิศเพื่อแสดง
ความยิ่งใหญ่และถือเป็นความภาคภูมิใจของตระ:Xล ก็ได้กลายเป็นเรื่องขบขันให้บรรดาชาวบ้าน
ต่างหัวเราะเยาะหยอกล้อเรียกกันว่าเป็นวัดของฟูจิวาระ และนับแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นต้นมา
โมโควผู้เยาว์วัยก็มองเด็กสาวคนนั้น... โฮไรซัน คางุยะ เป็นศัตรูมาโดยตลอด และเมื่อโมโคว์ได้
รับรู้ว่าคางุยะกำลังจะเดินทางกลับไปยังดวงจันทร์ ก็ยิ่งทำให้เธออยากล้างแค้นคืนให้:Xมซักครา
แต่หาโอกาสเข้าใกล้คางุยะไม่ได้เลย จนกระทั่งคางุยะลาจากไป แต่ทว่าตัวโมโคว์เองนั้นได้นึกคิด
ว่าอย่างน้อยก็ขอได้ขโมย "ไหยา" ที่คางุยะมอบไว้ให้แก่จักรพรรดิให้จงได้ ซึ่งไหยานั่นคือ "ยาโฮว์ไร"
ที่คางุยะได้ถวายแก่พระองค์โดยบ้างก็ว่าเพื่อแลกกับการเลิกตื๊อสู่ขอเธอ บ้างก็ว่าเพื่อปิดปากไม่ให้
พูดถึงพวกเธออีก และไม่ให้ปากโป้งว่าพวกเธอหนีไปยังแห่งหนใด ทว่าองค์จักรพรรดินั้นมองว่าความ
เป็นอมตะนั้นขัดต่อกฏแห่งธรรมชาติและการเกิดแก่เจ็บตาย จึงได้สั่งให้ชายหนุ่มผู้มีนามว่า "อิฮะคะสะ"
นำไหยานี้ไปทิ้งที่ภูเขาไฟเสีย โดยตัวอิฮะคะสะก็ได้นำไหยาโฮว์ไรไปทิ้งยังภูเขาไฟที่ว่ากันว่าสูงที่สุด
จนแทบจะถึงยอดสวรรค์ได้ เพื่อนำยาโฮว์ไรมาเผาทำลายทิ้ง และก็ได้ตั้งชื่อภูเขาไฟลูกนี้ว่า "ฟูชิ"
หรือภูเขาไฟฟูจิในปัจจุบันนั่นเอง แต่ทว่าอิฮะคะสะก็ไม่ได้กลับมารายงาน ผลงานของเค้าแก่องค์
จักรพรรดิของตนแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพราะเด็กสาวโมโคว์ได้สังหารอิฮะคะสะไปเสียแล้ว เพื่อแย่งชิง
ยาโฮว์ไรมาก่อนที่มันจะถูกโยนลงไปในภูเขาไฟนั่นเอง และเมื่อโมโคว์ได้พลั้งเผลอสังหารฆาตรกรรม
มนุษย์ไปเสียแล้ว ก็จะว่าเป็นอาชญากรรมที่ยังไม่มีใครรู้เห็นก็ว่าได้ และสำหรับเด็กสาวอย่างโมโคว์นั้น
ก็คงไม่สามารถกลับไปยังบ้านของตนได้อีกแล้ว เมื่อโมโคว์ได้ทานยาโฮว์ไรเข้าไป ก็ได้ครอบครอง
ความเป็นอมตะ และได้ออกเดินทางไปเรื่อยๆอย่างไร้สิ้นสุด ทั้งนี้การที่ได้ครอบครองความเป็นอมตะ
เนื่องจากยาโฮว์ไร ร่างกายของผู้ที่ทานจะคงสภาพครั้งตอนที่ได้ทานมันเข้าไป ร่างกายจะไม่เติบโต
หรือชราไปกว่านี้แล้ว อยากจะตายก็ไม่สามารถตายได้ แม้ร่างจะสลายหายไปเหลือแต่เถ้าธุลีก็สามารถ
คืนกลับสภาพเดิมได้เรื่อยๆ และด้วยเหตุนั้น โมโคว์จำต้องไม่อาจอยู่อาศัยอยู่ที่ใดเป็นเวลานานได้
ต้องใช้ชีวิตโดยเปลี่ยนที่อาศัยไปเรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุด เธอก็ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตเยี่ยง
โยว์ไค อาศัยในหุบเขาลึกซึ่งห่างไกลจากหมู่บ้านและผู้คน จนเวลาผ่านเลยไปยาวนานหลายเดือนปี
โมโคว์ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมากที่ได้พบกับคางุยะอีกครั้ง ทั้งๆที่คางุยะน่าจะกลับดวงจันทร์ไป
ตั้งแต่เมื่ออดีตกาลอันแสนนานมาแล้ว ทั้งนี้โมโคว์ก็คิดออกว่าร่างกายอมตะนี้ได้มาเพราะยาโฮวไร
ที่คางุยะทิ้งเอาไว้ และคางุยะในตอนนี้เองก็เป็นคนที่ต้องเปลี่ยนที่อาศัยไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับตน
เธอจึงเข้าใจในฉับพลันว่า คางุยะก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่กระนั้นความรู้สึกเกลียดชังที่มีต่อคางุยะ
ของโมโคว์ก็ยังคงหลงเหลืออยู่ และทางด้านคางุยะเองก็พยายามที่จะลบตัวโมโคว์ให้หายไปพ้นๆตา
เช่นเดียวกัน แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่ต่างเป็นอมตะเช่นเดียวกัน การฆ่ากันระหว่างพวกเธอจึงดำเนินไป
อย่างเรื่อยเปื่อยราวกับกิจวัตรที่ไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งอันที่จริงแล้ว โมโควก็เพียงแต่ยกเอาความแค้นมา
ใช้เป็นข้ออ้างในการต่อสู้เท่านั้น หากมองลงไปลึกๆแล้ว เธอกับคางุยะนั้นเป็นเพื่อนสนิทและคู่ปรับ
ที่รู้ใจกันอย่างดีเลยทีเดียว โมโคว์นั้นเข้ามาในเกนโซเกียวก่อนที่จะเกิดมหาเขตแดนฮาคุเรย์เสียอีก
และในการใช้ชีวิตเริ่มต้นใหม่ในดินแดนแห่งนี้ต่อมาก็ได้รับความช่วยเหลือจากคามิชิราซาวะ เคย์เนะ
แวร์ฮาคุตาคุผู้พิทักษ์มนุษย์ จนในที่สุดทั้งคู่ก็ได้เป็นเพื่อนสนิทกัน ปัจจุบันโมโคว์ปลีกตัวไปอาศัยอยู่
ในป่าไผ่หลงทาง ไม่สุงสิงกับชาวบ้านและโยว์ไคตนอื่นๆมากนัก และเนื่องจากการที่โมโคว์เป็นมนุษย์
จึงมีบ่อยครั้งที่ถูกโยวไคจู่โจมเข้าใส่ แต่เธอก็แข็งแกร่งพอที่จะตอบโต้กลับไปอย่างนุ่มนวล นอกจากนี้
ยังคอยช่วยเหลือมนุษย์ที่หลงทางจากเหล่าโยว์ไคด้วย โมโคว์นั้นท่าทางจะไม่ค่อยถนัดในการคบค้า
สมาคมกับผู้อื่นเท่าไหร่ แม้แต่ตอนที่ช่วยคนหลงทาง เธอก็จะจากไปโดยไม่พูดอะไรแม้สักคำ แต่ใน
ระยะหลังมานี้ เธอปรากฏตัวให้ผู้คนพบเห็นบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่มีใครล่วงรู้ว่าโดยปกติแล้วเธอทำอะไรอยู่
ที่ไหนกันแน่ แม้จะเอ่ยปากถามเธอเรื่องนั้น เธอก็ไม่ตอบอะไรกลับมาอยู่ดี จึงกลายเป็นปริศนาที่ยังคง
อยู่ต่อไป อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันนี้เธอเริ่มมีการปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านขึ้นมาบ้างแล้ว หากลองร้องขอ
เธอจะช่วยคุ้มครองจนผ่านป่าไผ่หลงทางออกไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีผู้ป่วยที่ต้องการไปรับการ
รักษาที่โรงเตี๊ยมนิรันดร์ รับรองได้เลยว่าเมื่อขอร้องเธอแล้วเธอจะพาไปส่งอย่างแน่นอน บางทีถ้าเรา
ชวนเธอคุยอย่างสบายๆไปเรื่อยๆ เธออาจจะยอมเล่าอะไรให้เราฟังบ้างก็เป็นได้
[Touhou 9 東方花映塚 ~ Phantasmagoria of Flower View]
Shameimaru Aya
ชื่อไทย : ชาเมย์มารุ อายะ
ชื่ออังกฤษ : Shameimaru Aya
ชื่อญี่ปุ่น : 射命丸 文
ฉายา: ผู้สื่อข่าวมายาแห่งจารีต(9) (สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : เทนกุ
ความสามารถ : ควบคุมสายลมและการมองเห็นในสิ่งที่ไกลออกไป
ชาเมย์มารุ อายะ สาวน้อยเทนงู ผู้มีอายุอานามเกินกว่า 1000 ปี ซึ่งเธอจัดได้ว่าเป็นเผ่า
คาราซึเทนงูหรือเทนงูที่มีรูปลักษณ์เป็นอีกานั่นเอง โดยเธอนั้นอาศัยอยู่หุบเขาโยว์ไค
ซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าเทนงูและกัปปะ โดยเหล่าเทนงูทั้งหลายจะอยู่ในส่วนบริเวณยอด
น้ำตกนั่นเอง และอยู่ภายใต้การปกครองของ "ท่านเทนมะ" ซึ่งเป็นถึงผู้นำสูงสุดของ
เหล่าเทนงูทั้งหลาย นิสัยใจคอของอายะโดยส่วนตัวแล้ว เธอจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมา
แต่ก็ไม่ถึงกับเข้มงวด มีความร่าเริงและกระตือรือร้น เมื่ออายะได้เจอกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
เธอก็จะยอมนอบน้อมแต่โดยดี และจะเป็นกันเองกับผู้ที่อ่อนแอกว่าด้วย ถึงอย่างนั้นเธอก็
จะอ่อนน้อมต่อผู้ที่เธอไปสัมภาษณ์ด้วยอยู่ดี มีความเฉลียวฉลาด และมีพลังอยู่ในระดับสูง
จึงสามารถเป็นที่พึ่งของเทนงูตนอื่นๆได้ กระนั้น เธอก็ไม่เคยที่จะแสดงพลังออกมาให้
คนนอกได้เห็นนัก อายะรักและชื่นชอบในการฟังข่าวหรือเรื่องซุบซิบเป็นยิ่งนัก และมักจะ
แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารจากผองเพื่อนเทนงูที่มารวมตัวกันเสมอ แต่ข้อมูลที่เธอได้มา
จากการแลกเปลี่ยนนั้น ส่วนใหญ่จะไม่เป็นจริงหรือไม่ก็เกินความจริงไปเสียเกือบทั้งหมด
โดยเฉพาะข่าวลือเองก็เป็นสิ่งที่อายะชื่นชอบด้วยเช่นเดียวกัน กิจวัตรปกติของเธอนั้น
จะบินไปใหนมาใหนในที่ต่างๆของเกนโซเกียวเพื่อตามหาและสะสมข้อมูลข่าวสารต่างๆ
มาเก็บสะสมไว้ นอกจากนี้อายะยังเขียนข่าวที่ตนเองได้มาลงในหนังสือพิมพ์ของเธอเอง
ที่มีชื่อว่า "หนังสือพิมพ์บุนบุนมารุ" อีกด้วย ซึ่งเธอจะตีพิมพ์แล้วนำมันไปโปรยแจกให้แก่
เหล่าเทนงูด้วยกัน รวมไปถึงเหล่าประชากรในเกนโซเกียวให้ได้อ่านกัน ซึ่งในแต่ละปีนั้น
เหล่าเทนงูจะมีประเพณีสำคัญในการหาผู้ชนะเลิศการทำหนังสือพิมพ์ดีเด่น โดยจะเป็น
การแข่งขันการทำหนังสือพิมพ์ด้วยกันระหว่างเหล่าเทนงูด้วยกันนี่เอง โดยสำหรับงานนี้
ตัวอายะเองก็เล็งตำแหน่งชนะเลิศเช่นกัน และหวังว่าสักปีหนึ่งเธอจะได้สมปรารถนาเสียที
นอกจากเหล่าเทนงูที่อาศัยอยู่ในหุบเขาโยว์ไคแล้ว พวกอายะก็ยังมีเหล่ากัปปะอาศัยอยู่
ร่วมกันด้วย โดยทั้งสองเผ่าต่างก็มีความสัมพันธ์เป็นมิตร และสร้างสังคมอันแสนศิวิไลซ์
ร่วมกันเหมือนกับโลกภายนอกเลยทีเดียว และด้วยการมาเยือนของเทพเจ้าที่มีนามว่า
"ยาซากะ คานาโกะ" ทั้งทางเผ่าเทนงูของอายะกับเผ่ากัปปะเองก็ได้ทำการตกลงกับ
เทพเจ้าองค์นี้ว่าจะนับถือเพื่อเป็นพลังศรัทธาให้ และได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเช่นนั้นมา
Medicine Melancholy
ชื่อไทย : เมดิซีน เมลันโคลี่
ชื่ออังกฤษ : Medicine Melancholy
ชื่อญี่ปุ่น : メディスン・メランコリー
ฉายา : สวีทพอยซึ่นตัวน้อย(9) , สวีทพอยซึ่นตัวน้อย(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคตุ๊กตาแห่งพิษ
ความสามารถ : เชี่ยวชาญการใช้พิษ
เมดิซีน เมลันโคลี่ อดีตตุ๊กตาที่เคยถูกทอดทิ้งเอาไว้ที่ทุ่งลิลลี่ซึ่งตั้งอยู่บนเนินนิรนาม
เมื่อเวลาผ่านพ้นไปเป็นเวลายาวนานเข้า เธอก็สามารถพัฒนาตนเองจนกลายเป็นโยว์ไค
ไปในที่สุด พร้อมกับร่างกายที่รับเอาความสามารถเข้าไปด้วย โดยชนิดของพิษที่เธอใช้นั้น
ไม่สามารถระบุได้แน่ชัด มีทั้งพิษดอกไม้, พิษงู, พิษผึ้ง, พิษแมงมุม, พิษที่ได้สัมผัสโดยตรง
แล้วจะอักเสบพุพอง, พิษที่เพียงยืนใต้ลมก็ทำให้สลบได้ และอื่นๆอีกมากมายเหลือคณานับ
จัดเป็นโยว์ไคที่มีความอันตรายสูงมากตนหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งพิษของเธอก็ีความรุนแรง
ร้ายกาจไม่น้อย ที่ไม่ว่าคนหรือโยว์ไคที่แข็งแกร่งมากขนาดใหนก็มีสิทธิ์พ่ายแพ้ได้ง่ายๆ
เพราะร่างกายที่รับเอาพิษเข้าไปจะถูกทำลายจนสิ้นโดยมิอาจต้านทานได้ ทางรอดเพียง
ทางเดียวก็คงจะมีเพียงการหนีเอาตัวรอดเท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าจะเอาชนะเธอได้ พิษก็ยัง
คงถูกปล่อยออกมาอยู่ดี ส่วนด้านลักษณะนิสัยของเมดิซีนก็คงไม่พ้นความเป็นเด็กตัวน้อย
เฉกเช่นเดียวกับร่างของเธอ ที่นอกจากร่างกายจะเล็กเหมือนเด็กสาวตัวน้อยแล้ว แม้แต่
นิสัยก็ยังเด็กอีกด้วย ทั้งไร้เดียงสา น่ารัก ขี้เล่น ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยเฉพาะในตอนที่เธอ
อารมณ์ดีก็ดูไม่น่ามีพิษภัยเลย แต่ความน่ากลัวที่สุดของเธอก็คือ "พิษ" ที่อันตรายนั่นเอง
เมดีซีนเกลียดมนุษย์มาก เพราะมนุษย์ก็คือผู้ที่คอยชักเชิดใยเหล่าตุ๊กตา เธอจึงตั้งปณิธาน
เอาไว้ว่าจะปลดแอกตุ๊กตาทั้งหลายให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ขัดกับเหล่าตุ๊กตาที่ไม่เห็นด้วย เพราะ
เหล่าตุ๊กตาตนอื่นนั้นไม่สามารถขยับหรือมีพลังได้อย่างเมดิซีน จึงต้องคอยพึ่งพามนุษย์
เช่นเดิม รูปลักษ์ของเํธอยังเป็นเหมือนตุ๊กตากลขนาดใหญ่ที่ใช้วิธีการพูดโดยไม่ขยับปาก
อยู่ และตอนนี้ก็คงสภาพเดียวกับตอนที่ยังเป็นตุ๊กตาธรรมดา ซึ่งการที่เธอได้มาเป็นโยว์ไค
ก็ยังไม่น่าจะผ่านไปหลายปี อีกทั้งตัวเธอก็ยังคงอ่อนโลกและด้อยความรู้อยู่เป็นอย่างมาก
จึงไม่สามารถแยกแยะความแกร่งของคู่ต่อสู้ออกได้ และเธอก็ไม่รู้จักการออมมือเอาเสียเลย
ตามปกติเธอมักจะใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งลิิลลี่ซึ่งตั้งอยู่ที่เนินนิรนาม และไม่ออกเดินทางไปใหน
ซึ่งการใช้ชีวิตของเธอก็คงเป็นปริศนาอยู่ คาดว่าคงจะเดินเล่นไปวันๆอยู่ที่แห่งนั้นนั่นแล
และหากมีมนุษย์คนใดอุกอาจลุกล้ำเข้าไปใกล้ทุ่งลิลลี่แห่งนั้น เธอก็จะใช้พิษขับไล่ออกไป
ส่วนตุ๊กตาที่คอยลอยตามติดตัวเมดิซีนตลอดเวลา เธอจะเรียกตุ๊กตาตัวนี้ว่า "ซูซัง" นั่นเอง
ว่ากันว่าพิษในทุ่งดอกลิลลี่นั้น เชื่อกันว่ามีวิญญาณของเหล่าเด็กที่ถูกนำมาปล่อยทิ้งให้ตาย
เมื่อสมัยก่อนสิงสู่อยู่ พิษเหล่านี้คงได้เข้าไปรวมตัวกันในร่างตุ๊กตา จนกลายเป็นโยวไคขึ้น
บางทีความเกลียดชังที่มีต่อมนุษย์ของเมดิซีน อาจมาจากความเคียดแค้นที่ฝังอยู่ในส่วนลึก
ของจิตวิญญาณเด็กเหล่านั้นอยู่ก็เป็นได้
Kazami Yuka
ชื่อไทย : คาซามิ ยูกะ
ชื่ออังกฤษ : Kazami Yuka
ชื่อญี่ปุ่น : 風見 幽香
ฉายา : ฟลาวเวอร์มาสเตอร์สี่ฤดู(9) , ฟลาวเวอร์มาสเตอร์สี่ฤดู(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคแห่งดอกไม้
ความสามารถ : ควบคุมดอกไม้
คาซามิ ยูกะ โยว์ไคแห่งดอกไม้ผู้มีฉายาว่าฟลาวเวอร์มาสเตอร์สี่ฤดู ซึ่งมาจากความสามารถ
ควบคุมดอกไม้ของเธอนั่นเอง อายุปรากฎไม่แน่ชัด แต่น่าจะอยู่ในเกนโซเกียวมาช้านาน
ลักษณะภายนอกก็เป็นเหมือนหญิงสาวชาวมนุษย์ธรรมดาทั่วไป เป็นคนสุภาพเรียบร้อย
มารยาทดี และยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ จนอาจจะคิดว่าเธอไม่น่าจะเป็นโยว์ไคเสียด้วยซ้ำ
เป็นคนที่รักดอกไม้เป็นที่สุด และจะอ่อนโยนกับดอกไม้ต่างๆเป็นอย่างมาก แต่กับสิ่งที่
บังอาจมารังแกดอกไม้นั้น เธอจะแสดงความโหดเ:X้ยมอำมหิตจนสุดหยั่งออกมาให้เห็น
ถึงกระนั้น เธอก็เป็นคนที่มีความอดทนอยู่เช่นกัน และด้วยความสุภาพอ่อนหวานนั่นเอง
หากไม่ยุ่งทำร้ายกับเหล่าดอกไม้ที่เธอรัก ก็จะไม่ถูกเธอฆ่าทิ้งเสียให้ตายอย่างแน่นอน
สติปัญญาของยูกะจัดอยู่ในระดับสูง ทำอะไรมักมีเหตุผลอยู่เสมอ และยังมีความรู้สูงอีก
ร่มของเธอที่มักจะเห็นเธอพกและถืออยู่ตลอดเวลานั้นเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งในเกนโซเกียว
ที่ไม่มีวันเฉาร่วงโรย เป็นร่มกันแดดที่สามารถป้องกันจากรังสีอัลตร้าไวโอเลทได้อย่างมาก
ที่ยิ่งกว่านั้นมันยังสามารถใช้กันลูกกระสุนดันมาคุได้อีกต่างหาก และร่มนี้ยังสามารถรวบรวม
กลิ่นหอมอันเจือจางมาไว้ที่ตัวมันได้อีกด้วย ทำให้ยูกะสามารถตามหาสถานที่ๆมีดอกไม้ได้
ง่ายขึ้น ซึ่งร่มดอกนี้จัดเป็นของรักของหวงของยูกะเลยทีเดียว เธอจึงพยายามถนอมมันไว้
ไม่ให้ช้ำ ถึงแม้มันจะทนทานถึงขนาดกันกระสุนดันมาคุได้ก็ตามที นอกจากนี้ถึงแม้เธอจะเป็น
โยว์ไคก็ตาม เธอก็ชื่นชอบการกวนประสาทและแกล้งแหย่ผู้อื่นอย่างมาก สืบเนื่องจากจุดนี้
เธอจึงขี้เล่นและชอบพูดเล่นอย่างมาก บางครั้งก็ตั้งฉายาพิลึกๆให้คนอื่นอีกต่างหากเสียนี่
และถึงแม้ว่าเธอจะบังคับดอกไม้ได้ แต่ดูเธอจะชื่นชอบดอกไม้ตามฤดูกาลธรรมชาติมากกว่า
สำหรับการต่อสู้ ยูกะจัดเป็นโยว์ไคที่มีพลังระดับท็อปคลาสของเกนโซเกียวเลยทีเดียว
ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ที่ประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด ถึงแม้เธอจะมีความสามารถอย่างการควบคุม
ดอกไม้ที่ไม่เห็นจะมีประโยชน์กับการต่อสู้ก็ตาม โดยเธอจะเน้นการโจมตีทางกายภาพ
ด้วยพลังที่มากมายมหาศาลมากกว่าการใช้การโจมตีทางจิตอย่างเวทมนต์หรือวิชาอาคม
ถึงแม้ว่าเธอจะพ่ายแพ้ เธอก็จะยอมรับว่าแพ้แต่โดยดี เนื่องจากการตั้งกฎให้กับตัวเธอเอง
และหากอีกฝ่ายยอมแพ้เช่นกัน เธอก็จะไม่ซ้ำเติม เป็นสิ่งที่แสดงถึงภูมิปัญญาของโยวไค
ที่มีอายุมากเช่นกัน ถึงกระนั้น ในอดีตเธอก็เคยพ่ายแพ้ให้กับเรย์มุและมาริสะ จึงทำให้เธอ
ไม่ค่อยถูกกับยัยเด็กสองคนนี้ซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับมาริสะที่เคยลักจำเวทย์ของเธอมา
เลียนแบบประยุกต์ใช้่นั้น ยูกะแทบจะปรี่เข้าไปอัดแทบจะทันที ทั้งที่เธออดกลั้นไว้แล้วก็ตา
Onozuka Komachi
ชื่อไทย : โอโนะซึกะ โคมาจิ
ชื่ออังกฤษ : Onozuka Komachi
ชื่อญี่ปุ่น : 小野塚 小町
ฉายา: มัคคุเทศก์นำร่องแห่งซันสึ(9),(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยมฑูต
ความสามารถ : ควบคุมระยะทาง
โอโนะซึกะ โคมาจิ ยมฑูตสาวผู้มีหน้าที่นำวิญญาณข้ามผ่านระหว่างแม่น้ำซันสึกับเกนโซเกียว
ไปยังอีกฝากหนึ่งซึ่งก็คือฮิกัง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าวิญญาณจะมาก่อนรับการตัดสินว่าจะไปนรก
หรือสวรรค์ และยังมีความสามารถในการควบคุมระยะทางอีกด้วย เมื่อใดที่มีคนตาย ก็จะถูกโคมาจิ
พามาข้ามแม่น้ำ ซึ่งข้ามกว้างของแม่น้ำนั้นจะกว้างขวางขนาดใหนก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของโคมาจิ
เองว่าจะใช้ความสามารถควบคุมระยะทางอย่างไร ยมฑูตตนนี้จะตัดสินว่าใครเป็นคนดีคนเลวนั้น
ไม่ใช่ตัดสินกันด้วยกรรมที่ก่อไว้ แต่ตัดสินที่เงินเสียนี่ โดยวิญญาณที่ตายนั้นจะมีสิ่งที่เรียกว่าเงินอยู่
ซึ่งไม่ใช่เงินที่ติดตัวมาตอนยังมีชีวิต แต่เป็นความคณาธรต่อวิญญาณดวงนั้นนั่นเอง แถมการตัดสิน
ด้วยจำนวนกรรมยังมิใช่สิ่งที่โคมาจิสนใจอีกต่างหาก แถมเธอเองก็ยังเก็บค่าโดยสารด้วยจำนวน
เงินพวกนี้อีก โดยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายค่าข้ามฟากแม่น้ำให้กับเธอนั้นก็คือจำนวนเงินทั้งหมดนั่นเอง
แถมถ้าไม่ยอมจ่ายเงินหรือทำเป็นกวนประสาทเธอ โคมาจิจะจับวิญญาณดวงนั้นลงแม่น้ำซึ่งเต็ม
ไปด้วยปลายักษ์หรือไดโนเสาร์ทะเลที่สูญพันธุ์ไปแล้วและพร้อมที่จะเขมือบได้ทุกเมื่อ แล้วใช้ความ
สามารถในการควบคุมระยะทางของเธอ ขยายความกว้างของแม่น้ำออกไปอีก จนวิญญาณดวงนั้น
ไม่สามารถว่ายข้ามไปถึงอีกฝั่งได้และถ้าซวยซ้ำก็จะโดนเขมือบไปในที่สุด นอกจากนี้ด้วยนิสัย
อันแสนเกียจคร้านของเธอ ยังทำให้เธออู้ในการงานหน้าที่อยู่บ่อยๆ จนกลายเป็นตัวต้นเหตุใน
เหตุการณ์ดอกไม้สะพรั่งทั่วเกนโซเกียวไปโดยปริยาย และยังทำให้ชิกิเอย์กิผู้เป็นเจ้านายของเธอ
ต้องมาหัวเสียบ่อยๆจากพฤติกรรมของเธออีกต่างหาก เพราะเหตุนี้เธอจึงถูกเจ้านายจับตาดูบ่อยๆ
อีกเช่นกัน
Shikieiki Yamaxanadu
ชื่อไทย : ชิกิเอย์กิ ยามะซานาดู
ชื่ออังกฤษ : Sikieiki Yamaxanadu
ชื่อญี่ปุ่น : 四季映姫・ヤマザナドゥ
ฉายา : ผู้พิพากษาสูงสุดแห่งสรวงสวรรค์(9) ตุลาการสูงสุดแห่งขุมนรก (สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยมบาล
ความสามารถ : แบ่งแยกขาวและดำได้อย่างชัดแจ้ง
ชิกิเอย์กิ ยามะซานาดู หนึ่งในเหล่ายมบาลซึ่งมีอยู่มากมายในขุมนรก ซึ่งตัวเธอก็ได้รับ
มอบหมายงานหน้าทีให้มาคอยดูแลงานพิพากษาเหล่าผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วในเกนโซเกียว
ซึ่งตัวเธอหากเทียบกับยมบาลตนอื่นๆแล้วก็คงจัดว่ามีความผูกพันธ์กับมนุษย์ลึกซึ้งที่สุด
คำว่า "ยามะซานาดู" เป็นชื่อที่ใช้บ่งชี้ตำแหน่งหน้าที่ซึ่งได้รับมาจากสำนักงานผิดชอบชั่วดี
มีความหมายตรงตัวว่า "ยมบาลแห่งสรวงสวรรค์" ส่วนชื่อจริงของเธอก็คือ "เอย์กิ" กับนามสกุล
"ชิกิ" เธอต่างจากมนุษย์อย่างมากตรงที่มีเกณฑ์การตัดสินผิดชอบชั่วดีของสรรพสิ่งได้อย่าง
แม่นยำเที่ยงตรงอยู่ในตัวเอง ซึ่งก็คงมาจากความสามารถในการแบ่งแยกขาวและดำของเธอ
หากเธอนั้นกล่าวว่าผิดก็แสดงว่าสิ่งนั้นผิดจริง หากเธอกล่าวว่าถูกก็แสดงว่าสิ่งนั้นถูกจริง
แต่ก็เป็นความสามารถที่นำมาใช้ต่อสู้ไม่ได้เช่นกัน นอกจากความสามารถที่นำมาใช้ในการ
ตัดสินความผิดแล้ว เธอก็มีไอเท็มในการใช้ช่วยเช่นกันอย่าง "กระจกโจฮาริ" ซึ่งเป็นกระจก
ที่ยมบาลทุกตนจะมีครอบครองไว้ โดยเธอจะใช้กระจกนี้อ่านข้อมูลในสิ่งที่ผู้ตายเคยกระทำ
เอาไ้ว้ในอดีต เมื่ออยู่ต่อหน้ากระจกโจฮาริ ข้อมูลส่วนตัวจะรั่วไหลออกมาเท่าที่ยมบาลต้องการ
และไม่มีความลับใดๆีที่จะซ่อนเอาไว้ได้เด็ดขาด โดยชิกิเอย์กิก็ได้ใช้มันช่วยเพื่อตัดสินอย่าง
ยุติธรรมที่สุด ส่วนอีกหนึ่งไอเท็มก็คือ "ป้ายสำนึกผิด" ซึ่งเป็นป้ายที่ยมบาลทุกตนจะใช้ถืออยู่
ในมือประจำ ใช้ในการเขียนกรอกลักษณะความผิดของผู้ตายลงไป และตีโบยไปยังวิญญา๊ณ
ผู้ตายตนนั้นจนกว่าจะสำนึกผิด โดยน้ำหนักของป้ายจะหนักเบาตามโทษที่่เขียนลงไปนั่นเอง
พร้อมกับลูกน้องยมฑูตอย่างโอโนซึกะ โคมาจิ ซึ่งเป็นยมฑูตที่มีหน้าที่พายเรือข้ามแม่น้ำซันซึ
เพื่อนำวิญญาณของผู้ที่ตายไปแล้วมาตัดสินความผิดที่ฮิกัง ก่อนที่จะชี้ว่าวิญญา๊ณตนนั้นควร
จะไปที่สวรรค์หรือนรกดี เมื่อใดก็ตามที่ชิกิเอย์กิได้ตัดสินโทษลงไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นคำตัดสิน
สูงสุดที่ไม่มีสิทธิ์จะโต้แย้งได้เลย โดยตามปกติแล้ว ชิกิเอย์กิเป็นคนยุติธรรม ซื่อสัตย์ซื่อตรง
เป็นคนดีในทุกๆความหมาย ขยันขันแข็งเอาการเอางานเป็นอย่างมาก แม้ในเวลาพักก็ยังเอา
มาใช้ในเรื่องที่เกี่ยวกับงาน ซึ่งนั่นก็เป็นข้อดีของเธอ ที่พยายามจะช่วยเหลือทุกคนให้พบกับ
ความสุขในช่วงเวลาหลังความตายนั่นเอง และหากเธอพบวิญญาณดวงใดที่ยังมีบาปติดตัว
อยู่ล่ะก็ เธอจะไม่ยอมมองข้ามไปแน่นอน อีกทั้งเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ ไม่มีการขอผ่อนผัน
แต่ก็สามารถพูดคุยยิ้มแย้มได้ตลอดเวลา และด้วยลักษณะงานที่เป็นแบบนี้ล่ะมั้ง ทำให้เธอ
ติดนิสัยชอบออกเทศนาสั่งสอนมาตั้งแต่นั้น ซึ่งก็ทำให้ไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้อยากโดน
เธอเทศน์นัก แต่เธอก็เป็นยมบาลที่มีชื่อเสียงในเกนโซเกียวมากเช่นกัน โดยเฉพาะโยว์ไค
บางตนที่มีชีวิตมายาวนานก็ล้วนเคยได้รับความช่วยเหลือจากเํธอแทบทั้งนั้น แต่โยว์ไค
ส่วนมากต่างก็รู้สึกไม่ดีต่อยมบาลอย่างเธอเช่นกัน กระนั้น เธอก็เป็นยมบาลที่เป็นมิตรกับ
เหล่ามนุษย์มากที่สุด โดยเฉพาะกับผู้ที่ซื่อตรงต่อเธอ หากเธอพบว่ามนุษย์ผู้มีอายุขัยคนใด
ก่อบาปสร้างกรรมเอาไว้มากจนต้องตกนรกอย่างแน่นอน เมื่อถึงคาบพักระหว่างงาน เธอก็จะ
รีบตรงดิ่งมาตักเตือนและกระตุ้นให้ปรับปรุงตัวเสีย โดยเธอจะยกเอาบทลงโทษที่โหดร้าย
มากมายและรุนแรงจนเกินความจริงมาขู่เข็ญกรรโชกคนๆนั้นให้หวาดกลัวต่อบาปและความ
โหดร้ายของขุมนรก ซึ่งการน้อมรับคำสั่งสอนของเธอก็ถือว่่าเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวคนๆนั้นเอง
แต่ก็กลับเป็นที่เคลือบแคลงใจเช่นกันว่าการที่เธอเมคเรื่องให้เกินความจริงนั้นไม่ถือว่า
เป็นบาปงั้นหรือ?
[Touhou 10 東方風神録 ~ Mountain of Faith]
Aki Sizuha
ชื่อไทย : อาคิ ชิซึฮะ
ชื่ออังกฤษ : Aki Sizuha
ชื่อญี่ปุ่น : 秋 静葉
ฉายา : สัญลักษณ์แห่งความเหงาและการสิ้นสุด
เผ่าพันธุ์ : เทพแปดล้านแห่งใบไม้เปลี่ยนสี
ความสามารถ : รับผิดชอบดูแลการเปลี่ยนสีของใบไม้
อากิ ชิซึฮะ เทพแปดล้านแห่งใบไม้เปลี่ยนสี หรืออาจเรียกอีกอย่างว่า เทพแห่งฤดูใบไม้ผลิ
เธอเป็นพี่สาวของมิโนริโกะ ซึ่งปกติแล้วทั้งสองจะช่วยกันดูแลฤดูใบไม้ผลิของเกนโซวเกียว
พวกเธอเป็นพี่น้องที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ และดูเหมือนจะรักใคร่กลมเกลียวกันดีตาม
ประสาพี่น้องกัน แต่ลึกๆแล้วพวกเธอเองก็แอบเป็นคู่แข่งเรื่องฤดูใบไม้ผลิเช่นกัน ทั้งนี้ชิซึฮะ
ก็เป็นพี่สาวที่พยายามเป็นพี่สาวอยู่เสมอ และเธอก็มีทั้งศักดิ์ศรีของความเป็นเทพ และศักดิ์ศรี
ของพี่สาวค้ำคออยู่ ทำให้เป็นคนจริงจัง เมื่อเธอตัดสินใจแล้วก็จะดำเนินการทันที จะไม่มีการ
เจรจาใดๆทั้งสิ้น และเป็นคนที่ทำจริงทำจังเสียด้วย ซึ่งถึงแม้ว่าชิซึฮะจะไม่สัดทันด้านต่อสู้
เอาเสียเลย แต่เมื่อมีมนุษย์มาก่อกวนฤดูใบไม่ผลิ พวกเธอก็คิดว่า ควรจะทำการตักเตือนและ
สั่งสอนสักเล็กน้อย ชิซึฮะคิดว่าในฤดูใบไม้ผลินั้นไม่มีอะไรเหนือไปกว่าใบไม้เปลี่ยนสีร่วงโรย
เธอจึงได้แสดงการเปลี่ยนสีของใบไม้อันแสนงดงามให้น้องสาวดู ด้วยความรู้สึกว่าตนเหนือกว่า
ด้วยความสามารถเปลี่ยนสีของใบไม้ ซึ่งทำให้ชิซึฮะนั้นสามารถทำให้ใบไม้เปลี่ยนสี แล้วร่วงโรย
ในฤดูใบไม้ผลิได้ ซึ่งก็สามารถทำได้กับใบไม้ทุกชนิด แต่ที่โดดเด่นก็คือใบเมเปิ้ลที่ขึ้นชื่อเรื่อง
เปลี่ยนสีได้หลากหลายงดงามยิ่ง หากแต่สิ่งที่มนุษย์ต้องการอย่างที่สุดยิ่งกว่าความงดงามนั้น
ก็คือ "ความอยู่รอด" เมื่อเทียบกับมิโนริโกะคนน้องที่มีความสามารถเพิ่มผลผลิตของมนุษย์แล้ว
เธอเป็นรองน้องสาวด้านพลังศรัทธาอย่างมาก ซึ่งเมื่อพลังศรัทธายิ่งมาก ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
ดังนั้นเธอจึงอ่อนแอกว่าน้องสาวไปซะอย่างนั้น และเนื่องจากเป็นเทพแปดล้านแห่งฤดูใบไม้ผลิ...
เมื่อฤดูหนาวมาถึง พวกเธอก็จะเศร้าหมองลงไปในทันตา จนกว่าฤดูใบไม้ผลิจะกลับมาเยือนอีก
ครั้งหนึ่ง
Aki Minoriko
ชื่อไทย : อาคิ มิโนริโกะ
ชื่ออังกฤษ : Aki Minoriko
ชื่อญี่ปุ่น : 秋 穣子
ฉายา : สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยว
เผ่าพันธุ์ : เทพแปดล้านแห่งความอุดมสมบูรณ์
ความสามารถ : รับผิดชอบดูแลความอุดมสมบูรณ์
อากิ มิโนะริโกะ เทพแปดล้านแห่งความอุดมสมบูรณ์ หรืออาจเรียกอีกอย่างว่า เทพแห่งฤดูใบไม้ผลิ
เธอเป็นน้องสาวของชิซึฮะ และจะคอยช่วยมิโนริโกะคนพี่ในการดูแลฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งทั้งคู่ก็ดูเหมือน
จะเป็นพี่น้องที่รักกันดี แต่ก็ทำตัวเป็นคู่แข่งเช่นเดียวกัน โดยมิโนริโกะจะรับผิดชอบในการดูแลความ
อุดมสมบูรณ์ ซึ่งทำให้พืชผลต่างๆของเกษตรกรงอกงามเป็นอย่างดี เพิ่มพูนผลผลิตได้เป็นกอบเป็นกำ
ทุกปีมิโนริโกะจะถูกเชิญไปเป็นแขกพิเศษในงานเทศกาลเก็บเกี่ยวที่จัดขึ้นที่หมู่บ้าน หากไม่ถูกเรียก
ไปก่อนการเก็บเกี่ยว เธอก็ไม่สามารถรับประกันพืชผลให้กับชาวบ้านได้ แต่เธอคิดว่าจะเป็นยังไงก็ช่าง
และก็ไม่ใช่ธุระของเธอด้วยที่จะต้องไปกำหนดกฏเกณฑ์ จะต้องรอให้ชาวบ้านมาเชิญตัวเธอไปทุกครั้ง
แต่ด้วยอิทธิฤทธ์ของมิโนริโกะก็ทำให้พืชผักของชาวบ้านงอกงามตามที่หวังเอาไว้ทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้เอง
การที่เธอรับผิดชอบทางด้านนี้ ก็ทำให้มิโนริโกะได้รับความศรัทธามากกว่าชิซึฮะคนพี่เสียอีก ซึ่งนั่นก็
หมายความว่า มิโนริโกะนั้นแข็งแกร่งกว่าชิซึฮะนั่นเอง แต่ถึงแม้ว่ามันจะช่วยให้เธอได้รับความศรัทธา
แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าใดนัก และมิโนริโกะนั้นจัดว่าเป็นมิตรต่อมนุษย์ก็จริง แต่ก็ไม่คลุกคลีกับ
มนุษย์มากจนเกินไป เธอรู้สึกภาคภูมิกับพลังที่เธอมี และคิดว่ามันยอดเยี่ยมยิ่งกว่าใครๆ แม้แต่กับพี่สาว
ของตัวเอง แต่เธอก็ยังเคารพพี่สาวของเธออยู่ จึงไม่เคยที่คิดจะวางตัวข่มชิซึฮะแบบออกหน้าออกตา
ทั้งนี้ในเวลาปกติ เธอเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใสเฮฮา พูดจาดี น่าคบหา ไม่มีพิษภัยแต่อย่างใด
Kagiyama Hina
ชื่อไทย : คางิยามะ ฮินะ
ชื่ออังกฤษ : Kagiyama Hina
ชื่อญี่ปุ่น : 鍵山 雛
ฉายา: เทพลับนางาชิบินะ
เผ่าพันธุ์ : เทพเจ้าแห่งเคราะห์ร้าย
ความสามารถ : ควบคุมโชคร้าย
คางิยามะ ฮินะ หัวหน้าของกองทัพตุ๊กตานางาชิฮินะ เธอเก็บรวบรวมภยันตรายทั้งหมด
เพื่อปัดไล่การขจัดทุกข์ภัยไป ซึ่งแม้กระทั่งคนที่ไม่มีสัมผัสวิญญาณก็ยังรู้ได้ว่าเธอนั้น
ห้อมล้อมไปด้วยภยันตราย ไม่ว่ามนุษย์หรือโยว์ไคก็ตามที่อยู่ใกล้เธอมักจะประสบพบ
เคราะห์ร้ายไปตามๆกัน ซึ่งตัวฮินะเองนั้นก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เคราะห์ร้ายต้อง
ไปเกิดขึ้นกับมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง
Kawashiro Nitori
ชื่อไทย : คาวาชิโระ นิโทริ
ชื่ออังกฤษ : Kawasiro Nitori
ชื่อญี่ปุ่น : 河城 にとり
ฉายา: สุดยอดหัวรบโยวไค
ผ่าพันธุ์ : กัปปะ
ความสามารถ : ควบคุมน้ำ
คาวะชิโระ นิโทริ กัปปะขี้อายผู้อยู่อาศัยในหุบเขาโยว์ไคมาอย่างยาวนาน โดยนามสกุล
คาวะชิโระของเธอนั้นแปลว่า "ปราสาทน้ำ" ปกติกัปปะจะไม่ทำให้มนุษย์นั้นมองเห็น
ตนเองและตนก็จะแอบซ่อนแล้วจับตาดูมนุษย์ด้วย เธอเป็นคนอ่อนโยน ในครั้งแรกที่
ได้เจอกับเรย์มุเธอก็รีบหนีไปทันที แต่กระนั้นเธอก็พยายามทำให้เรย์มุกลัวจนหนีไป
จากภูเขาด้วยดันมาคุและสเปลการ์ด ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหุบเขาโยว์ไคนั้นเป็นที่อันตราย
สำหรับมนุษย์มาก เธอจึงพยายามไม่ทำให้เรย์มุบาดเจ็บ ซึ่งที่จริงแล้วเธอเองก็ชื่นชอบ
มนุษย์เช่นกัน แต่ก็ไม่แสดงออกให้ใครรู้ และด้วยการที่เธอนั้นเป็นวิศวกร เมื่อไรก็ตามที่
เธอเห็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เธอก็มักจะนำชิ้นส่วนกลับไปด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงสังเกตุได้ว่า
ชุดของเธอจะมีเครื่องมือต่างๆอยู่ด้วย
Inubashiri Momizi
ชื่อไทย : อินุบาชิริ โมมิจิ
ชื่ออังกฤษ : Inubashiri Momizi
ชื่อญี่ปุ่น : 犬走 椛
ฉายา : เทนกุลาดตระเวนชั้นผู้น้อย
เผ่าพันธุ์ : เทนงูหมาป่าขาว
ความสามารถ : การมองเห็นทะลุในระดับระยะยาวไกล
อินุบะชิริ โมมิจิ เทนงูผู้ทำหน้าที่ลาดตระเวนหุบเขาโยว์ไค มีสัมผัสในการมองเห็นและ
ดมกลิ่นในระดับดีเลิศ ทำให้เธอสามารถพบตัวผู้บุกรุกได้ในทันที และเมื่อใดที่ค้นเจอ
ตัวผู้บุกรุกแล้วทดลองข่มขู่ด้วยการจู่โจมเรียบๆ และกลับไปรายงานแก่ท่านมหาเทนงู
เธอมักจะรอคอยอยู่หลังน้ำตกเป็นประจำ เธอนั้นเป็นคนที่ชอบร่วมมือเป็นอันมากและ
ปฎิบัติหน้าที่อย่างเปี่ยมศรัทธา ซึ่งผิดธรรมดาสำหรับโยว์ไค แต่ถือว่าไม่ผิดปกติใน
สังคมเทนงู แม้กระนั้นเธอเองก็มีเวลาว่างอยู่บ้างเหมือนกัน ซึ่งที่หุบเขาโยว์ไคก็ไม่ค่อย
มีผู้บุกรุกอยู่แล้ว ระหว่างที่รอคอยคำสั่ง เธอก็จะใช้เวลากับการสนุกกับการละเล่นที่
เรียกกันว่า มหาโชงิ(หมากรุกญี่ปุ่น)ด้วยกันกับเหล่ากัปปะที่อยู่ในละแวกเดียวกัน
โดยในเหตุการณ์จารึกเทพวายุนั้น ตอนที่เธอเจอกับเรย์มุ เธอก็พยายามที่จะหยุดไว้
ที่น้ำตก แต่ก็ไม่สำเร็จตามคาด เธอจึงกลับไปทำหน้าที่รายงานถึงการมีอยู่ของผู้บุกรุก
ให้กับเทนงูตนอื่นๆ พร้อมกับได้ส่งเทนงูอีกตนหนึ่ง(ชาเมย์มารุ อายะ) ไปสอบสวน
ผู้บุกรุกหรือเรย์มุแทน
Kochiya Sanae
ชื่อไทย : โคจิยะ ซานาเอะ
ชื่ออังกฤษ : Kochiya Sanae
ชื่อญี่ปุ่น : 東風谷 早苗
ฉายา : มนุษย์แห่งสายลมที่ได้รับการบวงสรวง
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ก่อเกิดปราฏิหารย์
สถานะ : ผู้เฉลิมฉลองวายุ
โคจิยะ ซานาเอะ มนุษย์ผู้เป็นทายาทของพระเจ้า โดยเธออาศัยอยู่ในศาลเจ้าโมริยะ
ทำหน้าที่เป็นผู้เฉลิมฉลองวายุซึ่งมีบทบาทใกล้เคียงกับมิโกะ แต่ด้วยพลังที่รับช่วง
สืบทอดมา ซานาเอะจึงเป็นเหมือนดั่งเทพเจ้าก็มิปาน เมื่อมนุษย์ในโลกภายนอกต่างก็
เริ่มหมดศรัทธาในเทพเจ้าลงทุกขณะก็ได้ทำให้คานาโกะผู้ซึ่งเป็นเทพเจ้าค่อยๆสูญเสีย
พลังไป คานาโกะจึงตัดสินใจที่จะทำการเคลื่อนย้ายศาลเจ้าไปยังเกนโซเกียวที่ๆซึ่งมี
โยว์ไคที่อาจจะมีศรัทธาต่อพวกเธออยู่บ้าง ซานาเอะเป็นคนจริงจัง มีความเชื่อมั่นใน
พลังความสามารถของตน ซึ่งบางครั้งก็มั่นใจจนมากเกินไป โดยแต่เดิมแล้วเธอผู้เป็น
ผู้รับใช้ของเทพวายุ แต่ด้วยการที่เธอใช้ความสามารถในการสร้างปราฎิหารย์ อย่างเช่น
การอัญเชิญลมและฝน ผู้คนจึงต่างเริ่มเชื่อมั่นในซานาเอะและความสามารถอันลึกลับนี้
กล่าวคือ ผู้คนต่างเริ่มเข้าใจผิดเรื่องปราฏิหารย์ที่เกิดขึ้นจากพระเจ้าไปเป็นซานาเอะแทน
เมื่อตอนที่ซานาเอะยังเยาว์วัยนั้น เธอเข้าถึงความลับในการสวดปราฎิหารย์ได้อย่างเชี่ยวชาญ
สาวน้อยผู้สามารถท่องพลังปราฎิหารย์ได้ ย่อมสะสมความศรัทธาได้เป็นจำนวนมากแน่นอน
ถึงอย่างไร โลกภายนอกก็ได้เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ศรัทธาในพระเจ้ากับคุณความดี
ได้ลดลงอย่างฉับพลัน มีผู้คนเป็นจำนวนน้อยที่ยังสักการะบูชาในพระเจ้าผู้ให้ความบรรลุผล
แก่ชีวิตมนุษย์ ถึงแม้ว่าเธอเองก็ไม่ได้มีศรัทธามากมายนัก ซานาเอะได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์
ธรรมดาๆโดยไร้ปัญหาใดๆ แต่นี่กลับไม่ใช่สิ่งที่ควรกับคานาโกะเทพเจ้าที่เธอรับใช้ เมื่อใดที่
มนุษย์หมดศรัทธาในพระเจ้า พระเจ้าก็จะสูญเสียพลังและอ่อนแอลง จนไม่สามารถประจักษ์
ในคุณงามความดี ซึ่งสำหรับพระเจ้าแล้ว สิ่งนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากความตายเลย คานาโกะจึง
ได้ตัดสินใจว่า จำนวนความศรัทธาจากมนุษย์มาถึงขีดจำกัดแล้ว นับจากนี้ไป เธอก็จะลอง
เข้าหาโยว์ไคให้เป็นแหล่งความศรัทธาให้กับเธอบ้าง ซานาเอะเองก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้
ยินรายละเอียดแผนการของคานาโกะเป็นยิ่งนัก โดยโลกที่เรียกขานกันว่า "เกนโซเกียว"
ที่ยังคงมีตัวตนอยู่มาช้านานจนแทบจะลืมเลือนและถูกเก็บซ่อนไว้ ซึ่งเกนโซเกียวนั้นก็เป็น
สถานที่ๆรวบรวมไว้ซึ่งสิ่งต่างๆที่สาบสูญไปแล้วหรือที่เรียกว่าความเพ้อฝันในโลกภายนอก
โดยจะใช้ความศรัทธาต่อพระเจ้าของผู้คนที่มีอยู่ดำเนินการเคลื่อนย้ายศาลเจ้าสู่เกนโซเกียว
และในเมื่อคานาโกะได้ตัดสินใจเช่นนั้นแล้ว เธอก็ได้กล่าวลากับโลกมนุษย์ที่เธออาศัยอยู่มา
เป็นเวลายาวนาน ส่วนทางซานาเอะนั้นก็ได้เกิดความหวาดกลัวอยู่บ้างในการที่จะต้องไปจาก
โลกมนุษย์และไปยังที่โลกแห่งใหม่ แต่ก็ตัดสินใจที่จะไปในที่สุด เมื่อมาถึงเธอก็ไม่ได้รู้สึกคิด
จริงจังกับมนุษย์ในเกนโซเกียวเท่าไหร่ เพราะเมื่อพวกเขาถูกคุกคามเมื่อไหร่ ก็จะมีศาลเจ้า
ฮาคุเรย์เพียงแห่งเดียวที่จะสนองต่อความหวังของพวกเขาได้ ซึ่งเธอเองนั้นก็ยังได้ดูถูกพวก
เหล่ามนุษย์ในเกนโซเกียวอีก และถ้าสามารถทำให้ศาลเจ้าฮาคุเรย์ต้องมีอันปิดระงับไปล่ะก็
ก็จะทำให้พวกตนบรรลุความต้องการด้วย ซานาเอะก็เลยส่ง:X์นมาข่มขู่์เรย์มุ เพื่อให้เรย์มุ
ทำการระงับกิจการศาลเจ้าฮาคุเรย์ไปเสีย แต่ก็ไม่เป็นผล แถมยังได้บทเรียนอันแสนราคา
แพงกลับมาอีก มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเกนโซเกียวนั้นเป็นพวกเจ้าปัญหามากกว่าที่เธอคิดไว้
เสียอีก และในเวลานั้น เธอก็ได้เรียนรู้ในหลายสิ่งจากพวกเขาเอง ซึ่งก็ทำให้ซานาเอะ
รู้สึกว่าตัวเธอเองก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ถึงแม้ตัวเธอจะเป็นร่างจุติของเทพเจ้า แต่เธอก็
สามารถเลือกที่จะเป็นอย่างมนุษย์ได้ และก็ใช้ชีวิตตามปกติมาจนถึงเดี๋ยวนี้ ชีวิตมนุษย์
อันแสนสงบสุขในเกนโซเกียว
Yasaka Kanako
ชื่อไทย : ยาซากะ คานาโกะ
ชื่ออังกฤษ : Yasaka Kanako
ชื่อญี่ปุ่น : 八坂 神奈子
ฉายา : อวตารแห่งเนินเขาและทะเลสาบ
เผ่าพันธุ์ : เทพเจ้า
ความสามารถ : การสร้างสรรค์นภา
ยาซากะ คานาโกะ เทพเจ้าผู้สิงสถิตย์อยู่ในศาลเจ้าโมริยะและเคลื่อนย้ายสู่หุบเขาโยว์ไค
แห่งเกนโซเกียวจากโลกภายนอกที่เดิม โดยนามสกุล "ยาซากะ" ของเธอนั้นก็แปลได่้ว่า
เนินเขาเหลือคณานับ เธอกล่าวว่าตนเองเป็นเทพขุนเขา แตแท้่ที่จริงแล้วนั้นเธอเป็นเทพ
สายลมและฝนต่างหาก เธอมีความสามารถควบคุมสายลมและฝน หรือจะพูดได้อีกอย่าง
เธอนั้นได้รับการยกย่องบูชาให้เป็นเทพกสิกรรมนั่นเอง เหตุการณ์ต่อเนื่องที่นำเธอไปสู่การ
เป็นเทพแห่งขุนเขามันช่างซับซ้อนนัก และเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นของผู้รู้จักในศรัทธาก็คือ
คานาโกะและสึวาโกะ สัญลักษณ์ของคานาโกะก็คือ "ชิเมะนาวะ" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนที่
แสดงถึงงูโอบรอบ ทั้งนี้งูก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพ การเกิดใหม่และความเป็น
นิรันดร์ได้เช่นกัน ถึงอย่างนั้น มนุษย์ก็ได้รู้จักถึงความตายและต่างก็ไม่เชื่อในความเป็น
นิรันดร์ไปเสียแล้ว อีกทั้งในการกสิกรรมนั้น เหล่ามนุษย์ต่างก็หันมาพึ่งใช้ทักษะของตนเอง
ซึ่งขัดกับการใช้ฝนและสายลมที่เป็นธรรมชาติ มนุษย์ได้เรียนรู้ว่าภูเขานั้นกำเนิดมาจาก
ภูเขาไฟและเปลี่ยนกลายสภาพเป็นเปลือกนอกของโลก จึงทำให้พวกเขาหมดความกลัว
ที่จะข้ามผ่านภูเขาไป และแล้วเหล่ามนุษย์ต่างก็เริ่มหันมาเชื่อในวิทยาศาสตร์และความรู้
ไปในที่สุด และสิ่งที่ตามกันมานั้น ความศรัทธาของเหล่ามนุษย์ที่มีต่อคานาโกะก็ได้ค่อยๆ
สิ้นสุดลง ทำให้คานาโกะต้องค้นหาทางที่จะได้มาซึ่งศรัทธา และถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่
ที่เกี่ยวพันถึงตัวตนของเธอหรือเรียกได้ว่าชีวิตเลยทีเดียว ซึ่งก็คือการไปเก็บรวบรวมศรัทธา
ในเกนโซเกียวนั่นเอง เรียกว่าไปตายเอาดาบหน้าดีๆนี่เอง อย่างไรก็ตาม มันก็หมายความว่า
เธอจะต้องสูญเสียความศรัทธาทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่และสูญเสียพลังไปชั่วคราว ซึ่งเธอก็ได้
เลือกอนาคตที่มีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะยึดติดกับความรุ่งโรจน์ในอดีตซึ่งจะนำพาตนไป
สู่หายนะในสักวัน และแล้วแผนการของคานาโกะก็สำเร็จไปด้วยดี และสามารถเคลื่อนย้าย
ศาลเจ้าโมริยะมาสู่เกนโซเกียวได้ในที่สุด และเธอก็เริ่มต้นการได้รับการสักการะบูชาจาก
เหล่ากัปปะและเทนงูในฐานะเทพเจ้าแห่งหุบเขาโยว์ไค
Moriya Suwako
ชื่อไทย : โมริยะ สุวะโกะ
ชื่ออังกฤษ : Moriya Suwako
ชื่อญี่ปุ่น : 洩矢 諏訪子
ฉายา : จุดสูงสุดของเทพพื้นเมือง
เผ่าพันธุ์ : เทพเจ้า
ความสามารถ : สร้างค์พิภพ
ที่อยู่ : ศาลเจ้าโมริยะ
เทพเจ้าที่แท้จริงของศาลเจ้าโมริยะ เธอเป็นเทพขุนเขาและเคยเป็นผู้นำของเหล่าทวยเทพ
ที่อาศัยอยู่ในหุบเขาอยู่ครั้งหนึ่ง ครั้งกาลโบราณ เธอนั้นมีหัวใจศรัทธาอันเป็นปราฎิหารย์จน
ได้เป็น "ท่านมิชางุจิ" และเป็นที่หวาดกลัวของเทพองค์อื่นๆ เนื่องมาจากการลงทัณฑ์เทวะ
ของเธอ ซึ่งเป็นเหตุให้เธอได้รับจำนวนความศรัทธาอย่างเหนือธรรมดา สึวาโกะได้อุทิศตัว
ให้กับอาณาจักรของตนในฐานะราชาผู้ปกครองมากยิ่งนัก มาจนกระทั่ง เทพแห่งยามาโตะ
(เทพในตำนานโบราณของญี่ปุ่น)จำนวนหนึ่งได้้เริ่มเข้ารุกรานและยึดครองอาณาจักรเล็กๆ
อย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ โดยหนึ่งในเทพเหล่านั้นก็มี "ยาซากะ คานาโกะ" รวมอยู่ด้วยเช่นกัน
และแล้วในที่สุดพวกเขาก็สามารถรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว แล้วเรียกมันว่า "ญี่ปุ่น"
แน่นอนว่าพวกคานาโกะเองก็ได้เข้ามารุกรานอาณาจักรของสึวาโกะเช่นกัน ทำให้เธอเข้า
ต่อต้านและต่อสู้กับเหล่าเทพแห่งยามาโตะ ถึงอย่างนั้น คานาโกะก็ได้ยื่นข้อเสนอขอให้
เธอยอมจำนน อีกทั้งกับอาวุธของสึวาโกะเองก็เริ่มพังจนใช้การไม่ได้แล้ว สึวาโกะเข้าใจ
ถึงความแตกต่างในพลังของตนกับอีกฝ่าย เธอจึงยอมละทิ้งอาณาจักรของตนไปในที่สุด
และแล้วคานาโกะก็ได้มาซึ่งอาณาจักรโมริยะ(洩矢) แม้กระนั้น เหล่าผู้คนแห่งโมริยะก็หา
ได้ลืมความหวาดกลัวในเทพแห่งธรรมชาติทั้งปวงหรือมิชางุจิไม่ และไม่อาจยอมรับเหล่า
บรรดาทวยเทพองค์ใหม่ได้เช่นกัน คานาโกะรำพึงว่าตนเองไม่ได้รับความศรัทธาจากผู้คน
ที่นี่เลย เธอจึงคิดว่าละทิ้งอาณาจักรแห่งนี้ไปเสียดีกว่า แต่ทว่า เธอกลับได้ถูกเรียกขอให้
เป็นเทพเจ้าองค์ใหม่และรวมตัวกันกับเทพแห่งโมริยะ(洩矢)ภายในอาณาจักร และเทพเจ้า
องค์ใหม่นี้ก็ได้รับการเรียกขานว่าโมริยะ(守矢)ไป กระนั้น ณ ที่ภายนอกอาณาจักรกลับมีชื่อ
แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ ดูเหมือนหากเป็นการปกครองอาณาจักรสำหรับโมริยะ(守矢)แล้ว
แน่นอนว่าจะกลายเป็นโมริยะ(洩矢) และด้วยเหตุเช่นนี้ สึวาโกะจึงได้คิดขอยืมพลังจาก
คานาโกะ และเข้าปกครองในฐานะเทพขุนเขาอย่างเงียบเชียบ ทางด้านเทพเจ้าองค์ใหม่
ที่ได้ถูกกล่าวถึงการปกครองเหนืออาณาจักรที่จะต้องอยู่ในนามของเทพเจ้าเท่านั้น การคงอยู่
เป็นวิถีเดียวที่จะปกปักษ์รักษาตำนานแห่งยามาโตะไว้ได้ ในความเป็นจริง สึวาโกะได้เข้า
สานต่อปกครองอาณาจักรอยู่ ถึงแม้ว่าเหล่าเทพเจ้าแห่งโลกยุคใหม่จะได้เข้ามาแทนที่เหล่า
เทพตำนานยามาโตะก็ตาม แต่เธอก็ยังคงอยู่แบบดั้งเดิมจากการรวบรวมความศรัทธาอย่าง
รอบคอบ ถึงอย่างไรก็ตาม ความศรัทธาที่เธอเก็บรวบรวมมาตลอดทั้งยุคสมัยก็ได้ค่อยๆหดหาย
ไปอย่างช้าๆ เพราะการเข้ามาของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ แต่สึวาโกะเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้สัก
เท่าไหร่ กระนั้นในเวลาต่อมา คานาโกะเริ่มตัดสินใจที่จะย้ายไปยังเกนโซเกียว ซึ่งสึวาโกะเอง
ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเกนโซเกียวเท่าไหร่ แต่เธอก็ตัดสินใจขอสนุกกับความอภิรมย์ครั้งสุดท้าย
และเหตุผลที่เธอไม่ได้โต้แย้งคานาโกะและมาที่เกนโซเกียว ก็เพราะว่าเธอไม่เหลือความอาลัย
เหลืออยู่ต่อโลกภายนอกหรือโลกมนุษย์อีกแล้ว นั่นจึงทำให้มีคนจำนวนน้อยที่รู้จักชื่อของเธอ
กระนั้น แม้กระทั่งซานาเอะ มนุษย์ผู้อยู่ใกล้คานาโกะมากที่สุดก็กลับไม่ได้รู้จักสึวาโกะเลยด้วยซ้ำ
โดยตัวซานาเอะนั้นถึงจะเป็นผู้รับใช้ของคานาโกะก็จริง แต่เหตุผลที่เธอสามารถสร้างปราฎิหารย์
ได้นั้น ก็เพราะเธอเป็นผู้สืบทอดห่างๆของสึวาโกะต่างหาก ทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนซานาเอะจะไม่ได้
รู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่ของเทพเจ้าทั้งสองมากนัก สึวาโกะเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน แต่เธอก็รู้สึก
ขอบคุณคานาโกะเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้เธอได้สนุกกับชีวิตใหม่ในเกนโซเกียวแห่งนี้ และแม้ตอนนี้
คานาโกะจะได้เป็นเทพสายลมแล้ว แต่ไฉน เชือกเงื่อนงูของเธอกลับไม่ได้บ่งบอกถึงตัวตนของ
เธอเลย ก็เพราะว่ามันมีเหตุผลอยู่ทั้งสองอย่าง อย่างแรก เพราะว่าสัญลักษณ์การเกิดใหม่ของงู
คือสิ่งที่เป็นปรปักษ์กับความหวาดกลัวในมิชางุจิ และเหตุผลที่สอง... เธอต้องการเน้นความจริง
ที่เธอชนะสึวาโกะได้ หากสึวาโกะเป็นเทพเจ้าที่มีที่มาจากกบ คานาโกะก็จะเป็นงูที่กิบกบนั่นเอง
เหมือนกับสุภาษิตที่ได้กล่าวขานไว้ว่า "อาณาจักรแห่งนี้ กบได้ถูกงูเข้ามาปกครองแทนเสียแล้ว"
ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำไมสึวาโกะและคานาโกะถึงได้มักจะชอบโต้เถียงขัดแย้งกัน ถึงอย่างนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง แท้ที่จริงแล้วก็คือมิตรสหายเพื่อนรักที่ไมตรีต่อกันนั่นเอง
[Touhou 10.5 東方緋想天 ~ Scarlet Weather Rhapsody]
Nagae Iku
ชื่อไทย : นางาเอะ อิคุ
ชื่ออังกฤษ : Nagae Iku
ชื่อญี่ปุ่น : 永江 衣玖
ฉายา : อาภรณ์สีชาดอันแสนงดงาม
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไค
ความสามารถ : อ่านอากาศ
นางาเอะ อิคุ โยว์ไคผู้เป็นข้ารับใช้ของเผ่ามังกร เดินทางไปมาระหว่างโลกมังกรกับโลกมนุษย์
มีความสามารถในการสื่อสารกับเหล่ามังกรได้ แล้วนำข้อความนั้นมาถ่ายทอดให้แก่มนุษย์
ได้รับรู้ เปรียบเสมือนกับล่ามดีๆนี่เอง เธอใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ท่ามกลางเหล่าหมู่เมฆบนท้องฟ้า
ในวันๆหนึ่งเธอก็ไม่ได้มีกิจกรรมอดิเรกอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอัน จะมีก็เพียงหน้าที่สำคัญในการ
คอยดูแลเทพมังกรเท่านั้น นอกนั้นเธอก็จะไปเดินเล่นโดยแหวกว่ายอากาศอย่างงดงามยิ่ง
ซึ่งการที่เธอสามารถบินหรือแหวกว่ายบนอากาศได้นั้นก็เพราะมีอาภรณ์เทวา ซึ่งเป็นไอเท็ม
ที่ทำให้เธอหรือมนุษย์ผู้ใดก็ตามได้สวมใส่มัน ก็สามารถโบยบินบนท้องฟ้าได้ดั่งใจเลยทีเดียว
นากาเอะมีนิสัยเป็นคนเรียบง่าย ไม่ชอบความวุ่นวาย และเป็นคนใจเย็นอยู่เสมอ แต่ก็มีบ้าง
เป็นส่วนน้อยที่เธอจะเสนอความคิดเห็นของตนเอง แต่เธอก็ชอบที่จะคอยเฝ้าดูคนอื่นมากกว่า
นอกจากนี้ ความสามารถของเธอคือการอ่านอากาศหรือก็คือสามารถในการเข้าใจลักษณะ
ภูมิอากาศบริเวณนั้นได้อย่างถ่องแท้ แล้วจึงค่อยปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศของที่นั่นได้
ชนิดที่ว่าเธอสามารถลบตัวตนของเธอเองเพื่อหลบการโจมตีทั้งหมดก็ยังได้ และด้วยนิสัย
ของเธอเองที่ไม่ชอบความวุ่นวาย เธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะสร้างความวุ่นวายให้แก่สถานที่ต่างๆ
หากว่าไม่มีเหตุอันจำเป็น และไม่เคยสร้างความเสียหายต่อมนุษย์อีกด้วย จึงแทบไม่เคยมี
มนุษย์คนใหนพบเห็นตัวเธอแบบตัวเป็นๆเลย นอกจากร่องรอยที่เธอทิ้งเอาไว้ให้เห็น
Hinanawi Tenshi
ชื่อไทย : ฮินานะอิ เทนชิ
ชื่ออังกฤษ : Hinanawi Tenshi
ชื่อญี่ปุ่น : 比那名居 天子
ฉายา : เด็กสาวแห่งสวรรค์ชั้นที่สี่
เผ่าพันธุ์ : เทวดา
ความสามารถ : ควบคุมปฐพี
ฮินะนาอิ เทนชิ หรือที่ชื่อของเธอนั้นสามารถแปลว่า "จักรพรรดิ" หรือ "โอรสสวรรค์"
เทวดานิสัยเสียบนสวรรค์ เนื่องจากได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างทนุถนอมเป็นอย่างดี
จึงมีนิสัยเอาแต่ใจตนเองเป็นยิ่งนัก ไม่เคยสำนึกว่าตนเองเป็นเทวดาเลยด้วยซ้ำ
เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจในพลังของตนเองเป็นที่สุด และเมื่อถูกดูถูกถึงเรื่องนี้
เธอก็จะเดือดดาลเป็นที่สุดเช่นกัน เทนชิเกิดมาในตระ:Xลฮินะนาอิ ซึ่งแต่เดิมเคย
เป็นมนุษย์มาก่อน และเมื่อเสียชีวิตลงก็จะได้ขึ้นมาเป็นเทวดาบนสวรรค์ ซึ่งเทนชิ
เองก็ได้ขึ้นมาเป็นเทวดาต่อจากบิดามารดาของตนเช่นกัน โดยสาเหตุซึ่งคนใน
ตระ:Xลฮินะนาอิได้ขึ้นมาเป็นเทวดาบนสวรรค์ได้ก็เนื่องจาก แต่เดิมตระ:Xลนี้เป็น
นักบวชที่มีหน้าที่คุ้มครองแก่นหินคอยยับยั้งการเกิดแผ่นดินไหว แต่ต่อมาแก่นหิน
ก็เริ่มไร้ประโยชน์ แถมรังแต่จะก่อแผ่นดินไหวมากขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งนั้นได้เกิดเหตุ
แผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเทวดาผู้รับผิดชอบเรื่องแผ่นดินไหวครั้งนั้น
อย่าง "โอโอมุระโนะคามิ" ที่มิอาจรับมือทันได้ ก็ได้มอบหมายงานยับยั้งแผ่นดินไหว
ให้แก่ตระ:Xลนาอิซึ่งเป็นตระ:Xลหลักของฮินานุอิไปจัดการ และด้วยเหตุนั้นจึงทำให้
ตระ:Xลนาอิได้รับความดีความชอบไปอย่างมหาศาล แต่เหล่าตระ:Xลนาอิก็ขอปฎิเสธ
รับความดีนี้ไป แต่ได้ขอมอบความชอบนี้ให้ตระ:Xลสาขาอย่างตระ:Xลฮินะนาอิซึ่งมัก
จะคอยช่วยงานให้เสมอมารับไปแทนทั้งหมดเต็มๆ และทำให้ทุกคนในตระ:Xลฮินานุอิ
ได้ขึ้นเป็นเทวดาบนสวรรค์อีกด้วย ส่วนตระ:Xลนาอิ เมื่อตายไปก็จะเป็นวิญญาณเทพ
ไปสิงสถิตย์อยู่ในศาลพระภูมิบริเวณข้างบึงกบยักษ์ในเกนโซเกียวไปแทน แต่กระนั้น
กลับกลายเป็นว่าตระ:Xลฮินะนาอิทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นเทวดาเอาเลย เพราะ
ไม่เคยที่จะบำเพ็ญเพียรตน ซึ่งต่างจากเทวดาท่านอื่นๆบนสวงสวรรค์ ทำให้พวกเขา
ถูกเรียกว่าเทวดาไม่ดีไป เทนชิเองก็เช่นกัน เมื่อสมัยเธอยังเป็นมนุษย์ เธอมีชื่อว่า
"จิโกะ" แต่เมื่อได้กลายมาเป็นเทวดาจึงค่อยมาเปลี่ยนชื่อมาเป็นเทนชิในภายหลัง
เทนชิไม่ชอบสิ่งที่สวรรค์ปฎิบัติต่อเธอเป็นยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้กระมั้ง เธอจึงแอบอิจฉา
เหล่ามนุษย์และโยว์ไคในเกนโซเกียวที่สามารถใช้ชีวิตได้อิสระตามใจตน เธอจึงนึก
สนุกที่จะก่อภัยพิบัติขึ้นในเกนโซเกียว พร้อมทั้งได้นำเอากระบี่ไร้คนึงซึ่งเป็นสมบัติ
ของสวรรค์ไปด้วย โดยความสามารถของกระบี่ไร้คนึงก็คือการมองทะลุลักษณะนิสัย
ของเป้าหมายได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้มันสามารถแทงทะลุจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้
อย่างแม่นยำ อีกทั้งกระบี่ไร้คนึงก็มีแต่เทวดาเท่านั้นที่จะใช้งานมันได้อีกด้วย ประกอบ
กับแก่นหินควบคุมปฐพีที่สืบทอดกันมาในตระ:Xลของเธอ ทำให้เธอก่อแผ่นดินไหว
สร้างความวุ่นวายในเกนโซเกียว และยังทำให้ศาลเจ้าฮาคุเรย์ถล่มพังย่อยยับอีกด้วย
ซึ่งต่อมา เทนชิก็ถูกมิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์กำหราบไปในที่สุด จนเธอสำนึกได้
ในสิ่งที่ตนกระทำลงไป... เธอจึงได้ช่วยบูรณะสร้างศาลเจ้าฮาคุเรย์ให้กับเรย์มุขึ้นมา
ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
[Touhou 11 東方地霊殿 ~ Subterranean Animism]
Kisume
ชื่อไทย : คิสึเมะ
ชื่ออังกฤษ :Kisume
ชื่อญี่ปุ่น : キスメ
ฉายา: ภูตบ่อน้ำที่น่าสะพรึงกลัว
เผ่าพันธุ์ : ผีถังตก
ความสามารถ : การทิ้งเพลิงอสูร
คิสึเมะเป็นผีถังตกหรือที่เรียกว่า "สึรุเบะโอโตชิ" ซึ่งเป็นโยว์ไคชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าโยว์ไคชนิดนี้
จะแอบซ่อนอยู่บนที่สูงๆเช่นต้นไม้ และจู่ๆก็จะร่วงหล่นลงมาหลอกมนุษย์ที่ผ่านมาบริเวณนั้น
จัดเป็นโยว์ไคกระแทกหัวที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งยวด ปกติเธอจะอาศัยอยู่ในถ้ำหรือตามบ่อน้ำ
อีกทั้งเธอยังเป็นโยว์ไคขี้อายที่ชอบอยู่ในที่แคบๆ จึงมักจะเข้าไปอยู่ในถังเสมอ
Kurodani Yamame
ชื่อไทย : คุโระดานิ ยามาเมะ
ชื่ออังกฤษ : Kurodani Yamame
ชื่อญี่ปุ่น : 黒谷 ヤマメ
ฉายา : ใยสว่างไสวในถ้ำที่มืดสลัว
เผ่าพันธุ์ : แมงมุมดิน
ความสามารถ : ควบคุมความเจ็บป่วย
ที่อยู่ : ใต้พิภพ
ยามาเมะเป็นโยว์ไคแมงมุมที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงเก่าหรือก็คือส่วนลึกของถ้ำ มีนิสัยชอบการต่อสู้วิวาท
หรือการทำสงคราม ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หน้าใหนมาขอท้าเธอต่อสู้ด้วย เธอก็ไม่เคยปฎิเสธที่จะปฎิเสธคำท้า
เช่นกัน แต่เพราะด้วยความสามารถของเธอที่มีอยู่ นั่นก็คือการควบคุมความเจ็บป่วยเองนั้น จึงทำให้ใครๆ
ที่พบเจอต่างก็รังเกียจกันทั้งสิ้น แม้ว่าเธอจะไม่เคยทำให้อีกฝ่ายเจ็บป่วยโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลังก็ตาม
แต่หากลองพูดคุยกันด้วยดีๆแล้ว จะเห็นได้ว่าเธอก็เป็นคนสนุกสนาน มีมนุษยสัมพันธ์ดีมากเช่นเดียวกัน
จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าบรรดาโยว์ไคที่อยู่ใต้ผืนพิภพด้วยกันทั้งหลาย
Mizuhashi Parsee
ชื่อไทย : มิซึฮาชิ พาร์ซี่
ชื่ออังกฤษ : Mizuhashi Parsee
ชื่อญี่ปุ่น : 水橋 パルスィ
ฉายา : จิตริษยาใต้เปลือกโลก
เผ่าพันธุ์ : เจ้าหญิงสะพาน
ความสามารถ : ควบคุมจิตริษยา
ที่อยู่ : ใต้พิภพ
มิซึฮาชิ พาร์ซี่เป็นโยว์ไคที่ทำหน้าที่เฝ้าดูแลรูซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเหนือพิภพกับใต้พิภพ
และคอยคุ้มครองผู้เดินทางให้การเดินทางไปมาทางสะพานระหว่างโลกใต้พิภพทั้งสอง
เป็นไปอย่างปลอดภัย แต่ด้วยความที่เธอมีความริษยาอันแรงกล้า เมื่อเจอนักเดินทางที่
กำลังเดินทางอย่างสนุกสนานเข้า เธอจะเข้าไปก่อกวนพวกนั้นทันใด และเมื่อยามที่เธอ
คลุ้มคลั่งด้วยความอิจฉา เธอจะสามารถปลุกเร้าความอิจฉาในใจของคนอื่นได้อีกด้วย
Hoshiguma Yugi
ชื่อไทย : โฮชิกุมะ ยูกิ
ชื่ออังกฤษ : Hoshiguma Yugi
ชื่อญี่ปุ่น : 星熊 勇儀
ฉายา : สิ่งเหนือธรรมชาติที่ถูกกล่าวขาน
เผ่าพันธุ์ : ยักษ์
ความสามารถ : ควบคุมสิ่งเหนือธรรมชาติ
หนึ่งในยักษ์ที่ได้รับการขนานนามว่า "จตุรเทพแห่งขุนเขา" เช่นเดียวกับซุยกะ ปัจจุบันเธออาศัยอยู่
กับยักษ์ตนอื่นๆที่เหลืออยู่ในเมืองหลวงเก่าแห่งนี้ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของขุมนรก แต่ก็ได้ถูก
แบ่งแยกออกมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งในเมืองหลวงเก่าแห่งนี้ก็เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าโยว์ไคมากมาย
หลากหลาย แต่เผ่าที่ดูโดดเด่นที่สุดในบรรดานั้นก็คือยักษ์นั่นเอง ซึ่งยักษ์เหล่านี้ก็ยังช่วยชี้นำเหล่า
โยว์ไคที่ถูกรังเกียจจากบนผืนพิภพให้มาอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ เป็นเหมือนบ้านหลังใหม่ให้อีกด้วย กระนั้น
พวกยักษ์ก็ไม่ขอยุ่งกับทางข้างบนผืนพิภพและตัดขาดการติดต่อแล้วเช่นกัน เนื่องจากว่า พวกโยว์ไค
ที่อยู่ด้านบนผืนพิภพรู้สึกได้ถึงอันตรายที่อยู่ลึกลงไปข้างใต้พิภพที่พวกโยว์ไคต่างหนีกันไปอยู่อาศัยกัน
จึงได้ยื่นข้อเสนอว่าหากจะให้ยอมรับเมืองใหม่ที่อยู่ใต้พิภพนี้ ก็ต้องแลกกับการผนึกวิญญาณแค้นแห่ง
ขุมนรกเอาไว้ด้วย แต่พวกยักษ์ก็ไม่ยอมรับและไม่ยอมให้โยว์ไคหน้าไหนเข้ามายังเมืองใต้พิภพอีกต่อไป
และแล้วเหล่ายักษ์ก็ได้สร้างสังคมในอุดมคติของพวกตนขึ้นมาอย่างสมบูรณ์และพึ่งพาอาศัยอยู่กัน
อย่างลับๆเรื่อยมา ตัวยูกิเองก็ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างสนุกสนาน ชอบการดื่มเหล้าและการส่งเสียง
โหวกเหวก สมกับที่เธอเป็นยักษ์เสียจริง
Komeiji Satori
ชื่อไทย : โคเมย์จิ ซาโทริ
ชื่ออังกฤษ : Komeiji Satori
ชื่อญี่ปุ่น : 古明地 さとり
ฉายา :
เผ่าพันธุ์ : ซาโทริ (โยวไค)
ความสามารถ : อ่านใจ
โคเมย์จิ ซาโตริ ผู้มีสมญาว่าจ้าวแห่งวังวิญญาณพิภพ เธอเป็นโยว์ไคที่เรียกกันว่า "ซาโตริ"
ซึ่งมีความสามารถในการอ่านจิตใจได้ เมืองใต้พิภพนั้นแม้ว่าจะถูกแบ่งแยกจากนรกไปแล้ว
แต่ก็ยังมีวิญญาณส่วนหนึ่งที่เคยอยู่ในนรกเหลือหลุดรอดอยู่เช่นกัน จึงต้องมีการควบคุม
วิญญาณเหล่านี้ขึ้น เพื่อการนี้ วังวิญญาณพิภพจึงได้ถูกก่อสร้างขึ้นตรงบริเวณตอนเหนือ
ของซากเพลิงนรก และที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ๆเธอยึดครองอยู่ และเนื่องจากเธอสามารถที่
จะอ่านจิตใจของคนอื่นได้ ทำให้ไม่ว่าทั้งโยว์ไคหรือวิญญาณตนใหนต่างก็กลัวเธอกันทั้งนั้น
จึงไม่แปลกที่วังวิญญาณพิภพจะไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยมเยียนบ้างเลย แต่ในอีกด้านหนึ่ง พลังนี้
ของเธอก็ทำให้เธอเป็นที่รักของเหล่าสัตว์ทั้งหลายที่พูดไม่ได้ จึงไม่แปลกเช่นกันที่เธอจะมี
สัตว์เลี้ยงมากมาย โดยมีทั้งแมวเพลิงจนไปถึงอีกานรกเลยทีเดียว ซึ่งสัตว์เหล่านี้ก็มีที่มาจาก
ขุมนรกเช่นกัน และยากต่อการควบคุม ซึ่งในใต้พิภพแห่งนี้นั้น ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่ซาโตริ
คนเดียวเท่านั้นที่สามารถควบคุมให้ทำตามคำสั่งได้ โดยเธอเองก็ได้จัดแจงสัตว์เลี้ยงของตน
ให้ไปทำหน้าที่ต่างๆด้วย เช่น ให้คอยควบคุมดูแลสัตว์เลี้ยงตัวอื่นบ้างล่ะ ให้คอยเฝ้าสวนบ้างล่ะ
จนไปถึงให้ไปเล่นกับน้องสาวของเธอบ้างล่ะ นอกจากนี้ทั้งโอรินและอุตสึโฮะต่างก็เป็นสัตว์เลี้ยง
ผู้จงรักภักดีต่อเธอเช่นกัน โดยต่างคนต่างก็ได้รับหน้าที่จากซาโตริให้ไปทำหน้าที่ใหญ่ที่สำคัญ
ด้วยกัน ซึ่งต่อมาเมื่อมีสาวน้อยชาวมนุษย์จากบนผืนพิภพบุกรุกลงมายังใต้พิภพ เมื่อซาโตริได้ลอง
อ่านใจของสาวน้อยคนนั้นก็ต้องประหลาดใจเป็นยิ่งนักกับสิ่งที่ตนเห็น ซาโตริจึงได้ลองทดสอบ
มนุษย์ผู้นั้นเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง
Kaenbyou Rin
ชื่อไทย : คาเอนเบียว ริน (ชื่อเล่น : โอริน)
ชื่ออังกฤษ : Kaenbyou Rin
ชื่อญี่ปุ่น : 火焔猫 燐
ฉายา : อุบัติเหตุทางบกแห่งขุมนรก
เผ่าพันธุ์ : คาชา
ความสามารถ : เคลื่อนย้ายซากศพ
ชื่อจริงของเธอคือ "คาเอนเบียว ริน" แต่เนื่องจากว่าเธอไม่ชอบชื่อที่มันยาวๆ เธอจึงขอให้ทุกคน
เรียกตนว่า "โอริน" แทน เธอเป็นแมวที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง และเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยง
ของซาโตริเช่นกัน เป็นคนพูดเก่งและสามารถพูดคุยกับซากศพกับวิญญาณได้ อีกทั้งตัวเธอเอง
ก็มีหน้าที่ในการคอยควบคุมเหล่าวิญญาณที่อยู่ตามทางซากเพลิงนรกด้วย ตัวเธอนั้นมีเพื่อนเก่า
เพื่อนแก่อยู่คนหนึ่งชื่อว่าอุตสึโฮะ โดยทั้งคู่ต่างก็เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เนื่องจากทั้งคู่ได้รับ
การเลี้ยงดูจากซาโตริครั้งตั้งแต่ที่ใต้พิภพแห่งนี้ได้แยกตัวออกมาจากนรกนั่นเอง วันหนึ่ง เธอรู้สึก
สังหรณ์ถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นในทางเข้าสู่นรก เนื่องจากว่าเพลิงไฟเริ่มจะลามรุนแรงมากขึ้น
จากปกติ ซึ่งการควบคุมปรับเพลิงไฟเหล่านี้ก็เป็นหน้าที่ของอุตสึโฮะเช่นกัน โอรินจึงตัดสินใจไป
เยี่ยมอุตสึโฮะและก็ต้องประหลาดใจยิ่งนักในสิ่งที่เธอเห็น เมื่ออุตสึโฮะได้ค้นพบขุมพลังที่แสนจะ
น่าหวาดกลัวซึ่งน่าจะเป็นฝีมือของใครบางคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งต่อมาอุตสึโฮะก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
และต้องการที่จะไขว่คว้าพลังมาอีก เธอจึงเกิดความทะเยอทะยานมีความคิดที่จะเข้ายึดครองข้างบน
ผืนพิภพและเปลี่ยนมันให้เป็นนรกบนดินไปด้วย โอรินเองก็ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นเช่นกัน ซึ่งหากซาโตริ
และพวกยักษ์รู้เข้าก็คงจะไม่ปล่อยอุตสึโฮะเป็นแน่ เช่นนั้น ในฐานะเพื่อนรัก โอรินจึงตัดสินใจตามสืบหา
ศิลปะต้องห้ามเข้า ซึ่งศิลปะต้องห้ามนี้ก็คือวิธีขับไล่วิญญาณที่อยู่บนผืนพิภพนั่นเอง หากว่ามีเรื่องเกิดขึ้น
กับเหล่าโยว์ไคที่อยู่บนผืนพิภพล่ะก็ พวกนั้นคงจะไม่นิ่งนอนใจและจะต้องมีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน
โอรินจึงพยายามทุกวิถีทางให้ทางด้านบนได้รับรู้ เพื่อจะได้มีโยว์ไคตนใหนซักตนก็ได้ลงมาช่วยเหลือเธอ
แต่ว่าคนที่ลงมานั้นกลับกลายเป็นสาวน้อยชาวมนุษย์ไปเสียนี่ โอรินจึงขอประลองดันมาคุเพื่อทดสอบดู
และก็เกินคาดของโอริน เมื่อมนุษย์ผู้นี้แข็งแกร่งเกินธรรมดายิ่งนัก โอรินจึงคิดว่า มนุษย์ผู้นี้คงจะสามารถ
หยุดยั้งอุตสึโฮะได้แน่ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างกลับสู่ปรกติ โอรินได้กลับไปหาซาโตริก่อน โดยเธอคิดว่าจะต้อง
ไม่ให้ใครรู้เกี่ยวกับแผนการของอุตสึโฮะทั้งนั้น โดยเฉพาะซาโตริ ไม่อย่างนั้นอุตสึโฮะคงต้องถูกกำจัดแน่
เหมือนดั่งเช่นลูกไปทำอะไรผิดมาแล้วหวาดกลัวพ่อแม่จนต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้ ซาโตริเองก็เช่นกัน
และหวาดกลัวที่ซาโตริจะโกรธเรื่องนี้อยู่เรื่อยไป
Reiuzi Utsuho
ชื่อไทย : เรย์อุจิ อุทสึโฮะ (ชื่อเล่น : โอคูว)
ชื่ออังกฤษ : Reiuzi Utsuho
ชื่อญี่ปุ่น : 霊烏路 空
ฉายา :
เผ่าพันธุ์ : อีกนรก ร่าง ยาตะการาสุ (อีกายาตะ)
ความสามารถ : ควบคุมปฏิกิริยาทางนิวเคลียร์
ยาตะการาสุหรืออีกานรกผู้เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงของซาโตริ มีชื่อเล่นว่า "โอคู" อีกทั้งตัวเธอยัง
ฉายแสงสีสะดุดตายิ่งนัก โดยที่เท้าซ้ายของเธอนั้นคือ "เท้าแห่งการแยกแยะโครงสร้าง" ส่วนที่
เท้าขวาก็คือ "เท้าแห่งสภาพติดแน่น " และสุดท้ายที่ส่วนแขนขวาก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนขาที่สาม
ให้กับเธออีกด้วย แต่การจะใช้ขาทั้งสามนั้นก็ทำให้เธอใช้พลังไปมากพอควรเช่นกัน เมื่อเธอตื่นขึ้น
มาจากการหลับไหลอันแสนยาวนาน ก็มีวังวิญญาณพิภพตั้งอยู่บริเวณของซากเพลิงนรกเสียแล้ว
แถมใต้ผืนพิภพนี้ยังตัดขาดจากนรกอีกต่างหาก สิ่งที่เธอได้เห็นก็คือใต้ผืนพิภพที่ไร้ความวุ่นวาย
มีทั้งโยว์ไคมากมายหลากหลายมาอาศัยอยู่ อีกทั้งวิญญาณร้ายก็หลุดพ้นความพยาบาทไปแล้วอีก
เมื่อซาโตริเห็นเธอเข้าก็จึงนำเธอมาเลี้ยงดูพร้อมกับโอรินในฐานะสัตว์เลี้ยง ต่อมา ทั้งเธอกับโอริน
ก็ได้รับมอบหมายหน้าที่อันหนักอึ้งจากซาโตริให้ไปรับผิดชอบ โดยโอรินมีหน้าที่คอยควบคุมดูแล
เหล่าวิญญาณ ส่วนอุตสึโฮะได้รับหน้าที่ในการคอยจัดการดูแลบริเวณทางเข้าขุมนรก โดยการควบคุม
เปลวเพลิงนั่นเอง ซึ่งหน้าที่ๆพวกเธอทำนั้นก็เป็นชีวิตที่สงบสุข น่าพึงพอใจยิ่งนัก จนกระทั่งวันหนึ่ง
ชีวิตอันแสนสงบสุขของเธอก็ต้องมีอันสลายไป เมื่อมีใครบางคนแอบเข้าไปยังทางเข้าสู่ขุมนรกโดย
ไม่มีใครรู้ตัว และเริ่มกระซิบบอกกับอุตสึโฮะว่าภายในซากเพลิงนรกได้ซ่อนขุมพลังอันมหาศาลเอาไว้
และชักจูงให้อุตสึโฮะไปนำพลังนั้นมาซะ และใช้มันตามความต้องการ โดยเปลี่ยนผืนพิภพให้กลายเป็น
นรกที่เธอสามารถอยู่อาศัยได้นั่นเอง เมื่ออุตสึโฮะได้รับพลังนั้นมา ร่างกายของเธอก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสง
บางอย่างและรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนเข้าสิงสถิตย์ของเธอไปแล้ว และแล้วร่างของเธอก็เปลี่ยนแปลง
ไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งอุตสึโฮะเองก็สนุกสนานกับการใช้พลังใหม่นี้ และทำการที่จะเริ่มแผนร้ายของเธอ...
แต่แล้วก็มีมนุษย์สาวน้อยได้เดินทางลงมาจากผืนพิภพ และหยุดยั้งความทะเยอทะยานของเธอลงได้
ไปในที่สุด
Komeiji Koishi
ชื่อไทย : โคเมย์จิ โคอิชิ
ชื่ออังกฤษ : Komeiji Koishi
ชื่อญี่ปุ่น : 古明地 こいし
ฉายา : ม่านตาแห่งรักที่ปิดลง
เผ่าพันธุ์ : ซาโตริ
ความสามารถ : จิตใต้สำนึก
น้องสาวของ โคเมย์จิ ซาโทริ
เธอเองก็เป็นเผ่าซาโทริเช่นเดียวกัน เป็นโยวไคที่อ่านใจได้
แต่เธอรู้ว่าการอ่านใจนั้นทำให้ถูกรังเกียจ โคอิชิจึงปิดตาที่สามที่ใช้ในการอ่านใจลง
ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงสูญเสียความสามารถในการอ่านใจไป
แต่ก็กลายเป็นว่าเธอสามารถกระทำการใดๆด้วยจิตใต้สำนึกได้ แทนที่ความสามารถเดิมที่เสียไป
แม้เธอจะไม่ถูกผู้อาศัยในใต้พิภพรังเกียจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่เป็นที่หวาดกลัว และไม่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสัตว์
พลังอ่านใจ คือ ความเข้มแข็งของจิตใจของตนเอง
การที่ปิดผนึกไปด้วยเหตุผลที่ว่ารังเกียจพลังแบบนั้น เป็นเพียงการหนีเท่านั้นเอง สุดท้ายแล้วก็ไม่ต่างจากการปิดกั้นจิตใจของตนเองเลย
เป็นการ Shut Down อย่างสมบูรณ์ด้วยการไม่ยอมรับจิตใจของผู้อื่นเลย
เธอไม่มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อะไร กลายเป็นโยวไคที่เอาแต่ซัดเซพเนจรไปตามที่ต่างๆอย่างไร้จุดหมายเท่านั้น
สำหรับเธอก็คงจัดว่ามีความสุขกับชีวิตแบบนั้น และก็ไม่มีปัญหาเดือดร้อนแต่อย่างใด
แต่เมื่อมองจากสายตาของคนรอบข้างก็จะเห็นว่าเธอเป็นคนที่น่าสงสารนิดหน่อย
สิ่งที่ซาโทริผู้พี่ไม่อาจอ่านใจได้นั้น มีเพียงหัวใจของโคอิชิที่ถูกปิดกั้นเท่านั้น
ที่ผ่านมา เธอจึงไม่อาจทราบได้เลยว่าน้องสาวของตนกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน
เห็นกลับมาเล่นกับแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยง แล้วก็ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีกแล้วก็ไม่รู้
ซาโทริรู้สึกสงสารโคอิชิที่เป็นแบบนั้น ระยะหลังมานี้จึงได้ออกคำสั่งให้สัตว์เลี้ยงไปเล่นกับโคอิชิ
และมอบสัตว์เลี้ยงชั้นเลิศของเธอให้แก่โคอิชิไปหลายตัว
เมื่อได้เลี้ยงสัตว์ โคอิชิก็เริ่มมีเป้าหมายขึ้นมาเล็กน้อย และคิดว่าน่าจะสามารถยอมรับจิตใจของผู้อื่นได้
แม้จะแค่เพียงเล็กน้อย แต่นับจากเริ่มเลี้ยงสัตว์เป็นต้นมา โคอิชิเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ในคราวนี้ เธอได้ยินว่ามีมนุษย์จากเหนือพิภพลงมาที่นี่ แล้วทะเลาะเบาะแว้งกับพี่สาวของเธอและพวกโอคูว
จากเรื่องที่ได้ยินมา เธอสนใจเรื่องความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ของโอคูว เธอจึงมุ่งหน้ามายังเหนือพิภพ
ไม่มีใครรู้สึกได้ถึงตัวเธอที่กระทำการใดๆด้วยจิตใต้สำนึกเลย
ครั้นเมื่อขึ้นมาถึงพื้นพิภพ ก็ข้ามผ่านรักแร้ของมิโกะที่กำลังนอนหลับ ผ่านภูเขาที่มีเทนกุคอยลาดตระเวน
โดยที่ไม่มีใครเลยที่รู้สึกถึงวี่แววของเธอ
แม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องที่สะดวกดี แต่มันก็ดูเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างไปหน่อยจริงๆนั่นล่ะ
หากแต่โคอิชินั้นไม่มีความคิดเรื่องความโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ในหัวใจเลย
มนุษย์ที่ได้พบโดยบังเอิญ ณ ศาลเจ้าบนภูเขาที่เป็นเป้าหมายของเธอ
การได้พบกับมนุษย์ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนนั้น ยังผลให้จิตใจของเธอเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย
เธอคิดว่า, สิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจอย่างนี้ก็มีด้วยแฮะ, จึงนึกอยากทำความรู้จักกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้านี้ให้มากยิ่งขึ้น
ณ ตอนนี้เอง ที่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเสียดาย ที่ปิดตาที่สามไป
ก่อนอื่นก็ต้องชวนเชิญให้ไปที่วังวิญญาณพิภพแห่งใต้พิภพ
ก่อนหน้านี้เธอทำการต่อสู้แบบไหนกับพี่สาว โอคูวและโอรินกันนะ
จนถึงตอนนี้ ได้ต่อสู้กับโยวไคแบบไหนมาแล้วบ้างนะ
อยากฟังเรื่องราวที่ไม่มีวันจบสิ้นของเธอจังเลย
ตอนที่คิดเช่นนั้น เปลือกตาของตาที่สามของโคอิชิก็รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มขึ้นมาเล็กน้อย
[Touhou 12 東方星蓮船 ~ Undefined Fantastic Object]
Nazrin
ชื่อไทย : นาซูริน
ชื่ออังกฤษ : Nazrin
ชื่อญี่ปุ่น : ナズーリン
ฉายา : ลเอก Dowser ตัวน้อย
เผ่าพันธุ์ : โยวไคหนู
ความสามารถ : ค้นหาของ
Dowser โดยแท้
ค้นหาสิ่งของโดยควบคุมหนูนาจำนวนนับไม่ถ้วน
เพียงแต่สิ่งของจำพวกของกินที่หามาได้ มักจะถูกพวกหนูแทะเล็มจนเสียหายก่อนมาถึงมือเธอ
ฉลาดแกมโกง, เมื่อเห็นว่าสู้ศัตรูไม่ได้ก็จะหนีทันที
เธอถูกโชวขอร้องให้ค้นหาของสองสิ่ง จึงวนเวียนตามหาอยู่บนพื้นดิน
สิ่งหนึ่งคือ เศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้า ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นสมบัติลอยฟ้า
อีกหนึ่งคือ เจดีย์แห่งบิชามอนเทน
Tatara Kogasa
ชื่อไทย : ทาทาระ โคกาสะ
ชื่ออังกฤษ : Tatara Kogasa
ชื่อญี่ปุ่น : 多々良 小傘
ฉายา : ร่มผู้ร่าเริงที่ถูกลืม
เผ่าพันธุ์ : ผีร่มตาเดียว (คาราคาสะโอะบาเคะ)
ความสามารถ : ทำให้มนุษย์ตกใจ
ร่มที่ไม่มีใครหยิบไปใช้จนกลายร่าง
แต่เดิม เธอเป็นร่มที่ถูกลืมทิ้งไว้ และไม่มีใครเก็บไปใช้เพราะเฉดสีไม่เป็นที่นิยม จนกลายร่างเป็นโยวไคในขณะที่ถูกพายุฝนพัดปลิว
เธอไม่ได้คิดที่จะทำร้ายมนุษย์ให้บาดเจ็บเลย, แค่อารมณ์ดีที่ได้เห็นมนุษย์ตกใจเท่านั้นเอง
แต่ช่วงนี้มนุษย์ที่ตกใจมีน้อยลง, ตอนนี้ก็เลยกำลังศึกษาวิธีหลอกคนให้ตกใจจากเรื่องเล่าสยองขวัญโบราณๆอยู่
Kumoi Ichirin
ชื่อไทย : คุโมะอิ อิจิริน
ชื่ออังกฤษ : Kumoi Ichirin
ชื่อญี่ปุ่น : 雲居 一輪
ฉายา : กงล้อยักษ์ที่คุ้มครองกันและกัน
เผ่าพันธุ์ : โยวไค
ความสามารถ : ใช้นักพรต
Unzan
ชื่อไทย : อุนซัน
ชื่ออังกฤษ : Unzan
ชื่อญี่ปุ่น : 雲山
เผ่าพันธุ์ : นักพรต
ความสามารถ : เปลี่ยนแปลงรูปร่างและขนาดได้อย่างอิสระ
โยวไคที่คอยปกป้องเรือที่ดูเหมือนจะมีความลับอะไรบางอย่าง
ใช้นักพรต, และคอยเฝ้ายามให้เรือลำนี้
เธอไม่ได้ถูกใครสั่งให้มาเฝ้ายาม แต่ทำไปด้วยความตั้งใจของเธอเอง
จุดประสงค์นั้นไม่แน่ชัด
อิจิรินเป็นคนขยันขันแข็งเอาจริงเอาจัง ทั้งยังฉลาดหลักแหลม สามารถจัดการเรื่องราวต่างๆได้เป็นอย่างดี
เธอควบคุมอุนซันได้อย่างยอดเยี่ยมเพราะอุนซันเป็นคนหัวทึบ
อุนซันเป็นนักพรตที่เกิดมาจากเมฆ
เป็นตาลุงหัวรั้นที่พูดน้อย แต่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นคนอ่อนโยน
เกลียดคนอ้อมค้อม จึงชอบคนที่ตรงไปตรงมา
พวกเธอเป็นหนึ่งในผู้ที่เคารพรักเบียคุเรน, โยวไคผู้เป็นเพื่อนพ้องของพวกมุราสะ
ทั้งนี้เพราะเลื่อมใสศรัทธาในตัวเบียคุเรนที่แสดงให้เห็นถึงความเมตตากรุณา แม้แต่กับนักพรตอย่างพวกเธอ
Murasa Minamitsu
ชื่อไทย : มุราสะ มินะมิทสึ
ชื่ออังกฤษ : Murasa Minamitsu
ชื่อญี่ปุ่น : 村紗 水蜜
ฉายา : วิญญาณยึดมั่นถือมั่นจากอุบัติเหตุทางน้ำ
เผ่าพันธุ์ : ผีเรือ
ความสามารถ : ก่อให้เกิดอุบัติภัยทางน้ำ
วิญญาณของมนุษย์ที่เสียชีวิตเนื่องจากเรือล่มในทะเลเมื่อนานแสนนานมาแล้ว
เธอไม่อาจไปจากทะเลได้เพราะความอาลัยอาวรณ์ จึงใช้ชีวิตแต่ละวันไปกับการจมเรือที่แล่นผ่านมาตรงนั้นทุกลำ
เธอจึงเป็นที่หวาดกลัวของมนุษย์
ความคิดหวาดกลัวของมนุษย์ได้เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นโยวไค และเธอก็ค่อยๆถูกจำกัดการกระทำตามใจตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
โยวไคดังกล่าวถูกเรียกขานว่า มุราสะ ตามชื่อของเธอ
กระทั่งวันหนึ่ง ชีวิตของเธอก็มาถึงจุดเปลี่ยน
ด้วยการมาเยือนของนักบวชรูปหนึ่งที่ได้รับการไหว้วานให้มากำราบมุราสะซึ่งมีเธอเป็นต้นตอ
เธอเองก็เคยวิงวอนขอพรให้มันเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
เพราะไม่ว่าจะจมเรือที่มนุษย์ธรรมดานั่งมาอีกสักกี่ลำ ก็ไม่ทำให้พลังในฐานะโยวไค(ความน่าสะพรึงกลัว)เพิ่มมากขึ้นไปจากเดิมอีกแล้ว
และเท่าที่สืบถามมา ได้ข่าวว่าเป็นนักบวชชื่อดังเอาการเสียด้วย
หากจมเรือที่นักบวชรูปนั้นนั่งมาได้ล่ะก็ สถานะความเป็นโยวไคคงยกระดับขึ้นทันทีเป็นแน่
ถ้าทำสำเร็จล่ะก็ อาจจะสามารถเป็นอิสระจากทะเลต้องคำสาปที่ผูกมัดฉันเอาไว้ แล้วไปทำร้ายมนุษย์ได้ตามใจชอบก็เป็นได้... เธอคิดอย่างนั้น
――หลายวันผ่านไป, เรือของนักบวชผู้มากำราบเธอได้แล่นเข้ามาใกล้
นอกจากนักบวชแล้ว บนเรือยังมีมนุษย์อีกหลายคนนั่งมาด้วย
เธอตั้งใจว่าจะข่มขู่ให้กลัวและทำลายพลังธรรมของนักบวชรูปนั้นด้วยพลังทั้งหมดที่เธอมี
แต่นักบวชรูปนั้นกลับไร้การป้องกันตัวจนผิดคาด
ไร้การตอบสนองยิ่งกว่ามนุษย์ธรรมดาเสียด้วยซ้ำ
ทำให้เรือจมลงในชั่วพริบตา, มนุษย์ทั้งหลายล้วนถูกสังเวยต่อท้องทะเล
เธอรู้สึกท้อแท้
ถึงจะโค่นผู้ที่ไร้การตอบสนองอย่างนี้ไป ก็ไม่รู้สึกภูมิใจอะไรเลยสักนิด
พลันปรากฏภาพที่ไม่น่าเชื่อต่อสายตาของเธอที่กำลังคิดอย่างนั้น
นักบวชอยู่บนผิวทะเล
และกำลังนั่งอยู่บนเรือส่องแสง ซึ่งแตกต่างจากเรือที่เธอเพิ่งทำล่มไปเมื่อสักครู่
ยิ่งไปกว่านั้น, เรือลำนี้ก็คือเรือที่เธอเคยนั่งมาเมื่อครั้งกาลก่อนนั่นเอง
「คุณกำลังตามหาเรือลำนี้อยู่ใช่มั้ย ?
ดังนั้นจึงล่มเรือลำอื่นทิ้งเสียทั้งหมด」
นักบวชสร้างเรือแห่งแสงขึ้นมาด้วยพลังธรรมของตนเอง
「เรือลำนั้นมัน... ... !
อา... ช่างน่าคิดถึงเหลือเกิน... ...ทำไมกัน」
ตัวเธอซึ่งกลายเป็นโยวไคนั้นหวาดกลัวการโจมตีทางจิตใจยิ่งกว่าดาบหรือธนู
และนักบวชรูปนี้ก็รู้เรื่องนั้นดี
「เรือที่พวกฉันนั่งมาได้จมลงด้วยอุบัติเหตุทางน้ำที่ไม่คาดคิดเสียแล้ว
ฉันสร้างเรือลำใหม่นี้ด้วยพลังธรรมของฉันเอง หากแต่นี่เป็นเรือพิเศษที่ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมมันได้」
นักบวชได้ยื่นมือมายังตัวฉันที่ไม่อาจออกห่างจากน้ำได้
「ผู้ควบคุมเรือลำนี้ก็คือคุณนั่นเอง」
คำพูดนั้นทำให้เธอสามารถละทิ้งทะเลต้องคำสาปได้ในที่สุด
หลังจากนั้นหลายสิบปี
เบียคุเรนผู้ช่วยเหลือเหล่าโยวไคได้ถูกพวกมนุษย์จับตัวไปปิดผนึก
ในเวลาเดียวกันนั้น ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเบียคุเรนล้วนถูกฝังลงในส่วนลึกของใต้พิภพ
มุราสะเองก็ถูกฝังลงไปพร้อมกับยุ้งฉางลอยฟ้าเช่นกัน
ตัวเธอเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า จะได้ออกมาสู่พื้นพิภพอีกครั้งพร้อมกับน้ำพุร้อน
เธอจึงตั้งปฏิญาณว่า คราวนี้แหละ ถึงทีฉันเป็นฝ่ายช่วยเบียคุเรนบ้างแล้ว
ใช่แล้ว, ด้วยการนั่งเรือที่เบียคุเรนเป็นผู้ให้กำเนิดขึ้น
Toramaru Syou
ชื่อไทย : โทระมารุ โชว
ชื่ออังกฤษ : Toramaru Syou
ชื่อญี่ปุ่น : 寅丸 星
ฉายา : ลูกศิษย์ของบิชามอนเทน
เผ่าพันธุ์ : โยวไค
ความสามารถ : รวบรวมสมบัติ
โยวไคผู้เป็นสิริมงคล
เบียคุเรนศรัทธาในตัวบิชามอนเทนมาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงพยายามที่จะอัญเชิญบิชามอนเทนมาที่วัด
แต่บิชามอนเทนก็มีงานยุ่งจนแทบไม่ได้มาอยู่ที่วัดเลย
เบียคุเรนรู้สึกได้ว่า เหล่าโยวไคที่อยู่ใกล้ๆวัดมาตั้งแต่สมัยโบราณกำลังตื่นตระหนก
ยังไงเสียก็คงเป็นเพราะหวาดกลัวต่อบิชามอนเทนนั่นเอง
คงกำลังคิดว่าพวกตนจะถูกกำราบจนสิ้นเป็นแน่
บิชามอนเทนงานยุ่งจนไม่อาจมาที่วัดได้ แถมพวกโยวไคก็หวาดกลัวจนไม่เข้ามาใกล้วัด
และแล้ว เบียคุเรนก็คิดแผนการอันยอดเยี่ยมขึ้นมาได้
เธอแนะนำโยวไคที่มีบุคลิกลักษณะ 「ซื่อตรง」 ที่สุดในภูเขาให้แก่บิชามอนเทน เพื่อให้โยวไคตนนั้นรวบรวมศรัทธาแทนบิชามอนเทน
โยวไคที่ถูกเลือกในตอนนั้นก็คือ โชว นั่นเอง
เธอเป็นโยวไคที่มีรูปลักษณ์ของเสือ และเป็นโยวไคที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัด
บิชามอนเทนผู้มีงานยุ่งจึงรับเธอเป็นลูกศิษย์โดยมีท่าทีไม่เต็มใจเท่าใดนัก
บิชามอนเทนมิได้ไว้วางใจเธออย่างสมบูรณ์
จึงมอบหมายหน้าที่ดูแลควบคุมโยวไคหนูผู้เป็นบริวารของบิชามอนเทนนามว่า นาซูริน ให้แก่เธอ
เธอปฏิบัติงานได้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นเลย ผิดจากที่บิชามอนเทนกังวลเอาไว้
หากแต่ตัวเธอนั้นยอดเยี่ยมเกินไป
ในตอนที่เบียคุเรนถูกปิดผนึก เธอก็กำลังปฏิบัติหน้าที่ในฐานะบิชามอนเทนโดยมิได้วู่วามทำอะไรลงไปเป็นพิเศษ
เพราะเรื่องที่เธอเป็นโยวไคนั้นถือว่าเป็นความลับต่อพวกมนุษย์
แม้จะรู้สึกเสียใจที่ทำอย่างนั้นลงไป แต่การเปิดเผยตัวจริงก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย
หลังจากที่เบียคุเรนหายไปก็ผ่านมาได้หลายร้อยปีแล้ว, ตัววัดก็ถูกทิ้งไว้จนรกร้าง
จนวันหนึ่ง, เหล่าพวกพ้องของเบียคุเรนที่ถูกผนึกไว้ใต้พิภพได้กลับมาหาเธอ
เธอไม่อยากรู้สึกเสียใจอีกต่อไปแล้ว และจะไม่หนีอีกแล้ว
จึงบอกแก่พวกมุราสะว่าตนเองเป็นโยวไค และสอนวิธีคลายผนึกให้
และตั้งใจว่าจะทุ่มเทสุดกำลังในการทำให้เบียคุเรนคืนชีพมาอีกครั้ง
「ในการคลายผนึกนั้น จำเป็นต้องใช้พลังของเมียวเรน ผู้เป็นน้องชายของเบียคุเรน
ซึ่งสิ่งที่หลงเหลืออยู่นั้นมีเพียง สมบัติลอยฟ้า หรือก็คือ ยุ้งฉางที่บินไปบนท้องฟ้า เท่านั้น... ...
ออกเรือไปค้นหามันกันเถอะ, มุราสะ !」
Hiziri Byakuren
ชื่อไทย : ฮิจิริ เบียคุเรน
ชื่ออังกฤษ : Hiziri Byakuren
ชื่อญี่ปุ่น : 聖 白蓮
ฉายา : จอมมหาเวทที่ถูกผนึก
เผ่าพันธุ์ : จอมเวท
ความสามารถ : ใช้เวทมนตร์ (เชี่ยวชาญเวทมนตร์ที่ใช้เสริมสมรรถนะของร่างกาย)
น้องชายของเบียคุเรนคือนักบวชในตำนานที่มีนามว่า เมียวเรน
เขาทำให้บาตรบินได้อย่างง่ายดาย แล้วใช้มันในการนำเอายุ้งฉางของมหาเศรษฐีขี้งกมาไว้ที่ตน และรักษาโรคภัยของมนุษย์ที่อยู่ในที่ห่างไกล
เบียคุเรนเติบโตและศึกษาวิชาธรรมกับน้องชายมาด้วยกัน
โดยปกติเธอจะอาศัยอยู่ในยุ้งฉางลอยฟ้า (โทบิคุระ) ซึ่งสั่งสมพลังธรรมของเมียวเรนเอาไว้ ทำให้เธอได้รับพลังเข้าไปในตัวอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่เมียวเรนกลับเสียชีวิตไปไวเสียยิ่งกว่าเบียคุเรน
เบียคุเรนผู้เศร้าโศกเสียใจรู้สึกหวาดกลัวต่อความตายขึ้นมาอย่างสุดขั้วหัวใจ
จึงเริ่มเรียนรู้พลังย้อนวัยเยาว์ที่ทำให้ตัวเองไม่มีวันตาย แต่นั่นเป็นวิชาอาคมมากกว่าที่จะเป็นวิชาธรรม จึงจัดว่าเป็นมนต์ดำแขนงหนึ่ง
เมื่อได้พลังย้อนวัยเยาว์เป็นของตัวเองแล้ว สิ่งต่อมาที่ตัวเธอผู้มีอายุขัยไม่สิ้นรู้สึกหวาดกลัวก็คือ การสูญเสียพลัง
การสูญseoิชาอาคมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเหล่ามนุษย์กวาดล้างวิชาอาคมไปจนหมดสิ้นอย่างสมบูรณ์เท่านั้น
กล่าวคือ หากไม่มีโยวไคอยู่ ก็จะไม่สามารถดำรงคงไว้ซึ่งพลังของตนเองได้
ตัวเธอนั้นเคารพนับถือโยวไค
แม้เบื้องหน้าจะถูกไหว้วานให้กำราบโยวไค แต่เบื้องหลังก็คอยช่วยเหลือเหล่าโยวไค
แม้ว่าเธอจะเคารพนับถือโยวไค แต่ก็มิได้ทำไปเพื่อตั้งตนเป็นศัตรูกับมนุษย์
ตอนแรกเธอทำไปเพื่อสนองความโลภของตนเท่านั้น แต่เมื่อได้เรียนรู้อดีตที่น่าสังเวชของเหล่าโยวไคก็เริ่มคิดว่าตัวเธอนั้นต้องมีพลัง
นักบวชผู้เยาว์วัยปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
ตัวเธอซึ่งมีทั้งความสาวและพลังธรรมนั้นเป็นที่ชื่นชอบของมนุษย์อย่างมาก ถึงกับมีคำกล่าวว่า
「หากมีเบียคุเรนอยู่ พวกโยวไคก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป
ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตโดยหวาดกลัวต่อยามราตรีอีกต่อไป」
และสุดท้าย, ช่องว่างระหว่างความคิดของเธอกับความคาดหวังของเหล่ามนุษย์ก็ได้ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
ผู้คนกล่าวว่า 「ยัยนั่นเป็นปิศาจในคราบมนุษย์」
แล้วจับเธอผนึกไว้ในโลกปิศาจ จนไม่อาจออกมาพบหน้าผู้คนได้อีกเป็นครั้งที่สอง
Houjuu Nue
ชื่อไทย : โฮวจูว นุเอะ
ชื่ออังกฤษ : Houjuu Nue
ชื่อญี่ปุ่น : 封獣 ぬえ
ฉายา : สาวน้อยมายาโบยบินที่ไม่สามารถระบุเอกลักษณ์
เผ่าพันธุ์ : นุเอะ
ความสามารถ : ทำให้ไม่มีใครรู้ร่างจริง
น่าพิศวงอย่างมาก
โยวไคที่โบยบินไปในท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยปริศนาอย่างมาก
นั่นล่ะคือ เธอ
เธอถูกมนุษย์กำราบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และในแต่ละครั้งก็จะมีรายงานว่ารูปลักษณ์ของเธอเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
บางตำนานเล่าว่า หัวเป็นลิง ตัวเป็นทานุกิ มือเท้าเป็นเสือ หางเป็นงู
บางตำนานเล่าว่า หัวเป็นแมว ตัวเป็นไก่ หางเป็นงู
แต่ตำนานเหล่านั้นล้วนถูกแต่งขึ้น
ความจริงแล้วเธอไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเลย
เธอแค่สนุกที่ได้มองดูเหล่ามนุษย์หวาดกลัวและจินตนาการรูปลักษณ์ของเธอกันไปต่างๆนานาอยู่ห่างๆ
นั่นล่ะคือ กิจวัตรประจำวันของเธอ
แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกเบื่อ และใช้ชีวิตอย่างสบายใจไร้กังวลในเมืองใต้พิภพมาเป็นเวลานาน
กระทั่งเกิดความวุ่นวายจากเหตุน้ำพุร้อนปะทุเมื่อตอนต้นปี เธอก็ได้ปะปนไปในความวุ่นวายนั้นและออกมาสู่พื้นพิภพ
พวกมุราสะที่เคยอาศัยอยู่ด้วยกันตอนอยู่ที่ใต้พิภพก็ออกมาด้วย และดูเหมือนว่าพวกนั้นกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่
เธอคิดว่า 「ไม่ได้รู้สึกน่าสนุกอย่างนี้มานานแล้ว」 จึงพยายามขัดขวางด้วยการติดตั้ง 「เมล็ดแห่งร่างจริงที่ไม่แน่ชัด」 ลงไปในเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้า
เมล็ดแห่งร่างจริงที่ไม่แน่ชัดเป็นวัตถุบินลึกลับที่มีรูปร่างเป็นงูขนาดเล็ก ซึ่งไม่มีรูปร่างที่แน่ชัด
เมื่อคนอื่นได้เห็นมัน ก็จะมองเห็นเป็นสิ่งที่สามารถรับรู้ได้ด้วยความรู้ที่คนๆนั้นมีอยู่
พวกเรย์มุคิดว่าเศษไม้ไม่น่าจะสามารถบินไปบนท้องฟ้าได้
จึงมองเห็นเป็น UFO ทรงจานกลม ซึ่งเป็นรูปลักษณ์ที่เป็นตัวแทนถึงวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุเอกลักษณ์
พวกมุราสะมองเห็นว่าเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้ากระจัดกระจายไปเพราะน้ำพุร้อน
แต่ความจริงแล้วสิ่งที่กระจายไปในโลกนั้นคือเมล็ดแห่งร่างจริงที่ไม่แน่ชัดต่างหาก
พอเห็นคนอื่นทำอะไรท่าทางน่าสนุกแล้ว ไม่ว่ายังไงก็อยากจะขัดขวางจากจุดที่ไม่มีใครเห็น
นั่นล่ะคือ เธอ
ถึงเธอจะไม่รู้ว่าพวกมุราสะวางแผนอะไรอยู่ แต่เธอคิดว่าถ้าแผนนั้นผิดพลาดไปเสียก็คงจะสนุกดี
แต่กลับมีมนุษย์ที่รวบรวมวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุเอกลักษณ์เหล่านั้นอย่างสนุกสนานปรากฏตัวขึ้น
เธอจึงรู้สึกสนใจขึ้นมาว่า มนุษย์ที่ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่อาจระบุร่างจริงนั้นเป็นมนุษย์แบบไหนกันแน่
จึงแอบติดตามมาข้างหลัง และคอยก่อกวนบ้าง ช่วยเหลือบ้าง เป็นบางครั้ง
สุดท้ายเธอก็ได้รู้ว่าสิ่งที่มุราสะทำลงไปนั้นมีประโยชน์กับเธอด้วย จึงรู้สึกเสียใจขึ้นมา
เบียคุเรนยอมรับกระทั่งตัวเธอที่ขัดขวางการคืนชีพของตนเอง
เธอจึงกลายเป็นนุเอะที่คิดแต่จะติดตามนักบวชรูปนี้ไปสักระยะหนึ่ง
[Touhou 12.5 ダブルスポイラー ~ 東方文花帖]
Himekaidou Hatate
ชื่อไทย : ฮิเมะไคโดว ฮาตาเตะ
ชื่ออังกฤษ : Himekaidou Hatate
ชื่อญี่ปุ่น : 姫海棠 はたて
ฉายา : นักข่าวภาพติดวิญญาณแห่งยุคปัจจุบัน
เผ่าพันธุ์ : การาสึเทนกุ (เทนกุอีกา)
ความสามารถ : มีความสามารถในการถ่ายภาพติดวิญญาณ
เธอเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์, แต่ไม่เคยออกไปหาข่าวข้างนอกเลย
เพราะว่าเธอเอาแต่ถ่ายภาพติดวิญญาณ, แล้วใช้ภาพเหล่านั้นเขียนบทความขึ้นมาในบ้านของตัวเอง
ภาพติดวิญญาณนั้น, เมื่อใส่ Keyword ลงไปในกล้องถ่ายรูปที่ฮาตาเตะถืออยู่ ก็จะค้นหารูปภาพที่เกี่ยวข้องจนพบ
ฮาตาเตะเน้นการใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้, จนไม่รู้สึกว่ามีความจำเป็นที่จะต้องออกนอกบ้านแต่อย่างใด
หนังสือพิมพ์ที่เธอเขียนขึ้น, 「คาคาชิเนนโปว」 (ข่าววิญญาณของสาวดอกไม้และผลไม้) นั้นไม่เป็นที่นิยมเท่าใดนัก
มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น, เพราะว่าบทความที่เธอเขียนขึ้น ล้วนมีแต่เหตุการณ์ที่เคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่งแล้ว
กล่าวคือ ภาพถ่ายติดวิญญาณมันมีปัญหาเรื่อง Speed ของข้อมูลกับความสดใหม่นั่นเอง
ในเวลานั้นเอง, เธอเกิดไปสะดุดตา 「บุนบุนมารุชินบุน」 ที่อายะเขียนขึ้น
「ทั้งๆที่เป็นบทความที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบขนาดนี้แท้ๆ, แต่ทำไมถึงมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดแบบนี้นะ
ทำไมถึงไม่ซ้ำซ้อนกับข้อมูลหรือหนังสือพิมพ์อื่นๆกันนะ」
เธอจึงสะกดรอยตามอายะไปเพื่อค้นหาความลับดังกล่าว
และแล้วเธอก็ล่วงรู้ความลับของอายะ
ว่ามันไม่ใช่การเอาเหตุการณ์มาเขียนเป็นบทความ, แต่อายะเป็นคนก่อเหตุเองต่างหาก
[Touhou 13 東方神霊廟 ~ Ten Desires]
Kasodani Kyouko
ชื่อไทย : คาโซะดานิ เคียวโกะ
ชื่ออังกฤษ : Kasodani Kyouko
ชื่อญี่ปุ่น : 幽谷 響子
ฉายา : ยามะบิโกะท่องบทสวด
เผ่าพันธุ์ : ยามะบิโกะ (โยวไค)
ความสามารถ : ทำให้เสียงสะท้อนกลับ
ตอนที่ไปปีนเขาน่ะ, เคยตะโกน 「ยะโฮ่ !」 กันบ้างรึเปล่า
ถ้าตอนนั้นมีเสียงตอบกลับมาอย่างดีว่า 「Yahoo!」, ก็แสดงว่าเป็นฝีมือของโยวไคยามะบิโกะตนนี้
เธออาศัยอยู่ในภูเขา, เมื่อได้ยินเสียงอันแสนสนุกสนานจากที่ไหนสักแห่ง, ก็จะตอบสนองให้ด้วยการตะโกนตอบกลับไป
ช่างเป็นโยวไคที่รับมุขดีจริงๆ
ช่วงนี้มีความเชื่องมงายแพร่กระจายไปทั่วว่า 「ยามะบิโกะมันก็แค่การสะท้อนของคลื่นเสียงเท่านั้นแหละว้า---」
ทำให้เธอเข้าถึงความอนิจจังทางโลก และเข้าสู่ทางธรรม
ความสามารถของเธอเข้ากันได้ดีกับการสวดมนต์
เธอจึงท่องบทสวดบนภูเขาทุกวัน
ด้วยเหตุนี้ทำให้ช่วงนี้เป็นที่หวาดกลัวกันว่า 「ได้ยินเสียงสวดมนต์บนภูเขาที่ไม่มีใคร」
กลายเป็นว่ารักษาภาพลักษณ์ในฐานะโยวไคเอาไว้ได้ซะงั้น
Miyako Yoshika
ชื่อไทย : มิยาโกะ โยชิกะ
ชื่ออังกฤษ : Miyako Yoshika
ชื่อญี่ปุ่น : 宮古 芳香
ฉายา : ศพผู้ซื่อสัตย์
เผ่าพันธุ์ : คยฺอนชี (ผีดิบจีน)
ความสามารถ : กินอะไรก็ได้
(หากมนุษย์ถูกกินบางส่วนของร่างกาย, มนุษย์นั้นจะกลายเป็นผีดิบจีนชั่วระยะเวลาหนึ่ง)
ศพญี่ปุ่นยุคโบราณที่ถูกทำให้ฟื้นขึ้นมาโดยเซย์กะ
และกลายเป็นเครื่องมือของเซย์กะ
ครั้งนี้เธอถูกเรียกออกมาเพื่อปกป้องมหาสถานบวงสรวงยุเมะโดโนะ (วังแห่งความฝัน) ที่กำลังจะคืนชีพขึ้นมา
ด้วยพลังประหลาดและร่างเนื้อที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด, หากโต้แย้งกับเธอโดยตรงไม่พ้นต้องเจอดี,
แต่วงจรความคิดของเธอแค่ราวๆ Computer ยุคก่อนเท่านั้น, จึงสามารถหลีกหนีจากเธอได้ง่าย
เมื่อได้รับบาดแผลจากการต่อสู้ เธอสามารถกินวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังกายได้, ทำให้แทบจะไม่สามารถโค่นเธอได้เลย
แต่ก็สามารถหลีกหนีจากเธอได้ง่าย (เรื่องนี้สำคัญมาก)
ร่างของเธอแข็งเป็นอย่างมาก, จนงอข้อต่อไม่ได้, ถึงขั้นเดินไม่ได้เลยทีเดียว
ผู้ควบคุมเธอได้แนะนำให้เธอไปออกกำลังกายเสริมความยืดหยุ่นเสียบ้าง
เพราะถ้าออกกำลังกายด้วยสภาพที่ไม่มีความยืดหยุ่นก็ทำให้ได้รับบาดเจ็บเอาได้
ก็เป็นซอมบี้นี่นา
Kaku Seiga
ชื่อไทย : คาคุ เซย์กะ (เสียงจีน: ฮั่ว ชิงเอ๋อ)
ชื่อเล่น :เซย์กะ เนี้ยวเนี้ยว
ชื่ออังกฤษ : Kaku Seiga
ชื่อญี่ปุ่น : 霍 青娥
ฉายา : เซียนมารทะลุกำแพง
เผ่าพันธุ์ : เซียนมาร
ความสามารถ : ทะลุกำแพงได้
แต่เดิมเป็นมนุษย์ที่เคยหลงใหลนักพรตเต๋า
ตอนที่เซย์กะเป็นเด็ก, พ่อของเธอชื่นชอบลัทธิเต๋าจนทิ้งเธอเอาไว้แล้วขึ้นไปเก็บตัวบนภูเขา
เธอสนใจในหนังสือที่พ่อเหลือทิ้งไว้, จึงอ่านซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน
จนรู้สึกหลงใหลนักพรตเต๋า โดยเฉพาะ คาเซนโคะ (何仙姑 (เหอเซียน:X หรือ ฮ้อเซียนโกว) : หนึ่งในแปดเซียนเต๋า (โป๊ยเซียน))
เธอจึงสาบานว่าสักวันจะต้องเป็นเซียนแล้วไปพบพ่อให้จงได้
เมื่อโตขึ้น, เธอได้เป็นเจ้าสาวของตระ:Xล คาคุ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง
แม้จะมีชีวิตโดยไม่ลำบากอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว, แต่เธอก็ไม่เคยทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นนักพรต จึงใช้ชีวิตอย่างเศร้าหมองอยู่ทุกวัน
จากนั้นก็ค่อยๆเก็บตัวอยู่คนเดียว และไม่พยายามพูดจากับผู้ใด
แปดปีผ่านไป, เซย์กะได้บอกลาทุกคนอย่างกะทันหัน
ครอบครัวของเธอคิดว่ามันแปลก, แต่เซย์กะได้เข้านอนในห้องของตัวเองเหมือนทุกที, แล้วไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกเลย
ครอบครัวของเธอตกใจและเสียใจเป็นอย่างมาก, และทำการฝังเธอซึ่งไร้ความมีชีวิตชีวาอย่างสมบูรณ์
แต่ว่า, เธอยังไม่ตาย
ช่วงที่เธอเก็บตัวอยู่คนเดียว, เธอได้ใช้วิชาที่จำมาจากหนังสือ ทำให้คนอื่นเห็นพลองไม้ไผ่เป็นตนเองที่ดูเหมือนตายไปแล้ว
กล่าวคือ ครอบครัวของเธอนำกระบองไม้ไผ่ไปฝังนั่นเอง
เธอละทิ้งทางโลกแล้วหนีไป
ใช่แล้ว, เพื่อไปยังโลกแห่งเซียนที่เธอใฝ่ฝัน
――นับจากตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าใดแล้ว
ตัวเธอกลายเป็นเซียน ซึ่งมีพลังมากพอประมาณอยู่ในตัว
กลายเป็นผู้มีอายุยืนที่ไม่แก่ชรา, คงสภาพความเยาว์วัยอยู่อย่างนั้นเรื่อยมา
ด้วยเหตุนี้เธอจึงเคยทำอะไรหลายอย่างจนกลายเป็นที่เกรงกลัวของผู้คน
แต่นั่นทำให้สวรรค์ไม่ยอมรับเธอ จนกลายเป็นเซียนมารในที่สุด
หากเพื่อจุดประสงค์ของตัวเองล่ะก็, เธอไม่รู้สึกรังเกียจที่ต้องหลอกลวงครอบครัวของตนเองด้วยซ้ำ
นิสัยแบบนั้นมันไม่ดีเลย
งานอดิเรกของเธอคือการแสดงพลังของตนเพื่อเผยแผ่ลัทธิเต๋า
แต่เซียนหรือนักพรตอย่างเธอไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยากในประเทศนี้
เธอจึงคิดจะเดินทางไปยังประเทศที่ไม่มีเซียน, และมุ่งหน้าไปยังประเทศตะวันออกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ซึ่งก็คือ ญี่ปุ่น นั่นเอง
ญี่ปุ่นในเวลานั้น มีสองศาสนากำลังทำศึกช่วงชิงอำนาจกันอยู่
หนึ่งคือศาสนาพุทธที่เผยแผ่มาจากแผ่นดินใหญ่, หนึ่งคือศาสนาชินโตที่ศรัทธาในเทพพื้นเมืองซึ่งมีมาแต่โบราณ
เธอคิดว่า 「นี่แหละคือโอกาสดี」
เธอเข้าหา โทโยซาโตะมิมิ โนะ มิโกะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้ที่มีตบะแก่กล้าที่สุด, และเล่าถึงเสน่ห์ของลัทธิเต๋าให้ฟัง
เธอเอาแต่เป่าหูว่า ให้ใช้ศาสนาพุทธในทางการเมืองเพื่อทำให้ประชาชนสงบเงี่ยมเรียบร้อย ส่วนผู้มีอำนาจก็ครอบครองพลังยอดมนุษย์ด้วยลัทธิเต๋า
ลัทธิเต๋าบูชาธรรมชาติ, กล่าวคือนับถือเทพหลายองค์
จึงเหมาะกับศาสนาชินโตซึ่งเชื่อว่าผู้มีอำนาจทั้งหลายคือลูกหลานของเทพเจ้า
แถมเป้าหมายสูงสุดยังเป็นความไม่แก่ไม่ตาย, จึงมีเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้มีอำนาจได้มากกว่าศาสนาพุทธที่เน้นการปล่อยวาง
หลังจากที่มิโกะคิดอยู่ครู่หนึ่ง, เธอก็นำแผนนี้ไปคุยกับเครือตระ:Xลโมโนโนเบะซึ่งเป็นศัตรูทางศาสนามาแต่ดั้งเดิม
Soga no Toziko
ชื่อไทย : โซะกะ โนะ โทจิโกะ
ชื่ออังกฤษ : Soga no Toziko
ชื่อญี่ปุ่น : 蘇我 屠自古
ฉายา : วิญญาณผู้เป็นลูกหลานของเทพ
เผ่าพันธุ์ : โบวเรย์
ความสามารถ : ก่อให้เกิดสายฟ้า
โบวเรย์แห่งเครือตระ:Xลโซะกะ ซึ่งเป็นเครือตระ:Xลยุคโบราณของญี่ปุ่น
แม้ว่าเธอกับฟุโตะจะร่วมกันรับใช้มิโกะ, แต่เธอถูกปฏิเสธมิให้คืนชีพในฐานะมนุษย์ เนื่องจากเวรกรรมในอดีตที่มีต่อฟุโตะ
และถูกใช้งานตามความพอใจของฟุโตะโดยที่เป็นร่างวิญญาณแบบนั้น
เธอไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรกับร่างวิญญาณเลย
เธอกลับคิดว่าไม่อยากได้ร่างมนุษย์ที่พังทลายได้ง่ายด้วยซ้ำ
เครือโซะกะกับเครือโมโนโนเบะเคยต่อสู้กันเรื่องศาสนาพุทธมาก่อน
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างฟุโตะกับโทจิโกะก็เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพากันและกันที่ไม่ได้เลวร้ายอะไร
และตอนนี้พวกเธอสองคนต่างก็เกลียดศาสนาพุทธ
Mononobe no Futo
ชื่อไทย : โมโนโนเบะ โนะ ฟุโตะ
ชื่ออังกฤษ : Mononobe no Futo
ชื่อญี่ปุ่น : 物部 布都
ฉายา : เซียนถอดวิญญาณแห่งญี่ปุ่นยุคโบราณ
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์ ? (นักพรตเต๋าที่อ้างว่าเป็นเซียนถอดวิญญาณ)
ความสามารถ : ควบคุมฮวงจุ้ย
มันเป็นเรื่องที่เก่าแก่นิดหน่อย
เป็นเรื่องเมื่อราวๆหนึ่งพันกับอีกหลายร้อยปีก่อนเห็นจะได้
เป็นเรื่องสมัยที่ประเทศนี้ยังรวบรวมแนวคิดเกี่ยวกับการปกครองผู้คนไม่เสร็จ
สิ่งต่างๆเช่น ผู้คน, วัตถุ, วิทยาการ และศาสนา ข้ามน้ำข้ามทะเลมายังประเทศนี้
หนึ่งในนั้นคือ ศาสนาพุทธ ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงทิศทางของประเทศนี้ไปอย่างมาก
ภายในประเทศได้แบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือ นับถือพุทธ กับ ต่อต้านพุทธ, และช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ
เครือตระ:Xลโมโนโนเบะอยู่ฝ่ายต่อต้าน เนื่องจากสืบเชื้อสายมาจากเทพ อุมาชิมาจิโนะมิโคโตะ ตามความเชื่อชินโต
จึงเป็นปรปักษ์อย่างรุนแรงต่อเครือตระ:Xลโซะกะที่สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์
ในภายหลัง, สงครามศาสนานี้มิได้ถูกเล่าขานในแง่ของการเป็นสงครามช่วงชิงอำนาจเท่านั้น
แต่ยังเป็นสงครามระหว่างวงศ์วานของเหล่าเทพกับเกียรติยศของมนุษย์อีกด้วย
จากนั้นสงครามศาสนาก็ปิดม่านลงด้วยโศกนาฏกรรม
สงครามทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน, ฝ่ายเครือโมโนโนเบะได้บุกรุกวัด เผาวัด ทิ้งพระพุทธรูป เพื่อกระตุ้นการต่อต้านพุทธ
แต่จังหวะช่างไม่ดีเอาเสียเลย, เพราะได้เกิดโรคระบาดขึ้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา, และทำให้องค์จักรพรรดิสิ้นพระชนม์
เครือโซะกะป่าวประกาศไปทั่วว่านี่คือคำสาปที่เกิดจากการทำร้ายพระพุทธศาสนา
ด้วยเหตุนี้ทำให้การสนับสนุนเครือโซะกะเพิ่มมากขึ้น, ส่วนเครือโมโนโนเบะถูกลงคำสั่งขับไล่
เครือตระ:Xลโมโนโนเบะจึงล่มสลายลงด้วยสงครามนี้
และการเมืองของประเทศก็ดำเนินไปโดยมีศาสนาพุทธเป็นศูนย์กลาง
โดยเป็นที่รู้กันในเบื้องหน้าว่านี่คือ สงครามศาสนาระหว่างโซะกะกับโมโนโนเบะ
ทว่า, ที่จริงแล้วมีผู้ที่ชักใยเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง, ซึ่งก็คือ ฟุโตะ นั่นเอง
ในขณะที่ใช้สกุลโมโนโนเบะ, เธอกลับนับถือศาสนาหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในเงา
นั่นก็คือ ลัทธิเต๋า ที่เผยแผ่เข้ามาพร้อมกับศาสนาพุทธ
ลัทธิเต๋าสามารถทำให้ตนเองแข็งแกร่งราวกับยอดมนุษย์ได้, และเป้าหมายสุดท้ายคือการไม่แก่ไม่ตาย
จึงเป็นศาสนาที่มีเสน่ห์อย่างมากสำหรับผู้มีอำนาจ
แต่ศาสนาที่มีเสน่ห์นี้ก็มีข้อด้อยอยู่อย่างหนึ่ง
นั่นก็คือ, ไม่ว่าประชาชนคนใดก็สามารถฝึกฝนจนเป็นเซียนได้, ซึ่งไม่เหมาะกับการเมืองเอาเสียเลย
ด้วยเหตุนี้เธอจึงซ่อนเรื่องลัทธิเต๋าไว้เป็นความลับ
ต่อมา, มิโกะซึ่งนับถือลัทธิเต๋าเหมือนกัน, ได้นำแผนการอย่างหนึ่งมาเล่าให้ฟัง
นั่นคือ, การปกครองประเทศเบื้องหน้าโดยให้ประชาชนนับถือศาสนาพุทธซึ่งสามารถทำให้ประชาชนอยู่ในความสงบได้
จากนั้นก็ร่ายคำสาปใส่ความตายของตนเอง, แล้วค่อยคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในฐานะเซียนถอดวิญญาณ
ฟุโตะเป็นพันธมิตรของเครือโซะกะ, และสามารถควบคุมอยู่เบื้องหลังได้
เธอจึงทำให้เครือโซะกะหลับหูหลับตาเชื่อในศาสนาพุทธอย่างเต็มที่
ซึ่งแน่นอนว่า, เครือโมโนโนเบะ(ยกเว้นฟุโตะ)ซึ่งเป็นลูกหลานของเทพเจ้านั้นไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนุกเลยสักนิด
ผลที่เกิดขึ้นก็คือ สงครามศาสนา
ซึ่งอันที่จริงมันคือสงครามระหว่างเหล่าเทพที่มีมาแต่โบราณของญี่ปุ่นในนาม โมโนโนเบะ กับมิโกะที่พยายามจะเป็นเทพเจ้าองค์ใหม่โดยใช้ลัทธิเต๋า
ศาสนาพุทธจึงเป็นเพียงของตบตาสำหรับแผนดังกล่าวเท่านั้น
ทว่า, กว่าทั้งสองจะคืนชีพขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาไปมากน่าดู
นั่นเป็นเพราะมีเหล่านักบวชแห่งศาสนาพุทธที่น่าสงสัยมาสร้างวัดอยู่ข้างบน ทำให้การคืนชีพจากความตายของมิโกะถูกยับยั้งเอาไว้
แม้จะเป็นศาสนาที่เคยถูกใช้ประโยชน์ทางการเมือง, แต่แรงศรัทธากลับแข็งแกร่งเกินกว่าที่คาดเอาไว้
การที่ศาสนาพุทธยังคงได้รับศรัทธาเรื่อยมาจนถึงญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันนี้ ถือว่าเป็นการคำนวณที่ผิดพลาดจริงๆ
Toyosatomimi no Miko
ชื่อไทย : โทโยซาโตะมิมิ โนะ มิโกะ
ชื่ออังกฤษ : Toyosatomimi no Miko
ชื่อญี่ปุ่น : 豊聡耳 神子
ฉายา : นักพรตเต๋าผู้ทรงธรรม
เผ่าพันธุ์ : นักบุญ (ชินเรย์)
ความสามารถ : ฟังเรื่องราวของสิบคนได้ในเวลาเดียวกัน
อัจฉริยะผู้ถือกำเนิดในคอกม้า ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็ก
ตัวเธอซึ่งถือกำเนิดมาอย่างสูงศักดิ์นั้นได้ยินได้ฟังคำร้องทุกข์มากมายมาตั้งแต่เด็ก
เหล่าข้าราชบริพารคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางฟังรู้เรื่อง, เธอจึงตกเป็นเรื่องพูดเล่นสนุกปากของเหล่าข้าราชบริพารอยู่บ่อยครั้ง
แต่ว่ามิโกะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง, และสามารถชี้แนะได้อย่างถูกต้องแม่นยำในทันที
ข่าวลือดังกล่าวแพร่สะพัดไปในสังคม ทำให้เธอได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในฐานะนักบุญ
แต่เธอก็มีเรื่องข้องใจที่พบได้เฉพาะในพวกอัจฉริยะอยู่เหมือนกัน
「ผืนปฐพีไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากยุคของเหล่าเทพ, ท้องทะเลยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำ
แล้วเหตุใด, มนุษย์จักต้องยอมรับความตายด้วยเล่า」
เธอรู้สึกไม่พอใจโชคชะตาที่จะต้องตายของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
เซย์กะได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับมิโกะ จึงคิดว่าต้องเป็นคนนี้ไม่ผิดแน่ และมาแนะนำลัทธิเต๋าให้แก่มิโกะ
เซย์กะเล่าว่า, ลัทธิเต๋าบูชาธรรมชาติ, และสามารถทำให้ความไม่แก่ไม่ตายเป็นจริงได้ด้วยการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
มิโกะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
แต่ในเวลาเดียวกัน, เธอบอกแก่เซย์กะว่า, แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใดก็มิอาจทำให้ประเทศสงบสุขได้ด้วยศาสนาที่ว่านั้น
เซย์กะคิดว่าถ้าเพื่อให้ความปรารถนาของตนเป็นจริงแล้ว เรื่องการเมืองของประเทศจะเป็นยังไงก็ช่าง, แต่มิโกะไม่คิดแบบนั้น
เซย์กะจึงพูดว่า, ถ้าเช่นนั้นก็เอาแบบนี้สิ, จากนั้นเธอก็เสนอเรื่องการใช้ศาสนาพุทธเป็นฉากหน้า
เธอเล่าว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและต้องถือศีลอย่างเคร่งครัด
มิโกะจึงยอมรับว่า หากเป็นแบบนั้นประเทศก็คงจะสงบสุขได้
มิโกะเผยแผ่ศาสนาพุทธไปทั่ว
ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนคนธรรมดาไม่มีพลังใดๆ
และทำการวิจัยลัทธิเต๋าอยู่เบื้องหลัง
ผลที่ได้คือ การแสดงความสามารถเหนือมนุษย์และกลายเป็นตำนานมากมาย จนเป็นที่รู้จักไปทั่ว
จากนั้นก็ทำการวิจัยเรื่องความไม่แก่ไม่ตายอันเป็นเป้าหมายสุดท้ายต่อโดยไม่รั้งรอ
เธอเคยใช้สารหายากหลายๆอย่าง เช่น ชาด (เกิดจากกำมะถันและปรอท = เป็นพิษร้ายแรง)
มันกัดกร่อนร่างกายของเธอไปทีละน้อย
ร่างกายของเธอจึงถูกทำลายลงด้วยวิชาเต๋าที่น่าจะนำความไม่แก่ชราและอายุยืนมาให้แก่เธอ
มิโกะไม่คิดจะรออีกต่อไปด้วยร่างกายนี้แล้ว, จึงตัดสินใจที่จะเป็นเซียนถอดวิญญาณ
เซียนถอดวิญญาณคือวิชาลับที่จะต้องตาย(หรือทำให้เห็นว่าตายไปแล้ว)หนึ่งครั้ง แล้วคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เธอกลัวที่จะต้องทำคนเดียว, จึงเอาไปเล่าให้ฟุโตะฟัง, และพยายามให้ฟุโตะเข้าสู่การหลับใหลก่อน
ฟุโตะเชื่อในพลังของมิโกะ จึงยอมเป็นเข้ารับการทดลอง
หลังจากที่ตายไปแล้ว, ฟุโตะก็หลับใหลเรื่อยมาโดยไม่เน่าเปื่อย, เมื่อมิโกะตรวจสอบยืนยันเสร็จก็เข้าสู่นิทราบ้าง
ตามแผนของมิโกะ, เธอกำหนดให้ตัวเองคืนชีพขึ้นในเวลาที่ประเทศรู้สึกถึงขีดจำกัดของศาสนาพุทธ และแสวงหานักบุญ
แต่สิ่งที่คาดไว้กลับผิดพลาด, เพราะศาสนาพุทธปกครองประเทศนี้อย่างยาวนานเกินกว่าพันปี
แผนการของมิโกะรั่วไหลออกไป
เหล่านักบวชแห่งศาสนาพุทธผู้มากด้วยพลังจึงผนึกฮวงซุ้ยของมิโกะมาอย่างต่อเนื่อง, ทำให้เธอไม่สามารถคืนชีพได้
มิโกะจึงไม่รีบร้อน และคิดว่าจะคืนชีพเมื่อไหร่ก็ได้ จึงหลับใหลเรื่อยมา
และเวลาแห่งการคืนชีพก็มาถึงในที่สุด
สาเหตุก็คือ, ผู้คนเริ่มเล่าขานว่าตำนานทั้งหมดของเธอล้วนเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น
ปัจจุบันไม่มีมนุษย์ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์แล้ว
ผลงานอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดของเธอจึงถูกเชื่อว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เอง ทั้งตัวเธอและฮวงซุ้ยจึงย้ายเข้ามาสู่เกนโซวเคียว
ซึ่งในเวลานั้น, เกนโซวเคียวไม่มีวัดอยู่เลย, เธอจึงพร้อมแก่การคืนชีพขึ้นมาเมื่อไรก็ได้
แต่ ณ ตอนนั้นเอง กลับมีการสร้างวัดแห่งใหม่ขึ้น
แถมยังอยู่เหนือฮวงซุ้ยอย่างพอดิบพอดีอย่างกับเล็งเอาไว้
มันคือ วัดเมียวเรนจิ นั่นเอง
มิโกะจะถูกกดขี่อีกครั้งโดยนักบวชแห่งศาสนาพุทธงั้นหรือ
หรือจะต้องต่อสู้กับนักบวชงั้นหรือ
เฉกเช่นเดียวกับการสู้ตายระหว่างโมโนโนเบะ(เหล่าเทพโบราณ)กับโซะกะ(ศาสนาพุทธ)เหมือนในอดีต
Hutatsuiwa Mamizou
ชื่อไทย : ฟุทัทสึอิวะ มามิโซว
ชื่ออังกฤษ : Hutatsuiwa Mamizou
ชื่อญี่ปุ่น : 二ッ岩 マミゾウ
ฉายา :
เผ่าพันธุ์ : ปิศาจทานุกิ (โยวไค)
ความสามารถ : ทำให้สิ่งต่างๆเปลี่ยนร่าง
ปิศาจทานุกิที่มีประวัติมาช้านาน
เป็นโยวไคหายากที่เคยอาศัยอยู่นอกเกนโซวเคียว
ครั้งนี้ลงทุนเข้ามาในเกนโซวเคียวเพื่อช่วยเหลือเพื่อนเก่าจากวิกฤติ
ทานุกิชื่นชอบการหลอกลวงและเฝ้าดูผู้คนลังเล, จึงแทบจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายโดยตรง
และจะมีพลังเพิ่มขึ้นในคืนวันเพ็ญ
การทำให้สิ่งต่างๆเปลี่ยนร่าง มีความหมายคล้ายคลึงกับความสามารถของนุเอะ
กล่าวคือทั้งสองล้วนเป็นโยวไคที่ไร้ประโยชน์ในการต่อสู้ซึ่งๆหน้า
เรียกโยวไคพรรค์นี้มาแล้วจะต่อกรกับมิโกะได้อย่างนั้นหรือ
สุดท้ายแล้วพวกโยวไคก็ชอบทำตามใจตัวเอง ไม่คิดจะรับฟังคำสั่งใดๆ
ต่อให้อยู่ตนเดียวแล้วแข็งแกร่งเพียงไร, ถึงเวลาจะแพ้ก็ต้องแพ้อยู่ดี
ดูเหมือนเธอจะอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ในถิ่นของเธอ (ซาโดะ)
บ้างก็หลอกลวงผู้คน, บ้างก็ให้คนยากจน:X้ยืมเงิน, บ้างก็ทำงานที่มีคนไหว้วานให้ทำ
ช่างกลมกลืนไปกับสังคมมนุษย์ได้ดีจริงๆ
แต่มีข่าวลือว่า, ทานุกิเข้ากับจิ้งจอกได้ไม่ดีนัก, ทำให้ไม่มีจิ้งจอกอาศัยอยู่ในซาโดะเลย
จึงเป็นเหตุให้เธอไม่ลงรอยกับเหล่าจิ้งจอกในเกนโซวเคียว, แต่เรื่องนั้นเอาไว้ว่ากันทีหลัง
[Touhou Fiction 東方香霖堂 ~ Curiosities of Lotus Asia]
Morichika Rinnosuke
ชื่อไทย : โมริจิกะ รินโนะสุเกะ
ชื่ออังกฤษ : Morichika Rinnosuke
ชื่อญี่ปุ่น : 森近 霖之助
เผ่าพันธุ์ : ลูกครึ่งมนุษย์และโยว์ไค
ความสามารถ : จำแนกชื่อและวัตถุประสงค์ของสิ่งของต่างๆเพียงชำเลืองมอง
ตัวละครชายหนุ่มคนเดียว "โมริจิกะ รินโนะสุเกะ" เจ้าของร้านโควรินโดว ตัวละครชายหลักในโทโฮ ปรากฎตัวครั้งแรกใน
โทโฮโควรินโดว ซึ่งเป็นนิยายที่เขียนขึ้นมาด้วยตัว Zun เอง เขาตั้งร้านโควรินโดวซึ่งเป็นร้านขาย
ของเก่าโบราณอยู่บริเวณใกล้ๆป่าเวทย์มนตร์(นามสกุล"โมริจิกะ"ของรินโนะสุเกะ แปลได้ว่า
"ใกล้ป่า" ซึ่งก็เป็นแหล่งที่ตั้งของร้านโครินโดเช่นเดียวกัน)โดยหวังไว้ว่าจะมีลูกค้าทั้งมนุษย์
และที่ไม่ใช่มนุษย์(พวกโยว์ไคต่างๆ) แห่แหนเทียวกันเข้ามาเยี่ยมเยียนใช้บริการเป็นอย่างมาก
แต่ก็ต้องล้มเลวอย่างน่าเวทนาไป เพราะร้านของรินโนะสุเกะมักจะอ้างว้างแทบจะไร้คนเข้า
อยู่ตลอด ยกเว้นเพียงแต่ "พวกตัวป่วน" ที่มักจะเข้ามาหาไม่เว้นแต่ละวัน ปริศนาของตัว
รินโนะสุเกะยังมีเหลืออยู่อีกไม่น้อยนัก แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างลักษณะเหมือนมนุษย์ธรรมดา
ทั่วไป แต่ตัวเขานั้นก็มีชีวิตอยู่มายาวนานเช่นเดียวกันก่อนที่จะมีเรย์มุเสียอีก อีกทั้งร่าง
ของเขาก็ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่มาริสะยังสมัยเด็ก และตัวเขายังรู้เกี่ยวกับศาลเจ้า
ฮาคุเรย์มากมายนัก ตั้งแต่กล่าวถึงผู้สืบเชื้อสายฮาคุเรย์รุ่นก่อนๆ ไปจนถึงจุดมุ่งหมายของ
การก่อสร้างศาลเจ้าฮาคุเรย์ขึ้นมา รวมไปถึงปริศนาดำมืดที่มีอยู่ในศาลเจ้าฮาคุเรย์อย่าง
"วิญญาณร้าย" ผู้สิงสถิตย์อยู่" รินโนะสุเกะนั้นมีความสนใจในโลกภายนอกเป็นอย่างมาก
และมักจะใช้สอยประโยชน์จากสิ่งของที่เก็บสะสมไว้จากโลกภายนอกเช่นกัน(ซึ่งมักจะหลุด
ออกมาจากเขตแดนโดยบังเอิญ) และด้วยความสามารถในการจำแนก รินโนะสุเกะสามารถ
กำหนดชื่อและวัตถุประสงค์ของสิ่งของได้ทุกชิ้น แต่กลับไม่ยอมบอกถึงวิธีการใช้ให้ อีกทั้ง
เขายังขาดความรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ จึงลงเอยกับการวาดภาพ
แปลกๆเกี่ยวกับสิ่งของเหล่านั้นเป็นประจำแทน
ชื่อไทย : โยวไคไร้นามที่กำลังอ่านหนังสือ >> โทคิโกะ
ชื่ออังกฤษ : Tokiko
ชื่อญี่ปุ่น : 名無しの本読み妖怪 >> 朱鷺子
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไค
สถานะ : โยวไคนกโทคิ
โทคิโกะ โยว์ไคไร้นามซึ่งปรากฎตัวอยู่ในภาคนิยายโทโฮโครินโด เหมือนกับรินโนะสุเกะ
ในนิยายถูกเรย์มุจัดการไปเรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นโยว์ไคในเกนโซเกียว ตัวหนึ่งที่อ่อนแอ
เช่นกัน เธอเป็นโยว์ไคที่เห็นคุณค่าของหนังสือ มักจะคอยโต้เถียงกับรินโนะสุเกะอยู่บ่อยๆ
แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่เคยมีชื่ออย่างเป็นทางการเลยเสียที แถมไม่มีใครรู้ชื่อจริงอีกต่างหาก
นอกจากคำว่า"โทคิโกะ" ซึ่งเป็นชื่อที่เหล่าแฟนๆทั้งหลายขนานนามให้เธอ แต่ในบางครั้ง
ก็มักจะมีการอ้างถึงตัวเธอเป็น "โยว์ไคไร้นามผู้ชอบอ่านหนังสือ" แทน
[Touhou Manga 東方三月精 ~ Eastern and Little Nature Deity]
สามภูติ จอมป่วน
เหล่าสามภูติจันทราซึ่งปรากฎตัวครั้งแรกในฐานะตัวละครหลักของโทโฮซันงัตสึเซย์
สามภูติเหล่านี้รักในการเล่นพิเรนทร์กับผู้คนและรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี
แม้ว่าจะทำตามอำเภอใจไปหน่อยก็ตาม พวกเธอนั้นต่างมีพลังที่แตกต่างกันออกไป
จึงสามารถประสานกันได้ราวกับพรสวรรค์ ถึงแม้จะไม่ได้รับผลอะไรเลย ถึงอย่างไร
ก็มักจะไม่ระมัดระวังจนล้มเหลวเป็นบ่อยครั้ง โดยเกือบทุกครั้งสตาร์ แซฟไฟร์มักจะ
พาพรรคพวกอีกสองคนล้มเหลวตามกัน แล้วเธอก็แอบหนีเอาตัดรอดไปได้ทุกที
นอกจากนี้ทั้งสามตนยังเชื่อใจในพลังของอีกตนและพึ่งพาซึ่งกันและกัน ซึ่งชื่อ
ของแต่ละตน ก็แสดงถึงธาตุของตนๆนั้นด้วย ดังเช่นซันนี่ มิลค์ หากไม่มีดวง
อาทิตย์อยู่บนท้องฟ้าก็จะอ่อนแอลงทันตา ในขณะที่ลูน่า ไชลด์ก็ได้รับพลังจาก
ดวงจันทร์เช่นเดียวกัน แต่สตาร์ แซฟไฟร์นั้นกลับไม่มีผลต่อสภาพอากาศใดเลย
Sunny Milk
ชื่อไทย : ซันนี่มิลค์
ชื่ออังกฤษ : Sunny Milk
ชื่อญี่ปุ่น : サニーミルク
ฉายา : แสงตะวันซึ่งชื่นชอบการกลั่นแกล้ง
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์
ความสามารถ : ควบคุมการหักเหของแสง
Luna Child
ชื่อไทย : ลูน่าไชลด์
ชื่ออังกฤษ : Luna Child
ชื่อญี่ปุ่น : ルナチャイルド
ฉายา : แสงจันทร์ที่เงียบงัน
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์
ความสามารถ : ควบคุมการกระจายของเสียง
Star Sapphire
ชื่อไทย : สตาร์แซฟไฟร์
ชื่ออังกฤษ : Star Sapphire
ชื่อญี่ปุ่น : スターサファイア
ฉายา : แสงดาว:Xส่อง
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์
ความสามารถ : สัมผัสถึงวัตถุที่เคลื่อนไหวอยู่ห่างไกลได้
[Touhou Series 東方儚月抄]
Watatsuki no Toyohime
ชื่อไทย : วาทัทสึคิ โนะ โทโยฮิเมะ
ชื่ออังกฤษ : Watatsuki no Toyohime
ชื่อญี่ปุ่น : 綿月 豊姫
เผ่าพันธุ์ : ชาวจันทรา
ยังไม่มีข้อมูล
Watatsuki no Yorihime
ชื่อไทย : วาทัทสึคิ โนะ โยริฮิเมะ
ชื่ออังกฤษ : Watatsuki no Yorihime
ชื่อญี่ปุ่น : 綿月 依姫
เผ่าพันธุ์ : ชาวจันทรา
ยังไม่มีข้อมูล
[Touhou Manga 東方茨歌仙 ~ Wild and Horned Hermit]
Ibaraki Kasen
ชื่อไทย : อิบาราคิ คาเซน
ชื่ออังกฤษ : Ibaraki Kasen
ชื่อญี่ปุ่น : 茨木華扇
เผ่าพันธุ์ : เซียน
ยังไม่มีข้อมูล
[Touhou Encyclopedias 東方求聞史紀 ~ Perfect Memento in Strict Sense]
Hieda no Akyu
ชื่อไทย : ฮิเอดะ โนะ อาคิว
ชื่ออังกฤษ : Hieda no Akyu
ชื่อญี่ปุ่น : 稗田 阿求
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : สามารถจดจำสิ่งต่างๆที่เห็น
ที่อยู่ : บ้านฮิเอดะ
ฮิเอดะ โนะ อาคิว หรือเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า "บุตรแห่งมิอาเระ" เด็กสาวผู้เกิดในตระ:Xล
ฮิเอดะซึ่งสืบทอดกันมานานหลายร้อยปีกับความสามารถพิเศษ "สิ่งใดที่ได้เห็นมิรู้ลืม"
และคอยบันทึกประวัติศาสตร์ของเกนโซเกียวมาช้านาน ซึ่งดูเหมือนเธอจะชิ่นชอบ
ชาแดงอีกด้วย ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะยังอ่อนเยาว์ แต่เธอก็มีความทรงจำย้อนถึง 1200 ปี
นั่นเพราะว่าผู้ที่เป็น "บุตรแห่งมิอาเระ" ทุกคนของตระ:Xลฮิเอดะ ถือเป็นร่างเกิดใหม่ของ
"บุตรแห่งมิอาเระ" รุ่นก่อน จึงรับช่วงต่อความทรงจำต่อมาจากนั้นด้วย ซึ่งอาคิวนับเป็น
รุ่นที่ 9 แล้วในสายตระ:Xล และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสักคนรู้ถึงตัวตนของเธอ นอกจาก
ยาคุโมะ ยูคาริที่รู้ดีถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว และอาคิวก็ยังเคยบันทึกกล่าวอ้างถึงฮาคุเรย์ เรย์มุ
มาส่วนหนึ่ง ทุกครั้งที่เธอได้เกิดใหม่ ก็จะยิ่งทำให้ระยะชีวิตของเธอสั้นลงเรื่อยๆทุกครั้งไป
และบุตรแห่งมิอาเระ ก็จะต้องรับช่วงทำหน้าที่ในการเขียนบันทึกจารึกประวัติศาสตร์ของ
เกนโซเกียวไปเรื่อยๆในรุ่นของตนโดยเรียกบันทึกนี้ว่า "จารึกเกนโซเกียว" ซึ่งโทโฮกุมงชิกิ
ก็คือฉบับบันทึกเกนโซเกียวที่อาคิวเขียนขึ้นมานั่นเอง
[Touhou CD Music]
Maeriberry ・Hearn
ชื่อไทย : มาเอริเบอร์รี่ เฮิร์น
ชื่ออังกฤษ : Maeriberry ・Hearn
ชื่อญี่ปุ่น : マエリベリー・ハーン
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : เห็นช่องมิติและเข้าออกได้อย่างอิสระ
ธอเป็นเพื่อนสนิทของเรนโกะ
เธอเป็นคนที่รับรู้ถึงการคงอยู่เก็นโซเกียวและเธอก็พยายามที่จะ
พิสูจน์เรื่องนี้โดยมีเรนโกะช่วยสนับสนุน
แต่...
กลับมีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่าเธอว่าเธอเคยไปเยือนเก็นโซเกียวมาก่อน
แต่เธอคิดว่าเป็นแค่ความฝัน หลักฐานที่ว่าเป็นบันทึกข้อความของเธอ
ที่ถูกค้นพบบริเวณป่าไผ่หลงทางเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว เอกสารฉบับนี้ถูกเก็บรักษา
โดยอาคิวผู้บันทึกประวัติศาสตร์ของเก็นโซเกียว
(ตัวอาคิวนั้นสืบทอดความทรงจำมาจากรุ่นก่อนดังนั้นช่วงเวลาที่ค้นพบเอกสารฉบับนี้จึงไม่น่าผิดพลาด)
ตัวตนของเมรี่เองก็เป็นปริศนาอย่างหนึ่งขอโทโฮ
ทั้งเรื่องช่วงเวลาของเก็นโซเกียวในยุคปัจจุบันกับช่วงเวลาของเมรี่
ว่าเธออาศัยอยู่ช่วงเวลาไหนกันแน่ หรือกระทั่งเธอเป็นมนุษย์แน่หรือ
เพราะการที่อยู่ๆเธอก็มาโผล่ในเก็นโซเกียวได้นั้นใกล้เคียงกับความสามารถ
ในการเดินทางข้ามมิติของยูคาริ มีการคาดเดาว่าเธออาจจะเป็นโยวไคเขตแดน
หรือแม้กระทั่งเธออาจจะเป็นยูคาริเองด้วยซ้ำเพราะทั้งทรงผมและเครื่องแต่งกาย
ของเมรี่นั้นใกล้เคียงกับยูคาริเอามากๆ
แต่ยังไงก็ตามปริศนาของเมรี่นั้นก็ยังไม่ได้รับการเปิดเผยจากZUNผู้สร้างโทโฮแต่อย่างใด
Usami Renko
ชื่อไทย : อุซามิ เรนโกะ
ชื่ออังกฤษ : Usami Renko
ชื่อญี่ปุ่น : 宇佐見 蓮子
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ระบุตำแหน่งสถานที่ได้จากการมองดูตำแหน่งดาว
เธอและเมรี่เป็นตัวละครจากเนื้อเรื่องที่แนบมากับซีดีเพลงของโทโฮ
ทั้งคู่กำลังตรวจสอบเรื่องลึกลับที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเก็นโซเกียว
เรโกะมีความสามารถพิเศษที่สามารถระบุตำแหน่งสถานที่ได้จากการมองดูตำแหน่งดาว
ทำให้เธอถูกเรียกกันว่า "GPSมีชีวิต"
เธอเป็นสมาชิกชมรมวิจัยสิ่งลี้ลับ แต่ทั้งชมรมมีแค่เธอกับเมรี่เท่านั้นเอง
ที่มา http://sorekara.exteen.com
Protagonist Character
Hakurei Reimu
ชื่อไทย : ฮาคุเรย์ เรย์มุ
ชื่ออังกฤษ :Hakurei Reimu
ชื่อญี่ปุ่น : 博麗 霊夢
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ผนึก,พลังชำระล้างและสัญชาตญาณระดับสูง
สถานะ : มิโกะ
ที่อยู่ : ศาลเจ้าฮาคุเรย์
ฮาคุเรย์ เรย์มุ มิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์ สาวน้อยผู้เป็นตัวเอกแห่งโทโฮซีรี่ย์
อาศัยอยู่ในศาลเจ้าฮาคุเรย์ อันเป็นศาลเจ้าแบบศาสนาพุทธนิกายชินโต
ซึ่งตั้งอยู่ทางสุดทิศตะวันออกของเกนโซเกียว และมักจะเป็นศูนย์รวมในการ
พบปะชุมนุมสังสรรค์ของเหล่าโยว์ไคต่างๆอีกด้วย เมื่อเกิดปัญหาเรื่องใหญ่
หรือภัยพิบัติต่างๆในเกนโซเกียว ก็เป็นหน้าที่ของเธอด้วยเช่นกัน ที่จะต้อง
เข้ามามีส่วนในการคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น(ทั้งที่บางทีก็ขี้เกียจและไม่เต็มใจ)
เรย์มุเป็นคนเรียบง่าย เธอจึงกลายเป็นที่นิยมชมชอบของทั้งผู้คนและโยว์ไค
และทำให้แวะเวียนมาหาเธอและก่อความยุ่งยากให้อยู่เสมอ เธอมีสติปัญญา
เฉียบแหลม และมักจะโชคดีอยู่เสมอ กระนั้นเธอก็ออกจะเป็นคนขี้เกียจเช่นกัน
เกลียดการฝึกฝน ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน และปล่อยชีวิตให้ผ่านไปวันๆเสียนี่
ถึงอย่างนั้น ด้วยสิ่งที่เรียกว่าเป็นพรสวรรค์ของเธอ ทำให้เธอมีความแข็งแกร่ง
อย่างถึงที่สุดเลยทีเดียว ถึงแม้จะไม่ยอมฝึกฝนเลยก็ตาม นอกจากนี้ เธอยังชอบ
ดื่มชาเป็นที่สุด นอกจากนี้เรย์มุยังมีพลังมหาศาลไร้ซึ่งขีดจำกัด แถมยังมีไอเท็ม
อย่าง "ลูกแก้วหยินหยาง" สุดยอดไอเท็มพลังมหาศาลที่มีความนึกคิดของมันเอง
และความสามารถของลูกแก้วหยินหยางนั้นก็คือ "แปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ตามใจนึก"
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้เปลี่ยนร่างได้แค่ตัวเองเท่านั้น แต่ยังสามารถใช
ความสามารถนี้กับทุกสิ่งรอบๆตัวได้ด้วย ราวกับว่ามันสามารถดลบันดาลทุกสิ่งได้
ดั่งใจคิด และยังช่วยให้เรย์มุสามารถใช้สุดยอดท่าไม้ตายที่เรียกว่า "มุโซเทนเซย์"
หรือที่แปลว่า "ลิขิตฟ้าชะตาจินตนาการ" ซึ่งจะทำให้เรย์มุเข้าสู่สภาพไร้เทียมทาน
ที่ไม่ว่าใครก็ตามก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะได้เลย จนกว่าจะศิโรราบกันไป ส่วนเรื่อง
ชาติกำเนิดของเรย์มุนั้นยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดและคงความเป็นปริศนาอยู่ รู้เพียง
แต่ว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงไร้ประวัติที่มาซึ่งมีชะตากรรมในการรับสืบทอดตำแหน่งมิโกะ
แห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์เป็นรุ่นที่ 13 ต่อจากรุ่นก่อนซึ่งสืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่นก่อน
ทั้งนี้มิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรยอย่างเรย์มุก็มีหน้าที่ในการดูแลดินแดนเกนโซเกียวให้
สงบสุขเช่นกัน เหมือนกับศาลเจ้าฮาคุเรย์ที่ถูกสร้างมาเพื่อจุดประสงค์ในการแบ่งแยก
ระหว่างเกนโซเกียวกับโลกภายนอก เพื่อกักขังเหล่าโยว์ไคเอาไว้ และเพื่อความสงบสุข
ที่ยั่งยืนต่อไป
Kirisame Marisa
ชื่อไทย : คิริซาเมะ มาริสะ
ชื่ออังกฤษ : Kirisame Marisa
ชื่อญี่ปุ่น : 霧雨 魔理沙
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : เวทย์มนตร์ชั้นสูงและควบคุมเวทย์มนตร์
สถานะ : :Xด
ที่อยู่ : บ้านคิริซาเมะในป่าเวทย์มนตร์
คิริซาเมะ มาริสะ เป็นอีกหนึ่งในตัวเอกของซีรี่ย์โทโฮเช่นเดียวกับเรย์มุ อาศัยอยู่ในบ้าน
ของตัวเองที่สร้างอยู่ในป่าเวทย์มนตร์ เป็นนักสะสมหนังสือและอุปกรณ์เวทย์มนต์ตัวยง
ที่บ้านของเธอจะรกมากเพราะของสะสมที่วางเรี่ยราดเกลื่นกลาดราวกับภูเขาก็มิปาน
มาริสะเป็นคนที่มีีนิสัยเฮฮา แ็ละเป็นคนที่เรียกว่าเกลียดความพ่ายแพ้มากที่สุดเช่นกัน
กิจวัตรของมาริสะในบางครั้งก็จะคอยหมกหมุ่นฝึกฝนเวทย์มนตร์อยู่ภายในบ้านของตน
แต่ส่วนใหญ่ก็จะออกไปขี่ไม้กวาดซิ่งข้างนอกบ้านออกไปค้นหาเวทย์ใหม่ๆหรือไม่ก็ออก
ไปป่วนชาวบ้านหรือคนที่เธอรู้จักทั่วเกนโซเกียวเลยทีเดียว เช่นว่าไปเยี่ยมกับกินขนม
ฟรีจากเรย์มุบ้างล่ะ บุกเข้าไปที่ห้องสมุดของแพทชูลี่เพื่อขอยืม(แต่จริงๆแล้วมาขโมย
มากกว่า)หนังสือเวทย์มนตร์ใหม่ๆมาศึกษา โดยเฉพาะกับอลิสที่มาริสะเข้าไปเยี่ยมแล้ว
ยืมหนังสืออ่านด้วยทีไร ก็แทบจะทะเลาะกันทุกที แต่นั่นก็ทำให้มาริสะสนิทกับคนอื่นๆ
ไปในตัวด้วย
Touhou 6 東方紅魔郷 ~ the Embodiment of Scarlet Devil
Rumia (Boss Stage 1)
ชื่อไทย : รูเมีย
ชื่ออังกฤษ : Rumia
ชื่อญี่ปุ่น : ルーミア
ฉายา : โยวไคสนธยา(6) , โยวไคสนธยา(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคแห่งความมืด
ความสามารถ : ควบคุมความมืด
ที่อยู่ : ทุกหนทุกแห่งที่เธอผ่านหรือบริเวณใกล้ๆศาลเจ้าฮาคุเรย์
รูเมีย โยว์ไคผู้มีความสามารถควบคุมความมืดซึ่งสามารถสร้างความมืดมิดขึ้นมารอบๆตัวเธอ
ได้ตลอดเวลา โดยความมืดที่เธอสร้างก็ไม่ต่างไปจากยามราตรีเลย ขนาดแม้กระทั่งในช่วง
เวลากลางวันก็ยังไม่สามารถมองทะลุความมืดมิดนี้เข้าไปได้เช่นกัน เพราะรูเมียได้ใช้วิธีตัด
แสงรอบๆตัวเธอออกไป ทำให้ไม่เกิดการกระทบของแสงสว่าง แต่ก็เป็นความสามารถที่เป็น
เหมือนของแถมซะมากกว่า เพราะความมืดนั้นไม่อาจใช้โจมตีสร้างความเสียหายได้ แต่เธอ
ก็ปรับความสามารถของตัวเธอเองมาใช้ให้เหมาะกับการดำรงชีวิตเสียเอง โดยใช้ความมืด
หลบแสงแดดและความร้อนในยามตอนกลางวันได้ เนื่องจากข้างในความมืดนั้นช่างเย็น
สบายเหมือนกับตอนกลางคืนดีๆนี่เอง แต่ทว่า ความสามารถนี้กลับไม่สามารถใช้ในคืน
วันขึ้นหนึ่งค่ำได้ ส่วนสาเหตุนั้นยังคงเป็นปริศนาดำมืดอยู่ ส่วนลักษณะินิสัยของเธอ
ก็ไม่ต่างไปจากภายนอกเสียเลย คือดูเป็นเด็ก ไม่ใส่ใจเรื่องยุ่งยากซับซ้อน กระทั่งจุด
มุ่งหมายของชีวิตสำหรับเธอก็ไม่เคยแม้แต่จะคิด เธอมักจะคอยยิ้มแย้มอยู่เสมอเวลา
บินไปบินมา และไม่ใส่ใจสิ่งใดๆ ตัวของรูเมียเองจะมีริบบิ้นแดงผูกอยู่ที่ผมบนหัวอยู่
ซึ่งแท้จริงแล้วมันคือยันต์ต่างหาก และไม่มีใครทราบว่าใครเป็นผู้ติดสิ่งนี้ไว้กับรูเมีย
แม้แต่ตัวรูเมียที่พยายามจะแกะเอามันออกก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน นอกจากนี้เอง
รูเมียก็จัดว่าเป็นโยว์ไคที่อ่อนแออยู่ในระดับหนึ่ง รูปร่างของเธอแลดูเป็นเด็กผู้หญิง
ตัวเล็กๆคนหนึ่ง อีกทั้งมีนัยน์ตาสีแดงฉานอีก ชาวบ้านต่างก็รู้จักเธอกันในนามว่า
"ปีศาจแหงความมืด" และเป็นที่หวาดกลัวโดยทั่ว เนื่องจากเธอเองก็กินคนได้เช่นกัน
รูเมียชอบบินไปมาโดยกางแขนทั้งสองข้างออก เพราะเธอเคยได้ยินมาว่านักบุญนั้น
จะถูกตรึงกางเขนก็เลยลองเลียนแบบดู และยังคงบินวนเวียนไปมาในเกนโซเกียว
ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายอยู่เช่นนี้เรื่อยไป
Daiyousei (Mini-Boss Stage 2)
ชื่อไทย : ไดโยวเซย์
ชื่ออังกฤษ : Daiyousei
ชื่อญี่ปุ่น : 大妖精
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์
ที่อยู่ : ทะเลยสาบสายหมอก
"ไดโยวเซย์"(ภูตตัวใหญ่) นี่ไม่ใชชื่อของเธอแต่เป็นชื่อที่แฟนๆโทโฮตั้งให้
บทบาทของเธอในโทโฮนั้นยังไม่แน่ชัด แต่ที่มักจะพบเห็นเป็นประจำคือ
เธอเป็นเพื่อนสนิทของชิลโน่ คอยห้ามไม่ให้ชิลโน่หาเรื่องใส่ตัว แต่อ่อนแอกว่าก็เลยห้ามไม่ได้ซักที
แต่ถึงแม้เธอจะเป็นตัวประกอบไร้ชื่อ แต่จะเห็นเธออยู่คู่กับชิลโน่ในแฟนอาร์ตและโดจินอยู่บ่อยๆ
จึงนับว่าเธอเป็นเป็นที่นิยมพอสมควร(แต่รูปเดี่ยวของเธอมีอยู่กระจึ๋งเดียว)
Cirno (Boss Stage 2)
ชื่อไทย : ชิลโน่
ชื่ออังกฤษ : Cirno
ชื่อญี่ปุ่น : チルノ
ฉายา : ภูตผิวทะเลสาบ(6) , ภูตน้ำแข็ง(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์(ภูติ)
ความสามารถ : ควบคุมความเย็น
ที่อยู่ : ทะเลยสาบสายหมอก
โยวเซย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่โยวเซย์ที่อาศัยอยู่ที่บึงใกล้ๆกับคฤหาสน์มารแดง
ชิลโน่นั้นแข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับโยวไค(ระดับกระจอกๆ)ได้อย่างสูสี
ชิลโน่นั้นชอบการต่อสู้มากเวลามีใครผ่านมาบริเวณที่ชิลโน่อยู่ ชิลโน่จะเข้าไปจู่โจมทันที
โดยไม่ดูเลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แล้วก็เป็นฝ่ายโดนสอยร่วงซะเองอยู่ทุกที
ชิลโน่มีความสามารถในการสร้างความเย็น รอบๆตัวชิลโน่เองก็มีไอเย็นแผ่ออกมาตลอดเวลา
(ร้อนๆน่าจับมากอด คงเย็นสบายน่าดู)<-------เย็นสบายจนแข็งตายสิไม่ว่า
ชิลโน่ชอบจับกบมาแช่แข็งแล้วเอาไปแช่น้ำให้น้ำแข็งละลาย แต่ประมาณหนึ่งในสามครั้ง
ชิลโน่มักจะทำกบแตกเป็นเสี่ยงๆป็นประจำ ชิลโน่อ้างว่านี่เป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง
จนโดนกบยักษ์จับกินเพื่อสั่งสอนไปทีนึง แต่ก็รอดมาได้(แต่ก็คงไม่เข็ดอยู่ดี)
สาเหตุที่ชิลโน่โดนเรียกว่า "บากะ"(โง่,บ้า) หรือ (9)
เพราะว่าจากคำอธิบายรายละเอียดต่างๆในหน้าจอ ตำแหน่งที่เก้าท่านZUNดันอธิบายว่า"บากะ"
(เท่ากับว่ามุกนี้ZUNชงเองกับมือเลย)หลังจากนั้นชิลโน่เลยโดนล้อเรื่องนี้มาโดยตลอดในแฟนอาร์ตและโดจินต่างๆ
(พูดอีกอย่างคือชิลโน่แจ้งเกิดในฐานะตัวละครที่มีคนรู้จักมากที่สุดตัวหนึ่งไปด้วยเลย)
รูปที่ว่า
ตรง 9. เขียนว่า "บากะ"
Hong Meirin (Boss Stage 3)
ชื่อไทย : หง เหม่ยหลิง
ชื่ออังกฤษ : Hong Meirin
ชื่อญี่ปุ่น : 紅 美鈴
เผ่าพันธุ์ : โยวไค
ความสามารถ : ควบคุมปราณ
ที่อยู่ : หน้าประตูคฤหาสน์มารแดง
โยวไคสาวในชุดจีนสีเขียวที่รูปลักษณ์ภายนอกแทบไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาทั่วไปเลย
เหม่ยหลิงทำหน้าที่เฝ้าประตูทางเข้าคฤหาสน์มารแดง คอยจัดการผู้บุกรุกด้วยมวยจีนผนวกกับการใช้ลมปราณ
เหม่ยหลิงนั้นเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิด แต่ถ้าเทียบกับพวกบิ๊กๆในคฤหาสถ์น์ะก็เธอจะดูกระจอกไปเลย
ถึงเหม่ยหลิงจะป็นโยวไคแต่ตราบเท่าที่ไม่พยายามบุกรุกเข้าไปในคฤหาสน์ เธอก็ดูเป็นมิตรเอามากๆ
สามารถเข้าไปพูดคุยได้อย่างเป็นกันเอง หรือจะขอท้าประลองฝีมือกับเธอก็ยังได้
จะว่าไปตัวตนของเธอนี่เองที่ทำให้คฤหาสน์มารแดงดูน่ากลัวน้อยกว่าที่ควร
แต่บทบาทของเธอส่วนใหญ่จะเป็นบทไม่ค่อยเต็มเต็งซักเท่าไหร่ แฟนจึงๆวาดล้อกันได้อย่างสนุกสนาน
เหม่ยหลิงก็เลยกลายเป็นตัวโจ๊กประจำโทโฮไปเลย
Koakuma (Mini-Boss Stage 4)
ชื่อไทย : โคอะคุมะ(ปีศาจน้อย)
ชื่ออังกฤษ : Koakuma
ชื่อญี่ปุ่น : 子悪魔
เผ่าพันธุ์ : ปีศาจ
สถานะ : ผู้ช่วยบรรณารักษ์ประจำหอสมุดคฤหาสน์มารแดง
ที่อยู่ : คฤหาสน์มารแดง
โคอะคุมะ หรือที่แปลว่า มารน้อย ซึ่งแท้จริงแล้วนี่หาใช่ชื่อจริงของเธอไม่
แต่เป็นลักษณะเผ่าพันธุ์ของเธอต่างหาก(ในตอนแรกคาแร็คเตอร์ตัวนี้ไม่มีชื่อ
อย่างเป็นทางการให้ เหล่าแฟนๆจึงพากันเรียกว่า "โคอะคุมะ" ซึ่งภายหลังต่อมา
ZUN จึงได้ใช้ชื่อนี้เป็นการคอนเฟิร์มในบทสัมภาษณ์) เธอปรากฎตัวครั้งแรก
ในฐานะบอสกลางประจำด่าน อีกทั้งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของแพทชูลี่ โนว์เล็ดจ์
ในฐานะของผู้ช่วยบรรณารักษ์ห้องสมุด และอยู่พักอาศัยในคฤหาสนมารแดง
นั่นเอง บางครั้งในหน้าที่การงานเธอก็มักจะถูกแพทชูลี่เรียกมาเป็นหนูทดลอง
สเปลการ์ดใหม่ๆอยู่บ้างเช่นกัน แต่เธอก็ยังคงทำงานอย่างเชื่อมั่นเพื่อท่าน
แพทชูลี่ต่อไป
Patchouli Knowledge (Boss Stage 4)
ชื่อไทย : แพทชูลี่ โนว์เล็ดจ์
ชื่ออังกฤษ : Patchouli Knowledge
ชื่อญี่ปุ่น : パチュリー・ノーレッジ
ฉายา : สาวน้อยแห่งความรู้ผู้ปลีกตัว(6) , หอสมุดใหญ่ไม่เคลื่อนที่(7.5) ,
หอสมุดใหญ่ไม่เคลื่อนที่(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : จอมเวทย์(โยวไค)
ความสามารถ : ชำนาญการใช้เวทย์มนตร์ โดยเฉพาะเวทย์ธาตุต่างๆ
ที่อยู่ : หอสมุดคฤหาสน์มารแดง
แพทชูลี่ โนว์เล็ดจ์ :Xดผู้รอบรู้แห่งบ้านสกาเล็ต มีชื่อเล่นย่อๆที่เรียกกันว่า "พาเช่"
เป็นคนที่ค่อนข้างนิ่งเงียบ พูดน้อย ไร้การตอบสนองต่อคนรอบข้าง สนแต่เพียงเรื่อง
หนังสือกับความรู้ ซึ่งหากเรื่องที่คุยกับเธอด้วยไม่ได้เกี่ยวกับหนังสือ เธอจะไม่ค่อยมี
ความกระตือรือร้นเท่าไหร่ แต่ถ้าเกี่ยวกับเรื่องหนังสือล่ะก็ จะกระตือลือล้นผิดกับตอน
ปกติลิบลับเลยทีเดียว และบางครั้งอาจทำให้เธอถึงกับยอมออกมาที่ข้างนอกคฤหาสน์
อีกต่างหาก การกระทำต่างๆของเธอล้วนคาดเดาได้โดยง่าย ทั้งนี้ก็เพราะเธอได้ทำตาม
หนังสือตำรานั่นเอง โดยบางครั้งเธอก็อาจจะพลาดพลั้งได้เช่นกัน จนต้องไปหาอ่าน
ความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติม อีกทั้งการพูดจาของเธอก็เป็นทฤษฎีมากจนเกินไปจนเข้าใจยาก
ทั้งนี้หากเธอพบผู้บุกรุกห้องสมุดหรือทำร้ายหรือขโมยหนังสือของเธอ เธอจะโกรธมาก
จนน่ากลัวเลยทีเดียว โดยในการต่อสู้นั้น ตัวเธอนั้นก็ไม่เก่งด้านการต่อสู้ประชิดตัวเอา
เสียเลย แถมยังมีร่างกายอ่อนแออีก เนื่องจากมีโรคประจำตัวอย่างโลหิตจางและหอบหืด
มาแต่กำเนิด ทำให้กลายเป็นอุปสรรคในการต่อสู้ เธอจึงเลือกที่จะใช้สเปลการ์ดมากกว่า
การท่องร่ายแบบทั่วไป ซึ่งปกติเธอก็สามารถท่องร่ายเวทย์ในความเร็วระดับสุดยอดมาก
พาชูลี่มีพลังเวทย์มหาศาลอยู่ในตัว มีความรู้มากมาย เก่งในคาถาหลายๆอย่าง โดยเฉพาะ
เวทย์ธาตุที่เธอชำนาญที่สุด และริบบิ้นหลากหลายสีที่เธอมักผูกเอาไว้ตามเสื้อผ้าและผม
ก็เป็นอุปกรณ์ขยายพลังเวทย์ชนิดหนึ่งเช่นเดียวกัน ทั้งที่เป็นอย่างนั้น ตัวเธอก็ไม่เคยใส่ใจ
ต่อสุขภาพของตนแม้แต่น้อย และเธอยังมีงานอดิเรกคือการสร้างสเปลการ์ดใหม่ๆขึ้นมาไว้
ใช้แทนการร่ายคาถา เรียกได้ว่าเธอน่าจะมีสเปลการ์ดไว้ใช้เยอะที่สุดในเกนโซเกียวเสีย
ด้วยซ้ำ เมื่อสร้างเสร็จแล้วเธอก็จะทดลองดู หากจะกล่าวถึงงานอดิเรกอื่นๆนอกจากนี้แล้ว
เธอก็มีเช่นกัน อย่างการอ่านหนังสือต่างๆที่รวบรวมมาได้ ซึ่งหนังสือของเธอก็มีอยู่หลาก
หลายเล่ม ทั้งที่เก็บสะสมเอาไว้ ทั้งเล่มที่เธอเขียนขึ้นมาเอง และหนังสือจากโลกภายนอก
อีกด้วย ส่วนทางด้านความสัมพันธ์กับคนอื่นๆภายในบ้าน ก็มีเรมีเลียผู้เป็นเพื่อนสนิทกับ
เธอมาแต่ใหนแต่ไร ซาคุยะซึ่งเป็นเมดรับใช้ที่เธอมักจะคอยเรียกใช้อยู่เสมอในฐานะคน
ใกล้ตัว โดยที่เรียกใช้ส่วนใหญ่ก็คือการที่เธอจะทดลองสเปลการ์ดชิ้นใหม่กับคนที่ค่อย
สมน้ำสมเนื้ออย่างซาคุยะนั่นเอง บางครั้งก็จะรับปากจากเรมีเลียช่วยสอนหนังสือให้แก่
ฟรานดร์อีกด้วย และืคนอื่นๆ แต่ทุกคนในบ้านต่างก็คือเพื่อนมิตรสหายของเธอนั่นเอง
Izayoi Sakuya (Boss Stage 5)
ชื่อไทย : อิซาโยอิ ซาคุยะ
ชื่ออังกฤษ : Izayoi Sakuya
ชื่อญี่ปุ่น : パチュリー・ノーレッジ
ฉายา : เมดแห่งคฤหาสน์มารแดง(6) , คนรับใช้ผู้สง่างามอย่างสมบูรณ์แบบ(7.5) ,
เมดแห่งคฤหาสน์มารแดง(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ควบคุมเวลา
ที่อยู่ : คฤหาสน์มารแดง
หัวหน้าเมดแห่งคฤหาสน์มารแดง แต่หน้าที่ต่างๆในคฤหาสน์นั้นดูเหมือนจะเป็นหน้าที่ของเธอเพียงคนเดียวซะมากกว่า
เธอภักดีต่อเรมิเรียเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นคำสั่งของเรมีเรียแล้วเธอจะทำตามแต่โดยดี แต่เธอเองก็ไม่ได้ถูกบังคับให้เชื่อฟัง
เรมิเลีย บางครั้งเธอก็เป็นฝ่ายออกคำสั่งแก่เรมิเรียเสียเอง
เนื่องจากเธอรับใช้ใกล้ชิดกับคุณหนูเป็นอย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง แฟนๆก็เลยตบรางวัลด้วยการจิ้นคู่นี้ให้บ่อยเป็นพิเศษ
ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจที่หารูปซาคุยะแล้วจะมีเรมิเลียพ่วงแถมมาด้วย
ซาคุยะ มีความสามารถใน"ความเร็วในการไหลของเวลา" เธอทำได้ทั้งเร่งเวลา(ใช้ในการบ่มไวน์หรือทำดอกไม้แห้ง)
แม้กระทั่งหยุดเวลา(THE WORLD)ก็ยังได้ อีกทั้งเธอยังใช้ความสามารถนี้มาประยุกต์ใการสร้างมิติอีกด้วย
ทำให้ภายในคฤหาสน์มารแดงนั้นกว้างขวางกว่าที่เห็นจากภายนอกเอามากๆ
ชื่อ"อิซาโยอิ ซาคุยะ"นั้นไม่ใช่ชื่อจริงของเธอ อายุที่แท้จริงของเธอก็ไม่แน่ชัด กระทั่งเธอเป็นมนุษย์จริงหรือไม่ก็ไม่แน่ชัดเช่นกัน
ในสารานุกรมโทโฮได้ลงบทความที่คาดเดาความเป็นมาของเธอไว้ว่า เธออาจจะเป็นนักล่าปีศาจที่มาล่าแวมไพร์ที่อยู่ในคฤหาสถ์มารแดง
แต่กลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียเองและถูกไว้ชีวิตและถูกมอบชื่อใหม่ที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิ
ตของเธอตลอดไป
อย่างไรก็ตาม ซาคุยะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับผีดูดเลือดที่หยุดเวลาแล้วปามีดที่มีช่วงคอลงมาเป็น
ร่างของคนอื่น จริงๆนะ ตัวเอง~
Remilia Scarlet (Boss Final Stage)
ชื่อไทย : เรมิเลีย สคาร์เลท
ชื่ออังกฤษ : Remilia Scarlet
ชื่อญี่ปุ่น : レミリア スカーレット
ฉายา : จันทราสีแดงฉานผู้อ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์(6) , จันทราสีแดงผู้อ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์(7.5) ,
ปิศาจแดง(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ผีดูดเลือด
ความสามารถ : ควบคุมและรับรู้ชะตากรรม
ที่อยู่ : คฤหาสน์มารแดง
เรมิเลียเจ้าบ้านแห่งคฤหาสน์มารแดง จอมเอาแต่ใจ ชอบสั่งงานอะไรที่มันพิสดาร(แต่ซาคุยะก็จัดให้ได้)
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูเหมือนเด็กแต่ที่จริงเรมิเลียมีอายุอย่างน้อย500ปีแล้ว
ถึงแม้เธอจะแพ้แสงแดด แต่ก็มีการพบเห็นเธอในตอนกลางวันอยู่บ่อยๆโดยใช้ร่มกันแดดป้องกันแสงแดดไว้
(เรย์มุยังบ่นเลยว่า ใช้แค่ร่มก็กันอยู่แล้วจะปล่อยหมอกออกมาเพื่อ?...)
ความสามารถของเธอคือ"การควบคุมชะตากรรม" แต่ความสามารถนี้เป็นอะไรที่เป็นนามธรรม
จนแทบจะพิสูจน์ผลอะไรไม่ค่อยได้เลย แต่ก็มีลือกันบ้างว่าเธอใช้ความสามารถนี้กับตัวเอง
เพื่อคงความเยาว์วัยไว้ชั่วนิรันดร์
ผีดูดเลือดนั้นจัดว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถสูงรอบด้านแต่ในขณะเดียวกันก็มีจ
ุดอ่อนอยู่เพียบเลย
ทั้งโดนแสงแดดแล้วจะอ่อนแอลง แพ้กระเทียม หัวปลาซาร์ดีน ถั่วคั่ว ข้ามน้ำไหลไม่ได้ ฝ่าสายฝนก็ไม่ได้
แต่กระนั้นผีดูดเลือดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะโค่นได้ง่ายๆอยู่ดี
ผีดูดเลือดก็ต้องดื่มเลือดเป็นอาหาร แต่จากสนธิสัญญาที่ผีดูดเลือดทำไว้กับโยวไค เรมิเลียจึงไม่ต้องไปทำร้ายมนุษย์
เพื่อดูดเลือด แต่โยวไคจะเป็นฝ่ายเตรียมวัตถุดิบหลัก(เชื่อว่าเป็นมนุษย์จากโลกภายนอก)ไว้ให้ แล้วซาคุยะ
ก็จะนำวัตถุดิบนั้นไปปรุงต่อไป(ของขึ้นชื่อของที่นี่คือเค้กและชาแดง)
จากตรงนี้ก็พอเดาได้ว่าห้องครัวของคฤหาสน์มารแดงนั้นคงไม่ค่อยน่าพิสมัยซักเท่าไหร่
มีเรื่องหนึ่งที่เรมิเลียถูกล้อเป็นพิเศษนอกจากเรื่องจุดอ่อนของเธอคือ "ท่าก้มการ์ด" ของเธอที่มีมาตั้งแต่ภาค7.5
น่ารักจริงเชียว
และอีกมากมายกับท่าการ์ดในตำนาน
Flandre Scarlet (Boss Extra Stage)
ชื่อไทย : ฟรานดร์ สคาร์เลท
ชื่ออังกฤษ : Flandre Scarlet
ชื่อญี่ปุ่น : フランドール スカーレット
ฉายา : น้องสาวของปิศาจ(6),น้องสาวของปิศาจ(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ผีดูดเลือด
ความสามารถ : ทำลายล้างสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
ที่อยู่ : คฤหาสน์มารแดง
ฟรานดร์เป็นน้องสาวของเรมิเลีย เธออายุประมาณ495ปี แต่ก็ยังเหมือนเด็กๆที่ไม่ค่อยประสีประสาอะไรดีนัก
ปกติแล้วฟรานดร์ไม่ค่อยปรากฎตัวให้ใครเห็นซักเท่าไหร่ แม้แต่ในคฤหาสน์มารแดงเองก็ตาม
ฟรันเดิลนั้นเข้ากับคนอื่นได้ยาก และเธอเองก็ไม่รู้จักการออมมือเสียด้วย
ว่ากันตามตรงแล้วฟรานดร์นั้นแข็งแกร่งกว่าเรมิเลียซะอีก
ความสามารถของฟรานดร์คือ"การทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง" หลักการของความสามารถนี้คือ
ทุกวัตถุจะมี"ตา"(คนละอย่างกับที่ใช้มองเห็น)อยู่ "ตา"ในที่นี้จุดที่มีความเครียดสะสมมากที่สุด
ถ้า"ตา"นั้นถูกอัดพลังเข้าไปอีก วัตถุนั้นก็จะถูกทำลาย
ฟรานดร์สามารถย้าย "ตา"ของวัตถุนั้นมาที่ฝ่ามือแล้วกำมือ วัตถุนั้นก็จะถูกทำลายในทันที
แม้แฟนๆจะจัดให้มาริสะมาคู่กับฟรานดร์อยู่บ่อยๆ คงเพราะมาที่คฤหาสน์มารแดงอยู่บ่อยๆ
แต่ความจริงแล้วดูเหมือนมาริสะจะไม่ค่อยอยากเจอฟรานดร์ซักเท่าไหร่
การเขียนชื่อของเธอเป็นภาษาอังกฤษนั้น ปัจจุบันยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
เพราะZUNได้เขียนไว้ถึงสามแบบ FRANDRE ,FLANDRE และFRANDLE
และยังไม่สามารถระบุได้ว่าชื่อไหนคือชื่อที่ถูกต้องที่สุดกันแน่
[Touhou 7 東方妖々夢 ~ Perfect Cherry Blossom]
Letty Whiterock (Boss Stage 1)
ชื่อไทย : เลตตี้ ไวท์รอค
ชื่ออังกฤษ : Letty Whiterock
ชื่อญี่ปุ่น : レティ ホワイトロック
ฉายา : สิ่งที่ถูกลืมแห่งฤดูหนาว(7) , โยวไคเหมันต์(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคแห่งฤดูหนาว
ความสามารถ : ควบคุมความหนาวเย็น
ที่อยู่ : ปรากฎตัวในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น
เลตตี้ ไวท์ร็อค สาวน้อยผู้ค่อนข้างใจเย็นสมกับเป็นภูติฤดูหนาว และมีความเป็นผู้ใหญ่สูง
อีกทั้งยังกิริยามารยาทสุภาพเรียบร้อยสมเป็นสุภาพสตรีคนหนึ่ง เธอรู้จักหาความรู้รอบตัว
ประเมินสิ่งรอบข้างด้วยตนเอง อีกทั้งเธอมักจะคอยยิ้มแย้มนิดๆ ชอบพูดคุยกับผู้อื่นอย่าง
เป็นฉันท์มิตร เลตตี้เป็นตัวละครที่มักจะเผลอหลุดมาด งอแง และโต้แย้งในเรื่องที่ไม่ชอบ
อย่างน่ารักพร้อมน้ำตาเล็ดเล็กน้อยที่หางตา ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยๆสบายๆ ดูไม่เคยทุกข์ร้อน
อะไรเพราะเธอเข้าใจความเป็นไปและกฏของธรรมชาติเป็นอย่างดี เลตตี้เป็นภูติหิมะผู้มี
ความสามารถควบคุมความหนาวเย็น และปรากฎตัวในเฉพาะในฤดูหนาวเพียงอย่างเดียว
เลตตี้มิได้เพียงแต่ควบคุมกระแสลมหนาวและหิมะโปรยปรายเท่านั้น หากเธอยังสามารถ
เพิ่มพูนพลังและประสิทธิภาพของฤดูหนาวตามธรรมชาติได้อีกด้วย เธอจึงสามารถบงการ
ธรรมชาติในฤดูหนาวได้ดั่งใจ แต่มันก็เป็นเพียงพลังที่ใช้ได้เพียงช่วงฤดูหนาวเท่านั้นเอง
กระนั้นการที่เธอคิดจะเอาจริงขึ้นมา ก็อาจจะสามารถแช่แข็งเกนโซเคียวได้ทั้งหมดใน
คราวเดียวเลยทีเดียว เป็นพลังมหาศาลที่ไม่น่าเชื่อสำหรับภูิติตนนี้ อาจจะเรียกได้ว่า
เลตตี้เป็นโยว์ไคตนหนึ่งที่น่าสะพรึงกลัวในฤดูหนาว เปรียบได้กับนางหิมะจำพวกหนึ่งดีๆ
นี่เอง แต่ก็น่าแปลกประหลาดยิ่งนักที่เธอกลับแพ้เกสรดอกไม้ ลักษณะภายนอกที่เห็นก็คือ
สาวน้อยผู้สวมเสื้อผ้าบางเบาซึ่งดูแล้วไม่น่าจะช่วยกันหนาวอะไรได้ ตัวเลตตี้ไม่มีที่อยู่
อาศัยที่แน่นอน เธอมักจะเพียงขอได้ชื่นชมกับฤดูหนาวอย่างไร้จุดหมายเพียงเท่านั้น
โดยจะพบเห็นเธอได้ป็นระยะๆ แต่มนุษย์ที่พบเห็นก็อาจจะถูกเํธอจู่โจมด้วยพลังหนาวเย็น
จนแข็งตายไปเสียส่วนใหญ่ อาหารการกินและที่หลับที่นอนไม่เป็นที่แน่ชัดนัก ตัวเธอนั้น
เปรียบเสมือนพี่สาวและเพื่อนเล่นคนหนึ่งของชิลโน่ีอีกด้วย โดยเวลาที่ทั้งคู่จะได้พบกัน
ก็มีเพียงช่วงฤดูหนาวเท่านั้น พลังของทั้งคู่นั้นต่างก็คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกัน
โดยเลตตี้จะควบคุมความหนาวเย็นที่ฤดูหนาวนำมาให้ได้ตามใจ หรือพูดง่ายๆคือต้องพึ่งพา
ฤดูหนาวเพื่อใช้ความสามารถได้ ส่วนของชิลโน่นั้น เธอสามารถสร้างและควบคุมความ
หนาวเย็นได้ด้วยตัวเธอเอง และเมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิมาเยือน เธอก็จะหาย
ตัวไปและรอคอยวันเวลาที่ฤดูหนาวจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งเดียว
ที่เธอจะกลับมามีความสุขอีกครั้งหนึ่ง
Chen(Boss Stage 2)
ชื่อไทย : เชน
ชื่ออังกฤษ : Chen
ชื่อญี่ปุ่น : 橙
ฉายา : แมวดำแห่งลางร้าย(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยวจูว(สัตว์ภูติ)
ความสามารถ : วิชาอาคม
เชน เนโกะมาตะซึ่งเป็นภูติรับใช้ของยาคุโมะ รัน ซึ่งเนโกะมาตะก็คือแมวที่มีอายุมากจนพัฒนา
ตัวเองและมี 2 หาง โดยสำหรับเชนนั้นจะมีร่างเป็นมนุษย์ มีหูแมวและหางแมวทั้งสองหาง นั่นก็
เนื่องจากการกลายร่างที่ไม่สมบูรณ์นั่นเอง(ภูติรับใช้จะมีความแข็งแกร่งขนาดใหนขึ้นอยู่กับผู้ป็น
นายของตน ซึ่งในกรณีของเชนนั้นถือเป็นภูติรับใช้ของภูติรับใช้อีกทีนึง) บ่อยครั้งที่มักจะได้เห็น
เธอเข้าไปเิดินเล่นอยู่ที่มาโยะอิกะ สถานที่ลึกลับตามตำนาน ซึ่งน่าจะอยู่ไม่ห่างไกลไปจากบ้าน
ของยูคาริซึ่งอยู่บริเวณเขตแดนของเกนโซเกียวนัก โดยเธอจะไปคอยคุมและเล่นกับเหล่าแมว
ทั้งหลายที่อยู่ที่นั่น เรียกได้ว่าเธอเป็นเจ้าถิ่นของที่แห่งนั้นเลยทีเดียว เชนนั้นเป็นเหมือนกับแมว
ทั่วๆไป มีนิสัยขี้อ้อนกับเจ้าของ เกลียดน้ำ และชอบอยู่บริเวณที่อบอุ่น โดยส่วนใหญ่เธอมักจะ
ว่างงาน เพราะไม่มีงานบ้านที่ต้องทำ เพราะรันซึ่งเป็นเจ้านายของเธอทำคนเดียวหมดทุกอย่าง
กิจวัตรของเธอก็เลยเหมือนกับแมวทั่วไป คือเดินเล่น เฝ้าถิ่น เล่นกับแมวตัวอื่นๆ หาเรื่องเล่นสนุก
ฆ่าเวลาไปวันๆ และความใฝ่ฝันของเธอก็คือการที่จะแข็งแกร่งขึ้น และทำอะไรได้ทุกอย่างสารพัด
เหมือนกับรันผู้เป็นเจ้านายของเธอเอง
Alice Margatroid (Boss Stage 3)
ชื่อไทย : อลิส มาร์กาทรอยด์
ชื่ออังกฤษ : Alice Margatroid
ชื่อญี่ปุ่น : アリス マーガトロイド
ฉายา : ผู้ใช้ตุ๊กตาเจ็ดสี(7) ผู้เชิดตุ๊กตาเจ็ดสี(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : จอมเวทย์
ความสามารถ : ควบคุมตุ๊กตา
หากพูดถึงจอมเวทที่มักจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเมื่อมีงานเทศกาล และจัดงานแสดงตุ๊กตาให้ทุกคนได้ชม ก็ต้องนึกถึง อลิส มาร์กาทรอยด์
เธอเป็นจอมเวทผู้เชี่ยวชาญการควบคุมตุ๊กตาด้วยเวทมนตร์ให้ดำเนินการแสดงได้ราวกับว่ามีชีวิต
ผมสีทอง ผิวซีดขาว, ตัวเธอเองก็ดูคล้ายกับตุ๊กตาเช่นกัน
เธอเป็นมนุษย์ที่ฝึกฝนจนกลายเป็นจอมเวท
ด้วยเหตุนี้จึงมีความเข้าใจในตัวมนุษย์เป็นอย่างดี
เธอยังเป็นจอมเวทมือใหม่ที่มีประวัติไม่มากนัก
และยังคงทานอาหารและหลับนอนเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง ทั้งๆที่เธอน่าจะไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้นแล้ว
โดยปกติแล้วเธอจะอาศัยอยู่ในบ้านแบบตะวันตกที่มีขนาดกะทัดรัดและเต็มไปด้วยตุ๊กตา ซึ่งตั้งอยู่ในป่าเวทมนตร์
เล่ากันว่าหากหลงทางในป่าเวทมนตร์จนไปถึงบ้านหลังนี้โดยบังเอิญ เธอก็ยินดีให้ค้างแรม
แต่ถึงจะบอกว่าให้ค้างแรม, เธอก็ยังคงวิจัยเวทมนตร์หรือสร้างตุ๊กตาต่อไปเรื่อยๆ, แทบจะไม่มีการสนทนาจนรู้สึกน่ากลัว และอยากรีบหนีออกไปทันที
{ความสามารถ}
เวทมนตร์ควบคุมตุ๊กตา คือ เวทมนตร์ที่ทำให้ตุ๊กตาดูเหมือนกับมีชีวิต
มันไม่ใช่เวทมนตร์ที่มอบชีวิตให้แก่ตุ๊กตา แต่เป็นการควบคุมด้วยเส้นใยเวทมนตร์ ทำให้การควบคุมระยะไกลเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
แต่ตุ๊กตาก็จะไม่มีทางขัดคำสั่งหรือทำร้ายผู้ควบคุม
ตุ๊กตาที่เธอควบคุมนั้นไม่ได้เป็นตุ๊กตาพิเศษไปเสียทุกตัว, ส่วนมากเป็นตุ๊กตาที่แสนจะธรรมดา
ส่วนใหญ่นั้นเป็นตุ๊กตาที่เธอทำมือขึ้นมาเอง
เอาเส้นใยเวทมนตร์ติดเข้ากับตุ๊กตาทำมือ และควบคุมมันตามใจนึก
อาจเป็นเพราะอลิสเคยจับคู่แท็คทีมกับมาริสะในภาค8 ทำให้มีแฟนอาร์ตและโดจินที่จับสองคนนี้มาคู่กันอยู่บ่อยๆ
แต่ความจริงเธอไม่ค่อยชอบมาริสะซักเท่าไหร่(เคยทำตุ๊กตาฟางมาริสะไปตอกหมุดด้วยซ้ำ)เพราะมาริสะ
ชอบไปยืม(ฉก)ตำราเวทจากบ้านเธออยู่บ่อยๆ
Lilywhite (Mini-Boss Stage 4)
ชื่อไทย : ลิลลี่ไวท์
ชื่ออังกฤษ : Lilywhite
ชื่อญี่ปุ่น : リリーホワイト
ฉายา : ภูตผู้นำพาฤดูใบไม้ผลิ(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์(ภูติ)
ความสามารถ : ป่าวประกาศการมาของฤดูใบไม้ผลิ
ลิลลี่ไวท์ ภูติตัวน้อยๆที่จะปรากฏตัวขึ้นเมื่ออากาศเริ่มเปลี่ยนจากหนาวเป็นอบอุ่น ซึ่งแสดงถึง
การกำลังจะมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ เธอสามารถดูเมฆบนฟ้าแล้วบอกได้ว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังมา
เธอจึงเดินทางไปเรื่อยๆเพื่อบอกกล่าวแก่ผู้คน จนกว่าจะไม่มีที่ไหนในเกนโซเคียวที่ฤดูใบไม้ผลิ
กำลังจะเริ่ม เธอก็จะไม่หยุดบิน ลิลลี่ไวท์นับว่าเป็นตัวละคร นิสัยดีอีกตัวหนึ่ง เพราะแม้ว่านั่นจะ
เป็นความสามารถของเธอแต่ก็ไม่มีความจำเป็นขนาดที่จะต้องบินไปประกาศแบบนั้น และผู้คน
ก็ไม่ได้สนใจการบินประกาศของเธอเท่าใดนัก นอกจากนี้ ลิลลี่ยังเป็นแฟรี่ที่มักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ
สมกับที่เป็นภูติฤดูใบไม้ผลิ
Lunasa Prismriver(Boss Stage 4)
ชื่อไทย : ลูนาซ่า ปริซึมริเวอร์
ชื่ออังกฤษ : Lunasa Prismriver
ชื่อญี่ปุ่น : ルナサ プリズムリバー
ฉายา : Violinist วิญญาณหลอน(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยูวเรย์(ผี)
ความสามารถ : บรรเลงดนตรีโดยไม่ต้องใช้มือ
พี่ใหญ่แห่งวงดนตรีปริซึมริเวอร์
ลูนาซ่ามีนิสัยตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
เธอถูกเปรียบว่าเป็นพวกนักเรียนดีเด่นที่ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมไปหมด
แต่ก็เป็นพวกที่โดนหลอกง่ายเช่นกัน
เสียงที่เธอเปล่งออกมามีผลทำให้จิตใจสงบแต่ถ้าฟังมากเกินไปจะเกิดอาการเศร้าหมองแทน
Merlin Prismriver(Boss Stage 4)
ชื่อไทย : เมแลง ปริซึมริเวอร์
ชื่ออังกฤษ : Merlin Prismriver
ชื่อญี่ปุ่น : メルラン プリズムリバー
ฉายา : Trumpeter วิญญาณหลอน(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยูวเรย์(ผี)
ความสามารถ : บรรเลงดนตรีโดยไม่ต้องใช้มือ
พี่รองแห่งวงดนตรีปริซึมริเวอร์
เธอมีนิสัยร่าเริงและมีพลังเวทสูงสุดในหมู่สามพี่น้อง
เธอโดนล้อกันว่าเป็นพวกชอบทำอะไรแผลงๆ
มาจากบั๊กเกมตอนที่พวกเธอใช้ท่าประสานบางครั้งจะเกิดบั๊กทำให้เธอเคลื่อนไหวผิดจากที่ควร
เสียงที่เธอเปล่งออกมมีผลทำให้อารมณ์พุ่งพล่าน
แต่ถ้าฟังมากเกินไปจะเต้นรำทำเพลงออกมาอย่างกะทันหันจนไม่สามารถพูดคุยกันตรงๆตามปกติได้
Lyrica Prismriver(Boss Stage 4)
ชื่อไทย : ลิริก้า ปริซึมริเวอร์
ชื่ออังกฤษ : Lyrica Prismriver
ชื่อญี่ปุ่น : リリカ プリズムリバー
ฉายา : Keyboardist วิญญาณหลอน(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยูวเรย์(ผี)
ความสามารถ : บรรเลงดนตรีโดยไม่ต้องใช้มือ
น้องเล็กแห่งวงดนตรีปริซึมริเวอร์
ลิริก้านั้นถนัดเครืองดนตรีทุกประเภทแต่ปกติเธอจะเล่นพวกเครื่องดีดหรือเครื่องเคาะเป็นหลัก
เธอมีนิสัยฉลาดแกมโกง เธอมักจะยุพวกพี่สาวให้สู้แทนตัวเอง
เสียงที่เธอเปล่งออกมาเป็นเสียงมายาที่ไม่สามารถจัดเข้าพวกกับเสียงใดๆได้
และไม่เกิดผลกระทบกับผู้ฟังต่างจากเสียงของอีกสองคน
Konpaku Youmu(Boss Stage 5)
ชื่อไทย : คอนปาคุ โยวมุ
ชื่ออังกฤษ : Konpaku Youmu
ชื่อญี่ปุ่น : 魂魄 妖夢
ฉายา : คนสวนครึ่งคนครึ่งผี
เผ่าพันธุ์ : ครึ่งคน ครึ่งผี
ความสามารถ : ใช้วิชาดาบ
ยูวเรย์มีรูปร่างไม่แน่นอน จึงมีน้อยคนนักที่สามารถจะแยกแยะยูวเรย์บริสุทธิ์แต่ละตัวได้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน
ตระ:Xลคอนปาคุ เป็นตระ:Xลลูกครึ่งระหว่างมนุษย์กับยูวเรย์ มิใช่ยูวเรย์บริสุทธิ์
ไม่มีจุดที่แตกต่างกับมนุษย์ในแง่ของรูปร่าง
แนวคิดก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์เป็นพิเศษ แต่ว่ากันว่ามีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกตินิดหน่อย
อายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์อย่างมาก เชื่อกันว่าเป็นเพราะร่างครึ่งหนึ่งเป็นยูวเรย์ที่ไม่มีอายุขัยจำกัดนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมียูวเรย์ขนาดใหญ่คอยติดตามร่างมนุษย์อยู่เสมอ
ยูวเรย์ดวงนี้เป็นลักษณะเด่นของครึ่งคนครึ่งผี และเป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้แยกแยะความแตกต่างจากมนุษย์ธรรมดา
ยูวเรย์ขนาดใหญ่นี้เคลื่อนไหวตามเจตนาของครึ่งคนครึ่งผี
และต่างจากยูวเรย์ธรรมดาตรงที่อุณหภูมิร่างกายไม่เย็นมากนัก
โยวมุอาศัยอยู่ในตำหนักหยกขาว ซึ่งตั้งอยู่ในโลกวิญญาณ โดยทำงานเป็นคนสวนและผู้ชี้แนะวิชาดาบ แต่ช่วงหลังมานี้ก็พบเห็นเธอในโลกนี้ ได้บ่อยๆ
มีการคาดเดากันไปต่างๆนานาเกี่ยวกับสาเหตุที่เขตแดนอ่อนแอลง แต่สาเหตุที่แท้จริงก็คือ ความอารมณ์แปรปรวนของโยวไคผู้ควบคุมอาณาเขต (ยูคาริ อู้)
Saigyouzi Yuyuko(Boss Final Stage)
ชื่อไทย : ไซเกียวจิ ยูยูโกะ
ชื่ออังกฤษ : Saigyouzi Yuyuko
ชื่อญี่ปุ่น : 西行寺 幽々子
ฉายา : วิญญาณฝันกลางวัน(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โบวเรย์(วิญญาณ)
ความสามารถ : ควบคุมความตาย
ไซเงียวจิ ยูยูโกะ เจ้าหญิงแห่งโลกวิญญาณ ผู้มีความสามารถในการควบคุม
ความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ประวัติของเธอหากจะกล่าวถึง เรื่องก็ย้อนกลับ
ไปยังอดีตกาล โดยกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกวีสาวผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์
อันล้ำเลิศอาศัยอยู่ในเกนโซเกียว เธอเป็นคนที่รักธรรมชาติอย่างมากและมักจะ
ใช้ชีวิตอยู่กับการเดินทางไปใหนมาใหนอยู่ที่เกนโซเกียว และเธอยังมีเพื่อนสนิท
อยู่คนหนึ่งซึ่งก็คือยาคุโมะ ยูคาริ โยว์ไคผู้สิ่งสู่ในเส้นเขตแดนนั่นเอง แต่สิ่งที่
ตัวเธอนั้นไม่พึงปรารถนาและหวาดกลัวมันมาตลอด ก็คือความสามารถในการ
"ควบคุมความตาย" ซึ่งนับวันมันก็เริ่มมีพลังแข็งกล้าขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกับขั้นชักจูง
ให้คนสามารถตายได้ เธอกลัวว่ามันจะไปควบคุมผู้อื่นให้พากันฆ่าตัวตายจึงคิด
จะทำการผนึกมันด้วยความตายของตนเสียเอง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอซึ่ง
ยังคงเป็นมนุษย์อยู่ได้ไปพบกับยูคาริ เพื่อขอให้ยูคาริช่วยเป็นเพื่อนกับเธอแม้ว่า
จะกลายเป็นดวงวิญญาณไปแล้วก็ตาม และกล่าวขอโทษในสิ่งที่ตนได้กระทำลง
ซึ่งยูคาริก็ได้รักษาสัญญานี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบันในฐานะ "เพื่อน" และจะเป็น
เช่นนั้นไปตลอดกาล... กวีสาวได้เลือกสถานที่ฆ่าตัวตายที่ตนชอบ เป็นต้นซากุระ
ขนาดใหญ่ซึ่งนับว่างามที่สุดตั้งตระหง่านอยู่ในสวนตำหนักหยกขาวในโลกวิญญาณ
และแล้วเธอก็ได้ฆ่าตัวตายลงตรงใต้ต้นซากุระใหญ่ต้นนั้น ซึ่งภายในเวลาต่อมา
ต้นซากุระต้นนั้นก็ได้เบ่งบานอย่างงดงามหาต้นใดเทียบได้ และได้ชักจูงเหล่าผู้คน
จำนวนมากที่คิดจะฆ่าตัวตายเช่นเดียวกันพามากันตายอย่างสงบ ณ ตรงที่แห่งนั้น
จนมันถูกขนานนามว่า "ไซเงียวอายาคาชิ(ภูติท่องตะวันตก)" และต่อมามันก็สะสม
พลังจนพัฒนากลายเป็นโยว์ไคไปในที่สุด อีกทั้งมันยังได้รับความสามารถมาจาก
กวีสาวผู้นั้นก็คือ "ควบคุมความตาย" อีกด้วย ทำให้แม้แต่คนธรรมดาก็ถูกชักจูงมา
สู่ความตาย จนกระทั่งได้มีคนมาฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ และแล้วในที่สุด
ก็ได้มีผู้แกร่งกล้ามากำหราบไซเงียวอายาคาชิและทำการปิดผนึกมันไว้โดยใช้ร่าง
ของกวีสาวผู้นั้นเป็นร่างผนึก ทำให้ไซเงียวอายาคาชินั้นอ่อนโรยจนแห้งเฉาตายไป
และไม่กลับมาเบ่งบานอีกเลย หลังจากนั้นอีกทางด้านหนึ่ง ก็มีหญิงสาวได้ตื่นขึ้นมา
จากการหลับไหลอันยาวนาน เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าเธอจำอะไรไม่ได้เลย รู้เพียงแต่ว่าใน
ขณะนี้เธออยู่ในสถานที่ๆเรียกว่า "ตำหนักหยกขาว" ซึ่งตั้งอยู่ในภพที่เรียกว่าเมย์ไค
และเธอก็เป็นวิญญาณเพียงดวงเดียวที่มีร่างเนื้อ จึงทำให้เธอได้กลายเป็นเจ้าหญิง
แห่งโลกวิญญาณไปโดยปริยาย ในนามของ "ไซเงียวจิ ยูยูโกะ" และแล้วเวลาก็ได้
ล่วงเลย จนมาถึง 1000 ปีต่อมา ณ วันหนึ่งยูยูโกะได้เกิดความสงสัยว่า ทำไมซากุระ
ต้นใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านเด่นอยู่กลางสวนนั้นจึงไม่ผลิบานเสียที ไม่ว่าจะผ่านพ้นช่วง
ฤดูใบไม้ผลิไปซักกี่รอบก็ยังคงเป็นเช่นนั้นมาตลอด ยูยูโกะจึงได้เข้าไปค้นหาตำรา
และบันทึกเก่าๆในหอสมุดประจำตำหนักหยกขาวที่ตัวเธอมักจะเข้าไปใช้เป็นประจำ
จนไปพบกับบันทึกเล่มหนึ่งเข้าอันมีเนื้อความได้ว่ามีวิญญาณของหญิงสาวผู้หนึ่ง
ได้ผนึกไซเงียวอายาคาชิไว้ และหากปลดผนึกออกมาจะทำให้ไซเงียวอายาคาชิ
กลับมาผลิบานได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งยังคืนชีวิตกลับคืนให้แก่หญิงสาวคนนั้นอีกด้วย
โดยปกติแล้ว สรรพสิ่งที่อยู่ในโลกแห่งวิญญาณนั้นเกือบทั้งหมดเป็นร่างวิญญาณ
ดังนั้นเธอจึงเกิดความสงสัยและความสนใจต่อซากศพที่ถูกฝังไว้ให้นอนหลับไหล
อยู่ใต้ไซเงียวอายาคาชิ ด้วยเหตุฉะนี้เอง ยูยูโกะจึงมีความคิดที่ว่าจะปลดปล่อย
ผนึกนั้นออกมา ซึ่งสำหรับยูยูโกะนั้นตามปกติแล้ว ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย
นอกจากเชิญชวนผู้คนหรือไม่ก็โยว์ไคมาสู่ความตายอันเป็นการจุดจบสิ้นแห่งชีวิต
จึงกล่าวได้ว่า ตัวเธอที่เป็นเช่นนั้นกำลังพยายามจะคืนชีพให้กับคนตายเป็นครั้งแรก
ยูยูโกะได้สั่งใหคอนปาคุ โยว์มุ คนดูแลสวนประจำตำหนักอีกทั้งยังเป็นผู้รับใช้คนสนิท
ให้ทำการรวบรวมฤดูใบไม้ผลิเอาไว้ให้มากที่สุดทั้งจากโลกวิญญาณเองและเกนโซเกียว
ก็ด้วย โดยรูปร่างของฤดูใบไม้ผลินั้นจะเป็นเหมือนกลีบดอกซากุระนั่นเอง จนกระทั่ง
เธอรวบรวมมาได้ระดับหนึ่ง ทำให้ต้นซากุระต้นอื่นๆต่างก็ผลิบานสะพรั่งอย่างงดงาม
ส่วนไซเงียวอายาคาชิก็เริ่มผลิดอกออกมาบ้างแล้ว แม้จะเล็กน้อยก็ตาม แต่นั่นกลับทำให้
เกนโซเกียวประสบปัญหาขาดฤดูใบไม้ผลิไป แม้จะเข้าเวลาล่วงเลยแล้วก็ยังคงเป็น
ฤดูหนาวอยู่ แผนการที่กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น ในที่สุดก็ถูกขัดขวางโดยเหล่า
สาวน้อยชาวมนุษย์ทั้ง 3 คน ที่ต้องการจะช่วงชิงเอาฤดูใบไม้ผลิกลับคืนสู่เกนโซเกียว
ยูยูโกะได้ต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อทำสิ่งที่ต้องการให้บรรลุผล แล้วก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด
พร้อมกับหมดสติลง ส่งผลให้ผนึกถูกทำลายออก และวิญญาณของกวีสาวที่ถูกผนึกก็ไ
ด้รับการปลดปล่อยออกมา แต่หญิงสาวคนนั้นกลับเป็นยูยูโกะเสียเอง เรื่องราวต่างๆ
ในบันทึก ทั้งเรื่องที่ว่าหญิงสาวผู้จากไป ทั้งเรื่องกวีสาวที่ถูกผนึก ซึ่งมันก็คือเรื่องราว
ความเป็นมาของยูยูโกะเองทั้งสิ้น รวมถึงการที่เธอไม่ได้ไปเกิดใหม่ ทั้งการที่ไม่ได้หาย
สาบสูญไป และทั้งการที่ได้อาศัยในตำหนักหยกขาว ก็เป็นผลมาจากการมีอยู่ของร่าง
ผนึกแห่งไซเงียวอายาคาชินั่นเอง ซึ่งถ้าเกิดไปคลายผนึกอันนี้ออก เวลาที่หยุดนิ่งอยู่นั้น
ก็จะไม่ถูกหยุดจะกลายเป็นเริ่มไหลเวียนแทน ซึ่งนั่นจะเป็นการประสบกับความตายของ
ยูยูโกะอีกครั้ง และแล้วผนึกก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ไซเงียวอายาคาชิก็กลับมาสงบลง
ดังเดิม ยูยูโกะตื่นขึ้นมาอีกครั้งและจำอะไรไม่ได้เลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อได้ลองถามพวก
เรย์มุที่ได้ประสบกับเรื่องนี้กับตา ก็ไม่มีใครยอมบอกสักคน แม้กระทั่งโยว์มุผู้เป็นคนสนิท
ก็ไม่ได้บอกด้วยเช่นกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หากจะหาบุคคลผู้รู้เรื่องราวทั้งหมดนั้นก็คงมีอยู่
เพียงคนเดียวนั่นคือคอนปาคุ โยว์กิ ผู้เป็นทั้งบิดาและอาจารย์ของโยว์มุ และเป็นผู้ดูแล
คนก่อนของยูยูโกะ ซึ่งได้แยกตัวออกไปอยู่อย่างสันโดษที่ใหนสักแห่งโดยที่ไม่มีใครรู้
ยูยูโกะเป็นตัวละครที่มักจะอารมณ์ดีและยิ้มแย้มอยู่เสมอ เธอเป็นผีที่ตะกละมาก จนเรียก
ได้ว่าเธอคงจะไม่รู้จักคำว่าอิ่มด้วยซ้ำ มีความไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ และชอบแกล้งหรือ
หยอกล้อเหย้าแหย่โยว์มุเป็นบ่อยครั้งเมื่อมีโอกาส สร้างความลำบากและเหนื่อยใจให้แก่
ตัวโยว์มุยิ่งนัก อีกทั้งสิ่งที่ยูยูโกะชื่นชอบนั้นก็คือ การชื่นชมต้นซากุระเบ่งบานในยามฤดู
ใบไม้ผลินั่นเอง สุดท้าย ไม่ว่าจะผ่านไปนานเพียงใด ยูยูโกะก็จะใช้ชีวิตเป็นองค์หญิงของ
โลกวิญญาณและเป็นคุณหนูของตระ:Xลไซเงียวจิผู้มีร่างดับสูญไปแล้วตลอดกาล เรื่องที่ว่า
ยูยูโกะจะได้ดูไซเงียวอายาคาชิผลิบานอีกครั้งนั้น จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีก...
Yakumo Ran(Boss Stage Extra)
ชื่อไทย : ยาคุโมะ รัน
ชื่ออังกฤษ : Yakumo Ran
ชื่อญี่ปุ่น : 八雲 藍
ฉายา : เก้าหางจอมวางแผน(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยวจูว
ความสามารถ : เวทย์ดำและควบคุมภูติรับใช้
ยาคุโมะ รัน จิ้งจอกเก้าหางผู้เป็นภูติรับใช้ของยาคุโมะ ยูคาริ เนื่องจากว่ายูคาริ
เจ้านายของเธอจะหลับพักผ่อนเป็นเวลานานถึง 12 ชั่วโมงต่อวัน และจะตื่นขึ้น
มาช่วงตอนหัวค่ำเท่านั้น แถมยังหลับจำศีลในช่วงฤดูหนาวอีก ด้วยเหตุนั้น รันจึง
จำต้องช่วยดูแลบ้านช่องกับทำงานบ้านต่างๆใน ช่วงที่ยูคาริหลับอยู่ด้วย สำหรับ
ตัวรันเองนั้นเป็นภูติรับใช้มานานมากแล้วเท่าที่จำความได้ โดยตัวเธอนั้นมีพลัง
แข็งแกร่งกว่าโยว์ไคธรรมดาๆหลายเท่าตัว และเพียงพอที่จะมีภูติรับใช้เป็นของ
ตัวเองเสียอีกซึ่งก็คือเชน โดยทั้งคู่สนิทกันมากกว่าที่จะเป็นเจ้านายกับภูติรับใช้
เสียอีก ดูแล้วเหมือนพี่น้องยังไงยังงั้น แถมบางทีรันอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าเธอ
เองก็เป็นภูติรับใช้เหมือนกัน และในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกๆปี พวกยูคาริจะได้
รับเชิญจากยูยูโกะให้ร่วมงานชมดอกซากุระในเมย์ไคอีกด้วย ซึ่งจากเหตุการณ์
ในปีหนึ่ง รันได้สังเกตุเห็นมนุษย์มีชีวิตทั้ง 3 คนบุกรุกเข้าไปในโลกวิญญาณ
จึงคอยสังเกตุดูเหตุการณ์ต่อไปสักระยะ จนหลังจากนั้นเธอก็ได้ปะทะกับมนุษย์
พวกนั้นด้วยและแพ้พ่ายไปในที่สุด ที่จริงแล้วนั้น รันเองก็เป็นจิ้งจอกที่กลายเป็น
โยว์ไคเช่นเดียวกับเชนที่มาจากแมว โดยรูปร่างจะเหมือนมนุษย์ทั่วไป ยกเว้นหู
กับหางจิ้งจอกทั้งเก้าโผล่ขึ้นมา และยังไม่เคยกลับร่างเป็นจิ้งจอกให้เห็น โดยตัว
รันเองก็เป็นโยว์ไคตนหนึ่งที่แข็งแกร่งมาก เนื่องจากอายุที่มากมายเกิน 1000 ปี
จึงสามารถต่อสู้ได้เพียงลำพังโดยไม่จำเป็นต้องมียูคาริคอยส่งพลังให้เหมือนกับ
ภูติรับใช้ทั่วไป รันมีนิสัยดูเป็นผู้ใหญ่ สวยสง่า และสุภาพเรียบร้อย เป็นคนที่เก่ง
และทำงานได้สารพัด ทั้งงานบ้านการศึกเธอทำมาหมดแล้ว เป็นคนที่พึ่งพาได้
และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่เป็นอันมากอีกด้วย
เรื่องที่เธอโดนล้อในโดจินบ่อยๆคือเรื่องที่เธอโอ๋เชนเหมือนลูก ไม่ก็เห็นเชนโมเอะเกินจนเลือดกำเดาไหลอยู่บ่อยๆ
Yakumo Yukari(Boss Stage Phantasm)
ชื่อไทย : ยาคุโมะ ยูคาริ
ชื่ออังกฤษ : Yakumo Yukari
ชื่อญี่ปุ่น : 八雲 紫
ฉายา : โยวไคแห่งอาณาเขต(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยวไค
ความสามารถ : ควบคุมอาณาเขต
ยาคุโมะ ยูคาริ โยว์ไคแห่งเขตแดนผู้มีความสามารถในการควบคุมเขตแดน เธอมีอายุยาวนานมา
ตั้งแต่เกนโซเกียวถือกำเนิดขึ้นมาก็ว่าได้ เธอจึงเป็นโยว์ไคตนหนึ่งที่รักเกนโซเกียวยิ่งกว่าใครๆ
เลยทีเดียว และเฝ้าคอยดูแลเกนโซเกียวนับตั้งแต่นั้นมา ตัวเธอกับยูยูโกะรู้จักกันมานานแล้ว
ตั้งแต่สมัยที่ยูยูโกะยังคงเป็นมนุษย์อยู่ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันทุกอย่างจะเปลี่ยนไปมาก แม้กระทั่ง
ยูยูโกะเองด้วย แต่เธอก็ยังคอยแวะเวียนไปเยี่ยมหายูยูโกะตลอดมิขาดและทั้งคู่ต่างก็สนิทสนม
กันอีกด้วย เพื่อเป็นการรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เมื่อใดที่มีมนุษย์จาก
โลกภายนอกหลงเข้ามาในเกนโซเกียว จึงเป็นหน้าที่ของยูคาริเช่นกันที่จะส่งแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
กลับออกไป โดยใช้ความสามารถควบคุมเขตแดนของเธอ ซึ่งมักจะได้เห็นเธอใช้ความสามารถนี้
ในการเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หรือเรียกและขนย้ายสิ่งของไปมา รวมทั้งยังสามารถใช้
ในการทำลายและสร้างเขตแดนต่างๆอีกด้วย โดยปกตินั้นเธอจะมีรอยแยกมิติประจำตัวไว้ใช้เป็น
ประจำ ซึ่งสังเกตุได้จากโบว์ทั้งสองข้างที่ยูคาริผูกไว้ให้ตรงปลาย เธอมักจะใช้รอยแยกมิตินี้ในการ
ออกเดินทางและการนั่ง-นอน โดยใช้ขอบของรอยแยกเป็นจุดรับน้ำหนักของตัวเองไว้ ยูคาริมีนิสัย
ออกจะแปลกๆ โดยที่เธอนั้นเป็นคนที่ขี้เกียจ แถมยังขี้เซานอนยาวเป็นเวลาถึงครึ่งวันเลยทีเดียว
ในขณะที่อีกด้านนั้น เธอ่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นพี่สาวคนหนึ่งด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เธอยังมี
ภูติรับใช้ของตัวเองซึ่งก็คือรัน โดยงานต่างๆ ทั้งงานบ้านและกิจธุระอื่นๆ เธอก็จะฝากให้รันจัดการ
ทำให้หมดทุกอย่าง แล้วตัวเองก็หลับพักผ่อนอย่างสบายใจต่อไป เสื้อผ้าของยูคาริเท่าที่สังเกตเห็น
จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชุดด้วยกัน คือ ชุดแบบตะวันตกที่ใส่ในตอนที่เจอกับเรย์มุครั้งแรก ซึ่งดูดีมาก
และชุดตะวันออกที่เรามักจะได้เห็นเป็นประจำ ซึ่งก็เป็นชุดประจำตัวที่เธอมักใส่ออกมาเที่ยวเล่น
ในเกนโซเกียวนั่นเอง
ยูคาริเป็นผู้รอบรู้เรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเกนโซเกียว รวมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้วย
ซึ่งตลอดชีวิตของเธอนั้นได้แต่คอยเฝ้าสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆของเกนโซเกียว
ตราบมาจนถึงปัจจุบัน และจะเป็นอยู่อย่างนั้นตลอดไปจนกว่าชีวิตของเธอจะดับสิ้นไป
เธอเป็นหนึ่งในตัวละครที่ถูกเขียนถึงในโดจินและแฟนอาร์ทบ่อยที่สุด
เรื่องที่เธอโดนล้อบ่อยมากที่สุดคงไม่พ้นเรื่องที่เป็นโยวไคสูงอายุ ปัจจุบันเธอถูกจัดอยู่ในกลุ่ม
"สามป้ามหาภัยแห่งเก็นโซเกียว" (อีกสองคนคือเอย์รินจากภาคแปดและคานาโกะจากภาคสิบ)
อีกเรื่องที่โดนล้อบ่อยคือให้เธอเป็นโยวไคอภิมหาขี้เกียจจากการที่เธอใช้เวลานอนถึงสามในสี่ส่วนของวัน
แถมยังจำศีลในฤดูหนาวอีกต่างหาก
[Touhou 7.5 東方萃夢想 ~ Immaterial and Missing Power]
Ibuki Suika
ชื่อไทย : อิบุคิ ซุยกะ
ชื่ออังกฤษ : Ibuki Suika
ชื่อญี่ปุ่น : 伊吹 萃香
ฉายา : ความฝัน, มายา, และร้อยอสูรท่องราตรีที่มารวมตัวกัน(7.5),ร้อยอสูรท่องราตรีตัวน้อย(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยักษ์
ความสามารถ : ควบคุมความหนาแน่น
อิบุกิ ซุยกะ ยักษ์เพียงตนเดียวในเกนโซเกียว ถึงแม้จะไม่มีการระบุว่าในเกนโซเกียวนั้น
มียักษ์อยู่ก็ตาม ซุยกะเป็นเด็กที่มีนิสัยดี ร่าเริงแจ่มใส ซุกซน ชอบความปรองดองสามัคคี
และรักความยุติธรรม เมื่อมีปัญหาเธอก็จะเข้าไปยุติข้อขัดแย้งนั้นๆ ไม่ชอบการมีเรื่อง
แต่หากถูกหาเรื่อง เธอก็พร้อมที่จะโต้ตอบเอาคืนเช่นกัน อีกทั้งยังชอบการเลี้ยงฉลอง
และดื่มเหล้าเหมือนนิสัยของยักษ์ทั่วๆไป และเพราะความเป็นยักษ์ ซุยกะจึงมีพละกำลัง
ความเร็วกับพลังเวทย์มากมายมหาศาล เธอมีเครื่องประดับรูปทรงต่างๆอยู่ 3 อย่างด้วยกัน
อันได้แก่ ทรงกลม(ข้อมือซ้าย) ทรงปิรามิด(ข้อมือขวา) และทรงลูกบาศก์(ผม) นอกจากนี้
ยังมี "น้ำเต้าอิบุกิ" สมบัติของเผ่ายักษ์ ซึ่งมีความสามารถในการดึงเอาสิ่งของจากมิติหรือ
โลกอื่นมาอยู่ที่น้ำเต้าได้ โดยที่ก้นน้ำเต้าจะมีประตูที่เชื่อมต่อกับมิติอื่นอยู่ โดยของที่ซุยกะ
มักจะดึงมาเป็นประจำก็คือเหล้าซึ่งเป็นของโปรดของเธอนั่นเอง และยังสามารถดึงพลังมา
เสริมให้แก่ซุยกะได้อีกด้วย
ส่วนความสามารถของซุยกะนั้นก็คือ "ควบคุมความหนาแน่น" โดยความสามารถนี้
จะมีเงื่อนไขที่จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อได้กำหนดขอบเขตกับสิ่งที่จะใช้ควบคุมความหนาแน่น
เสียก่อน และสิ่งนั้นจะต้องไม่มีพลังต้านทานอีกด้วย ซึ่งเป็นไปได้หลายต่อหลายอย่าง
อย่างการย่อร่าง(เพิ่มความหนาแน่น) ขยายร่าง(ลดความหนาแน่น) แปลงกายเป็นหมอก
(ลดความหนาแน่น) หรือสร้างหลุมดำจำลองในอากาศ (เพิ่มความหนาแน่น) ซึ่งความ
สามารถนี้ทำให้ซุยกะได้ก่อเรื่องราววุ่นวายขึ้น ซึ่งนั่นก็คือการควบคุมความหนาแน่น
ของประชากร โดยซุยกะได้ลดความหนาแน่นของร่างกายตนเองลงจนกลายเป็นหมอก
ปกคลุมไปทั่วเกนโซเกียว พร้อมกับใช้พลังในการควบคุมความหนาแน่นของประชากรอีก
ทำให้ผู้คนล้วนหันหน้าเข้าหากันแล้วจัดงานฉลองขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะดึงเหล่า
พรรคพวกยักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ให้ออกมาและรวบรวมพลพรรคชาวยักษ์อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับ
เพื่อฟื้นสัมพันธ์กับพวกมนุษย์ โดยการใช้งานเลี้ยงเป็นตัวสานสัมพันธ์กัน ที่มาของซุยกะ
ที่ว่ามาเกนโซเกียวได้อย่างไรนั้น จากปากคำของมิโกะรุ่นที่13 ฮาคุเรย์ เรย์มุได้กล่าวไว้ว่า
เกนโซเกียวไม่มียักษ์แล้ว และ้พวกยักษ์ทั้งหลายก็ได้ออกไปจากที่นี่หมดแล้วด้วย ทำให้เรา
ได้ทราบว่าเผ่ายักษ์อาจจะออกไปจากที่นี่หมดแล้ว สร้างความปลงใจให้แก่ซุยกะ แต่เธอ
ก็หวังที่จะได้จัดงานฉลองขึ้นมาอีกครั้ง โดยหวังนิดๆว่าสักวันหนึ่งจะมีเพื่อนยักษ์ของเธอ
กลับมาหาอีกครั้งหนึ่ง
[Touhou 8 東方永夜抄 ~ Imperishable Night]
Wriggle Nightbug
ชื่อไทย : ริกเกิล ไนท์บั๊ก
ชื่ออังกฤษ : Wriggle Nightbug
ชื่อญี่ปุ่น : リグル・ナイトバグ
ฉายา : แมลงแห่งแสงผู้ไต่ตอมความมืด(8) , แมลงแห่งแสงผู้ไต่ตอมความมืด(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคแมลง(หิ่งห้อย)
ความสามารถ : ควบคุมแมลง
ริกเกิล ไนท์บั๊ก โยว์ไคแมลงหิ่งห้อยซึ่งเป็นผู้มีความสามารถในการควบคุมเหล่าแมลงอื่นๆ
ได้ทั้งมวล หรือทั้งโลกก็ว่าได้ๆได้ดั่งใจของตนเองซึ่งคำสั่งที่เธอออกไปนั้น เหล่าแมลงก็
จะยอมทำตามเธอทุกอย่าง เหมือนถูกเชิดใช้ราวกับเป็นผู้ซื่อสัตย์ แม้แต่จะต้องตายเพื่อ
เธอก็ตาม และจะน่ากลัวยิ่งขึ้นหากว่าเธอใช้ความสามารถนี้อย่างจริงจัง เพราะแมลงมีพิษนั้น
เธอก็สามารถควบคุมมันได้เช่นกันลักษณะนิสัยของริกเกิลนั้นดูเป็นเด็กเหมือนกับลักษณะ
คาแร็คเตอร์ภายนอกที่เป็นเด็ก แต่ก็มีความคิดอ่านอยู่พอสมควร รู้จักเรียนรู้และยอมรับ
อีกทั้งยังรู้จักการวางแผนการอย่างมีจุดหมาย ตามปกติเธอจะเป็นโยว์ไคที่เรียบร้อยดีอยู่
แต่หากโกรธเมื่อไหร่ก็จะโจมตีใส่คนๆนั้นทันที และสิ่งที่ทำให้เธอโกรธได้ก็มีเพียงการ
ดูถูกและดูผิด(ต่างไปจากที่เธอเป็นหิ่งห้อย)นั่นเอง ถึงแม้ว่าการแต่งตัวของเธอจะทำให้
เธอมีลักษณะคล้ายกับเด็กผู้ชายห้าวๆก็ตาม แต่เธอก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่สามารถทำตัว
น่ารักน่าทนุถนอมผิดกับภายนอกมากเลยทีเดียว โยว์ไคอย่างริกเกิลตนนี้เป็นที่รู้สึกไม่ดี
ต่อชาวบ้านไม่น้อย เนื่องจากเธอจะชอบมาพร้อมกับเหล่าแมลงฝูงใหญ่ ซึ่งสร้างความ
น่าหวาดผวาเป็นยิ่งนัก และแม้โยว์ไคตนนี้จะเป็นโยว์ไคแมลง แต่นอกจากหนวดแมลง
ที่งอกอยู่บนหัวแล้ว อย่างอื่นก็คล้ายคลึงไปกับมนุษย์ไปเสียทุกอย่างเลยทีเดียว อาจจะ
เพราะว่าหิ่งห้อยนั้นเป็นแมลงที่สวยงามและพิศวง ทำให้มนุษย์มีความรู้สึกไม่อยากจะ
ทำลายมันทิ้ง จึงเป็นเหตุให้หิ่งห้อยที่มีอายุมากสามารถเติบโตเป็นโยว์ไคได้ไปในที่สุด
รวมถึงริกเกิลด้วย
Mystia Lorelei
ชื่อไทย : มิสเทีย โลเรไล
ชื่ออังกฤษ : Mystia Lorelei
ชื่อญี่ปุ่น : ミスティア・ローレライ
ฉายา : ภูตนกกระจอกราตรี(8) , ภูตนกกระจอกราตรี(9) , โยวไคนกกระจอกราตรี(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคนกกระจอกราตรี
ความสามารถ : ทำให้ผู้คนสับสนงงงวยด้วยเสียงเพลง
มิสเทีย โลเรไล นกกระจอกราตรีผู้มีอารมณ์ดีและมักจะร้องเพลงอยู่เสมอ แถมยังร้องอยู่ตลอดเวลา
จนน่าจะเรียกได้ว่านอกจากเธอจะร้องเพลงแล้ว ยังทำอย่างอื่นเป็นหรือเปล่า แต่ทว่าเธอนั้นก็เป็นคน
ที่มีความเฉลียวฉลาดทางด้านการค้าชนิดจับตัวได้ยาก ทั้งยังมีลูกเล่นทางการค้าแพรวพราวอีกด้วย
ซึ่งเธอได้เปิดกิจการร้านแผงลอยปลาไหลย่างนั่นเอง โดยได้เลือกทำเลที่มีประโยชน์ต่อการค้ามาก
เป็นถนนที่ไม่ค่อยมีคนสัญจร แต่ด้วยคุณสมบัติของปลาไหลยัทสึเมะนั้นมีคุณสมบัติสามารถรักษา
โรคตาบอดกลางคืนได้ และคนที่จะเดินมาตามถนนเส้นนี้ในยามราตรีก็มักจะเป็นพวกที่เป็นโรคตา
บอดกลางคืนเสียด้วย จึงกลายเป็นของขายดีไปในทันตา ส่วนทางด้านเพลงของเธอเอง หากได้ลอง
ฟังเนื้อดูก็จะรู้สึกได้เลยว่ามันแปลกประหลาดจนน่าใจหายจนไม่รู้จะเรียกว่าเป็นเพลงได้หรือเปล่า
นอกจากนี้เธอก็ไม่อาจอ่านหนังสือออกและเรียนไม่ได้เรื่องอีกด้วย เรียกว่านอกจากพรสวรรค์ทาง
ด้านการค้าขายแล้ว เธอแทบจะไม่ได้เรื่องเกือบซะทุกด้านเลย ความสามารถของมิสเทียคือการทำให้
ผู้คนสับสนงงงวยด้วยเสียงเพลง เสียงร้องเพลงของมิสเทียนั้นมีพลังเวทย์แฝงเอาไว้อยู่ มันสามารถ
ทำให้การรับรู้และการตัดสินใจของมนุษย์เกิดการสับสนได้ จึงทำให้หลงทางได้ง่ายๆ และยังสามารถ
ใช้เสียงเพลงเหล่านี้ทำให้ผู้ที่โดนเกิดตาบอดกลางคืนได้อีกด้วย ความสามารถนี้ใช้ได้ทั้งกับมนุษย์
และทั้งโยว์ไคกับโยว์เซย์ เพียงแต่ว่า ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เธอก็ต้องยิ่งร้องให้ดังขึ้นเท่านั้น
แต่เพลงของมิสเทียนั้นเป็นบทเพลงที่โดดเด่นเกินคาด สามารถเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งจนแทบ
นึกไม่ถึงว่าเป็นบทเพลงของโยว์ไค ด้วยเหตุนี้จึงโดนใจคนหนุ่มคนสาว และได้รับความนิยมอย่างมาก
โดยไม่ได้นึกถึงโทษของมันเลย ส่วนสำหรับเหล่าผู้สูงอายุต่างก็เป็นเพลงที่ฟังแล้วน่ารำคาญไปเสียนี่
มิสเทียชอบสถานที่ๆอึกทึกครื้นเครง และมักจะไปเข้าร่วมร้องเพลงที่นั่น อีกทั้งตัวมิสเทียเองยังไม่ถูก
โรคกับมนุษย์เป็นอย่างมาก หากเป็นกับเหล่าผู้ที่ฟังเพลงของเธอหรือเป็นลูกค้าที่มาทำมาค้าขายด้วย
เธอก็จะเฉยๆไว้ก่อนไม่มีอะไร แต่หากไปทำให้เธอโกรธเข้าล่ะก็ เธอจะโจมตีโดยไม่สนใจว่าเป็นใคร
มาจากไหนเลยทีเดียว นอกจากนี้มิสเทียยังเป็นโยว์ไคที่มีความภาคภูมิในตัวเองสูงและหวงถิ่นของ
ตัวเองอย่างมาก โดยเฉพาะเวลามีใครมาร้องเพลงหรือเล่นดนตรีส่งเสียงในอาณาเขตของเธอ จะทำให้
เธอโกรธเคืองมากเลยทีเดียว นอกจากนี้เธอยังเป็นคนที่เกลียดความพ่ายแพ้ คล้ายๆกับมาริสะเสียด้วย
Kamishirasawa Keine
ชื่อไทย : คามิชิราซาวะ เคย์เนะ
ชื่ออังกฤษ : Kamishirasawa Keine
ชื่อญี่ปุ่น : 上白沢 慧音
ฉายา : ครึ่งสัตว์แห่งความรู้และประวัติศาสตร์(8) , ครึ่งสัตว์จอมเขมือบประวัติศาสตร์(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ครึ่งคนครึ่งฮาคุตาคุ(แวร์ฮาคุตาคุ)
ความสามารถ :กลืนกินประวัติศาสตร์(มนุษย์) สร้างสรรค์ประวัติศาสตร์(ฮาคุตาคุ)
คามิชิราซาวะ เคย์เนะ ครึ่งคนครึ่งฮาคุตาคุหรือเรียกว่าแวร์ฮาคุตาคุ เป็นมนุษย์สัตว์ผู้ชาญฉลาด
มากด้วยความรู้ความสามารถ ทั้งนี้การที่เธอเป็นแวร์ฮาคุตาคุนั้น เธอก็ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิดแต่
อย่างใด แต่เหตุที่เธอกลายเป็นเช่นนี้ก็ยังมิอาจที่จะทราบได้ เมื่อใดที่เกิดจันทร์เพ็ญขึ้นยามราตรี
เคย์เนะจะแปลงร่างเป็นฮาคุตาคุโดยพลัน ไม่อาจหักห้ามตนเองได้ โดยนับตั้งแต่โบราณกาลแล้ว
ฮาคุตาคุคือโยว์ไคที่จะปรากฏกายต่อหน้ามหากษัตริย์ผู้ได้ปกครองแผ่นดินโดยธรรมในประเทศนั้น
ซึ่งฮาคุตาคุจะทำหน้าที่คอยแจ้งเตือนหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นแก่ประเทศและคอยชี้นำแนวทางที่
ถูกต้องให้แก่กษัตริย์องค์นั้น นอกจากนี้ ความสามารถของฮาคุตาคุนั้นยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ทาง
ประวัติศาสตร์ที่สวยหรูให้แก่กษัตริย์ได้อีกด้วย โดยความสามารถของเคย์เนะนั้นจะแบ่งออกเป็น
ร่างมนุษย์และร่างฮาคุตาคุ โดยในยามปกติที่เธออยู่ในร่างมนุษย์ ก็จะมีความสามารถในการกลืนกิน
ลบล้าง หรือซ่อนงำประวัติศาสตร์ กล่าวคือสามารถปกปิดประวัติศาสตร์ได้ดั่งใจตน และในยามเมื่อ
อยู่ในร่างฮาคุตาคุเธอสามารถขีดเขียนประวัติศาสตร์ได้ตามใจชอบเช่นกัน หรือจะเรียกว่าสามารถ
สร้างสรรค์ เปลี่ยนแปลง แก้ไขได้ตามใจนึก จะบิดเบือนความจริง กลับผิดเป็นถูก สร้างเรื่องที่ไม่
เคยเกิดขึ้นจริงก็ยังทำได้ ตราบใดที่ยังอยู่ในร่างฮาคุตาคุนี้ ถึงแม้จะเป็นพลังความสามารถที่สุดแสน
ยิ่งใหญ่เช่นนั้น แต่การจะเป็นประวัติศาสตร์ได้ ก็จำเป็นต้องมีใครสักคนทำการบันทึกจดจำมันเอาไว้
ถึงจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ขึ้นมาได้ แม้กระนั้นพลังของตัวเธอนั้นไม่อาจกร้ำกรายพลังที่เรียกว่า
"เกนโซเกียวเอนกิ" ซึ่งถ่ายทอดกันมาในตระ:Xลฮิเอดะได้ เพราะเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ทีเหล่า่
ตระ:Xลฮิเอดะถือครองเอาไว้โดยไม่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของเคย์เนะแม้แต่ประการใดทั้งปวง
หากจะกล่าวถึงลักษณะนิสัยของเคย์เนะแล้ว ก็จะเห็นได้ถึงความเอาจริงเอาจัง เข้มงวดในการงาน
และอ่อนโยนในยามปกติ ในเวลาปกติเธอเป็นคนเรียบร้อย และเป็นมิตรไมตรีกับคนรอบข้างเป็น
อย่างมาก แต่เวลาโกรธก็ดุดันน่าดูชม และการที่เธอได้จัดตั้งโรงเรียนประถมขึ้นมา เพื่อที่จะพร่ำ
สอนวิชาประวัติศาสตร์ให้แก่เด็กๆ ก็ทำให้เธอเปรียบเสมือนครูอาจารย์ผู้แสนเคร่งครัดที่พบเจอได้
ตามโรงเรียนประถมทั่วไป นอกจากนี้เคย์เนะยังรวบรวมและเรียบเรียงประวัติศาสตร์ไว้ในรูปแบบ
หนังสือเป็นจำนวนมากในสถานศึกษาแห่งนั้น เธอรู้สึกว่ามันเป็นงานของเธอที่จะต้องกระทำเช่นนี้
ซึ่งเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับตระ:Xลฮิเอดะอย่างลึกซึ้ง สืบเนื่องจากข้อมูลมหาศาลที่ตระ:Xลฮิเอดะรวบรวม
มายาวนานเกินกว่าพันปีนั้นเป็นประโยชน์ต่อเธอมาก และความฉลาดรอบรู้ของเธอก็มีประโยชน์ต่อ
ชาวบ้านเป็นอย่างมากเช่นกัน ความยุติธรรม เมตตา ให้อภัย น้ำใจ และอื่นๆ ที่ฝ่ายธรรมะพึงมีติดตัว
ไว้นั้น ล้วนมีอยู่ในตัวเธอทั้งสิ้น เมื่ออยู่ในเวลาต่อสู้ เธอก็จะพูดจาตอบโต้กับศัตรูอย่างแข็งกร้าวดุดัน
ราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว ทั้งนี้เมื่อเธอได้อยู่ในร่างฮาคุตาคุแล้ว เธอจะก้าวร้าวขึ้นอีกเล็กน้อย...
แต่กระนั้น แม้เธอจะไม่ใช่มนุษย์เต็มตัว แต่ก็รักมนุษย์เป็นอย่างมาก เธอจึงเป็นมิตรแท้ของมวลมนุษย์
อีกทั้งเธอยังคอยให้ความช่วยเหลือผู้คนเท่าที่ตนจะทำได้ และคอยปกป้องมนุษย์จากเหล่าโยว์ไค
ในเกนโซเกียว แต่ตัวเคย์เนะเองนั้นก็พยายามปกปิดไม่ให้พวกชาวบ้านในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง
ได้รู้ถึงอีกร่างหนึ่งหรือร่างฮาคุตาคุของเธอ เพราะเธอเกรงว่าหากชาวบ้านรู้เข้าก็จะเกิดความหวาดกลัว
และเกลียดชังในตัวเธอ และเพราะความที่เคย์เนะชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั้น เธอจึงได้พบ
และรู้จักกับโมโคว์ และเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด หรือจะเรียกว่าสหายรักกันเลยก็ว่าได้ โดยเคย์เนะ
ได้คอยช่วยเหลือโมโคว์ในเรื่องต่างๆ แม้กระทั่งการล้างแค้นของโมโคว์ด้วย แต่โมโควเองก็ไม่อยาก
ให้เคย์เนะเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้มากนักเช่นกัน ร่วมกับโมโคว์ที่พักอยู่ที่บ้านของเธอเอง รวมทั้งการ
ดูแลเหล่ามนุษย์ในหมู่บ้านอย่างสงบสุข ความสามารถที่เธอมีพึงครอบครองไว้นั้น ก็จะตั้งใจใช้เพื่อ
ผลประโยชน์แด่มวลมนุษย์ทั้งปวง
Inaba Tei
ชื่อไทย : อินาบะ เทอิ
ชื่ออังกฤษ : Inaba Tewi
ชื่อญี่ปุ่น : 因幡 てゐ
ฉายา: กระต่ายเปลือยแห่งโชคลาภ(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคกระต่าย
ความสามารถ : ควบคุมโชคดี
อินาบะ เทอิ กระต่ายบนโลกผู้เป็นหัวหน้าของเหล่ากระต่ายในโรงเตี๊ยมนิรันดร์
เคยเป็นกระต่ายธรรมดามาก่อน แต่เนื่องจากที่เธอคอยดูแลรักษาสุขภาพอย่างดี
มาตลอด จึงมีชีวิตที่ยืนนานจนวิวัฒนาการเป็นโยว์ไคไปในที่สุด และเธอก็ได้รับ
การแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของเหล่ากระต่ายบนโลกทั้งหลาย จากเอย์รินและคางุยะ
ด้วย เนื่องจากตัวเธอมีพลังพิเศษที่มากมายกว่าตัวอื่นนั่นเอง โดยงานหลักของเธอ
จะเป็นการดูแลโรงตี๊ยมนิรันดร์ ทั้งการบริหารงานและคอยขับไล่ผู้บุกรุกจากภายนอก
โดยที่เทอิมีหน้าที่ควบคุมดูแลความเรียบร้อยทั้งหมด รวมไปถึงสวัสดิภาพของเหล่า
กระต่ายด้วย เทอิมีนิสัยขี้แกล้ง เป็นจอมวางกับดักตัวยง จนกลับกลายเป็นกิจวัตรอัน
แสนสนุกสนานของเธอเลยก็ว่าได้ กิจกรรมโปรดของเธอก็คือ การวางกับดักภายใน
โรงเตี๊ยมเพิ่มเติม จากนั้นก็จะใช้ความสามารถของตนในการเสริมดวงให้กับทุกคนใน
โรงเตี๊ยม เพื่อไม่ให้มีใครโดนกับดักของเธอ แต่ถ้ารู้สึกอยากแกล้งใครขึ้นมาก็จะลด
ดวงของคนๆนั้นลง หรือถ้ามีผู้บุกรุกที่ไม่ได้เสริมดวงบุกเข้ามาในโรงเตี๊ยม ก็จะโดน
สารพัดกับดักเหล่านั้นไป โดยเป้าหมายหลักในการแกล้งของเธอก็คือเรย์เซ็นหรือ
อุด้งเกะนั่นเอง แต่กับเอย์รินและคางุยะเธอจะไม่กล้าเข้ายุ่งด้วย และจะคอยรับคำสั่ง
จากนายเหนือหัวทั้งสองอีกทีนึง แต่ส่วนใหญ่แล้วคางุยะจะเรียกใช้อุด้งเกะมากกว่า
หรือไม่ก็เรียกใช้เอย์ริน แล้วเอย์รินจะมาถ่ายทอดงานต่อมาี่เทวิอีกทีนึง นอกจากนี้
เธอยังชอบเอา"กล่องรับบริจาคขนาดจิ๋ว" เดินเร่ร่อนมารีดไถตังค์จากคนที่เจอด้วย
โดยถ้ามีคนให้เงินบริจาคเธอไป เธอจะทำให้คนๆนั้นดวงดีขึ้นตามจำนวนเงินที่ใส่
ลงไป แต่ถ้าไม่ยอมให้ก็จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งเทวิจะทำการลดดวง
ของคนๆนั้นลง จนต้องเจอกับเรื่องแย่ไปตามๆกัน และบางครั้งเทวิมักจะออกไป
ข้างนอกเพื่อเดินเล่นหรือไม่ก็ออกไปสนุกกับกระต่ายตัวอื่นๆ เป็นการออกกำลังกาย
ด้วยไปในตัว โดยไม่บอกกล่าวกับสมาชิกในโรงเตี๊ยมนิรันดร์ก่อนเป็นประจำ
Reisen Udongein Inaba
ชื่อไทย : เรย์เซน อุด้งเกะอิน อินาบะ
ชื่ออังกฤษ : Reisen Udongein Inaba
ชื่อญี่ปุ่น : 鈴仙・優曇華院・イナバ
ฉายา: กระต่ายจันทราแห่งความวิกลจริต (8) , เนตรแดงแห่งความวิกลจริต(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : กระต่ายดวงจันทร์
ความสามารถ : ควบคุมความคลุ้มคลั่งและโทรจิตกับกระต่ายจันทราตัวอื่น
เรย์เซ็น อุด้งเกะอิน อินาบะ กระต่ายดวงจันทร์ผู้มีเนตรแดงคลุ้มคลั่ง เดิมเธอมีชื่อว่า "เรย์เซ็น"
แต่ภายหลังก็ได้เอย์รินกับคางุยะเปลี่ยนชื่อให้จนกลายเป็น"เรย์เซ็น อุด้งเกะอิน อินาบะ" ไปแทน
และได้ใช้นามนี้มาจนถึงปัจจุบัน โดยคำว่าอินาบะ คางุยะเป็นผู้ตั้งให้ แต่ที่จริงแล้วอินาบะเป็นคำ
ที่ใช้เรียกกระต่ายทุกตัวเสียนี่ เพราะฉะนั้นเมื่อเธอคิดจะเรียกอุด้งเกะแล้วก็จะพูดว่าอินาบะออกมา
ซึ่งหมายถึงการเรียกตัวเรย์เซ็นนั่นเอง ส่วนกระต่ายตัวอื่นๆันั้น เธอจะใช้วิธีปรบมือเรียกเอาแทน
โดยกระต่ายตัวที่อยู่ใกล้ๆและเข้ามาหาคางุยะก็จะเป็นตัวที่ถูกใช้งานไป ส่วนคำว่าอุด้งเกะอินนั้น
เป็นชื่อที่เอย์รินมอบให้ มีที่มาจากดอกอุด้งเกะอินซึ่งดอกไม้ชนิดนี้จะมีลักษณะคล้ายกับหูกระต่าย
แต่ปกติเอย์รินจะเรียกย่อๆว่าอุด้งเกะเท่านั้น ซึ่งเรย์เซ็นคิดว่าเอย์รินแกล้งเธอ แต่ที่จริงแล้วเอย์ริน
ก็เรียกไปด้วยความสนิทสนมและเอ็นดูอย่างจริงใจก็เท่านั้น นัยน์ตาสีแดงเป็นตัวบ่งบอกถึงพลัง
ของเธอที่มีพลังมากกว่ากระต่ายบนโลกทั้งหลายที่อยู่ในโรงเตี๊ยมนิรันดร์ และจากการที่เธอได้ฝาก
ตนเป็นลูกศิษย์ของเอย์ริน ทำให้เธอนอกจากมีความรู้ทางด้านยาแล้ว ยังได้เล่าเรียนวิชาต่อสู้ด้วย
โดยวิชาหลักที่เธอใช้ก็คือ "กระสุนจิต" โดยการรวบรวมพลังไว้ที่มือ แล้วยิงออกมาทางปลายนิ้ว
ในรูปของก้อนพลังงานคล้ายกระสุนปืน ในเหตุการณ์ภาค 8 เองนั้น มนุษย์โลกภายใต้การนำของ
"นีล อาร์มสตรอง" ได้บุกรุกเข้าไปที่ดวงจันทร์ พร้อมกับนำธงไปปักบนพื้นไว้ สร้างความไม่พอใจ
แก่ชาวจันทรา และนำกองทัพออกต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถต่อกรกับกองทัพอันแสนญานุภาพของ
มนุษย์ได้ เรย์เซ็นได้หลบหนีออกจากแนวหน้าสงครามเพียงคนเดียวโดยทิ้งเพื่อนพ้องไว้ และได้
เดินทางมาถึงเกนโซเกียว เพื่อนำ:Xน์ไปรายงานแก่คางุยะให้ทราบ พวกคางุยะตัดสินใจรับเธอ
เข้ามาอาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยมนิรันดร์ด้วย พร้อมกับตั้งชื่อใหม่ให้ จนกระทั่งในค่ำคืนของจันทร์เพ็ญใน
คืนหนึ่ง พรรคพวกกระต่ายบนดวงจันทร์ได้ใช้สิ่งที่เรียกว่า "คลื่นของกระต่าย" ส่งมาให้ทางเรย์เซ็น
เป็นผู้รับ ซึ่งหมายความว่าหูอันใหญ่โตของเหล่ากระต่ายจันทราทั้งหลายสามารถใช้โทรจิตสื่อสาร
กันได้ ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันมากสักเพียงใด นับเป็นความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของเหล่ากระต่าย
ดวงจันทร์ โดยข้อความมีเนื้อหาสรุปได้ว่าพวกมนุษย์โลกคิดจะสร้างฐานทัพและยึดครองดวงจันทร์
ชาวจันทราจึงคิดจะเปิดสงครามกับมนุษย์โลกอีกครั้ง และเรย์เซ็นจะต้องกลับไปเข้าร่วมรบสงคราม
จันทราอีกครั้งหนึ่ง โดยทางการจะส่งฑูตไปรับตัว คางุยะปฎิเสธที่จะให้เรย์เซ็นกลับไป จึงหาทางปิด
เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างฝ่ายดวงจันทร์กับทางโลกมนุษย์ และเป็นสาเหตุของการเกิดเรื่องในภาค 8
เรย์เซ็นได้ปะทะกับเหล่าสาวน้อยแห่งเกนโซเกียวและพ่ายแพ้ไป ซึ่งหลังจากนั้นมาเรื่องราวต่างๆก็ได้
จบลงด้วยดีโดยไม่ต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อ กิจวัตรประจำวันของเรย์เซ็นในวันๆนึงก็จะคอยติดตาม
เอย์ริน และหากว่างจากการติดสอยห้อยตามเอย์ริน ก็จะเดินเล่นทำอะไรอย่างอื่นในโรงเตี๊ยม และรอรับ
คำสั่งต่างๆจากเอย์รินและคางุยะ ซึ่งอาจจะไปเล่นกับเทอิ หรือเข้าไปแวะพูดคุยกับเหล่ากระต่ายตัวอื่น
อ่านหนังสือตำราและอื่นๆ หากได้รับคำสั่งจากเอย์รินก็มักจะเป็นการออกตามหาวัตถุดิบสำหรับทำยา
ส่วนคางุยะนั้นก็เรียกใช้ได้ตามใจชอบ โดยเพียงแค่พูดว่าอินาบะ เรย์เซ็นก็จะเข้ามารับใช้โดยทันที
งานสำคัญอีกอย่างของเรย์เซ็นก็คือการช่วยงานทดลองสร้างยาของเอย์ริน ตั้งแต่ออกค้นหาวัตถุดิบ
รวมไปจนถึงงานจิปาถะในห้องยา เธอจึงมักจะเข้านอนหลังจากเอย์รินไปเข้านอนแล้ว แต่ในบางครั้ง
เอย์รินก็จะโหมงานไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ดังนั้นบางครั้งเอย์รินก็จะคอยสั่งให้อุด้งเกะไปพักผ่อนก่อน
ส่วนตัวเองก็จะโหมทำงานอย่างหนักต่อไป โดยในปัจจุบันเรย์เซ็นและเหล่าพวกพ้องในโรงเตี๊ยมนิรันดร์
ทั้งหลายต่างก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างปกติสุขตลอดมาและพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องผู้เป็นอาจารย์และนาย
ทั้งสองของตน
Yagokoro Eirin
ชื่อ : ยาโกะโคโระ เอย์ริน
ชื่ออังกฤษ : Yagokoro Eirin
ชื่อญี่ปุ่น : 八意 永琳
ฉายา: มันสมองของดวงจันทร์ (8) , คุณร้านขายยาโฮวไร (สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ชาวจันทรา
ความสามารถ : เชี่ยวชาญการปรุงยา
ยาโกะโคโระ เอย์ริน ชาวจันทราและหมอยาอัจฉริยะจากตระ:Xลยาโกะโคโระอันมีชื่อเสียง
ลือลั่นแห่งนครจันทรา ตระ:Xลยาโกะโคโระนั้นต่างก็รับใช้เหล่าราชวงศ์แห่งจันทรามาเป็น
เวลานานหลายชั่วอายุคน ทั้งตระ:Xลล้วนมีแต่อัจฉิรยะทั้งสิ้น หากแต่เอย์รินนั้นกลับอัจฉริยะ
เหนือกว่าใครในตระ:Xล หรือจะเรียกว่าเป็นอัจฉริยะแห่งอัจฉริยะก็ว่าได้ โดยบางครั้งเธอก็มักจะ
พูดอะไรที่เข้าใจยากๆออกมา จนทำให้เธอไม่ค่อยมีใครอยากจะคบหาเท่าไรนัก ครั้นที่เอย์ริน
ได้เข้าประจำการครั้งแรกในฐานะหมอยา หลังจากที่บรรจุเข้าทำงานได้ไม่นาน เธอก็ถูกคางุยะ
เรียกตัวไปเข้าเฝ้า ครั้งแรกที่เจอกันเอย์รินไม่ค่อยชอบหน้าคุณหนูเอาแต่ใจอย่างคางุยะเท่าไรนัก
แถมยังโดนดูถูกพร้อมกับท้าทายให้สร้างยาโฮว์ไรขึ้นมา ด้วยศักดื์ศรีของหมอยา ทำให้เกิดทิฐิโง่ๆ
ที่จะสร้างยาโฮว์ไรขึ้น แม้ว่าจะผิดกฎเธอก็ไม่สน และแล้วเอย์รินก็หายตัวไปเป็นเวลาหลายวัน
จนในที่สุดยาในตำนานก็ถูกสร้างเสร็จขึ้นมาจนได้ และเอย์รินก็ได้นำไปถวายให้แก่คางุยะได้
ในที่สุด ทว่าโทษของการสร้างยาต้องห้ามนี้ขึ้นมาก็คือประหารชีวิตเท่านั้น และทุกสิ่งก็ไม่ได้
ราบรื่นเสมอไป ไม่นานก็มีคนสังเกตได้ว่าวัตถุดิบที่ใช้ในการทำยาหายไปจากคลัง และจับได้ว่า
เอย์รินสร้างยาโฮว์ไรขึ้นมา จึงทำการเข้าจับกุมตัวโดยทันที แต่คางุยะเข้ามาห้ามปรามไว้ โดย
บอกว่าตนเป็นคนสั่งเอย์รินให้ทำยาขึ้นมาเอง นางจึงไม่มีความผิด ขอให้ละเว้นโทษแก่นางด้วย
และขอเป็นคนรับโทษแต่เพียงผู้เดียว โดยเอย์รินนั้นรู้สึกทึ่งและคิดว่าคางุยะคงจะมั่นใจถึงความ
เป็นอมตะของนาง ทว่าผลของการเป็นอมตะนั้นส่งผลให้คางุยะถูกประหารครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยวิธี
การต่างๆ ถึงตายแล้วก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ สร้างความทรมานเป็นที่สุด เอย์รินแทบจะสำลักน้ำตา
ออกมา เพราะศักดิ์ศรีงี่เง่าของตนจึงทำให้สาวน้อยผู้หนึ่ง ต้องมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ เอย์ริน
ได้ทูลเสนอเหล่าผู้อาวุโสให้ขอยกเลิกการประหารองค์หญิงคางุยะ เพราะมีแต่จะเปล่าประโยชน์
เหล่าผู้อาวุโสได้เข้าประชุมหาลือกัน จึงได้ข้อสรุปว่าให้เนรเทศคางุยะไปยังโลกมนุษย์ เอย์ริน
ได้ฟังดังนั้นก็แทบคลั่ง เพราะโลกมนุษย์ที่เธอได้ยินมานั้นยังด้อยด้วยวิชาการและความเป็นอยู่
จึงเท่ากับว่าเธอกำลังส่งคางุยะไปใช้ชีวิตในนรก เอย์รินคิดอย่างนั้นและเสียใจเป็นอย่างมาก
และแล้วคางุยะก็ได้ถูกเนรเทศส่งลงไปยังโลกมนุษย์ในที่สุด พร้อมกับความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ของหมอยาอัจฉริยะผู้โง่เขลาคนนี้ หลายปีผ่านไป ทางการจากดวงจันทร์ได้ประกาศนิรโทษให้
แก่คางุยะ และจะส่งคณะฑูตเข้าไปรับกลับ เอย์รินรู้ข่าวนี้ จึงได้ขอติดตามไปกับคณะฑูตด้วย
โดยอ้างความจำเป็นในการมีหมอยาเดินทางไปด้วย เผื่อมีเวลาที่จำเป็นต้องใช้หมอยามมีคน
บาดเจ็บ ซึ่งก็ได้รับการอนุญาตโดยไม่ยากนัก เมื่อทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้ง เอย์รินรู้สึกผิดและ
เสียใจอย่างสุดซึ้งต่อคางุยะ เธอได้กล่าวขอโทษและอยากให้คางุยะอภัยแก่ตน พร้อมกับจะ
ขอติดตามรับใช้คางุยะไปชั่วชีวิตในฐานะเจ้านาย คางุยะไม่กล่าวโทษอะไรแก่เอย์รินราวกับ
ให้อภัยโดยดี ทว่าคางุยะนั้นมีความคิดไม่อยากจะกลับไปยังดวงจันทร์เสียแล้ว ซึ่งทางเหล่า
คณะทูตก็ดึงดันที่จะพาคางุยะกลับให้ได้ แต่กระนั้นคางุยะก็ยังปฏิเสธและร้องขอเอย์รินให้
ช่วยตนด้วย เอย์รินเห็นว่าคางุยะไม่อยากกลับไป จึงได้ลงมือสังหารคณะทูตจากดวงจันทร์
เหล่านั้นเสียจนหมดอย่างโหดเ:X้ยม หลังจากนั้นเอย์รินคิดว่าคางุยะกับตนต้องหลบหนีหา
ที่ซ่อนโดยไม่ให้ใครรู้ เพราะทางดวงจันทร์ต้องส่งคนมาตามล่าอีกแน่ ส่วนพวกมนุษย์นั้น
ตนจะติดสินบนไว้ด้วยยาโฮว์ไรเพื่อไม่ให้แพร่งพรายเรื่องของพวกตนออกมา โดยที่พวก
ชาวบ้านนั้นต่างก็ไม่มีใครกล้าปฎิเสธเอย์รินเลยแม้แต่คนเดียว ก่อนจากกันนั้นคางุยะได้
กล่าวอำลาครั้งสุดท้ายแก่สองตายายที่เลี้ยงดูตนมาด้วยความรักและห่วงใย ซึ่งพอเสร็จสิ้น
แล้ว เอย์รินก็บอกให้คางุยะล่วงหน้าไปก่อน และแล้วเอย์รินก็ปล่อยละอองพิษออกมาสังหาร
เหล่าชาวบ้านจนหมดสิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งสองตายายที่เลี้ยงดูคางุยะ เป็นการกระทำที่โหด
เ:X้ยมยิ่งนักถึงแม้จะเป็นการทำเพื่อปิดปากก็ตาม และแล้วเอย์รินก็บินจากไป ทั้งเอย์รินกับ
คางุยะต่างก็เดินทางหลบซ่อนไปมาเป็นเวลายาวนาน จนในที่สุดทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงดินแดน
ที่เรียกกันว่าเกนโซเกียว และก่อตั้งโรงเตี๊ยมนิรันดร์ขึ้นมา และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น โดยมีเหล่า
กระต่ายทั้งหลายเป็นบริวาร และเอย์รินยังได้รับกระต่ายจันทราเรย์เซ็นมาเป็นลูกศิษย์ของ
ตนด้วย พร้อมกับถ่ายทอดวิชาต่างๆให้ ซึ่งในปัจจุบันเอย์รินกับคางุยะก็ได้ใช้ชีวิตตามปกติ
ในโรงตี๊ยมแห่งนี้อย่างสงบสุข และด้วยความเป็นนิรันดร์ เธอจะคอยติดตามเฝ้ารับใช้องค์หญิง
คางุยะของเธอไปตลอดกาลไม่มีวันเสื่อมคลาย ที่จริงแล้วนั้นเอย์รินมีพลังแกร่งกล้ากว่าคางุยะ
เสียอีก เพียงแต่ติดอยู่ตรงที่เธอไม่อยากให้คางุยะผู้เป็นนายของตนต้องเสียหน้า จึงพยายาม
เก็บออมฝีมือไว้ยามที่คางุยะอยู่ด้วย ซึ่งเป็นการยากยิ่งที่เราจะได้เห็นเอย์รินแสดงฝีมือที่แท้จริง
ให้ดูเป็นขวัญตา
Houraisan Kaguya
ชื่อไทย : โฮว์ไรซัน คางุยะ
ชื่ออังกฤษ : Houraisan Kaguya
ชื่อญี่ปุ่น : 蓬莱山 輝夜
ฉายา : คนบาปแห่งความนิรันดร์และความชั่วพลัน(8) เจ้าหญิงแห่งนิรันดร์ (สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ชาวจันทรา(มนุษย์โฮว์ไร)
ความสามารถ : ควบคุมความนิรันดร์และความชั่วพลัน
สถานะ : เจ้าหญิงจันทรา
ที่อยู่ : โรงเตี๊ยมนิรันดร์
โฮว์ไรซัน คางุยะ องค์หญิงแห่งจันทราผู้มีเชื้อสายราชวงศ์แห่งจันทราอันสูงศักดิ์ ตัวเธอได้รับการ
เลี้ยงดูมาอย่างสุดทนุถนอมในฐานะองค์หญิง ดังนั้นจึงทำให้เธอเป็นคนที่เอาแต่ใจตนเอง อยากจะ
ได้สิ่งใดก็ต้องได้เป็นสิทธิ์ขาด ทว่าได้มีสิ่งหนึ่งที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของสาวน้อยไปตลอดกาล
เพราะเธอได้เกิดสนใจใคร่รู้เรื่องของยาอมตะ "ยาโฮว์ไร" อันเป็นยาต้องห้ามเข้าจึงหาทางที่จะได้
ครอบครองมัน ซึ่งตอนนั้นก็ประกอบกับมีหมอยาคนใหม่เข้ามาประจำตำแหน่งพอดี ซึ่งหมอยาคนนั้น
ก็คือ "ยาโกะโคโระ เอย์ริน" อัจฉริยะแห่งจันทราของตระ:Xลยาโกะโคโระ คางุยะใช้อำนาจของตนเรียก
หมอยาหน้าใหม่ให้มาเข้าเฝ้า และได้ดูถูกเอย์รินต่างๆนานาพร้อมกับท้าให้เอย์รินสร้างยาโฮว์ไรขึ้นมา
เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของเธอเอง ซึ่งเอย์รินก็ได้รับคำท้า และสร้างยาโฮว์ไรขึ้นมาจนสำเร็จ
คางุยะกล่าวชื่นชมเอย์รินที่สร้างยาสำเร็จ พร้อมกับทานมันเข้าไป และแล้วคางุยะก็ได้รับพลังควบคุม
ความนิรันดร์มาไว้ครอบครองพร้อมกับความเป็นอมตะ แต่ทว่า... เรื่องราวมันก็ไม่ได้ง่ายไปเสียทั้งหมด
ไม่นานนักเรื่องยาโฮว์ไรก็ถูกสาวจนถูกจับจนได้ ทั้งคางุยะและเอย์รินต่างถูกควบคุมตัวอย่างรวดเร็ว
แต่คางุยะก็ได้ร้องขออย่าลงโทษเอย์รินเลย เพราะเอย์รินแค่ทำตามคำสั่งของเธอเท่านั้น โทษทัณฑ์
ทั้งหมดเธอจะขอรับเอาไว้เอง แต่โทษของผู้ที่ได้ครอบครองหรือทานยาโฮว์ไรก็คือ "การประหารชีวิต"
คางุยะได้ถูกนำตัวไปประหารครั้งแล้วครั้งเล่า และเนื่องมาจากฤทธิ์ของยาโฮว์ไรที่ทำให้เธอได้ความ
เป็นนิรันดร์มาครอบครอง คางุยะจึงเป็นอมตะ ไม่ว่าจะฆ่าเธอด้วยวิธีใดก็ตาม เธอก็จะคืนชีพขึ้นมาใน
บัดดล ซึ่งหมายความว่าคางุยะจะไม่มีวันตายได้อีกแล้ว มันเป็นชะตากรรมของผู้ทานยาโฮว์ไรเข้าไป
ดังนั้นผู้อาวุโสต่างก็พากันประชุมและเปลี่ยนการลงโทษ จากการประหารชีวิตให้เป็นเนรเทศไปอยู่บน
โลกมนุษย์แทน เพื่อไปเกิดใหม่และอาศัยอยู่กับชนชั้นต่ำ เปรียบได้กับคำสั่งที่จะต้องไปใช้ชีวิตใหม่
กับเหล่าผู้ละโมภบนพื้นพิภพ ซึ่งความคิดของชาวจันทราในขณะนั้นว่ากันว่าโลกมนุษย์ยังอ่อนด้อย
ด้านวิชาการและความเป็นอยู่ เปรียบได้กับนรกดีๆนี่เอง และแล้วคางุยะก็ถูกเนรเทศและถูกทิ้งลงมา
ที่โลกมนุษย์ในที่สุด ต่อมาไม่นานหลังจากที่เธอลงมาเกิดใหม่ในโลกมนุษย์ ชายชราผู้หนึ่งซึ่งมีอาชีพ
ตัดไผ่ขาย มาเจอเธอในปล้องไผ่เปล่งแสงเข้า คางุยะในร่างทารกนั้นต้องชะตากับชายชราผู้นี้มาก
เค้าจึงเก็บเธอไปเลี้ยงดูด้วยความรักพร้อมกับยายอีกคนหนึ่ง โดยเปรียบเสมือนว่าคางุยะเป็นลูกสาว
ของพวกตน และก็ได้กลายเป็นตำนานเจ้าหญิงคางุยะของญี่ปุ่น ทั้งนี้ อดีตชาวจันทราผู้ต้องมาดำเนิน
ชีวิตบนผืนพิภพ เพียงช่วงเวลาหนึ่งคางุยะก็สามารถปรับตัวให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ และภายในเวลา
ต่อมา คางุยะเองก็เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหญิงงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทั้งสองตายายพยายามจะ
ปกปิดเรื่องของคางุยะผู้เปรียบเสมือนลูกสาวเอาไว้ก็ไม่เป็นผล ทำให้ความงดงามของคางุยะถูกล่ำลือ
ไปทั่ว เหล่าบรรดาผู้คนโดยเฉพาะชายหนุ่มทั้งหลายต่างแห่แหนเพื่อชมความงามของคางุยะ พร้อมทั้ง
ขอแต่งงาน และก็เริ่มจะมีผู้คนแวะเวียนมาหาเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จึงกลับกลายเป็นว่าการใช้ชีวิตบนผืน
พิภพเองก็เริ่มใช้ชีวิตได้ยากลำบากเสียแล้ว คางุยะจึงใช้วิธีนั่งอยู่ในที่ซึ่งมีม่านกั้น เพื่อไม่ให้มีใครได้
ชมความงามของเธอได้ง่ายๆ และคางุยะก็ได้ขอปฎิเสธบรรดาชายหนุ่มเหล่านั้นไปทั้งหมด แต่กระนั้น
ดูท่าว่าอุปสรรคของคางุยะใช่ว่าจะหมดลงไปง่ายๆ เมื่อองค์ชายทั้งห้าจากห้าตระ:Xลใหญมาสู่ขอเธอ
แต่งงาน ซึ่งการที่จะขอปฎิเสธกับคนใหญ่คนโตที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
คางุยะจึงแก้ปัญหาโดยการเสนอสิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้า ให้องค์ชายทั้งห้าไปหามาคนละอย่าง
ซึ่งก็ไม่มีใครทำได้ตามที่คางุยะขอเลย ทั้งนี้ สิ่งเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งห้า ก็คือไอเท็มของระดับแรร์
ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 5 อย่าง อันได้แก่
1.ลูกแก้วมังกร - ทำให้บินได้ แขวนอยู่ที่คอของมังกร ผู้ใดหาญจะขโมย มีแต่จะถูกกิน
2.เสื้อคลุมหนังหนูไฟ - เป็นชุดที่ไม่มีวันไหม้ไฟ ตั้งอยู่ในกองเพลิงกว้างใหญ่ ยากแก่การ
ที่จะเข้าไปข้างในได้
3.กิ่งมณีโฮวไร - ออกดอกออกผลเป็นอัญมณีล้ำค่า อยู่ในทะเลป่าโฮว์ไร ง่ายดายที่จะหลงทาง
4.หอยเบี้ยของนางแอ่น - ซื้อได้แม้กระทั่งชีวิต ซ่อนอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล
5.บาตรหินของพระพุทธเจ้า - พลังศักดิ์สิทธิ์อันแสนบริสุทธิ์ กล่าวกันว่าอยู่ที่ไหนสักแห่งใน
ที่ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยเสด็จไป
ซึ่งในภายหลังคางุยะก็ได้สิ่งของเหล่านี้มาไว้ครอบครองเป็นของตนเองในที่สุด โดยเชื่อว่าเป็นฝีมือ
ของยอดอัจฉริยะอย่างยาโกะโคโระ เอย์รินนั่นเอง หลังจากที่ผ่านพ้นอุปสรรคเล็กๆน้อยๆไปได้แล้ว
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน คางุยะก็ต้องเจอปัญหาที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม นั่นคือ องค์จักรพรรดิเกิดสนใจ
ในตัวเธอขึ้นมา และพระองค์ก็เดินทางมาหาคางุยะด้วยตัวพระองค์เองซะด้วย แต่คางุยะก็ยังปฎิเสธ
ไม่ให้องค์จักรพรรดิ์ได้เห็นใบหน้าของเธออยู่ดี โดยจักรพรรดิ์เสนอให้คางุยะแต่งงานกับตน และไป
ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสุขสบายที่ราชวัง แต่คางุยะก็ยังคงขอไม่ให้คำตอบแก่พระองค์อยู่ ซึ่งภายใน
เวลาต่อมา แม้คางุยะจะปฏิเสธองค์จักรพรรดิทางจดหมายไปแล้ว แต่ทางจักรพรรดิเองก็ส่งจดหมาย
มาพูดคุยต่อสม่ำเสมอ ทั้งสองจึงติดต่อกันทางจดหมายนับแต่นั้นมา และคางุยะก็ยังคงที่จะยืนยันคำ
ปฏิเสธเดิมนั้นเป็นเวลาหลายปี แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่องค์จักรพรรดิ์ได้เห็นความงดงามของคางุยะเข้า
จนได้ ซึ่งในตอนนั้น พระองค์ได้ออกอุบายจัดงานล่าสัตว์ขึ้นใกล้ๆที่พำนักของคางุยะ แล้วทำเป็น
แกล้งหลุดนอกเขตล่าสัตว์ จนเข้าไปเห็นหน้าของคางุยะสมใจอยากของพระองค์ และประทับใจใน
ความงดงามของเธอนับตั้งแต่นั้นมา และแล้วจนกระทั่งวันหนึ่งในฤดูร้อน คางุยะเอาแต่เหม่อมอง
ดวงจันทร์แล้วร่ำร้องไห้ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนสองตายายสอบถามเธอจึงได้ความว่าตัวเธอ
ไม่ใช่คนของโลกนี้และถึงเวลาที่จะต้องกลับไปยังดวงจันทร์แล้ว โดยคางุยะบอกแก่ชายชราว่า
คณะทูตจากดวงจันทร์จะมารับเธอไปในวันเพ็ญที่จะถึงนี้ ซึ่งอีกทางด้านหนึ่ง ทางด้านทางการของ
ฝั่งดวงจันทร์ก็ได้ตัดสินเวลาที่ความผิดของคางุยะจะได้รับการประกาศนิรโทษกรรมก็มาถึง และจะ
ส่งคณะฑูตไปรับตัวคางุยะเช่นกัน องค์จักรพรรดิ์ได้ฃรับทราบเรื่องนี้เช่นกันจากชายชรา จึงได้มี
คำสั่งให้ทหารนับพันนายคอยเฝ้าคุ้มครองคางุยะอย่างดีที่ตำหนักของเธอ จนถึงเวลาที่เหล่าคณะ
ทูตจันทราปรากฏตัวขึ้นยามเที่ยงคืน และก็ได้ประกาศให้โฮว์ไรซัน คางุยะปรากฎตัวออกมาจาก
ตำหนักเพื่อรับตัวกลับ ทำให้คางุยะต้องจำใจยอมปรากฎตัว ซึ่งคางุยะในตอนนี้ที่ได้รับการเลี้ยงดู
จากความเมตตาและความอ่อนโยนของมนุษย์โลก ก็เกิดเป็นสายสัมพันธ์กับวิถีชีวิตบนโลกใบนี้
ก็ปรกับความชื่นชอบการใช้ชีวิตบนผืนพิภพ แม้จะลำบากไปบ้างก็ตาม แต่วิถีชีวิตบนผืนโลกที่มี
"หัวใจ" นั้นช่างประทับใจคางุยะเหลือเกิน ทำให้คางุยะรู้สึกไม่อที่ยากกลับไปดวงจันทร์อีกแล้ว
แต่ก็ไร้ซึ่งหนทางที่จะต่อต้านเหล่าคณะฑูตจากดวงจันทร์ได้ และแล้วตัวเธอก็ได้เหลือบมองเห็น
หญิงสาวผมเงินคนหนึ่งที่คางุยะสุดแสนจะคุ้นหน้าคุ้นตาเสียเหลือเกิน ใช่... หญิงสาวคนนั้นก็คือ
ยาโกะโคโระ เอย์ริน ผู้สร้างยาโฮว์ไรให้คางุยะจนต้องกลายเป็นเรื่องราวทั้งหมด เอย์รินนั้นเป็นคน
สร้างยาโฮว์ไรขึ้นมาแท้ๆ แต่กลับไม่ได้รับโทษอะไรเลย และในใจของเอย์รินนั้นรู้สึกผิดต่อคางุยะ
เป็นยิ่งนัก เธอจึงตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าจะทำทุกอย่างที่คางุยะปรารถนา และเมื่อจังหวะนั้นที่เอย์ริน
ได้รับรู้ความประสงค์จากคางุยะที่อยากให้ช่วยตน เอย์รินจึงได้หักหลังเหล่าคณะฑูตจากดวงจันทร์
ด้วยการสังหารทิ้งทั้งหมดและพาหนีไปด้วยกัน และด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงใช้ชีวิตในหุบเขาลึกไร้ผู้คน
พร้อมกับซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบราวกับว่าทั้งคู่ต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆไปตลอดกาล หลังจากนั้น
เป็นต้นมา เมื่อผ่านไปเป็นเวลาหลายปีจนมิอาจจะนับได้ การตามล่าจากเหล่าคณะฑูตจากดวงจันทร์
ก็กลับกลายเป็นว่าไม่มีเสียแล้ว เรื่องราวต่างๆในอดีตหลายต่อหลายเรื่องนั้นต่างก็ลืมเลือนสิ้น ทั้งคู่
จึงออกเดินทางกันมาจนถึงเกนโซเกียว และได้เริ่มก่อสร้างโรงเตี๊ยมนิรันด์ขึ้น โดยเกณฑ์พวกกระต่าย
บนโลกมาใช้เป็นแรงงาน แล้วก็ตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าหญิงคางุยะ โดยมีเอย์รินเป็นข้ารับใช้คนสนิท อีกทั้ง
ยังได้แต่งตั้งให้ "อินาบะ เทวิ" กระต่ายบนโลกผู้ซึ่งมีความสามารถพิเศษและมีพลังเหนือกว่ากระต่าย
ตัวอื่น เป็นหัวหน้าของกระต่ายเหล่านั้น หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขเป็นเวลายาวนาน วันหนึ่ง
ได้มีกระต่ายตัวหนึ่งซึ่งเป็นกระต่ายดวงจันทร์หลบหนีเข้ามาที่เกนโซเกียว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่
แยกออกมาจากโลกมนุษย์และมักจะมีโยว์ไคต่างๆอาศัยอยู่ เมื่อกระต่ายดวงจันทร์ตัวนั้นถูกพบเจอเข้า
ก็ได้ถูกพามาเก็บรักษาตัวที่โรงเตี๊ยมนิรันดร์ หลังจากฟื้นขึ้นมา กระต่ายสาวได้เล่าให้แก่คางุยะว่าใน
ขณะนี้ที่ดวงจันทร์ได้ถูกมนุษย์บุกรุก คางุยะรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อมากเท่าไรนัก จึงได้ปรึกษาเอย์ริน
พร้อมกันนั้นก็ได้รับกระต่ายดวงจันทร์ตัวนั้นเข้ามาอยู่ด้วย โดยกระต่ายดวงจันทร์สาวตัวนั้นได้รับการ
ประทานชื่อเพิ่มจนมีนามเต็มว่า "เรย์เซ็น อุด้งเกะอิน อินาบะ" หลังจากนั้นทั้งสามและเหล่าบริวารก็
อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบ จนเหตุการณ์ได้ล่วงผ่านพ้นไปหลายปี กระทั่งวันหนึ่งเรย์เซ็นก็ได้รับการ
ติดต่อจากทางดวงจันทร์ว่าจะเปิดสงครามขั้นแตกหักกับพวกมนุษย์โลก และเรียกตัวให้เรย์เซ็นให้
กลับมาร่วมรบอีกครั้ง เรย์เซ็นจึงนำเรื่องนี้ไปทูลแก่คางุยะ ทำให้คางุยะนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ตนเคย
ก่อไว้ คางุยะได้ปรึกษากับเอย์รินเรื่องของเรย์เซ็น และตกลงกันว่าจะไม่ยอมส่งเรย์เซ็นกลับไปเด็ดขาด
แต่หากไปฆ่าเหล่าคณะฑูตเข้าอีก พวกตนก็ต้องหลบหนีและใช้ชีวิตแบบหลบซ่อนอีกครั้งเป็นแน่แท้
เอย์รินจึงเสนอว่าหากทำจันทร์เพ็ญหายไปจากผืนพิภพได้ เส้นทางระหว่างโลกกับดวงจันทร์์ก็จะถูก
ปิดผนึกลง ได้ฟังดังนั้นคางุยะจึงตรัสสั่งให้เอย์รินนำพระจันทร์ออกไป แล้วนำของปลอมมาใส่ประดับ
ท้องฟ้าแทนและทำให้เส้นทางถูกผนึกลงเรียบร้อย โดยไม่ได้คิดคำนึงถึงผลที่จะตามมาเลย ซึ่งถือ
เป็นเรื่องที่รุนแรงมาก โดยเฉพาะกับเหล่าโยว์ไคที่ต้องพึ่งพลังของดวงจันทร์ และแล้วด้วยพลังของ
เหล่าสาวน้อยแห่งเกนโซเกียว ก็ต้องทำให้แผนการล้มเหลวไปในที่สุด แต่ก็ได้รับรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วนั้น
เกนโซเกียวก็คือช่องว่างที่ถูกปิดผนึกไว้ ซึ่งตามปกติแล้ว การจะเดินทางเข้ามาจากดวงจันทร์นั้นไม่มี
ทางทำได้อย่างแน่นอน พวกคางุยะจึงยอมถอยและล้มเลิกไปในที่สุด และสุดท้าย ไม่ว่าที่ดวงจันทร์
จะเกิดอะไรขึ้นตามมาอีก ก็ไม่ใช่ธุระของคางุยะอีกต่อไป ซึ่งในปัจจุบันนั้นเอง คางุยะและเหล่าสหาย
แห่งโรงเตี๊ยมนิรันดร์ได้เลิกใช้ชีวิตแบบหลบซ่อนตัวและใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในโรงเตี๊ยมนิรันดร์อย่าง
สงบสุขตลอดมาและชั่วนิรันดร์
Huziwara no Mokou
ชื่อไทย : ฟูจิวาระ โนะ โมโคว
ชื่ออังกฤษ : Fujiwara no Mokou
ชื่อญี่ปุ่น : 藤原 妹紅
ฉายา : รูปลักษณ์ของมนุษย์โฮวไร(8) , หน่วยระวังภัยสีแดงชาด(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ไม่แก่ไม่ตายและอาคมไฟ
ฟูจิวาระ โนะ โมโคว์ มนุษย์ผู้ได้กินยาโฮว์ไรจนเป็นอมตะ ไม่แก่ไม่ตาย และมีชีวิตอยู่เรื่อยมา
จนถึงปัจจุบัน มีนิสัยเป็นคนมุ่งมั่น คิดอะไรก็ทำสิ่งนั้นจริงๆ และด้วยความที่เกิดเป็นลูกขุนนาง
ในตระ:Xลใหญ่ จึงออกจะเป็นลูกคุณหนูผู้เอาแต่่ใจเสียหน่อย อีกทั้งยังมีความมั่นใจในตนเองสูง
และเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนคิดพิจารณาและตัดสินใจ นอกจากนี้ เธอยังเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเก่งเอา
เสียเลย และไม่ค่อยจะพูดหรือสุงสิงกับคนอื่นมากซักเท่าไหร่นัก กระนั้น โมโคว์มักจะคอยให้
ความร่วมมือช่วยเหลือผู้คนเป็นอย่างดี และไม่ทำร้ายโยวไคอื่นรุนแรงเกินความจำเป็น บางที
เพราะการที่มีชีวิตอยู่อย่างยาวนานกับประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา คงจะช่วยขัดเกลาเธอจนรู้จัก
คิดถึงคนอื่น และเอาใจเขามาใส่ใจเราแบบนี้ บุคลิกลักษณะของเธอนั้น ถ้าเทียบกับเหล่าบรรดา
โยว์ไคแล้ว เธอก็คงเป็นเหมือนพวกโยว์ไคอาวุโสที่เริ่มเฉยชาต่อสิ่งรอบตัวนั่นเอง อีกทั้งการที่
เธอชอบเอามือของตนใส่เข้าไว้ในกระเป๋ากางเกงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดูเหมือนเธอห้าวหาญและ
เข้มแข็งอย่างเด็กผู้ชาย แต่อันที่จริงเธอก็ยังมีแง่มุมที่อ่อนไหวบอบบางอยู่ดี เพราะความที่โมโคว์
เป็นเด็กผู้หญิงนั่นเอง ทำให้ดูออกจะน่ารักไปอีกแบบด้วย ส่วนยันต์สีขาวที่มีขอบและตัวอักษร
สีแดงที่มักจะได้เห็นประดับประดาอยู่ตามกางเกงและเส้นผมของเธอนั้น เรียกกันว่า "ยันต์เพลิง"
บ้างก็ว่ามันคือยันต์เวทย์ไฟ ที่ช่วยให้โมโควใช้เวทย์ไฟได้ บ้างก็ว่ามันคือยันต์กันไฟ ที่ช่วยให้
เส้นผมและกางเกงของเธอไม่ไหม้ไฟจากอาคมไฟของเธอเอง บ้างก็ว่าเป็นมันทั้งสองอย่างเลย
โดยครั้งหนึ่งในอดีตแสนนาน กาลก่อนที่เธอจะได้เป็นอมตะนั้น โมโคว์เป็นถึงบุตรีของขุนนางผู้
ยิ่งใหญ่ซึ่งมีความผูกพันธ์ใกล้ชิดกับเชื้อสายจักรพรรดิ์ หากแต่ตัวตนของเธอเองนั้นถูกเก็บซ่อนไว้
ราวกับเด็กที่ไม่ต้องการให้เกิดมา... แต่โมโคว์ก็ยังคงรักและเคารพในบิดาของเธออยู่ จนกระทั่ง
วันหนึ่งที่บิดาของเธอได้ไปสู่ขอเด็กสาวผู้มีฐานะต่ำต้อยกว่า และได้ถูกเล่นงานจนอับอายขายหน้า
ด้วยคำขอที่เป็นไปไม่ได้ แม้กระทั่งวัดวาอารามที่ตระ:Xลฟูจิวาระได้นิยมสร้างทั่วสารทิศเพื่อแสดง
ความยิ่งใหญ่และถือเป็นความภาคภูมิใจของตระ:Xล ก็ได้กลายเป็นเรื่องขบขันให้บรรดาชาวบ้าน
ต่างหัวเราะเยาะหยอกล้อเรียกกันว่าเป็นวัดของฟูจิวาระ และนับแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นต้นมา
โมโควผู้เยาว์วัยก็มองเด็กสาวคนนั้น... โฮไรซัน คางุยะ เป็นศัตรูมาโดยตลอด และเมื่อโมโคว์ได้
รับรู้ว่าคางุยะกำลังจะเดินทางกลับไปยังดวงจันทร์ ก็ยิ่งทำให้เธออยากล้างแค้นคืนให้:Xมซักครา
แต่หาโอกาสเข้าใกล้คางุยะไม่ได้เลย จนกระทั่งคางุยะลาจากไป แต่ทว่าตัวโมโคว์เองนั้นได้นึกคิด
ว่าอย่างน้อยก็ขอได้ขโมย "ไหยา" ที่คางุยะมอบไว้ให้แก่จักรพรรดิให้จงได้ ซึ่งไหยานั่นคือ "ยาโฮว์ไร"
ที่คางุยะได้ถวายแก่พระองค์โดยบ้างก็ว่าเพื่อแลกกับการเลิกตื๊อสู่ขอเธอ บ้างก็ว่าเพื่อปิดปากไม่ให้
พูดถึงพวกเธออีก และไม่ให้ปากโป้งว่าพวกเธอหนีไปยังแห่งหนใด ทว่าองค์จักรพรรดินั้นมองว่าความ
เป็นอมตะนั้นขัดต่อกฏแห่งธรรมชาติและการเกิดแก่เจ็บตาย จึงได้สั่งให้ชายหนุ่มผู้มีนามว่า "อิฮะคะสะ"
นำไหยานี้ไปทิ้งที่ภูเขาไฟเสีย โดยตัวอิฮะคะสะก็ได้นำไหยาโฮว์ไรไปทิ้งยังภูเขาไฟที่ว่ากันว่าสูงที่สุด
จนแทบจะถึงยอดสวรรค์ได้ เพื่อนำยาโฮว์ไรมาเผาทำลายทิ้ง และก็ได้ตั้งชื่อภูเขาไฟลูกนี้ว่า "ฟูชิ"
หรือภูเขาไฟฟูจิในปัจจุบันนั่นเอง แต่ทว่าอิฮะคะสะก็ไม่ได้กลับมารายงาน ผลงานของเค้าแก่องค์
จักรพรรดิของตนแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพราะเด็กสาวโมโคว์ได้สังหารอิฮะคะสะไปเสียแล้ว เพื่อแย่งชิง
ยาโฮว์ไรมาก่อนที่มันจะถูกโยนลงไปในภูเขาไฟนั่นเอง และเมื่อโมโคว์ได้พลั้งเผลอสังหารฆาตรกรรม
มนุษย์ไปเสียแล้ว ก็จะว่าเป็นอาชญากรรมที่ยังไม่มีใครรู้เห็นก็ว่าได้ และสำหรับเด็กสาวอย่างโมโคว์นั้น
ก็คงไม่สามารถกลับไปยังบ้านของตนได้อีกแล้ว เมื่อโมโคว์ได้ทานยาโฮว์ไรเข้าไป ก็ได้ครอบครอง
ความเป็นอมตะ และได้ออกเดินทางไปเรื่อยๆอย่างไร้สิ้นสุด ทั้งนี้การที่ได้ครอบครองความเป็นอมตะ
เนื่องจากยาโฮว์ไร ร่างกายของผู้ที่ทานจะคงสภาพครั้งตอนที่ได้ทานมันเข้าไป ร่างกายจะไม่เติบโต
หรือชราไปกว่านี้แล้ว อยากจะตายก็ไม่สามารถตายได้ แม้ร่างจะสลายหายไปเหลือแต่เถ้าธุลีก็สามารถ
คืนกลับสภาพเดิมได้เรื่อยๆ และด้วยเหตุนั้น โมโคว์จำต้องไม่อาจอยู่อาศัยอยู่ที่ใดเป็นเวลานานได้
ต้องใช้ชีวิตโดยเปลี่ยนที่อาศัยไปเรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุด เธอก็ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตเยี่ยง
โยว์ไค อาศัยในหุบเขาลึกซึ่งห่างไกลจากหมู่บ้านและผู้คน จนเวลาผ่านเลยไปยาวนานหลายเดือนปี
โมโคว์ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมากที่ได้พบกับคางุยะอีกครั้ง ทั้งๆที่คางุยะน่าจะกลับดวงจันทร์ไป
ตั้งแต่เมื่ออดีตกาลอันแสนนานมาแล้ว ทั้งนี้โมโคว์ก็คิดออกว่าร่างกายอมตะนี้ได้มาเพราะยาโฮวไร
ที่คางุยะทิ้งเอาไว้ และคางุยะในตอนนี้เองก็เป็นคนที่ต้องเปลี่ยนที่อาศัยไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับตน
เธอจึงเข้าใจในฉับพลันว่า คางุยะก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่กระนั้นความรู้สึกเกลียดชังที่มีต่อคางุยะ
ของโมโคว์ก็ยังคงหลงเหลืออยู่ และทางด้านคางุยะเองก็พยายามที่จะลบตัวโมโคว์ให้หายไปพ้นๆตา
เช่นเดียวกัน แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่ต่างเป็นอมตะเช่นเดียวกัน การฆ่ากันระหว่างพวกเธอจึงดำเนินไป
อย่างเรื่อยเปื่อยราวกับกิจวัตรที่ไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งอันที่จริงแล้ว โมโควก็เพียงแต่ยกเอาความแค้นมา
ใช้เป็นข้ออ้างในการต่อสู้เท่านั้น หากมองลงไปลึกๆแล้ว เธอกับคางุยะนั้นเป็นเพื่อนสนิทและคู่ปรับ
ที่รู้ใจกันอย่างดีเลยทีเดียว โมโคว์นั้นเข้ามาในเกนโซเกียวก่อนที่จะเกิดมหาเขตแดนฮาคุเรย์เสียอีก
และในการใช้ชีวิตเริ่มต้นใหม่ในดินแดนแห่งนี้ต่อมาก็ได้รับความช่วยเหลือจากคามิชิราซาวะ เคย์เนะ
แวร์ฮาคุตาคุผู้พิทักษ์มนุษย์ จนในที่สุดทั้งคู่ก็ได้เป็นเพื่อนสนิทกัน ปัจจุบันโมโคว์ปลีกตัวไปอาศัยอยู่
ในป่าไผ่หลงทาง ไม่สุงสิงกับชาวบ้านและโยว์ไคตนอื่นๆมากนัก และเนื่องจากการที่โมโคว์เป็นมนุษย์
จึงมีบ่อยครั้งที่ถูกโยวไคจู่โจมเข้าใส่ แต่เธอก็แข็งแกร่งพอที่จะตอบโต้กลับไปอย่างนุ่มนวล นอกจากนี้
ยังคอยช่วยเหลือมนุษย์ที่หลงทางจากเหล่าโยว์ไคด้วย โมโคว์นั้นท่าทางจะไม่ค่อยถนัดในการคบค้า
สมาคมกับผู้อื่นเท่าไหร่ แม้แต่ตอนที่ช่วยคนหลงทาง เธอก็จะจากไปโดยไม่พูดอะไรแม้สักคำ แต่ใน
ระยะหลังมานี้ เธอปรากฏตัวให้ผู้คนพบเห็นบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่มีใครล่วงรู้ว่าโดยปกติแล้วเธอทำอะไรอยู่
ที่ไหนกันแน่ แม้จะเอ่ยปากถามเธอเรื่องนั้น เธอก็ไม่ตอบอะไรกลับมาอยู่ดี จึงกลายเป็นปริศนาที่ยังคง
อยู่ต่อไป อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันนี้เธอเริ่มมีการปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านขึ้นมาบ้างแล้ว หากลองร้องขอ
เธอจะช่วยคุ้มครองจนผ่านป่าไผ่หลงทางออกไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีผู้ป่วยที่ต้องการไปรับการ
รักษาที่โรงเตี๊ยมนิรันดร์ รับรองได้เลยว่าเมื่อขอร้องเธอแล้วเธอจะพาไปส่งอย่างแน่นอน บางทีถ้าเรา
ชวนเธอคุยอย่างสบายๆไปเรื่อยๆ เธออาจจะยอมเล่าอะไรให้เราฟังบ้างก็เป็นได้
[Touhou 9 東方花映塚 ~ Phantasmagoria of Flower View]
Shameimaru Aya
ชื่อไทย : ชาเมย์มารุ อายะ
ชื่ออังกฤษ : Shameimaru Aya
ชื่อญี่ปุ่น : 射命丸 文
ฉายา: ผู้สื่อข่าวมายาแห่งจารีต(9) (สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : เทนกุ
ความสามารถ : ควบคุมสายลมและการมองเห็นในสิ่งที่ไกลออกไป
ชาเมย์มารุ อายะ สาวน้อยเทนงู ผู้มีอายุอานามเกินกว่า 1000 ปี ซึ่งเธอจัดได้ว่าเป็นเผ่า
คาราซึเทนงูหรือเทนงูที่มีรูปลักษณ์เป็นอีกานั่นเอง โดยเธอนั้นอาศัยอยู่หุบเขาโยว์ไค
ซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าเทนงูและกัปปะ โดยเหล่าเทนงูทั้งหลายจะอยู่ในส่วนบริเวณยอด
น้ำตกนั่นเอง และอยู่ภายใต้การปกครองของ "ท่านเทนมะ" ซึ่งเป็นถึงผู้นำสูงสุดของ
เหล่าเทนงูทั้งหลาย นิสัยใจคอของอายะโดยส่วนตัวแล้ว เธอจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมา
แต่ก็ไม่ถึงกับเข้มงวด มีความร่าเริงและกระตือรือร้น เมื่ออายะได้เจอกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
เธอก็จะยอมนอบน้อมแต่โดยดี และจะเป็นกันเองกับผู้ที่อ่อนแอกว่าด้วย ถึงอย่างนั้นเธอก็
จะอ่อนน้อมต่อผู้ที่เธอไปสัมภาษณ์ด้วยอยู่ดี มีความเฉลียวฉลาด และมีพลังอยู่ในระดับสูง
จึงสามารถเป็นที่พึ่งของเทนงูตนอื่นๆได้ กระนั้น เธอก็ไม่เคยที่จะแสดงพลังออกมาให้
คนนอกได้เห็นนัก อายะรักและชื่นชอบในการฟังข่าวหรือเรื่องซุบซิบเป็นยิ่งนัก และมักจะ
แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารจากผองเพื่อนเทนงูที่มารวมตัวกันเสมอ แต่ข้อมูลที่เธอได้มา
จากการแลกเปลี่ยนนั้น ส่วนใหญ่จะไม่เป็นจริงหรือไม่ก็เกินความจริงไปเสียเกือบทั้งหมด
โดยเฉพาะข่าวลือเองก็เป็นสิ่งที่อายะชื่นชอบด้วยเช่นเดียวกัน กิจวัตรปกติของเธอนั้น
จะบินไปใหนมาใหนในที่ต่างๆของเกนโซเกียวเพื่อตามหาและสะสมข้อมูลข่าวสารต่างๆ
มาเก็บสะสมไว้ นอกจากนี้อายะยังเขียนข่าวที่ตนเองได้มาลงในหนังสือพิมพ์ของเธอเอง
ที่มีชื่อว่า "หนังสือพิมพ์บุนบุนมารุ" อีกด้วย ซึ่งเธอจะตีพิมพ์แล้วนำมันไปโปรยแจกให้แก่
เหล่าเทนงูด้วยกัน รวมไปถึงเหล่าประชากรในเกนโซเกียวให้ได้อ่านกัน ซึ่งในแต่ละปีนั้น
เหล่าเทนงูจะมีประเพณีสำคัญในการหาผู้ชนะเลิศการทำหนังสือพิมพ์ดีเด่น โดยจะเป็น
การแข่งขันการทำหนังสือพิมพ์ด้วยกันระหว่างเหล่าเทนงูด้วยกันนี่เอง โดยสำหรับงานนี้
ตัวอายะเองก็เล็งตำแหน่งชนะเลิศเช่นกัน และหวังว่าสักปีหนึ่งเธอจะได้สมปรารถนาเสียที
นอกจากเหล่าเทนงูที่อาศัยอยู่ในหุบเขาโยว์ไคแล้ว พวกอายะก็ยังมีเหล่ากัปปะอาศัยอยู่
ร่วมกันด้วย โดยทั้งสองเผ่าต่างก็มีความสัมพันธ์เป็นมิตร และสร้างสังคมอันแสนศิวิไลซ์
ร่วมกันเหมือนกับโลกภายนอกเลยทีเดียว และด้วยการมาเยือนของเทพเจ้าที่มีนามว่า
"ยาซากะ คานาโกะ" ทั้งทางเผ่าเทนงูของอายะกับเผ่ากัปปะเองก็ได้ทำการตกลงกับ
เทพเจ้าองค์นี้ว่าจะนับถือเพื่อเป็นพลังศรัทธาให้ และได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเช่นนั้นมา
Medicine Melancholy
ชื่อไทย : เมดิซีน เมลันโคลี่
ชื่ออังกฤษ : Medicine Melancholy
ชื่อญี่ปุ่น : メディスン・メランコリー
ฉายา : สวีทพอยซึ่นตัวน้อย(9) , สวีทพอยซึ่นตัวน้อย(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคตุ๊กตาแห่งพิษ
ความสามารถ : เชี่ยวชาญการใช้พิษ
เมดิซีน เมลันโคลี่ อดีตตุ๊กตาที่เคยถูกทอดทิ้งเอาไว้ที่ทุ่งลิลลี่ซึ่งตั้งอยู่บนเนินนิรนาม
เมื่อเวลาผ่านพ้นไปเป็นเวลายาวนานเข้า เธอก็สามารถพัฒนาตนเองจนกลายเป็นโยว์ไค
ไปในที่สุด พร้อมกับร่างกายที่รับเอาความสามารถเข้าไปด้วย โดยชนิดของพิษที่เธอใช้นั้น
ไม่สามารถระบุได้แน่ชัด มีทั้งพิษดอกไม้, พิษงู, พิษผึ้ง, พิษแมงมุม, พิษที่ได้สัมผัสโดยตรง
แล้วจะอักเสบพุพอง, พิษที่เพียงยืนใต้ลมก็ทำให้สลบได้ และอื่นๆอีกมากมายเหลือคณานับ
จัดเป็นโยว์ไคที่มีความอันตรายสูงมากตนหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งพิษของเธอก็ีความรุนแรง
ร้ายกาจไม่น้อย ที่ไม่ว่าคนหรือโยว์ไคที่แข็งแกร่งมากขนาดใหนก็มีสิทธิ์พ่ายแพ้ได้ง่ายๆ
เพราะร่างกายที่รับเอาพิษเข้าไปจะถูกทำลายจนสิ้นโดยมิอาจต้านทานได้ ทางรอดเพียง
ทางเดียวก็คงจะมีเพียงการหนีเอาตัวรอดเท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าจะเอาชนะเธอได้ พิษก็ยัง
คงถูกปล่อยออกมาอยู่ดี ส่วนด้านลักษณะนิสัยของเมดิซีนก็คงไม่พ้นความเป็นเด็กตัวน้อย
เฉกเช่นเดียวกับร่างของเธอ ที่นอกจากร่างกายจะเล็กเหมือนเด็กสาวตัวน้อยแล้ว แม้แต่
นิสัยก็ยังเด็กอีกด้วย ทั้งไร้เดียงสา น่ารัก ขี้เล่น ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยเฉพาะในตอนที่เธอ
อารมณ์ดีก็ดูไม่น่ามีพิษภัยเลย แต่ความน่ากลัวที่สุดของเธอก็คือ "พิษ" ที่อันตรายนั่นเอง
เมดีซีนเกลียดมนุษย์มาก เพราะมนุษย์ก็คือผู้ที่คอยชักเชิดใยเหล่าตุ๊กตา เธอจึงตั้งปณิธาน
เอาไว้ว่าจะปลดแอกตุ๊กตาทั้งหลายให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ขัดกับเหล่าตุ๊กตาที่ไม่เห็นด้วย เพราะ
เหล่าตุ๊กตาตนอื่นนั้นไม่สามารถขยับหรือมีพลังได้อย่างเมดิซีน จึงต้องคอยพึ่งพามนุษย์
เช่นเดิม รูปลักษ์ของเํธอยังเป็นเหมือนตุ๊กตากลขนาดใหญ่ที่ใช้วิธีการพูดโดยไม่ขยับปาก
อยู่ และตอนนี้ก็คงสภาพเดียวกับตอนที่ยังเป็นตุ๊กตาธรรมดา ซึ่งการที่เธอได้มาเป็นโยว์ไค
ก็ยังไม่น่าจะผ่านไปหลายปี อีกทั้งตัวเธอก็ยังคงอ่อนโลกและด้อยความรู้อยู่เป็นอย่างมาก
จึงไม่สามารถแยกแยะความแกร่งของคู่ต่อสู้ออกได้ และเธอก็ไม่รู้จักการออมมือเอาเสียเลย
ตามปกติเธอมักจะใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งลิิลลี่ซึ่งตั้งอยู่ที่เนินนิรนาม และไม่ออกเดินทางไปใหน
ซึ่งการใช้ชีวิตของเธอก็คงเป็นปริศนาอยู่ คาดว่าคงจะเดินเล่นไปวันๆอยู่ที่แห่งนั้นนั่นแล
และหากมีมนุษย์คนใดอุกอาจลุกล้ำเข้าไปใกล้ทุ่งลิลลี่แห่งนั้น เธอก็จะใช้พิษขับไล่ออกไป
ส่วนตุ๊กตาที่คอยลอยตามติดตัวเมดิซีนตลอดเวลา เธอจะเรียกตุ๊กตาตัวนี้ว่า "ซูซัง" นั่นเอง
ว่ากันว่าพิษในทุ่งดอกลิลลี่นั้น เชื่อกันว่ามีวิญญาณของเหล่าเด็กที่ถูกนำมาปล่อยทิ้งให้ตาย
เมื่อสมัยก่อนสิงสู่อยู่ พิษเหล่านี้คงได้เข้าไปรวมตัวกันในร่างตุ๊กตา จนกลายเป็นโยวไคขึ้น
บางทีความเกลียดชังที่มีต่อมนุษย์ของเมดิซีน อาจมาจากความเคียดแค้นที่ฝังอยู่ในส่วนลึก
ของจิตวิญญาณเด็กเหล่านั้นอยู่ก็เป็นได้
Kazami Yuka
ชื่อไทย : คาซามิ ยูกะ
ชื่ออังกฤษ : Kazami Yuka
ชื่อญี่ปุ่น : 風見 幽香
ฉายา : ฟลาวเวอร์มาสเตอร์สี่ฤดู(9) , ฟลาวเวอร์มาสเตอร์สี่ฤดู(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไคแห่งดอกไม้
ความสามารถ : ควบคุมดอกไม้
คาซามิ ยูกะ โยว์ไคแห่งดอกไม้ผู้มีฉายาว่าฟลาวเวอร์มาสเตอร์สี่ฤดู ซึ่งมาจากความสามารถ
ควบคุมดอกไม้ของเธอนั่นเอง อายุปรากฎไม่แน่ชัด แต่น่าจะอยู่ในเกนโซเกียวมาช้านาน
ลักษณะภายนอกก็เป็นเหมือนหญิงสาวชาวมนุษย์ธรรมดาทั่วไป เป็นคนสุภาพเรียบร้อย
มารยาทดี และยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ จนอาจจะคิดว่าเธอไม่น่าจะเป็นโยว์ไคเสียด้วยซ้ำ
เป็นคนที่รักดอกไม้เป็นที่สุด และจะอ่อนโยนกับดอกไม้ต่างๆเป็นอย่างมาก แต่กับสิ่งที่
บังอาจมารังแกดอกไม้นั้น เธอจะแสดงความโหดเ:X้ยมอำมหิตจนสุดหยั่งออกมาให้เห็น
ถึงกระนั้น เธอก็เป็นคนที่มีความอดทนอยู่เช่นกัน และด้วยความสุภาพอ่อนหวานนั่นเอง
หากไม่ยุ่งทำร้ายกับเหล่าดอกไม้ที่เธอรัก ก็จะไม่ถูกเธอฆ่าทิ้งเสียให้ตายอย่างแน่นอน
สติปัญญาของยูกะจัดอยู่ในระดับสูง ทำอะไรมักมีเหตุผลอยู่เสมอ และยังมีความรู้สูงอีก
ร่มของเธอที่มักจะเห็นเธอพกและถืออยู่ตลอดเวลานั้นเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งในเกนโซเกียว
ที่ไม่มีวันเฉาร่วงโรย เป็นร่มกันแดดที่สามารถป้องกันจากรังสีอัลตร้าไวโอเลทได้อย่างมาก
ที่ยิ่งกว่านั้นมันยังสามารถใช้กันลูกกระสุนดันมาคุได้อีกต่างหาก และร่มนี้ยังสามารถรวบรวม
กลิ่นหอมอันเจือจางมาไว้ที่ตัวมันได้อีกด้วย ทำให้ยูกะสามารถตามหาสถานที่ๆมีดอกไม้ได้
ง่ายขึ้น ซึ่งร่มดอกนี้จัดเป็นของรักของหวงของยูกะเลยทีเดียว เธอจึงพยายามถนอมมันไว้
ไม่ให้ช้ำ ถึงแม้มันจะทนทานถึงขนาดกันกระสุนดันมาคุได้ก็ตามที นอกจากนี้ถึงแม้เธอจะเป็น
โยว์ไคก็ตาม เธอก็ชื่นชอบการกวนประสาทและแกล้งแหย่ผู้อื่นอย่างมาก สืบเนื่องจากจุดนี้
เธอจึงขี้เล่นและชอบพูดเล่นอย่างมาก บางครั้งก็ตั้งฉายาพิลึกๆให้คนอื่นอีกต่างหากเสียนี่
และถึงแม้ว่าเธอจะบังคับดอกไม้ได้ แต่ดูเธอจะชื่นชอบดอกไม้ตามฤดูกาลธรรมชาติมากกว่า
สำหรับการต่อสู้ ยูกะจัดเป็นโยว์ไคที่มีพลังระดับท็อปคลาสของเกนโซเกียวเลยทีเดียว
ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ที่ประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด ถึงแม้เธอจะมีความสามารถอย่างการควบคุม
ดอกไม้ที่ไม่เห็นจะมีประโยชน์กับการต่อสู้ก็ตาม โดยเธอจะเน้นการโจมตีทางกายภาพ
ด้วยพลังที่มากมายมหาศาลมากกว่าการใช้การโจมตีทางจิตอย่างเวทมนต์หรือวิชาอาคม
ถึงแม้ว่าเธอจะพ่ายแพ้ เธอก็จะยอมรับว่าแพ้แต่โดยดี เนื่องจากการตั้งกฎให้กับตัวเธอเอง
และหากอีกฝ่ายยอมแพ้เช่นกัน เธอก็จะไม่ซ้ำเติม เป็นสิ่งที่แสดงถึงภูมิปัญญาของโยวไค
ที่มีอายุมากเช่นกัน ถึงกระนั้น ในอดีตเธอก็เคยพ่ายแพ้ให้กับเรย์มุและมาริสะ จึงทำให้เธอ
ไม่ค่อยถูกกับยัยเด็กสองคนนี้ซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับมาริสะที่เคยลักจำเวทย์ของเธอมา
เลียนแบบประยุกต์ใช้่นั้น ยูกะแทบจะปรี่เข้าไปอัดแทบจะทันที ทั้งที่เธออดกลั้นไว้แล้วก็ตา
Onozuka Komachi
ชื่อไทย : โอโนะซึกะ โคมาจิ
ชื่ออังกฤษ : Onozuka Komachi
ชื่อญี่ปุ่น : 小野塚 小町
ฉายา: มัคคุเทศก์นำร่องแห่งซันสึ(9),(สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยมฑูต
ความสามารถ : ควบคุมระยะทาง
โอโนะซึกะ โคมาจิ ยมฑูตสาวผู้มีหน้าที่นำวิญญาณข้ามผ่านระหว่างแม่น้ำซันสึกับเกนโซเกียว
ไปยังอีกฝากหนึ่งซึ่งก็คือฮิกัง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าวิญญาณจะมาก่อนรับการตัดสินว่าจะไปนรก
หรือสวรรค์ และยังมีความสามารถในการควบคุมระยะทางอีกด้วย เมื่อใดที่มีคนตาย ก็จะถูกโคมาจิ
พามาข้ามแม่น้ำ ซึ่งข้ามกว้างของแม่น้ำนั้นจะกว้างขวางขนาดใหนก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของโคมาจิ
เองว่าจะใช้ความสามารถควบคุมระยะทางอย่างไร ยมฑูตตนนี้จะตัดสินว่าใครเป็นคนดีคนเลวนั้น
ไม่ใช่ตัดสินกันด้วยกรรมที่ก่อไว้ แต่ตัดสินที่เงินเสียนี่ โดยวิญญาณที่ตายนั้นจะมีสิ่งที่เรียกว่าเงินอยู่
ซึ่งไม่ใช่เงินที่ติดตัวมาตอนยังมีชีวิต แต่เป็นความคณาธรต่อวิญญาณดวงนั้นนั่นเอง แถมการตัดสิน
ด้วยจำนวนกรรมยังมิใช่สิ่งที่โคมาจิสนใจอีกต่างหาก แถมเธอเองก็ยังเก็บค่าโดยสารด้วยจำนวน
เงินพวกนี้อีก โดยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายค่าข้ามฟากแม่น้ำให้กับเธอนั้นก็คือจำนวนเงินทั้งหมดนั่นเอง
แถมถ้าไม่ยอมจ่ายเงินหรือทำเป็นกวนประสาทเธอ โคมาจิจะจับวิญญาณดวงนั้นลงแม่น้ำซึ่งเต็ม
ไปด้วยปลายักษ์หรือไดโนเสาร์ทะเลที่สูญพันธุ์ไปแล้วและพร้อมที่จะเขมือบได้ทุกเมื่อ แล้วใช้ความ
สามารถในการควบคุมระยะทางของเธอ ขยายความกว้างของแม่น้ำออกไปอีก จนวิญญาณดวงนั้น
ไม่สามารถว่ายข้ามไปถึงอีกฝั่งได้และถ้าซวยซ้ำก็จะโดนเขมือบไปในที่สุด นอกจากนี้ด้วยนิสัย
อันแสนเกียจคร้านของเธอ ยังทำให้เธออู้ในการงานหน้าที่อยู่บ่อยๆ จนกลายเป็นตัวต้นเหตุใน
เหตุการณ์ดอกไม้สะพรั่งทั่วเกนโซเกียวไปโดยปริยาย และยังทำให้ชิกิเอย์กิผู้เป็นเจ้านายของเธอ
ต้องมาหัวเสียบ่อยๆจากพฤติกรรมของเธออีกต่างหาก เพราะเหตุนี้เธอจึงถูกเจ้านายจับตาดูบ่อยๆ
อีกเช่นกัน
Shikieiki Yamaxanadu
ชื่อไทย : ชิกิเอย์กิ ยามะซานาดู
ชื่ออังกฤษ : Sikieiki Yamaxanadu
ชื่อญี่ปุ่น : 四季映姫・ヤマザナドゥ
ฉายา : ผู้พิพากษาสูงสุดแห่งสรวงสวรรค์(9) ตุลาการสูงสุดแห่งขุมนรก (สารานุกรม)
เผ่าพันธุ์ : ยมบาล
ความสามารถ : แบ่งแยกขาวและดำได้อย่างชัดแจ้ง
ชิกิเอย์กิ ยามะซานาดู หนึ่งในเหล่ายมบาลซึ่งมีอยู่มากมายในขุมนรก ซึ่งตัวเธอก็ได้รับ
มอบหมายงานหน้าทีให้มาคอยดูแลงานพิพากษาเหล่าผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วในเกนโซเกียว
ซึ่งตัวเธอหากเทียบกับยมบาลตนอื่นๆแล้วก็คงจัดว่ามีความผูกพันธ์กับมนุษย์ลึกซึ้งที่สุด
คำว่า "ยามะซานาดู" เป็นชื่อที่ใช้บ่งชี้ตำแหน่งหน้าที่ซึ่งได้รับมาจากสำนักงานผิดชอบชั่วดี
มีความหมายตรงตัวว่า "ยมบาลแห่งสรวงสวรรค์" ส่วนชื่อจริงของเธอก็คือ "เอย์กิ" กับนามสกุล
"ชิกิ" เธอต่างจากมนุษย์อย่างมากตรงที่มีเกณฑ์การตัดสินผิดชอบชั่วดีของสรรพสิ่งได้อย่าง
แม่นยำเที่ยงตรงอยู่ในตัวเอง ซึ่งก็คงมาจากความสามารถในการแบ่งแยกขาวและดำของเธอ
หากเธอนั้นกล่าวว่าผิดก็แสดงว่าสิ่งนั้นผิดจริง หากเธอกล่าวว่าถูกก็แสดงว่าสิ่งนั้นถูกจริง
แต่ก็เป็นความสามารถที่นำมาใช้ต่อสู้ไม่ได้เช่นกัน นอกจากความสามารถที่นำมาใช้ในการ
ตัดสินความผิดแล้ว เธอก็มีไอเท็มในการใช้ช่วยเช่นกันอย่าง "กระจกโจฮาริ" ซึ่งเป็นกระจก
ที่ยมบาลทุกตนจะมีครอบครองไว้ โดยเธอจะใช้กระจกนี้อ่านข้อมูลในสิ่งที่ผู้ตายเคยกระทำ
เอาไ้ว้ในอดีต เมื่ออยู่ต่อหน้ากระจกโจฮาริ ข้อมูลส่วนตัวจะรั่วไหลออกมาเท่าที่ยมบาลต้องการ
และไม่มีความลับใดๆีที่จะซ่อนเอาไว้ได้เด็ดขาด โดยชิกิเอย์กิก็ได้ใช้มันช่วยเพื่อตัดสินอย่าง
ยุติธรรมที่สุด ส่วนอีกหนึ่งไอเท็มก็คือ "ป้ายสำนึกผิด" ซึ่งเป็นป้ายที่ยมบาลทุกตนจะใช้ถืออยู่
ในมือประจำ ใช้ในการเขียนกรอกลักษณะความผิดของผู้ตายลงไป และตีโบยไปยังวิญญา๊ณ
ผู้ตายตนนั้นจนกว่าจะสำนึกผิด โดยน้ำหนักของป้ายจะหนักเบาตามโทษที่่เขียนลงไปนั่นเอง
พร้อมกับลูกน้องยมฑูตอย่างโอโนซึกะ โคมาจิ ซึ่งเป็นยมฑูตที่มีหน้าที่พายเรือข้ามแม่น้ำซันซึ
เพื่อนำวิญญาณของผู้ที่ตายไปแล้วมาตัดสินความผิดที่ฮิกัง ก่อนที่จะชี้ว่าวิญญา๊ณตนนั้นควร
จะไปที่สวรรค์หรือนรกดี เมื่อใดก็ตามที่ชิกิเอย์กิได้ตัดสินโทษลงไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นคำตัดสิน
สูงสุดที่ไม่มีสิทธิ์จะโต้แย้งได้เลย โดยตามปกติแล้ว ชิกิเอย์กิเป็นคนยุติธรรม ซื่อสัตย์ซื่อตรง
เป็นคนดีในทุกๆความหมาย ขยันขันแข็งเอาการเอางานเป็นอย่างมาก แม้ในเวลาพักก็ยังเอา
มาใช้ในเรื่องที่เกี่ยวกับงาน ซึ่งนั่นก็เป็นข้อดีของเธอ ที่พยายามจะช่วยเหลือทุกคนให้พบกับ
ความสุขในช่วงเวลาหลังความตายนั่นเอง และหากเธอพบวิญญาณดวงใดที่ยังมีบาปติดตัว
อยู่ล่ะก็ เธอจะไม่ยอมมองข้ามไปแน่นอน อีกทั้งเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ ไม่มีการขอผ่อนผัน
แต่ก็สามารถพูดคุยยิ้มแย้มได้ตลอดเวลา และด้วยลักษณะงานที่เป็นแบบนี้ล่ะมั้ง ทำให้เธอ
ติดนิสัยชอบออกเทศนาสั่งสอนมาตั้งแต่นั้น ซึ่งก็ทำให้ไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้อยากโดน
เธอเทศน์นัก แต่เธอก็เป็นยมบาลที่มีชื่อเสียงในเกนโซเกียวมากเช่นกัน โดยเฉพาะโยว์ไค
บางตนที่มีชีวิตมายาวนานก็ล้วนเคยได้รับความช่วยเหลือจากเํธอแทบทั้งนั้น แต่โยว์ไค
ส่วนมากต่างก็รู้สึกไม่ดีต่อยมบาลอย่างเธอเช่นกัน กระนั้น เธอก็เป็นยมบาลที่เป็นมิตรกับ
เหล่ามนุษย์มากที่สุด โดยเฉพาะกับผู้ที่ซื่อตรงต่อเธอ หากเธอพบว่ามนุษย์ผู้มีอายุขัยคนใด
ก่อบาปสร้างกรรมเอาไว้มากจนต้องตกนรกอย่างแน่นอน เมื่อถึงคาบพักระหว่างงาน เธอก็จะ
รีบตรงดิ่งมาตักเตือนและกระตุ้นให้ปรับปรุงตัวเสีย โดยเธอจะยกเอาบทลงโทษที่โหดร้าย
มากมายและรุนแรงจนเกินความจริงมาขู่เข็ญกรรโชกคนๆนั้นให้หวาดกลัวต่อบาปและความ
โหดร้ายของขุมนรก ซึ่งการน้อมรับคำสั่งสอนของเธอก็ถือว่่าเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวคนๆนั้นเอง
แต่ก็กลับเป็นที่เคลือบแคลงใจเช่นกันว่าการที่เธอเมคเรื่องให้เกินความจริงนั้นไม่ถือว่า
เป็นบาปงั้นหรือ?
[Touhou 10 東方風神録 ~ Mountain of Faith]
Aki Sizuha
ชื่อไทย : อาคิ ชิซึฮะ
ชื่ออังกฤษ : Aki Sizuha
ชื่อญี่ปุ่น : 秋 静葉
ฉายา : สัญลักษณ์แห่งความเหงาและการสิ้นสุด
เผ่าพันธุ์ : เทพแปดล้านแห่งใบไม้เปลี่ยนสี
ความสามารถ : รับผิดชอบดูแลการเปลี่ยนสีของใบไม้
อากิ ชิซึฮะ เทพแปดล้านแห่งใบไม้เปลี่ยนสี หรืออาจเรียกอีกอย่างว่า เทพแห่งฤดูใบไม้ผลิ
เธอเป็นพี่สาวของมิโนริโกะ ซึ่งปกติแล้วทั้งสองจะช่วยกันดูแลฤดูใบไม้ผลิของเกนโซวเกียว
พวกเธอเป็นพี่น้องที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ และดูเหมือนจะรักใคร่กลมเกลียวกันดีตาม
ประสาพี่น้องกัน แต่ลึกๆแล้วพวกเธอเองก็แอบเป็นคู่แข่งเรื่องฤดูใบไม้ผลิเช่นกัน ทั้งนี้ชิซึฮะ
ก็เป็นพี่สาวที่พยายามเป็นพี่สาวอยู่เสมอ และเธอก็มีทั้งศักดิ์ศรีของความเป็นเทพ และศักดิ์ศรี
ของพี่สาวค้ำคออยู่ ทำให้เป็นคนจริงจัง เมื่อเธอตัดสินใจแล้วก็จะดำเนินการทันที จะไม่มีการ
เจรจาใดๆทั้งสิ้น และเป็นคนที่ทำจริงทำจังเสียด้วย ซึ่งถึงแม้ว่าชิซึฮะจะไม่สัดทันด้านต่อสู้
เอาเสียเลย แต่เมื่อมีมนุษย์มาก่อกวนฤดูใบไม่ผลิ พวกเธอก็คิดว่า ควรจะทำการตักเตือนและ
สั่งสอนสักเล็กน้อย ชิซึฮะคิดว่าในฤดูใบไม้ผลินั้นไม่มีอะไรเหนือไปกว่าใบไม้เปลี่ยนสีร่วงโรย
เธอจึงได้แสดงการเปลี่ยนสีของใบไม้อันแสนงดงามให้น้องสาวดู ด้วยความรู้สึกว่าตนเหนือกว่า
ด้วยความสามารถเปลี่ยนสีของใบไม้ ซึ่งทำให้ชิซึฮะนั้นสามารถทำให้ใบไม้เปลี่ยนสี แล้วร่วงโรย
ในฤดูใบไม้ผลิได้ ซึ่งก็สามารถทำได้กับใบไม้ทุกชนิด แต่ที่โดดเด่นก็คือใบเมเปิ้ลที่ขึ้นชื่อเรื่อง
เปลี่ยนสีได้หลากหลายงดงามยิ่ง หากแต่สิ่งที่มนุษย์ต้องการอย่างที่สุดยิ่งกว่าความงดงามนั้น
ก็คือ "ความอยู่รอด" เมื่อเทียบกับมิโนริโกะคนน้องที่มีความสามารถเพิ่มผลผลิตของมนุษย์แล้ว
เธอเป็นรองน้องสาวด้านพลังศรัทธาอย่างมาก ซึ่งเมื่อพลังศรัทธายิ่งมาก ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
ดังนั้นเธอจึงอ่อนแอกว่าน้องสาวไปซะอย่างนั้น และเนื่องจากเป็นเทพแปดล้านแห่งฤดูใบไม้ผลิ...
เมื่อฤดูหนาวมาถึง พวกเธอก็จะเศร้าหมองลงไปในทันตา จนกว่าฤดูใบไม้ผลิจะกลับมาเยือนอีก
ครั้งหนึ่ง
Aki Minoriko
ชื่อไทย : อาคิ มิโนริโกะ
ชื่ออังกฤษ : Aki Minoriko
ชื่อญี่ปุ่น : 秋 穣子
ฉายา : สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยว
เผ่าพันธุ์ : เทพแปดล้านแห่งความอุดมสมบูรณ์
ความสามารถ : รับผิดชอบดูแลความอุดมสมบูรณ์
อากิ มิโนะริโกะ เทพแปดล้านแห่งความอุดมสมบูรณ์ หรืออาจเรียกอีกอย่างว่า เทพแห่งฤดูใบไม้ผลิ
เธอเป็นน้องสาวของชิซึฮะ และจะคอยช่วยมิโนริโกะคนพี่ในการดูแลฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งทั้งคู่ก็ดูเหมือน
จะเป็นพี่น้องที่รักกันดี แต่ก็ทำตัวเป็นคู่แข่งเช่นเดียวกัน โดยมิโนริโกะจะรับผิดชอบในการดูแลความ
อุดมสมบูรณ์ ซึ่งทำให้พืชผลต่างๆของเกษตรกรงอกงามเป็นอย่างดี เพิ่มพูนผลผลิตได้เป็นกอบเป็นกำ
ทุกปีมิโนริโกะจะถูกเชิญไปเป็นแขกพิเศษในงานเทศกาลเก็บเกี่ยวที่จัดขึ้นที่หมู่บ้าน หากไม่ถูกเรียก
ไปก่อนการเก็บเกี่ยว เธอก็ไม่สามารถรับประกันพืชผลให้กับชาวบ้านได้ แต่เธอคิดว่าจะเป็นยังไงก็ช่าง
และก็ไม่ใช่ธุระของเธอด้วยที่จะต้องไปกำหนดกฏเกณฑ์ จะต้องรอให้ชาวบ้านมาเชิญตัวเธอไปทุกครั้ง
แต่ด้วยอิทธิฤทธ์ของมิโนริโกะก็ทำให้พืชผักของชาวบ้านงอกงามตามที่หวังเอาไว้ทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้เอง
การที่เธอรับผิดชอบทางด้านนี้ ก็ทำให้มิโนริโกะได้รับความศรัทธามากกว่าชิซึฮะคนพี่เสียอีก ซึ่งนั่นก็
หมายความว่า มิโนริโกะนั้นแข็งแกร่งกว่าชิซึฮะนั่นเอง แต่ถึงแม้ว่ามันจะช่วยให้เธอได้รับความศรัทธา
แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าใดนัก และมิโนริโกะนั้นจัดว่าเป็นมิตรต่อมนุษย์ก็จริง แต่ก็ไม่คลุกคลีกับ
มนุษย์มากจนเกินไป เธอรู้สึกภาคภูมิกับพลังที่เธอมี และคิดว่ามันยอดเยี่ยมยิ่งกว่าใครๆ แม้แต่กับพี่สาว
ของตัวเอง แต่เธอก็ยังเคารพพี่สาวของเธออยู่ จึงไม่เคยที่คิดจะวางตัวข่มชิซึฮะแบบออกหน้าออกตา
ทั้งนี้ในเวลาปกติ เธอเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใสเฮฮา พูดจาดี น่าคบหา ไม่มีพิษภัยแต่อย่างใด
Kagiyama Hina
ชื่อไทย : คางิยามะ ฮินะ
ชื่ออังกฤษ : Kagiyama Hina
ชื่อญี่ปุ่น : 鍵山 雛
ฉายา: เทพลับนางาชิบินะ
เผ่าพันธุ์ : เทพเจ้าแห่งเคราะห์ร้าย
ความสามารถ : ควบคุมโชคร้าย
คางิยามะ ฮินะ หัวหน้าของกองทัพตุ๊กตานางาชิฮินะ เธอเก็บรวบรวมภยันตรายทั้งหมด
เพื่อปัดไล่การขจัดทุกข์ภัยไป ซึ่งแม้กระทั่งคนที่ไม่มีสัมผัสวิญญาณก็ยังรู้ได้ว่าเธอนั้น
ห้อมล้อมไปด้วยภยันตราย ไม่ว่ามนุษย์หรือโยว์ไคก็ตามที่อยู่ใกล้เธอมักจะประสบพบ
เคราะห์ร้ายไปตามๆกัน ซึ่งตัวฮินะเองนั้นก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เคราะห์ร้ายต้อง
ไปเกิดขึ้นกับมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง
Kawashiro Nitori
ชื่อไทย : คาวาชิโระ นิโทริ
ชื่ออังกฤษ : Kawasiro Nitori
ชื่อญี่ปุ่น : 河城 にとり
ฉายา: สุดยอดหัวรบโยวไค
ผ่าพันธุ์ : กัปปะ
ความสามารถ : ควบคุมน้ำ
คาวะชิโระ นิโทริ กัปปะขี้อายผู้อยู่อาศัยในหุบเขาโยว์ไคมาอย่างยาวนาน โดยนามสกุล
คาวะชิโระของเธอนั้นแปลว่า "ปราสาทน้ำ" ปกติกัปปะจะไม่ทำให้มนุษย์นั้นมองเห็น
ตนเองและตนก็จะแอบซ่อนแล้วจับตาดูมนุษย์ด้วย เธอเป็นคนอ่อนโยน ในครั้งแรกที่
ได้เจอกับเรย์มุเธอก็รีบหนีไปทันที แต่กระนั้นเธอก็พยายามทำให้เรย์มุกลัวจนหนีไป
จากภูเขาด้วยดันมาคุและสเปลการ์ด ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหุบเขาโยว์ไคนั้นเป็นที่อันตราย
สำหรับมนุษย์มาก เธอจึงพยายามไม่ทำให้เรย์มุบาดเจ็บ ซึ่งที่จริงแล้วเธอเองก็ชื่นชอบ
มนุษย์เช่นกัน แต่ก็ไม่แสดงออกให้ใครรู้ และด้วยการที่เธอนั้นเป็นวิศวกร เมื่อไรก็ตามที่
เธอเห็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เธอก็มักจะนำชิ้นส่วนกลับไปด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงสังเกตุได้ว่า
ชุดของเธอจะมีเครื่องมือต่างๆอยู่ด้วย
Inubashiri Momizi
ชื่อไทย : อินุบาชิริ โมมิจิ
ชื่ออังกฤษ : Inubashiri Momizi
ชื่อญี่ปุ่น : 犬走 椛
ฉายา : เทนกุลาดตระเวนชั้นผู้น้อย
เผ่าพันธุ์ : เทนงูหมาป่าขาว
ความสามารถ : การมองเห็นทะลุในระดับระยะยาวไกล
อินุบะชิริ โมมิจิ เทนงูผู้ทำหน้าที่ลาดตระเวนหุบเขาโยว์ไค มีสัมผัสในการมองเห็นและ
ดมกลิ่นในระดับดีเลิศ ทำให้เธอสามารถพบตัวผู้บุกรุกได้ในทันที และเมื่อใดที่ค้นเจอ
ตัวผู้บุกรุกแล้วทดลองข่มขู่ด้วยการจู่โจมเรียบๆ และกลับไปรายงานแก่ท่านมหาเทนงู
เธอมักจะรอคอยอยู่หลังน้ำตกเป็นประจำ เธอนั้นเป็นคนที่ชอบร่วมมือเป็นอันมากและ
ปฎิบัติหน้าที่อย่างเปี่ยมศรัทธา ซึ่งผิดธรรมดาสำหรับโยว์ไค แต่ถือว่าไม่ผิดปกติใน
สังคมเทนงู แม้กระนั้นเธอเองก็มีเวลาว่างอยู่บ้างเหมือนกัน ซึ่งที่หุบเขาโยว์ไคก็ไม่ค่อย
มีผู้บุกรุกอยู่แล้ว ระหว่างที่รอคอยคำสั่ง เธอก็จะใช้เวลากับการสนุกกับการละเล่นที่
เรียกกันว่า มหาโชงิ(หมากรุกญี่ปุ่น)ด้วยกันกับเหล่ากัปปะที่อยู่ในละแวกเดียวกัน
โดยในเหตุการณ์จารึกเทพวายุนั้น ตอนที่เธอเจอกับเรย์มุ เธอก็พยายามที่จะหยุดไว้
ที่น้ำตก แต่ก็ไม่สำเร็จตามคาด เธอจึงกลับไปทำหน้าที่รายงานถึงการมีอยู่ของผู้บุกรุก
ให้กับเทนงูตนอื่นๆ พร้อมกับได้ส่งเทนงูอีกตนหนึ่ง(ชาเมย์มารุ อายะ) ไปสอบสวน
ผู้บุกรุกหรือเรย์มุแทน
Kochiya Sanae
ชื่อไทย : โคจิยะ ซานาเอะ
ชื่ออังกฤษ : Kochiya Sanae
ชื่อญี่ปุ่น : 東風谷 早苗
ฉายา : มนุษย์แห่งสายลมที่ได้รับการบวงสรวง
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ก่อเกิดปราฏิหารย์
สถานะ : ผู้เฉลิมฉลองวายุ
โคจิยะ ซานาเอะ มนุษย์ผู้เป็นทายาทของพระเจ้า โดยเธออาศัยอยู่ในศาลเจ้าโมริยะ
ทำหน้าที่เป็นผู้เฉลิมฉลองวายุซึ่งมีบทบาทใกล้เคียงกับมิโกะ แต่ด้วยพลังที่รับช่วง
สืบทอดมา ซานาเอะจึงเป็นเหมือนดั่งเทพเจ้าก็มิปาน เมื่อมนุษย์ในโลกภายนอกต่างก็
เริ่มหมดศรัทธาในเทพเจ้าลงทุกขณะก็ได้ทำให้คานาโกะผู้ซึ่งเป็นเทพเจ้าค่อยๆสูญเสีย
พลังไป คานาโกะจึงตัดสินใจที่จะทำการเคลื่อนย้ายศาลเจ้าไปยังเกนโซเกียวที่ๆซึ่งมี
โยว์ไคที่อาจจะมีศรัทธาต่อพวกเธออยู่บ้าง ซานาเอะเป็นคนจริงจัง มีความเชื่อมั่นใน
พลังความสามารถของตน ซึ่งบางครั้งก็มั่นใจจนมากเกินไป โดยแต่เดิมแล้วเธอผู้เป็น
ผู้รับใช้ของเทพวายุ แต่ด้วยการที่เธอใช้ความสามารถในการสร้างปราฎิหารย์ อย่างเช่น
การอัญเชิญลมและฝน ผู้คนจึงต่างเริ่มเชื่อมั่นในซานาเอะและความสามารถอันลึกลับนี้
กล่าวคือ ผู้คนต่างเริ่มเข้าใจผิดเรื่องปราฏิหารย์ที่เกิดขึ้นจากพระเจ้าไปเป็นซานาเอะแทน
เมื่อตอนที่ซานาเอะยังเยาว์วัยนั้น เธอเข้าถึงความลับในการสวดปราฎิหารย์ได้อย่างเชี่ยวชาญ
สาวน้อยผู้สามารถท่องพลังปราฎิหารย์ได้ ย่อมสะสมความศรัทธาได้เป็นจำนวนมากแน่นอน
ถึงอย่างไร โลกภายนอกก็ได้เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ศรัทธาในพระเจ้ากับคุณความดี
ได้ลดลงอย่างฉับพลัน มีผู้คนเป็นจำนวนน้อยที่ยังสักการะบูชาในพระเจ้าผู้ให้ความบรรลุผล
แก่ชีวิตมนุษย์ ถึงแม้ว่าเธอเองก็ไม่ได้มีศรัทธามากมายนัก ซานาเอะได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์
ธรรมดาๆโดยไร้ปัญหาใดๆ แต่นี่กลับไม่ใช่สิ่งที่ควรกับคานาโกะเทพเจ้าที่เธอรับใช้ เมื่อใดที่
มนุษย์หมดศรัทธาในพระเจ้า พระเจ้าก็จะสูญเสียพลังและอ่อนแอลง จนไม่สามารถประจักษ์
ในคุณงามความดี ซึ่งสำหรับพระเจ้าแล้ว สิ่งนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากความตายเลย คานาโกะจึง
ได้ตัดสินใจว่า จำนวนความศรัทธาจากมนุษย์มาถึงขีดจำกัดแล้ว นับจากนี้ไป เธอก็จะลอง
เข้าหาโยว์ไคให้เป็นแหล่งความศรัทธาให้กับเธอบ้าง ซานาเอะเองก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้
ยินรายละเอียดแผนการของคานาโกะเป็นยิ่งนัก โดยโลกที่เรียกขานกันว่า "เกนโซเกียว"
ที่ยังคงมีตัวตนอยู่มาช้านานจนแทบจะลืมเลือนและถูกเก็บซ่อนไว้ ซึ่งเกนโซเกียวนั้นก็เป็น
สถานที่ๆรวบรวมไว้ซึ่งสิ่งต่างๆที่สาบสูญไปแล้วหรือที่เรียกว่าความเพ้อฝันในโลกภายนอก
โดยจะใช้ความศรัทธาต่อพระเจ้าของผู้คนที่มีอยู่ดำเนินการเคลื่อนย้ายศาลเจ้าสู่เกนโซเกียว
และในเมื่อคานาโกะได้ตัดสินใจเช่นนั้นแล้ว เธอก็ได้กล่าวลากับโลกมนุษย์ที่เธออาศัยอยู่มา
เป็นเวลายาวนาน ส่วนทางซานาเอะนั้นก็ได้เกิดความหวาดกลัวอยู่บ้างในการที่จะต้องไปจาก
โลกมนุษย์และไปยังที่โลกแห่งใหม่ แต่ก็ตัดสินใจที่จะไปในที่สุด เมื่อมาถึงเธอก็ไม่ได้รู้สึกคิด
จริงจังกับมนุษย์ในเกนโซเกียวเท่าไหร่ เพราะเมื่อพวกเขาถูกคุกคามเมื่อไหร่ ก็จะมีศาลเจ้า
ฮาคุเรย์เพียงแห่งเดียวที่จะสนองต่อความหวังของพวกเขาได้ ซึ่งเธอเองนั้นก็ยังได้ดูถูกพวก
เหล่ามนุษย์ในเกนโซเกียวอีก และถ้าสามารถทำให้ศาลเจ้าฮาคุเรย์ต้องมีอันปิดระงับไปล่ะก็
ก็จะทำให้พวกตนบรรลุความต้องการด้วย ซานาเอะก็เลยส่ง:X์นมาข่มขู่์เรย์มุ เพื่อให้เรย์มุ
ทำการระงับกิจการศาลเจ้าฮาคุเรย์ไปเสีย แต่ก็ไม่เป็นผล แถมยังได้บทเรียนอันแสนราคา
แพงกลับมาอีก มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเกนโซเกียวนั้นเป็นพวกเจ้าปัญหามากกว่าที่เธอคิดไว้
เสียอีก และในเวลานั้น เธอก็ได้เรียนรู้ในหลายสิ่งจากพวกเขาเอง ซึ่งก็ทำให้ซานาเอะ
รู้สึกว่าตัวเธอเองก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ถึงแม้ตัวเธอจะเป็นร่างจุติของเทพเจ้า แต่เธอก็
สามารถเลือกที่จะเป็นอย่างมนุษย์ได้ และก็ใช้ชีวิตตามปกติมาจนถึงเดี๋ยวนี้ ชีวิตมนุษย์
อันแสนสงบสุขในเกนโซเกียว
Yasaka Kanako
ชื่อไทย : ยาซากะ คานาโกะ
ชื่ออังกฤษ : Yasaka Kanako
ชื่อญี่ปุ่น : 八坂 神奈子
ฉายา : อวตารแห่งเนินเขาและทะเลสาบ
เผ่าพันธุ์ : เทพเจ้า
ความสามารถ : การสร้างสรรค์นภา
ยาซากะ คานาโกะ เทพเจ้าผู้สิงสถิตย์อยู่ในศาลเจ้าโมริยะและเคลื่อนย้ายสู่หุบเขาโยว์ไค
แห่งเกนโซเกียวจากโลกภายนอกที่เดิม โดยนามสกุล "ยาซากะ" ของเธอนั้นก็แปลได่้ว่า
เนินเขาเหลือคณานับ เธอกล่าวว่าตนเองเป็นเทพขุนเขา แตแท้่ที่จริงแล้วนั้นเธอเป็นเทพ
สายลมและฝนต่างหาก เธอมีความสามารถควบคุมสายลมและฝน หรือจะพูดได้อีกอย่าง
เธอนั้นได้รับการยกย่องบูชาให้เป็นเทพกสิกรรมนั่นเอง เหตุการณ์ต่อเนื่องที่นำเธอไปสู่การ
เป็นเทพแห่งขุนเขามันช่างซับซ้อนนัก และเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นของผู้รู้จักในศรัทธาก็คือ
คานาโกะและสึวาโกะ สัญลักษณ์ของคานาโกะก็คือ "ชิเมะนาวะ" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนที่
แสดงถึงงูโอบรอบ ทั้งนี้งูก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพ การเกิดใหม่และความเป็น
นิรันดร์ได้เช่นกัน ถึงอย่างนั้น มนุษย์ก็ได้รู้จักถึงความตายและต่างก็ไม่เชื่อในความเป็น
นิรันดร์ไปเสียแล้ว อีกทั้งในการกสิกรรมนั้น เหล่ามนุษย์ต่างก็หันมาพึ่งใช้ทักษะของตนเอง
ซึ่งขัดกับการใช้ฝนและสายลมที่เป็นธรรมชาติ มนุษย์ได้เรียนรู้ว่าภูเขานั้นกำเนิดมาจาก
ภูเขาไฟและเปลี่ยนกลายสภาพเป็นเปลือกนอกของโลก จึงทำให้พวกเขาหมดความกลัว
ที่จะข้ามผ่านภูเขาไป และแล้วเหล่ามนุษย์ต่างก็เริ่มหันมาเชื่อในวิทยาศาสตร์และความรู้
ไปในที่สุด และสิ่งที่ตามกันมานั้น ความศรัทธาของเหล่ามนุษย์ที่มีต่อคานาโกะก็ได้ค่อยๆ
สิ้นสุดลง ทำให้คานาโกะต้องค้นหาทางที่จะได้มาซึ่งศรัทธา และถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่
ที่เกี่ยวพันถึงตัวตนของเธอหรือเรียกได้ว่าชีวิตเลยทีเดียว ซึ่งก็คือการไปเก็บรวบรวมศรัทธา
ในเกนโซเกียวนั่นเอง เรียกว่าไปตายเอาดาบหน้าดีๆนี่เอง อย่างไรก็ตาม มันก็หมายความว่า
เธอจะต้องสูญเสียความศรัทธาทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่และสูญเสียพลังไปชั่วคราว ซึ่งเธอก็ได้
เลือกอนาคตที่มีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะยึดติดกับความรุ่งโรจน์ในอดีตซึ่งจะนำพาตนไป
สู่หายนะในสักวัน และแล้วแผนการของคานาโกะก็สำเร็จไปด้วยดี และสามารถเคลื่อนย้าย
ศาลเจ้าโมริยะมาสู่เกนโซเกียวได้ในที่สุด และเธอก็เริ่มต้นการได้รับการสักการะบูชาจาก
เหล่ากัปปะและเทนงูในฐานะเทพเจ้าแห่งหุบเขาโยว์ไค
Moriya Suwako
ชื่อไทย : โมริยะ สุวะโกะ
ชื่ออังกฤษ : Moriya Suwako
ชื่อญี่ปุ่น : 洩矢 諏訪子
ฉายา : จุดสูงสุดของเทพพื้นเมือง
เผ่าพันธุ์ : เทพเจ้า
ความสามารถ : สร้างค์พิภพ
ที่อยู่ : ศาลเจ้าโมริยะ
เทพเจ้าที่แท้จริงของศาลเจ้าโมริยะ เธอเป็นเทพขุนเขาและเคยเป็นผู้นำของเหล่าทวยเทพ
ที่อาศัยอยู่ในหุบเขาอยู่ครั้งหนึ่ง ครั้งกาลโบราณ เธอนั้นมีหัวใจศรัทธาอันเป็นปราฎิหารย์จน
ได้เป็น "ท่านมิชางุจิ" และเป็นที่หวาดกลัวของเทพองค์อื่นๆ เนื่องมาจากการลงทัณฑ์เทวะ
ของเธอ ซึ่งเป็นเหตุให้เธอได้รับจำนวนความศรัทธาอย่างเหนือธรรมดา สึวาโกะได้อุทิศตัว
ให้กับอาณาจักรของตนในฐานะราชาผู้ปกครองมากยิ่งนัก มาจนกระทั่ง เทพแห่งยามาโตะ
(เทพในตำนานโบราณของญี่ปุ่น)จำนวนหนึ่งได้้เริ่มเข้ารุกรานและยึดครองอาณาจักรเล็กๆ
อย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ โดยหนึ่งในเทพเหล่านั้นก็มี "ยาซากะ คานาโกะ" รวมอยู่ด้วยเช่นกัน
และแล้วในที่สุดพวกเขาก็สามารถรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว แล้วเรียกมันว่า "ญี่ปุ่น"
แน่นอนว่าพวกคานาโกะเองก็ได้เข้ามารุกรานอาณาจักรของสึวาโกะเช่นกัน ทำให้เธอเข้า
ต่อต้านและต่อสู้กับเหล่าเทพแห่งยามาโตะ ถึงอย่างนั้น คานาโกะก็ได้ยื่นข้อเสนอขอให้
เธอยอมจำนน อีกทั้งกับอาวุธของสึวาโกะเองก็เริ่มพังจนใช้การไม่ได้แล้ว สึวาโกะเข้าใจ
ถึงความแตกต่างในพลังของตนกับอีกฝ่าย เธอจึงยอมละทิ้งอาณาจักรของตนไปในที่สุด
และแล้วคานาโกะก็ได้มาซึ่งอาณาจักรโมริยะ(洩矢) แม้กระนั้น เหล่าผู้คนแห่งโมริยะก็หา
ได้ลืมความหวาดกลัวในเทพแห่งธรรมชาติทั้งปวงหรือมิชางุจิไม่ และไม่อาจยอมรับเหล่า
บรรดาทวยเทพองค์ใหม่ได้เช่นกัน คานาโกะรำพึงว่าตนเองไม่ได้รับความศรัทธาจากผู้คน
ที่นี่เลย เธอจึงคิดว่าละทิ้งอาณาจักรแห่งนี้ไปเสียดีกว่า แต่ทว่า เธอกลับได้ถูกเรียกขอให้
เป็นเทพเจ้าองค์ใหม่และรวมตัวกันกับเทพแห่งโมริยะ(洩矢)ภายในอาณาจักร และเทพเจ้า
องค์ใหม่นี้ก็ได้รับการเรียกขานว่าโมริยะ(守矢)ไป กระนั้น ณ ที่ภายนอกอาณาจักรกลับมีชื่อ
แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ ดูเหมือนหากเป็นการปกครองอาณาจักรสำหรับโมริยะ(守矢)แล้ว
แน่นอนว่าจะกลายเป็นโมริยะ(洩矢) และด้วยเหตุเช่นนี้ สึวาโกะจึงได้คิดขอยืมพลังจาก
คานาโกะ และเข้าปกครองในฐานะเทพขุนเขาอย่างเงียบเชียบ ทางด้านเทพเจ้าองค์ใหม่
ที่ได้ถูกกล่าวถึงการปกครองเหนืออาณาจักรที่จะต้องอยู่ในนามของเทพเจ้าเท่านั้น การคงอยู่
เป็นวิถีเดียวที่จะปกปักษ์รักษาตำนานแห่งยามาโตะไว้ได้ ในความเป็นจริง สึวาโกะได้เข้า
สานต่อปกครองอาณาจักรอยู่ ถึงแม้ว่าเหล่าเทพเจ้าแห่งโลกยุคใหม่จะได้เข้ามาแทนที่เหล่า
เทพตำนานยามาโตะก็ตาม แต่เธอก็ยังคงอยู่แบบดั้งเดิมจากการรวบรวมความศรัทธาอย่าง
รอบคอบ ถึงอย่างไรก็ตาม ความศรัทธาที่เธอเก็บรวบรวมมาตลอดทั้งยุคสมัยก็ได้ค่อยๆหดหาย
ไปอย่างช้าๆ เพราะการเข้ามาของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ แต่สึวาโกะเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้สัก
เท่าไหร่ กระนั้นในเวลาต่อมา คานาโกะเริ่มตัดสินใจที่จะย้ายไปยังเกนโซเกียว ซึ่งสึวาโกะเอง
ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเกนโซเกียวเท่าไหร่ แต่เธอก็ตัดสินใจขอสนุกกับความอภิรมย์ครั้งสุดท้าย
และเหตุผลที่เธอไม่ได้โต้แย้งคานาโกะและมาที่เกนโซเกียว ก็เพราะว่าเธอไม่เหลือความอาลัย
เหลืออยู่ต่อโลกภายนอกหรือโลกมนุษย์อีกแล้ว นั่นจึงทำให้มีคนจำนวนน้อยที่รู้จักชื่อของเธอ
กระนั้น แม้กระทั่งซานาเอะ มนุษย์ผู้อยู่ใกล้คานาโกะมากที่สุดก็กลับไม่ได้รู้จักสึวาโกะเลยด้วยซ้ำ
โดยตัวซานาเอะนั้นถึงจะเป็นผู้รับใช้ของคานาโกะก็จริง แต่เหตุผลที่เธอสามารถสร้างปราฎิหารย์
ได้นั้น ก็เพราะเธอเป็นผู้สืบทอดห่างๆของสึวาโกะต่างหาก ทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนซานาเอะจะไม่ได้
รู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่ของเทพเจ้าทั้งสองมากนัก สึวาโกะเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน แต่เธอก็รู้สึก
ขอบคุณคานาโกะเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้เธอได้สนุกกับชีวิตใหม่ในเกนโซเกียวแห่งนี้ และแม้ตอนนี้
คานาโกะจะได้เป็นเทพสายลมแล้ว แต่ไฉน เชือกเงื่อนงูของเธอกลับไม่ได้บ่งบอกถึงตัวตนของ
เธอเลย ก็เพราะว่ามันมีเหตุผลอยู่ทั้งสองอย่าง อย่างแรก เพราะว่าสัญลักษณ์การเกิดใหม่ของงู
คือสิ่งที่เป็นปรปักษ์กับความหวาดกลัวในมิชางุจิ และเหตุผลที่สอง... เธอต้องการเน้นความจริง
ที่เธอชนะสึวาโกะได้ หากสึวาโกะเป็นเทพเจ้าที่มีที่มาจากกบ คานาโกะก็จะเป็นงูที่กิบกบนั่นเอง
เหมือนกับสุภาษิตที่ได้กล่าวขานไว้ว่า "อาณาจักรแห่งนี้ กบได้ถูกงูเข้ามาปกครองแทนเสียแล้ว"
ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำไมสึวาโกะและคานาโกะถึงได้มักจะชอบโต้เถียงขัดแย้งกัน ถึงอย่างนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง แท้ที่จริงแล้วก็คือมิตรสหายเพื่อนรักที่ไมตรีต่อกันนั่นเอง
[Touhou 10.5 東方緋想天 ~ Scarlet Weather Rhapsody]
Nagae Iku
ชื่อไทย : นางาเอะ อิคุ
ชื่ออังกฤษ : Nagae Iku
ชื่อญี่ปุ่น : 永江 衣玖
ฉายา : อาภรณ์สีชาดอันแสนงดงาม
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไค
ความสามารถ : อ่านอากาศ
นางาเอะ อิคุ โยว์ไคผู้เป็นข้ารับใช้ของเผ่ามังกร เดินทางไปมาระหว่างโลกมังกรกับโลกมนุษย์
มีความสามารถในการสื่อสารกับเหล่ามังกรได้ แล้วนำข้อความนั้นมาถ่ายทอดให้แก่มนุษย์
ได้รับรู้ เปรียบเสมือนกับล่ามดีๆนี่เอง เธอใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ท่ามกลางเหล่าหมู่เมฆบนท้องฟ้า
ในวันๆหนึ่งเธอก็ไม่ได้มีกิจกรรมอดิเรกอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอัน จะมีก็เพียงหน้าที่สำคัญในการ
คอยดูแลเทพมังกรเท่านั้น นอกนั้นเธอก็จะไปเดินเล่นโดยแหวกว่ายอากาศอย่างงดงามยิ่ง
ซึ่งการที่เธอสามารถบินหรือแหวกว่ายบนอากาศได้นั้นก็เพราะมีอาภรณ์เทวา ซึ่งเป็นไอเท็ม
ที่ทำให้เธอหรือมนุษย์ผู้ใดก็ตามได้สวมใส่มัน ก็สามารถโบยบินบนท้องฟ้าได้ดั่งใจเลยทีเดียว
นากาเอะมีนิสัยเป็นคนเรียบง่าย ไม่ชอบความวุ่นวาย และเป็นคนใจเย็นอยู่เสมอ แต่ก็มีบ้าง
เป็นส่วนน้อยที่เธอจะเสนอความคิดเห็นของตนเอง แต่เธอก็ชอบที่จะคอยเฝ้าดูคนอื่นมากกว่า
นอกจากนี้ ความสามารถของเธอคือการอ่านอากาศหรือก็คือสามารถในการเข้าใจลักษณะ
ภูมิอากาศบริเวณนั้นได้อย่างถ่องแท้ แล้วจึงค่อยปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศของที่นั่นได้
ชนิดที่ว่าเธอสามารถลบตัวตนของเธอเองเพื่อหลบการโจมตีทั้งหมดก็ยังได้ และด้วยนิสัย
ของเธอเองที่ไม่ชอบความวุ่นวาย เธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะสร้างความวุ่นวายให้แก่สถานที่ต่างๆ
หากว่าไม่มีเหตุอันจำเป็น และไม่เคยสร้างความเสียหายต่อมนุษย์อีกด้วย จึงแทบไม่เคยมี
มนุษย์คนใหนพบเห็นตัวเธอแบบตัวเป็นๆเลย นอกจากร่องรอยที่เธอทิ้งเอาไว้ให้เห็น
Hinanawi Tenshi
ชื่อไทย : ฮินานะอิ เทนชิ
ชื่ออังกฤษ : Hinanawi Tenshi
ชื่อญี่ปุ่น : 比那名居 天子
ฉายา : เด็กสาวแห่งสวรรค์ชั้นที่สี่
เผ่าพันธุ์ : เทวดา
ความสามารถ : ควบคุมปฐพี
ฮินะนาอิ เทนชิ หรือที่ชื่อของเธอนั้นสามารถแปลว่า "จักรพรรดิ" หรือ "โอรสสวรรค์"
เทวดานิสัยเสียบนสวรรค์ เนื่องจากได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างทนุถนอมเป็นอย่างดี
จึงมีนิสัยเอาแต่ใจตนเองเป็นยิ่งนัก ไม่เคยสำนึกว่าตนเองเป็นเทวดาเลยด้วยซ้ำ
เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจในพลังของตนเองเป็นที่สุด และเมื่อถูกดูถูกถึงเรื่องนี้
เธอก็จะเดือดดาลเป็นที่สุดเช่นกัน เทนชิเกิดมาในตระ:Xลฮินะนาอิ ซึ่งแต่เดิมเคย
เป็นมนุษย์มาก่อน และเมื่อเสียชีวิตลงก็จะได้ขึ้นมาเป็นเทวดาบนสวรรค์ ซึ่งเทนชิ
เองก็ได้ขึ้นมาเป็นเทวดาต่อจากบิดามารดาของตนเช่นกัน โดยสาเหตุซึ่งคนใน
ตระ:Xลฮินะนาอิได้ขึ้นมาเป็นเทวดาบนสวรรค์ได้ก็เนื่องจาก แต่เดิมตระ:Xลนี้เป็น
นักบวชที่มีหน้าที่คุ้มครองแก่นหินคอยยับยั้งการเกิดแผ่นดินไหว แต่ต่อมาแก่นหิน
ก็เริ่มไร้ประโยชน์ แถมรังแต่จะก่อแผ่นดินไหวมากขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งนั้นได้เกิดเหตุ
แผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเทวดาผู้รับผิดชอบเรื่องแผ่นดินไหวครั้งนั้น
อย่าง "โอโอมุระโนะคามิ" ที่มิอาจรับมือทันได้ ก็ได้มอบหมายงานยับยั้งแผ่นดินไหว
ให้แก่ตระ:Xลนาอิซึ่งเป็นตระ:Xลหลักของฮินานุอิไปจัดการ และด้วยเหตุนั้นจึงทำให้
ตระ:Xลนาอิได้รับความดีความชอบไปอย่างมหาศาล แต่เหล่าตระ:Xลนาอิก็ขอปฎิเสธ
รับความดีนี้ไป แต่ได้ขอมอบความชอบนี้ให้ตระ:Xลสาขาอย่างตระ:Xลฮินะนาอิซึ่งมัก
จะคอยช่วยงานให้เสมอมารับไปแทนทั้งหมดเต็มๆ และทำให้ทุกคนในตระ:Xลฮินานุอิ
ได้ขึ้นเป็นเทวดาบนสวรรค์อีกด้วย ส่วนตระ:Xลนาอิ เมื่อตายไปก็จะเป็นวิญญาณเทพ
ไปสิงสถิตย์อยู่ในศาลพระภูมิบริเวณข้างบึงกบยักษ์ในเกนโซเกียวไปแทน แต่กระนั้น
กลับกลายเป็นว่าตระ:Xลฮินะนาอิทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นเทวดาเอาเลย เพราะ
ไม่เคยที่จะบำเพ็ญเพียรตน ซึ่งต่างจากเทวดาท่านอื่นๆบนสวงสวรรค์ ทำให้พวกเขา
ถูกเรียกว่าเทวดาไม่ดีไป เทนชิเองก็เช่นกัน เมื่อสมัยเธอยังเป็นมนุษย์ เธอมีชื่อว่า
"จิโกะ" แต่เมื่อได้กลายมาเป็นเทวดาจึงค่อยมาเปลี่ยนชื่อมาเป็นเทนชิในภายหลัง
เทนชิไม่ชอบสิ่งที่สวรรค์ปฎิบัติต่อเธอเป็นยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้กระมั้ง เธอจึงแอบอิจฉา
เหล่ามนุษย์และโยว์ไคในเกนโซเกียวที่สามารถใช้ชีวิตได้อิสระตามใจตน เธอจึงนึก
สนุกที่จะก่อภัยพิบัติขึ้นในเกนโซเกียว พร้อมทั้งได้นำเอากระบี่ไร้คนึงซึ่งเป็นสมบัติ
ของสวรรค์ไปด้วย โดยความสามารถของกระบี่ไร้คนึงก็คือการมองทะลุลักษณะนิสัย
ของเป้าหมายได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้มันสามารถแทงทะลุจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้
อย่างแม่นยำ อีกทั้งกระบี่ไร้คนึงก็มีแต่เทวดาเท่านั้นที่จะใช้งานมันได้อีกด้วย ประกอบ
กับแก่นหินควบคุมปฐพีที่สืบทอดกันมาในตระ:Xลของเธอ ทำให้เธอก่อแผ่นดินไหว
สร้างความวุ่นวายในเกนโซเกียว และยังทำให้ศาลเจ้าฮาคุเรย์ถล่มพังย่อยยับอีกด้วย
ซึ่งต่อมา เทนชิก็ถูกมิโกะแห่งศาลเจ้าฮาคุเรย์กำหราบไปในที่สุด จนเธอสำนึกได้
ในสิ่งที่ตนกระทำลงไป... เธอจึงได้ช่วยบูรณะสร้างศาลเจ้าฮาคุเรย์ให้กับเรย์มุขึ้นมา
ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
[Touhou 11 東方地霊殿 ~ Subterranean Animism]
Kisume
ชื่อไทย : คิสึเมะ
ชื่ออังกฤษ :Kisume
ชื่อญี่ปุ่น : キスメ
ฉายา: ภูตบ่อน้ำที่น่าสะพรึงกลัว
เผ่าพันธุ์ : ผีถังตก
ความสามารถ : การทิ้งเพลิงอสูร
คิสึเมะเป็นผีถังตกหรือที่เรียกว่า "สึรุเบะโอโตชิ" ซึ่งเป็นโยว์ไคชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าโยว์ไคชนิดนี้
จะแอบซ่อนอยู่บนที่สูงๆเช่นต้นไม้ และจู่ๆก็จะร่วงหล่นลงมาหลอกมนุษย์ที่ผ่านมาบริเวณนั้น
จัดเป็นโยว์ไคกระแทกหัวที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งยวด ปกติเธอจะอาศัยอยู่ในถ้ำหรือตามบ่อน้ำ
อีกทั้งเธอยังเป็นโยว์ไคขี้อายที่ชอบอยู่ในที่แคบๆ จึงมักจะเข้าไปอยู่ในถังเสมอ
Kurodani Yamame
ชื่อไทย : คุโระดานิ ยามาเมะ
ชื่ออังกฤษ : Kurodani Yamame
ชื่อญี่ปุ่น : 黒谷 ヤマメ
ฉายา : ใยสว่างไสวในถ้ำที่มืดสลัว
เผ่าพันธุ์ : แมงมุมดิน
ความสามารถ : ควบคุมความเจ็บป่วย
ที่อยู่ : ใต้พิภพ
ยามาเมะเป็นโยว์ไคแมงมุมที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงเก่าหรือก็คือส่วนลึกของถ้ำ มีนิสัยชอบการต่อสู้วิวาท
หรือการทำสงคราม ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หน้าใหนมาขอท้าเธอต่อสู้ด้วย เธอก็ไม่เคยปฎิเสธที่จะปฎิเสธคำท้า
เช่นกัน แต่เพราะด้วยความสามารถของเธอที่มีอยู่ นั่นก็คือการควบคุมความเจ็บป่วยเองนั้น จึงทำให้ใครๆ
ที่พบเจอต่างก็รังเกียจกันทั้งสิ้น แม้ว่าเธอจะไม่เคยทำให้อีกฝ่ายเจ็บป่วยโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลังก็ตาม
แต่หากลองพูดคุยกันด้วยดีๆแล้ว จะเห็นได้ว่าเธอก็เป็นคนสนุกสนาน มีมนุษยสัมพันธ์ดีมากเช่นเดียวกัน
จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าบรรดาโยว์ไคที่อยู่ใต้ผืนพิภพด้วยกันทั้งหลาย
Mizuhashi Parsee
ชื่อไทย : มิซึฮาชิ พาร์ซี่
ชื่ออังกฤษ : Mizuhashi Parsee
ชื่อญี่ปุ่น : 水橋 パルスィ
ฉายา : จิตริษยาใต้เปลือกโลก
เผ่าพันธุ์ : เจ้าหญิงสะพาน
ความสามารถ : ควบคุมจิตริษยา
ที่อยู่ : ใต้พิภพ
มิซึฮาชิ พาร์ซี่เป็นโยว์ไคที่ทำหน้าที่เฝ้าดูแลรูซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเหนือพิภพกับใต้พิภพ
และคอยคุ้มครองผู้เดินทางให้การเดินทางไปมาทางสะพานระหว่างโลกใต้พิภพทั้งสอง
เป็นไปอย่างปลอดภัย แต่ด้วยความที่เธอมีความริษยาอันแรงกล้า เมื่อเจอนักเดินทางที่
กำลังเดินทางอย่างสนุกสนานเข้า เธอจะเข้าไปก่อกวนพวกนั้นทันใด และเมื่อยามที่เธอ
คลุ้มคลั่งด้วยความอิจฉา เธอจะสามารถปลุกเร้าความอิจฉาในใจของคนอื่นได้อีกด้วย
Hoshiguma Yugi
ชื่อไทย : โฮชิกุมะ ยูกิ
ชื่ออังกฤษ : Hoshiguma Yugi
ชื่อญี่ปุ่น : 星熊 勇儀
ฉายา : สิ่งเหนือธรรมชาติที่ถูกกล่าวขาน
เผ่าพันธุ์ : ยักษ์
ความสามารถ : ควบคุมสิ่งเหนือธรรมชาติ
หนึ่งในยักษ์ที่ได้รับการขนานนามว่า "จตุรเทพแห่งขุนเขา" เช่นเดียวกับซุยกะ ปัจจุบันเธออาศัยอยู่
กับยักษ์ตนอื่นๆที่เหลืออยู่ในเมืองหลวงเก่าแห่งนี้ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของขุมนรก แต่ก็ได้ถูก
แบ่งแยกออกมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งในเมืองหลวงเก่าแห่งนี้ก็เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าโยว์ไคมากมาย
หลากหลาย แต่เผ่าที่ดูโดดเด่นที่สุดในบรรดานั้นก็คือยักษ์นั่นเอง ซึ่งยักษ์เหล่านี้ก็ยังช่วยชี้นำเหล่า
โยว์ไคที่ถูกรังเกียจจากบนผืนพิภพให้มาอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ เป็นเหมือนบ้านหลังใหม่ให้อีกด้วย กระนั้น
พวกยักษ์ก็ไม่ขอยุ่งกับทางข้างบนผืนพิภพและตัดขาดการติดต่อแล้วเช่นกัน เนื่องจากว่า พวกโยว์ไค
ที่อยู่ด้านบนผืนพิภพรู้สึกได้ถึงอันตรายที่อยู่ลึกลงไปข้างใต้พิภพที่พวกโยว์ไคต่างหนีกันไปอยู่อาศัยกัน
จึงได้ยื่นข้อเสนอว่าหากจะให้ยอมรับเมืองใหม่ที่อยู่ใต้พิภพนี้ ก็ต้องแลกกับการผนึกวิญญาณแค้นแห่ง
ขุมนรกเอาไว้ด้วย แต่พวกยักษ์ก็ไม่ยอมรับและไม่ยอมให้โยว์ไคหน้าไหนเข้ามายังเมืองใต้พิภพอีกต่อไป
และแล้วเหล่ายักษ์ก็ได้สร้างสังคมในอุดมคติของพวกตนขึ้นมาอย่างสมบูรณ์และพึ่งพาอาศัยอยู่กัน
อย่างลับๆเรื่อยมา ตัวยูกิเองก็ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างสนุกสนาน ชอบการดื่มเหล้าและการส่งเสียง
โหวกเหวก สมกับที่เธอเป็นยักษ์เสียจริง
Komeiji Satori
ชื่อไทย : โคเมย์จิ ซาโทริ
ชื่ออังกฤษ : Komeiji Satori
ชื่อญี่ปุ่น : 古明地 さとり
ฉายา :
เผ่าพันธุ์ : ซาโทริ (โยวไค)
ความสามารถ : อ่านใจ
โคเมย์จิ ซาโตริ ผู้มีสมญาว่าจ้าวแห่งวังวิญญาณพิภพ เธอเป็นโยว์ไคที่เรียกกันว่า "ซาโตริ"
ซึ่งมีความสามารถในการอ่านจิตใจได้ เมืองใต้พิภพนั้นแม้ว่าจะถูกแบ่งแยกจากนรกไปแล้ว
แต่ก็ยังมีวิญญาณส่วนหนึ่งที่เคยอยู่ในนรกเหลือหลุดรอดอยู่เช่นกัน จึงต้องมีการควบคุม
วิญญาณเหล่านี้ขึ้น เพื่อการนี้ วังวิญญาณพิภพจึงได้ถูกก่อสร้างขึ้นตรงบริเวณตอนเหนือ
ของซากเพลิงนรก และที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ๆเธอยึดครองอยู่ และเนื่องจากเธอสามารถที่
จะอ่านจิตใจของคนอื่นได้ ทำให้ไม่ว่าทั้งโยว์ไคหรือวิญญาณตนใหนต่างก็กลัวเธอกันทั้งนั้น
จึงไม่แปลกที่วังวิญญาณพิภพจะไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยมเยียนบ้างเลย แต่ในอีกด้านหนึ่ง พลังนี้
ของเธอก็ทำให้เธอเป็นที่รักของเหล่าสัตว์ทั้งหลายที่พูดไม่ได้ จึงไม่แปลกเช่นกันที่เธอจะมี
สัตว์เลี้ยงมากมาย โดยมีทั้งแมวเพลิงจนไปถึงอีกานรกเลยทีเดียว ซึ่งสัตว์เหล่านี้ก็มีที่มาจาก
ขุมนรกเช่นกัน และยากต่อการควบคุม ซึ่งในใต้พิภพแห่งนี้นั้น ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่ซาโตริ
คนเดียวเท่านั้นที่สามารถควบคุมให้ทำตามคำสั่งได้ โดยเธอเองก็ได้จัดแจงสัตว์เลี้ยงของตน
ให้ไปทำหน้าที่ต่างๆด้วย เช่น ให้คอยควบคุมดูแลสัตว์เลี้ยงตัวอื่นบ้างล่ะ ให้คอยเฝ้าสวนบ้างล่ะ
จนไปถึงให้ไปเล่นกับน้องสาวของเธอบ้างล่ะ นอกจากนี้ทั้งโอรินและอุตสึโฮะต่างก็เป็นสัตว์เลี้ยง
ผู้จงรักภักดีต่อเธอเช่นกัน โดยต่างคนต่างก็ได้รับหน้าที่จากซาโตริให้ไปทำหน้าที่ใหญ่ที่สำคัญ
ด้วยกัน ซึ่งต่อมาเมื่อมีสาวน้อยชาวมนุษย์จากบนผืนพิภพบุกรุกลงมายังใต้พิภพ เมื่อซาโตริได้ลอง
อ่านใจของสาวน้อยคนนั้นก็ต้องประหลาดใจเป็นยิ่งนักกับสิ่งที่ตนเห็น ซาโตริจึงได้ลองทดสอบ
มนุษย์ผู้นั้นเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง
Kaenbyou Rin
ชื่อไทย : คาเอนเบียว ริน (ชื่อเล่น : โอริน)
ชื่ออังกฤษ : Kaenbyou Rin
ชื่อญี่ปุ่น : 火焔猫 燐
ฉายา : อุบัติเหตุทางบกแห่งขุมนรก
เผ่าพันธุ์ : คาชา
ความสามารถ : เคลื่อนย้ายซากศพ
ชื่อจริงของเธอคือ "คาเอนเบียว ริน" แต่เนื่องจากว่าเธอไม่ชอบชื่อที่มันยาวๆ เธอจึงขอให้ทุกคน
เรียกตนว่า "โอริน" แทน เธอเป็นแมวที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง และเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยง
ของซาโตริเช่นกัน เป็นคนพูดเก่งและสามารถพูดคุยกับซากศพกับวิญญาณได้ อีกทั้งตัวเธอเอง
ก็มีหน้าที่ในการคอยควบคุมเหล่าวิญญาณที่อยู่ตามทางซากเพลิงนรกด้วย ตัวเธอนั้นมีเพื่อนเก่า
เพื่อนแก่อยู่คนหนึ่งชื่อว่าอุตสึโฮะ โดยทั้งคู่ต่างก็เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เนื่องจากทั้งคู่ได้รับ
การเลี้ยงดูจากซาโตริครั้งตั้งแต่ที่ใต้พิภพแห่งนี้ได้แยกตัวออกมาจากนรกนั่นเอง วันหนึ่ง เธอรู้สึก
สังหรณ์ถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นในทางเข้าสู่นรก เนื่องจากว่าเพลิงไฟเริ่มจะลามรุนแรงมากขึ้น
จากปกติ ซึ่งการควบคุมปรับเพลิงไฟเหล่านี้ก็เป็นหน้าที่ของอุตสึโฮะเช่นกัน โอรินจึงตัดสินใจไป
เยี่ยมอุตสึโฮะและก็ต้องประหลาดใจยิ่งนักในสิ่งที่เธอเห็น เมื่ออุตสึโฮะได้ค้นพบขุมพลังที่แสนจะ
น่าหวาดกลัวซึ่งน่าจะเป็นฝีมือของใครบางคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งต่อมาอุตสึโฮะก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
และต้องการที่จะไขว่คว้าพลังมาอีก เธอจึงเกิดความทะเยอทะยานมีความคิดที่จะเข้ายึดครองข้างบน
ผืนพิภพและเปลี่ยนมันให้เป็นนรกบนดินไปด้วย โอรินเองก็ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นเช่นกัน ซึ่งหากซาโตริ
และพวกยักษ์รู้เข้าก็คงจะไม่ปล่อยอุตสึโฮะเป็นแน่ เช่นนั้น ในฐานะเพื่อนรัก โอรินจึงตัดสินใจตามสืบหา
ศิลปะต้องห้ามเข้า ซึ่งศิลปะต้องห้ามนี้ก็คือวิธีขับไล่วิญญาณที่อยู่บนผืนพิภพนั่นเอง หากว่ามีเรื่องเกิดขึ้น
กับเหล่าโยว์ไคที่อยู่บนผืนพิภพล่ะก็ พวกนั้นคงจะไม่นิ่งนอนใจและจะต้องมีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน
โอรินจึงพยายามทุกวิถีทางให้ทางด้านบนได้รับรู้ เพื่อจะได้มีโยว์ไคตนใหนซักตนก็ได้ลงมาช่วยเหลือเธอ
แต่ว่าคนที่ลงมานั้นกลับกลายเป็นสาวน้อยชาวมนุษย์ไปเสียนี่ โอรินจึงขอประลองดันมาคุเพื่อทดสอบดู
และก็เกินคาดของโอริน เมื่อมนุษย์ผู้นี้แข็งแกร่งเกินธรรมดายิ่งนัก โอรินจึงคิดว่า มนุษย์ผู้นี้คงจะสามารถ
หยุดยั้งอุตสึโฮะได้แน่ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างกลับสู่ปรกติ โอรินได้กลับไปหาซาโตริก่อน โดยเธอคิดว่าจะต้อง
ไม่ให้ใครรู้เกี่ยวกับแผนการของอุตสึโฮะทั้งนั้น โดยเฉพาะซาโตริ ไม่อย่างนั้นอุตสึโฮะคงต้องถูกกำจัดแน่
เหมือนดั่งเช่นลูกไปทำอะไรผิดมาแล้วหวาดกลัวพ่อแม่จนต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้ ซาโตริเองก็เช่นกัน
และหวาดกลัวที่ซาโตริจะโกรธเรื่องนี้อยู่เรื่อยไป
Reiuzi Utsuho
ชื่อไทย : เรย์อุจิ อุทสึโฮะ (ชื่อเล่น : โอคูว)
ชื่ออังกฤษ : Reiuzi Utsuho
ชื่อญี่ปุ่น : 霊烏路 空
ฉายา :
เผ่าพันธุ์ : อีกนรก ร่าง ยาตะการาสุ (อีกายาตะ)
ความสามารถ : ควบคุมปฏิกิริยาทางนิวเคลียร์
ยาตะการาสุหรืออีกานรกผู้เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงของซาโตริ มีชื่อเล่นว่า "โอคู" อีกทั้งตัวเธอยัง
ฉายแสงสีสะดุดตายิ่งนัก โดยที่เท้าซ้ายของเธอนั้นคือ "เท้าแห่งการแยกแยะโครงสร้าง" ส่วนที่
เท้าขวาก็คือ "เท้าแห่งสภาพติดแน่น " และสุดท้ายที่ส่วนแขนขวาก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนขาที่สาม
ให้กับเธออีกด้วย แต่การจะใช้ขาทั้งสามนั้นก็ทำให้เธอใช้พลังไปมากพอควรเช่นกัน เมื่อเธอตื่นขึ้น
มาจากการหลับไหลอันแสนยาวนาน ก็มีวังวิญญาณพิภพตั้งอยู่บริเวณของซากเพลิงนรกเสียแล้ว
แถมใต้ผืนพิภพนี้ยังตัดขาดจากนรกอีกต่างหาก สิ่งที่เธอได้เห็นก็คือใต้ผืนพิภพที่ไร้ความวุ่นวาย
มีทั้งโยว์ไคมากมายหลากหลายมาอาศัยอยู่ อีกทั้งวิญญาณร้ายก็หลุดพ้นความพยาบาทไปแล้วอีก
เมื่อซาโตริเห็นเธอเข้าก็จึงนำเธอมาเลี้ยงดูพร้อมกับโอรินในฐานะสัตว์เลี้ยง ต่อมา ทั้งเธอกับโอริน
ก็ได้รับมอบหมายหน้าที่อันหนักอึ้งจากซาโตริให้ไปรับผิดชอบ โดยโอรินมีหน้าที่คอยควบคุมดูแล
เหล่าวิญญาณ ส่วนอุตสึโฮะได้รับหน้าที่ในการคอยจัดการดูแลบริเวณทางเข้าขุมนรก โดยการควบคุม
เปลวเพลิงนั่นเอง ซึ่งหน้าที่ๆพวกเธอทำนั้นก็เป็นชีวิตที่สงบสุข น่าพึงพอใจยิ่งนัก จนกระทั่งวันหนึ่ง
ชีวิตอันแสนสงบสุขของเธอก็ต้องมีอันสลายไป เมื่อมีใครบางคนแอบเข้าไปยังทางเข้าสู่ขุมนรกโดย
ไม่มีใครรู้ตัว และเริ่มกระซิบบอกกับอุตสึโฮะว่าภายในซากเพลิงนรกได้ซ่อนขุมพลังอันมหาศาลเอาไว้
และชักจูงให้อุตสึโฮะไปนำพลังนั้นมาซะ และใช้มันตามความต้องการ โดยเปลี่ยนผืนพิภพให้กลายเป็น
นรกที่เธอสามารถอยู่อาศัยได้นั่นเอง เมื่ออุตสึโฮะได้รับพลังนั้นมา ร่างกายของเธอก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสง
บางอย่างและรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนเข้าสิงสถิตย์ของเธอไปแล้ว และแล้วร่างของเธอก็เปลี่ยนแปลง
ไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งอุตสึโฮะเองก็สนุกสนานกับการใช้พลังใหม่นี้ และทำการที่จะเริ่มแผนร้ายของเธอ...
แต่แล้วก็มีมนุษย์สาวน้อยได้เดินทางลงมาจากผืนพิภพ และหยุดยั้งความทะเยอทะยานของเธอลงได้
ไปในที่สุด
Komeiji Koishi
ชื่อไทย : โคเมย์จิ โคอิชิ
ชื่ออังกฤษ : Komeiji Koishi
ชื่อญี่ปุ่น : 古明地 こいし
ฉายา : ม่านตาแห่งรักที่ปิดลง
เผ่าพันธุ์ : ซาโตริ
ความสามารถ : จิตใต้สำนึก
น้องสาวของ โคเมย์จิ ซาโทริ
เธอเองก็เป็นเผ่าซาโทริเช่นเดียวกัน เป็นโยวไคที่อ่านใจได้
แต่เธอรู้ว่าการอ่านใจนั้นทำให้ถูกรังเกียจ โคอิชิจึงปิดตาที่สามที่ใช้ในการอ่านใจลง
ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงสูญเสียความสามารถในการอ่านใจไป
แต่ก็กลายเป็นว่าเธอสามารถกระทำการใดๆด้วยจิตใต้สำนึกได้ แทนที่ความสามารถเดิมที่เสียไป
แม้เธอจะไม่ถูกผู้อาศัยในใต้พิภพรังเกียจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่เป็นที่หวาดกลัว และไม่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสัตว์
พลังอ่านใจ คือ ความเข้มแข็งของจิตใจของตนเอง
การที่ปิดผนึกไปด้วยเหตุผลที่ว่ารังเกียจพลังแบบนั้น เป็นเพียงการหนีเท่านั้นเอง สุดท้ายแล้วก็ไม่ต่างจากการปิดกั้นจิตใจของตนเองเลย
เป็นการ Shut Down อย่างสมบูรณ์ด้วยการไม่ยอมรับจิตใจของผู้อื่นเลย
เธอไม่มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อะไร กลายเป็นโยวไคที่เอาแต่ซัดเซพเนจรไปตามที่ต่างๆอย่างไร้จุดหมายเท่านั้น
สำหรับเธอก็คงจัดว่ามีความสุขกับชีวิตแบบนั้น และก็ไม่มีปัญหาเดือดร้อนแต่อย่างใด
แต่เมื่อมองจากสายตาของคนรอบข้างก็จะเห็นว่าเธอเป็นคนที่น่าสงสารนิดหน่อย
สิ่งที่ซาโทริผู้พี่ไม่อาจอ่านใจได้นั้น มีเพียงหัวใจของโคอิชิที่ถูกปิดกั้นเท่านั้น
ที่ผ่านมา เธอจึงไม่อาจทราบได้เลยว่าน้องสาวของตนกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน
เห็นกลับมาเล่นกับแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยง แล้วก็ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีกแล้วก็ไม่รู้
ซาโทริรู้สึกสงสารโคอิชิที่เป็นแบบนั้น ระยะหลังมานี้จึงได้ออกคำสั่งให้สัตว์เลี้ยงไปเล่นกับโคอิชิ
และมอบสัตว์เลี้ยงชั้นเลิศของเธอให้แก่โคอิชิไปหลายตัว
เมื่อได้เลี้ยงสัตว์ โคอิชิก็เริ่มมีเป้าหมายขึ้นมาเล็กน้อย และคิดว่าน่าจะสามารถยอมรับจิตใจของผู้อื่นได้
แม้จะแค่เพียงเล็กน้อย แต่นับจากเริ่มเลี้ยงสัตว์เป็นต้นมา โคอิชิเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ในคราวนี้ เธอได้ยินว่ามีมนุษย์จากเหนือพิภพลงมาที่นี่ แล้วทะเลาะเบาะแว้งกับพี่สาวของเธอและพวกโอคูว
จากเรื่องที่ได้ยินมา เธอสนใจเรื่องความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ของโอคูว เธอจึงมุ่งหน้ามายังเหนือพิภพ
ไม่มีใครรู้สึกได้ถึงตัวเธอที่กระทำการใดๆด้วยจิตใต้สำนึกเลย
ครั้นเมื่อขึ้นมาถึงพื้นพิภพ ก็ข้ามผ่านรักแร้ของมิโกะที่กำลังนอนหลับ ผ่านภูเขาที่มีเทนกุคอยลาดตระเวน
โดยที่ไม่มีใครเลยที่รู้สึกถึงวี่แววของเธอ
แม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องที่สะดวกดี แต่มันก็ดูเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างไปหน่อยจริงๆนั่นล่ะ
หากแต่โคอิชินั้นไม่มีความคิดเรื่องความโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ในหัวใจเลย
มนุษย์ที่ได้พบโดยบังเอิญ ณ ศาลเจ้าบนภูเขาที่เป็นเป้าหมายของเธอ
การได้พบกับมนุษย์ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนนั้น ยังผลให้จิตใจของเธอเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย
เธอคิดว่า, สิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจอย่างนี้ก็มีด้วยแฮะ, จึงนึกอยากทำความรู้จักกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้านี้ให้มากยิ่งขึ้น
ณ ตอนนี้เอง ที่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเสียดาย ที่ปิดตาที่สามไป
ก่อนอื่นก็ต้องชวนเชิญให้ไปที่วังวิญญาณพิภพแห่งใต้พิภพ
ก่อนหน้านี้เธอทำการต่อสู้แบบไหนกับพี่สาว โอคูวและโอรินกันนะ
จนถึงตอนนี้ ได้ต่อสู้กับโยวไคแบบไหนมาแล้วบ้างนะ
อยากฟังเรื่องราวที่ไม่มีวันจบสิ้นของเธอจังเลย
ตอนที่คิดเช่นนั้น เปลือกตาของตาที่สามของโคอิชิก็รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มขึ้นมาเล็กน้อย
[Touhou 12 東方星蓮船 ~ Undefined Fantastic Object]
Nazrin
ชื่อไทย : นาซูริน
ชื่ออังกฤษ : Nazrin
ชื่อญี่ปุ่น : ナズーリン
ฉายา : ลเอก Dowser ตัวน้อย
เผ่าพันธุ์ : โยวไคหนู
ความสามารถ : ค้นหาของ
Dowser โดยแท้
ค้นหาสิ่งของโดยควบคุมหนูนาจำนวนนับไม่ถ้วน
เพียงแต่สิ่งของจำพวกของกินที่หามาได้ มักจะถูกพวกหนูแทะเล็มจนเสียหายก่อนมาถึงมือเธอ
ฉลาดแกมโกง, เมื่อเห็นว่าสู้ศัตรูไม่ได้ก็จะหนีทันที
เธอถูกโชวขอร้องให้ค้นหาของสองสิ่ง จึงวนเวียนตามหาอยู่บนพื้นดิน
สิ่งหนึ่งคือ เศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้า ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นสมบัติลอยฟ้า
อีกหนึ่งคือ เจดีย์แห่งบิชามอนเทน
Tatara Kogasa
ชื่อไทย : ทาทาระ โคกาสะ
ชื่ออังกฤษ : Tatara Kogasa
ชื่อญี่ปุ่น : 多々良 小傘
ฉายา : ร่มผู้ร่าเริงที่ถูกลืม
เผ่าพันธุ์ : ผีร่มตาเดียว (คาราคาสะโอะบาเคะ)
ความสามารถ : ทำให้มนุษย์ตกใจ
ร่มที่ไม่มีใครหยิบไปใช้จนกลายร่าง
แต่เดิม เธอเป็นร่มที่ถูกลืมทิ้งไว้ และไม่มีใครเก็บไปใช้เพราะเฉดสีไม่เป็นที่นิยม จนกลายร่างเป็นโยวไคในขณะที่ถูกพายุฝนพัดปลิว
เธอไม่ได้คิดที่จะทำร้ายมนุษย์ให้บาดเจ็บเลย, แค่อารมณ์ดีที่ได้เห็นมนุษย์ตกใจเท่านั้นเอง
แต่ช่วงนี้มนุษย์ที่ตกใจมีน้อยลง, ตอนนี้ก็เลยกำลังศึกษาวิธีหลอกคนให้ตกใจจากเรื่องเล่าสยองขวัญโบราณๆอยู่
Kumoi Ichirin
ชื่อไทย : คุโมะอิ อิจิริน
ชื่ออังกฤษ : Kumoi Ichirin
ชื่อญี่ปุ่น : 雲居 一輪
ฉายา : กงล้อยักษ์ที่คุ้มครองกันและกัน
เผ่าพันธุ์ : โยวไค
ความสามารถ : ใช้นักพรต
Unzan
ชื่อไทย : อุนซัน
ชื่ออังกฤษ : Unzan
ชื่อญี่ปุ่น : 雲山
เผ่าพันธุ์ : นักพรต
ความสามารถ : เปลี่ยนแปลงรูปร่างและขนาดได้อย่างอิสระ
โยวไคที่คอยปกป้องเรือที่ดูเหมือนจะมีความลับอะไรบางอย่าง
ใช้นักพรต, และคอยเฝ้ายามให้เรือลำนี้
เธอไม่ได้ถูกใครสั่งให้มาเฝ้ายาม แต่ทำไปด้วยความตั้งใจของเธอเอง
จุดประสงค์นั้นไม่แน่ชัด
อิจิรินเป็นคนขยันขันแข็งเอาจริงเอาจัง ทั้งยังฉลาดหลักแหลม สามารถจัดการเรื่องราวต่างๆได้เป็นอย่างดี
เธอควบคุมอุนซันได้อย่างยอดเยี่ยมเพราะอุนซันเป็นคนหัวทึบ
อุนซันเป็นนักพรตที่เกิดมาจากเมฆ
เป็นตาลุงหัวรั้นที่พูดน้อย แต่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นคนอ่อนโยน
เกลียดคนอ้อมค้อม จึงชอบคนที่ตรงไปตรงมา
พวกเธอเป็นหนึ่งในผู้ที่เคารพรักเบียคุเรน, โยวไคผู้เป็นเพื่อนพ้องของพวกมุราสะ
ทั้งนี้เพราะเลื่อมใสศรัทธาในตัวเบียคุเรนที่แสดงให้เห็นถึงความเมตตากรุณา แม้แต่กับนักพรตอย่างพวกเธอ
Murasa Minamitsu
ชื่อไทย : มุราสะ มินะมิทสึ
ชื่ออังกฤษ : Murasa Minamitsu
ชื่อญี่ปุ่น : 村紗 水蜜
ฉายา : วิญญาณยึดมั่นถือมั่นจากอุบัติเหตุทางน้ำ
เผ่าพันธุ์ : ผีเรือ
ความสามารถ : ก่อให้เกิดอุบัติภัยทางน้ำ
วิญญาณของมนุษย์ที่เสียชีวิตเนื่องจากเรือล่มในทะเลเมื่อนานแสนนานมาแล้ว
เธอไม่อาจไปจากทะเลได้เพราะความอาลัยอาวรณ์ จึงใช้ชีวิตแต่ละวันไปกับการจมเรือที่แล่นผ่านมาตรงนั้นทุกลำ
เธอจึงเป็นที่หวาดกลัวของมนุษย์
ความคิดหวาดกลัวของมนุษย์ได้เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นโยวไค และเธอก็ค่อยๆถูกจำกัดการกระทำตามใจตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
โยวไคดังกล่าวถูกเรียกขานว่า มุราสะ ตามชื่อของเธอ
กระทั่งวันหนึ่ง ชีวิตของเธอก็มาถึงจุดเปลี่ยน
ด้วยการมาเยือนของนักบวชรูปหนึ่งที่ได้รับการไหว้วานให้มากำราบมุราสะซึ่งมีเธอเป็นต้นตอ
เธอเองก็เคยวิงวอนขอพรให้มันเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
เพราะไม่ว่าจะจมเรือที่มนุษย์ธรรมดานั่งมาอีกสักกี่ลำ ก็ไม่ทำให้พลังในฐานะโยวไค(ความน่าสะพรึงกลัว)เพิ่มมากขึ้นไปจากเดิมอีกแล้ว
และเท่าที่สืบถามมา ได้ข่าวว่าเป็นนักบวชชื่อดังเอาการเสียด้วย
หากจมเรือที่นักบวชรูปนั้นนั่งมาได้ล่ะก็ สถานะความเป็นโยวไคคงยกระดับขึ้นทันทีเป็นแน่
ถ้าทำสำเร็จล่ะก็ อาจจะสามารถเป็นอิสระจากทะเลต้องคำสาปที่ผูกมัดฉันเอาไว้ แล้วไปทำร้ายมนุษย์ได้ตามใจชอบก็เป็นได้... เธอคิดอย่างนั้น
――หลายวันผ่านไป, เรือของนักบวชผู้มากำราบเธอได้แล่นเข้ามาใกล้
นอกจากนักบวชแล้ว บนเรือยังมีมนุษย์อีกหลายคนนั่งมาด้วย
เธอตั้งใจว่าจะข่มขู่ให้กลัวและทำลายพลังธรรมของนักบวชรูปนั้นด้วยพลังทั้งหมดที่เธอมี
แต่นักบวชรูปนั้นกลับไร้การป้องกันตัวจนผิดคาด
ไร้การตอบสนองยิ่งกว่ามนุษย์ธรรมดาเสียด้วยซ้ำ
ทำให้เรือจมลงในชั่วพริบตา, มนุษย์ทั้งหลายล้วนถูกสังเวยต่อท้องทะเล
เธอรู้สึกท้อแท้
ถึงจะโค่นผู้ที่ไร้การตอบสนองอย่างนี้ไป ก็ไม่รู้สึกภูมิใจอะไรเลยสักนิด
พลันปรากฏภาพที่ไม่น่าเชื่อต่อสายตาของเธอที่กำลังคิดอย่างนั้น
นักบวชอยู่บนผิวทะเล
และกำลังนั่งอยู่บนเรือส่องแสง ซึ่งแตกต่างจากเรือที่เธอเพิ่งทำล่มไปเมื่อสักครู่
ยิ่งไปกว่านั้น, เรือลำนี้ก็คือเรือที่เธอเคยนั่งมาเมื่อครั้งกาลก่อนนั่นเอง
「คุณกำลังตามหาเรือลำนี้อยู่ใช่มั้ย ?
ดังนั้นจึงล่มเรือลำอื่นทิ้งเสียทั้งหมด」
นักบวชสร้างเรือแห่งแสงขึ้นมาด้วยพลังธรรมของตนเอง
「เรือลำนั้นมัน... ... !
อา... ช่างน่าคิดถึงเหลือเกิน... ...ทำไมกัน」
ตัวเธอซึ่งกลายเป็นโยวไคนั้นหวาดกลัวการโจมตีทางจิตใจยิ่งกว่าดาบหรือธนู
และนักบวชรูปนี้ก็รู้เรื่องนั้นดี
「เรือที่พวกฉันนั่งมาได้จมลงด้วยอุบัติเหตุทางน้ำที่ไม่คาดคิดเสียแล้ว
ฉันสร้างเรือลำใหม่นี้ด้วยพลังธรรมของฉันเอง หากแต่นี่เป็นเรือพิเศษที่ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมมันได้」
นักบวชได้ยื่นมือมายังตัวฉันที่ไม่อาจออกห่างจากน้ำได้
「ผู้ควบคุมเรือลำนี้ก็คือคุณนั่นเอง」
คำพูดนั้นทำให้เธอสามารถละทิ้งทะเลต้องคำสาปได้ในที่สุด
หลังจากนั้นหลายสิบปี
เบียคุเรนผู้ช่วยเหลือเหล่าโยวไคได้ถูกพวกมนุษย์จับตัวไปปิดผนึก
ในเวลาเดียวกันนั้น ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเบียคุเรนล้วนถูกฝังลงในส่วนลึกของใต้พิภพ
มุราสะเองก็ถูกฝังลงไปพร้อมกับยุ้งฉางลอยฟ้าเช่นกัน
ตัวเธอเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า จะได้ออกมาสู่พื้นพิภพอีกครั้งพร้อมกับน้ำพุร้อน
เธอจึงตั้งปฏิญาณว่า คราวนี้แหละ ถึงทีฉันเป็นฝ่ายช่วยเบียคุเรนบ้างแล้ว
ใช่แล้ว, ด้วยการนั่งเรือที่เบียคุเรนเป็นผู้ให้กำเนิดขึ้น
Toramaru Syou
ชื่อไทย : โทระมารุ โชว
ชื่ออังกฤษ : Toramaru Syou
ชื่อญี่ปุ่น : 寅丸 星
ฉายา : ลูกศิษย์ของบิชามอนเทน
เผ่าพันธุ์ : โยวไค
ความสามารถ : รวบรวมสมบัติ
โยวไคผู้เป็นสิริมงคล
เบียคุเรนศรัทธาในตัวบิชามอนเทนมาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงพยายามที่จะอัญเชิญบิชามอนเทนมาที่วัด
แต่บิชามอนเทนก็มีงานยุ่งจนแทบไม่ได้มาอยู่ที่วัดเลย
เบียคุเรนรู้สึกได้ว่า เหล่าโยวไคที่อยู่ใกล้ๆวัดมาตั้งแต่สมัยโบราณกำลังตื่นตระหนก
ยังไงเสียก็คงเป็นเพราะหวาดกลัวต่อบิชามอนเทนนั่นเอง
คงกำลังคิดว่าพวกตนจะถูกกำราบจนสิ้นเป็นแน่
บิชามอนเทนงานยุ่งจนไม่อาจมาที่วัดได้ แถมพวกโยวไคก็หวาดกลัวจนไม่เข้ามาใกล้วัด
และแล้ว เบียคุเรนก็คิดแผนการอันยอดเยี่ยมขึ้นมาได้
เธอแนะนำโยวไคที่มีบุคลิกลักษณะ 「ซื่อตรง」 ที่สุดในภูเขาให้แก่บิชามอนเทน เพื่อให้โยวไคตนนั้นรวบรวมศรัทธาแทนบิชามอนเทน
โยวไคที่ถูกเลือกในตอนนั้นก็คือ โชว นั่นเอง
เธอเป็นโยวไคที่มีรูปลักษณ์ของเสือ และเป็นโยวไคที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัด
บิชามอนเทนผู้มีงานยุ่งจึงรับเธอเป็นลูกศิษย์โดยมีท่าทีไม่เต็มใจเท่าใดนัก
บิชามอนเทนมิได้ไว้วางใจเธออย่างสมบูรณ์
จึงมอบหมายหน้าที่ดูแลควบคุมโยวไคหนูผู้เป็นบริวารของบิชามอนเทนนามว่า นาซูริน ให้แก่เธอ
เธอปฏิบัติงานได้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นเลย ผิดจากที่บิชามอนเทนกังวลเอาไว้
หากแต่ตัวเธอนั้นยอดเยี่ยมเกินไป
ในตอนที่เบียคุเรนถูกปิดผนึก เธอก็กำลังปฏิบัติหน้าที่ในฐานะบิชามอนเทนโดยมิได้วู่วามทำอะไรลงไปเป็นพิเศษ
เพราะเรื่องที่เธอเป็นโยวไคนั้นถือว่าเป็นความลับต่อพวกมนุษย์
แม้จะรู้สึกเสียใจที่ทำอย่างนั้นลงไป แต่การเปิดเผยตัวจริงก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย
หลังจากที่เบียคุเรนหายไปก็ผ่านมาได้หลายร้อยปีแล้ว, ตัววัดก็ถูกทิ้งไว้จนรกร้าง
จนวันหนึ่ง, เหล่าพวกพ้องของเบียคุเรนที่ถูกผนึกไว้ใต้พิภพได้กลับมาหาเธอ
เธอไม่อยากรู้สึกเสียใจอีกต่อไปแล้ว และจะไม่หนีอีกแล้ว
จึงบอกแก่พวกมุราสะว่าตนเองเป็นโยวไค และสอนวิธีคลายผนึกให้
และตั้งใจว่าจะทุ่มเทสุดกำลังในการทำให้เบียคุเรนคืนชีพมาอีกครั้ง
「ในการคลายผนึกนั้น จำเป็นต้องใช้พลังของเมียวเรน ผู้เป็นน้องชายของเบียคุเรน
ซึ่งสิ่งที่หลงเหลืออยู่นั้นมีเพียง สมบัติลอยฟ้า หรือก็คือ ยุ้งฉางที่บินไปบนท้องฟ้า เท่านั้น... ...
ออกเรือไปค้นหามันกันเถอะ, มุราสะ !」
Hiziri Byakuren
ชื่อไทย : ฮิจิริ เบียคุเรน
ชื่ออังกฤษ : Hiziri Byakuren
ชื่อญี่ปุ่น : 聖 白蓮
ฉายา : จอมมหาเวทที่ถูกผนึก
เผ่าพันธุ์ : จอมเวท
ความสามารถ : ใช้เวทมนตร์ (เชี่ยวชาญเวทมนตร์ที่ใช้เสริมสมรรถนะของร่างกาย)
น้องชายของเบียคุเรนคือนักบวชในตำนานที่มีนามว่า เมียวเรน
เขาทำให้บาตรบินได้อย่างง่ายดาย แล้วใช้มันในการนำเอายุ้งฉางของมหาเศรษฐีขี้งกมาไว้ที่ตน และรักษาโรคภัยของมนุษย์ที่อยู่ในที่ห่างไกล
เบียคุเรนเติบโตและศึกษาวิชาธรรมกับน้องชายมาด้วยกัน
โดยปกติเธอจะอาศัยอยู่ในยุ้งฉางลอยฟ้า (โทบิคุระ) ซึ่งสั่งสมพลังธรรมของเมียวเรนเอาไว้ ทำให้เธอได้รับพลังเข้าไปในตัวอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่เมียวเรนกลับเสียชีวิตไปไวเสียยิ่งกว่าเบียคุเรน
เบียคุเรนผู้เศร้าโศกเสียใจรู้สึกหวาดกลัวต่อความตายขึ้นมาอย่างสุดขั้วหัวใจ
จึงเริ่มเรียนรู้พลังย้อนวัยเยาว์ที่ทำให้ตัวเองไม่มีวันตาย แต่นั่นเป็นวิชาอาคมมากกว่าที่จะเป็นวิชาธรรม จึงจัดว่าเป็นมนต์ดำแขนงหนึ่ง
เมื่อได้พลังย้อนวัยเยาว์เป็นของตัวเองแล้ว สิ่งต่อมาที่ตัวเธอผู้มีอายุขัยไม่สิ้นรู้สึกหวาดกลัวก็คือ การสูญเสียพลัง
การสูญseoิชาอาคมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเหล่ามนุษย์กวาดล้างวิชาอาคมไปจนหมดสิ้นอย่างสมบูรณ์เท่านั้น
กล่าวคือ หากไม่มีโยวไคอยู่ ก็จะไม่สามารถดำรงคงไว้ซึ่งพลังของตนเองได้
ตัวเธอนั้นเคารพนับถือโยวไค
แม้เบื้องหน้าจะถูกไหว้วานให้กำราบโยวไค แต่เบื้องหลังก็คอยช่วยเหลือเหล่าโยวไค
แม้ว่าเธอจะเคารพนับถือโยวไค แต่ก็มิได้ทำไปเพื่อตั้งตนเป็นศัตรูกับมนุษย์
ตอนแรกเธอทำไปเพื่อสนองความโลภของตนเท่านั้น แต่เมื่อได้เรียนรู้อดีตที่น่าสังเวชของเหล่าโยวไคก็เริ่มคิดว่าตัวเธอนั้นต้องมีพลัง
นักบวชผู้เยาว์วัยปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
ตัวเธอซึ่งมีทั้งความสาวและพลังธรรมนั้นเป็นที่ชื่นชอบของมนุษย์อย่างมาก ถึงกับมีคำกล่าวว่า
「หากมีเบียคุเรนอยู่ พวกโยวไคก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป
ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตโดยหวาดกลัวต่อยามราตรีอีกต่อไป」
และสุดท้าย, ช่องว่างระหว่างความคิดของเธอกับความคาดหวังของเหล่ามนุษย์ก็ได้ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
ผู้คนกล่าวว่า 「ยัยนั่นเป็นปิศาจในคราบมนุษย์」
แล้วจับเธอผนึกไว้ในโลกปิศาจ จนไม่อาจออกมาพบหน้าผู้คนได้อีกเป็นครั้งที่สอง
Houjuu Nue
ชื่อไทย : โฮวจูว นุเอะ
ชื่ออังกฤษ : Houjuu Nue
ชื่อญี่ปุ่น : 封獣 ぬえ
ฉายา : สาวน้อยมายาโบยบินที่ไม่สามารถระบุเอกลักษณ์
เผ่าพันธุ์ : นุเอะ
ความสามารถ : ทำให้ไม่มีใครรู้ร่างจริง
น่าพิศวงอย่างมาก
โยวไคที่โบยบินไปในท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยปริศนาอย่างมาก
นั่นล่ะคือ เธอ
เธอถูกมนุษย์กำราบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และในแต่ละครั้งก็จะมีรายงานว่ารูปลักษณ์ของเธอเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
บางตำนานเล่าว่า หัวเป็นลิง ตัวเป็นทานุกิ มือเท้าเป็นเสือ หางเป็นงู
บางตำนานเล่าว่า หัวเป็นแมว ตัวเป็นไก่ หางเป็นงู
แต่ตำนานเหล่านั้นล้วนถูกแต่งขึ้น
ความจริงแล้วเธอไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเลย
เธอแค่สนุกที่ได้มองดูเหล่ามนุษย์หวาดกลัวและจินตนาการรูปลักษณ์ของเธอกันไปต่างๆนานาอยู่ห่างๆ
นั่นล่ะคือ กิจวัตรประจำวันของเธอ
แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกเบื่อ และใช้ชีวิตอย่างสบายใจไร้กังวลในเมืองใต้พิภพมาเป็นเวลานาน
กระทั่งเกิดความวุ่นวายจากเหตุน้ำพุร้อนปะทุเมื่อตอนต้นปี เธอก็ได้ปะปนไปในความวุ่นวายนั้นและออกมาสู่พื้นพิภพ
พวกมุราสะที่เคยอาศัยอยู่ด้วยกันตอนอยู่ที่ใต้พิภพก็ออกมาด้วย และดูเหมือนว่าพวกนั้นกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่
เธอคิดว่า 「ไม่ได้รู้สึกน่าสนุกอย่างนี้มานานแล้ว」 จึงพยายามขัดขวางด้วยการติดตั้ง 「เมล็ดแห่งร่างจริงที่ไม่แน่ชัด」 ลงไปในเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้า
เมล็ดแห่งร่างจริงที่ไม่แน่ชัดเป็นวัตถุบินลึกลับที่มีรูปร่างเป็นงูขนาดเล็ก ซึ่งไม่มีรูปร่างที่แน่ชัด
เมื่อคนอื่นได้เห็นมัน ก็จะมองเห็นเป็นสิ่งที่สามารถรับรู้ได้ด้วยความรู้ที่คนๆนั้นมีอยู่
พวกเรย์มุคิดว่าเศษไม้ไม่น่าจะสามารถบินไปบนท้องฟ้าได้
จึงมองเห็นเป็น UFO ทรงจานกลม ซึ่งเป็นรูปลักษณ์ที่เป็นตัวแทนถึงวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุเอกลักษณ์
พวกมุราสะมองเห็นว่าเศษเสี้ยวของยุ้งฉางลอยฟ้ากระจัดกระจายไปเพราะน้ำพุร้อน
แต่ความจริงแล้วสิ่งที่กระจายไปในโลกนั้นคือเมล็ดแห่งร่างจริงที่ไม่แน่ชัดต่างหาก
พอเห็นคนอื่นทำอะไรท่าทางน่าสนุกแล้ว ไม่ว่ายังไงก็อยากจะขัดขวางจากจุดที่ไม่มีใครเห็น
นั่นล่ะคือ เธอ
ถึงเธอจะไม่รู้ว่าพวกมุราสะวางแผนอะไรอยู่ แต่เธอคิดว่าถ้าแผนนั้นผิดพลาดไปเสียก็คงจะสนุกดี
แต่กลับมีมนุษย์ที่รวบรวมวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุเอกลักษณ์เหล่านั้นอย่างสนุกสนานปรากฏตัวขึ้น
เธอจึงรู้สึกสนใจขึ้นมาว่า มนุษย์ที่ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่อาจระบุร่างจริงนั้นเป็นมนุษย์แบบไหนกันแน่
จึงแอบติดตามมาข้างหลัง และคอยก่อกวนบ้าง ช่วยเหลือบ้าง เป็นบางครั้ง
สุดท้ายเธอก็ได้รู้ว่าสิ่งที่มุราสะทำลงไปนั้นมีประโยชน์กับเธอด้วย จึงรู้สึกเสียใจขึ้นมา
เบียคุเรนยอมรับกระทั่งตัวเธอที่ขัดขวางการคืนชีพของตนเอง
เธอจึงกลายเป็นนุเอะที่คิดแต่จะติดตามนักบวชรูปนี้ไปสักระยะหนึ่ง
[Touhou 12.5 ダブルスポイラー ~ 東方文花帖]
Himekaidou Hatate
ชื่อไทย : ฮิเมะไคโดว ฮาตาเตะ
ชื่ออังกฤษ : Himekaidou Hatate
ชื่อญี่ปุ่น : 姫海棠 はたて
ฉายา : นักข่าวภาพติดวิญญาณแห่งยุคปัจจุบัน
เผ่าพันธุ์ : การาสึเทนกุ (เทนกุอีกา)
ความสามารถ : มีความสามารถในการถ่ายภาพติดวิญญาณ
เธอเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์, แต่ไม่เคยออกไปหาข่าวข้างนอกเลย
เพราะว่าเธอเอาแต่ถ่ายภาพติดวิญญาณ, แล้วใช้ภาพเหล่านั้นเขียนบทความขึ้นมาในบ้านของตัวเอง
ภาพติดวิญญาณนั้น, เมื่อใส่ Keyword ลงไปในกล้องถ่ายรูปที่ฮาตาเตะถืออยู่ ก็จะค้นหารูปภาพที่เกี่ยวข้องจนพบ
ฮาตาเตะเน้นการใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้, จนไม่รู้สึกว่ามีความจำเป็นที่จะต้องออกนอกบ้านแต่อย่างใด
หนังสือพิมพ์ที่เธอเขียนขึ้น, 「คาคาชิเนนโปว」 (ข่าววิญญาณของสาวดอกไม้และผลไม้) นั้นไม่เป็นที่นิยมเท่าใดนัก
มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น, เพราะว่าบทความที่เธอเขียนขึ้น ล้วนมีแต่เหตุการณ์ที่เคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่งแล้ว
กล่าวคือ ภาพถ่ายติดวิญญาณมันมีปัญหาเรื่อง Speed ของข้อมูลกับความสดใหม่นั่นเอง
ในเวลานั้นเอง, เธอเกิดไปสะดุดตา 「บุนบุนมารุชินบุน」 ที่อายะเขียนขึ้น
「ทั้งๆที่เป็นบทความที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบขนาดนี้แท้ๆ, แต่ทำไมถึงมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดแบบนี้นะ
ทำไมถึงไม่ซ้ำซ้อนกับข้อมูลหรือหนังสือพิมพ์อื่นๆกันนะ」
เธอจึงสะกดรอยตามอายะไปเพื่อค้นหาความลับดังกล่าว
และแล้วเธอก็ล่วงรู้ความลับของอายะ
ว่ามันไม่ใช่การเอาเหตุการณ์มาเขียนเป็นบทความ, แต่อายะเป็นคนก่อเหตุเองต่างหาก
[Touhou 13 東方神霊廟 ~ Ten Desires]
Kasodani Kyouko
ชื่อไทย : คาโซะดานิ เคียวโกะ
ชื่ออังกฤษ : Kasodani Kyouko
ชื่อญี่ปุ่น : 幽谷 響子
ฉายา : ยามะบิโกะท่องบทสวด
เผ่าพันธุ์ : ยามะบิโกะ (โยวไค)
ความสามารถ : ทำให้เสียงสะท้อนกลับ
ตอนที่ไปปีนเขาน่ะ, เคยตะโกน 「ยะโฮ่ !」 กันบ้างรึเปล่า
ถ้าตอนนั้นมีเสียงตอบกลับมาอย่างดีว่า 「Yahoo!」, ก็แสดงว่าเป็นฝีมือของโยวไคยามะบิโกะตนนี้
เธออาศัยอยู่ในภูเขา, เมื่อได้ยินเสียงอันแสนสนุกสนานจากที่ไหนสักแห่ง, ก็จะตอบสนองให้ด้วยการตะโกนตอบกลับไป
ช่างเป็นโยวไคที่รับมุขดีจริงๆ
ช่วงนี้มีความเชื่องมงายแพร่กระจายไปทั่วว่า 「ยามะบิโกะมันก็แค่การสะท้อนของคลื่นเสียงเท่านั้นแหละว้า---」
ทำให้เธอเข้าถึงความอนิจจังทางโลก และเข้าสู่ทางธรรม
ความสามารถของเธอเข้ากันได้ดีกับการสวดมนต์
เธอจึงท่องบทสวดบนภูเขาทุกวัน
ด้วยเหตุนี้ทำให้ช่วงนี้เป็นที่หวาดกลัวกันว่า 「ได้ยินเสียงสวดมนต์บนภูเขาที่ไม่มีใคร」
กลายเป็นว่ารักษาภาพลักษณ์ในฐานะโยวไคเอาไว้ได้ซะงั้น
Miyako Yoshika
ชื่อไทย : มิยาโกะ โยชิกะ
ชื่ออังกฤษ : Miyako Yoshika
ชื่อญี่ปุ่น : 宮古 芳香
ฉายา : ศพผู้ซื่อสัตย์
เผ่าพันธุ์ : คยฺอนชี (ผีดิบจีน)
ความสามารถ : กินอะไรก็ได้
(หากมนุษย์ถูกกินบางส่วนของร่างกาย, มนุษย์นั้นจะกลายเป็นผีดิบจีนชั่วระยะเวลาหนึ่ง)
ศพญี่ปุ่นยุคโบราณที่ถูกทำให้ฟื้นขึ้นมาโดยเซย์กะ
และกลายเป็นเครื่องมือของเซย์กะ
ครั้งนี้เธอถูกเรียกออกมาเพื่อปกป้องมหาสถานบวงสรวงยุเมะโดโนะ (วังแห่งความฝัน) ที่กำลังจะคืนชีพขึ้นมา
ด้วยพลังประหลาดและร่างเนื้อที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด, หากโต้แย้งกับเธอโดยตรงไม่พ้นต้องเจอดี,
แต่วงจรความคิดของเธอแค่ราวๆ Computer ยุคก่อนเท่านั้น, จึงสามารถหลีกหนีจากเธอได้ง่าย
เมื่อได้รับบาดแผลจากการต่อสู้ เธอสามารถกินวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังกายได้, ทำให้แทบจะไม่สามารถโค่นเธอได้เลย
แต่ก็สามารถหลีกหนีจากเธอได้ง่าย (เรื่องนี้สำคัญมาก)
ร่างของเธอแข็งเป็นอย่างมาก, จนงอข้อต่อไม่ได้, ถึงขั้นเดินไม่ได้เลยทีเดียว
ผู้ควบคุมเธอได้แนะนำให้เธอไปออกกำลังกายเสริมความยืดหยุ่นเสียบ้าง
เพราะถ้าออกกำลังกายด้วยสภาพที่ไม่มีความยืดหยุ่นก็ทำให้ได้รับบาดเจ็บเอาได้
ก็เป็นซอมบี้นี่นา
Kaku Seiga
ชื่อไทย : คาคุ เซย์กะ (เสียงจีน: ฮั่ว ชิงเอ๋อ)
ชื่อเล่น :เซย์กะ เนี้ยวเนี้ยว
ชื่ออังกฤษ : Kaku Seiga
ชื่อญี่ปุ่น : 霍 青娥
ฉายา : เซียนมารทะลุกำแพง
เผ่าพันธุ์ : เซียนมาร
ความสามารถ : ทะลุกำแพงได้
แต่เดิมเป็นมนุษย์ที่เคยหลงใหลนักพรตเต๋า
ตอนที่เซย์กะเป็นเด็ก, พ่อของเธอชื่นชอบลัทธิเต๋าจนทิ้งเธอเอาไว้แล้วขึ้นไปเก็บตัวบนภูเขา
เธอสนใจในหนังสือที่พ่อเหลือทิ้งไว้, จึงอ่านซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน
จนรู้สึกหลงใหลนักพรตเต๋า โดยเฉพาะ คาเซนโคะ (何仙姑 (เหอเซียน:X หรือ ฮ้อเซียนโกว) : หนึ่งในแปดเซียนเต๋า (โป๊ยเซียน))
เธอจึงสาบานว่าสักวันจะต้องเป็นเซียนแล้วไปพบพ่อให้จงได้
เมื่อโตขึ้น, เธอได้เป็นเจ้าสาวของตระ:Xล คาคุ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง
แม้จะมีชีวิตโดยไม่ลำบากอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว, แต่เธอก็ไม่เคยทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นนักพรต จึงใช้ชีวิตอย่างเศร้าหมองอยู่ทุกวัน
จากนั้นก็ค่อยๆเก็บตัวอยู่คนเดียว และไม่พยายามพูดจากับผู้ใด
แปดปีผ่านไป, เซย์กะได้บอกลาทุกคนอย่างกะทันหัน
ครอบครัวของเธอคิดว่ามันแปลก, แต่เซย์กะได้เข้านอนในห้องของตัวเองเหมือนทุกที, แล้วไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกเลย
ครอบครัวของเธอตกใจและเสียใจเป็นอย่างมาก, และทำการฝังเธอซึ่งไร้ความมีชีวิตชีวาอย่างสมบูรณ์
แต่ว่า, เธอยังไม่ตาย
ช่วงที่เธอเก็บตัวอยู่คนเดียว, เธอได้ใช้วิชาที่จำมาจากหนังสือ ทำให้คนอื่นเห็นพลองไม้ไผ่เป็นตนเองที่ดูเหมือนตายไปแล้ว
กล่าวคือ ครอบครัวของเธอนำกระบองไม้ไผ่ไปฝังนั่นเอง
เธอละทิ้งทางโลกแล้วหนีไป
ใช่แล้ว, เพื่อไปยังโลกแห่งเซียนที่เธอใฝ่ฝัน
――นับจากตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าใดแล้ว
ตัวเธอกลายเป็นเซียน ซึ่งมีพลังมากพอประมาณอยู่ในตัว
กลายเป็นผู้มีอายุยืนที่ไม่แก่ชรา, คงสภาพความเยาว์วัยอยู่อย่างนั้นเรื่อยมา
ด้วยเหตุนี้เธอจึงเคยทำอะไรหลายอย่างจนกลายเป็นที่เกรงกลัวของผู้คน
แต่นั่นทำให้สวรรค์ไม่ยอมรับเธอ จนกลายเป็นเซียนมารในที่สุด
หากเพื่อจุดประสงค์ของตัวเองล่ะก็, เธอไม่รู้สึกรังเกียจที่ต้องหลอกลวงครอบครัวของตนเองด้วยซ้ำ
นิสัยแบบนั้นมันไม่ดีเลย
งานอดิเรกของเธอคือการแสดงพลังของตนเพื่อเผยแผ่ลัทธิเต๋า
แต่เซียนหรือนักพรตอย่างเธอไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยากในประเทศนี้
เธอจึงคิดจะเดินทางไปยังประเทศที่ไม่มีเซียน, และมุ่งหน้าไปยังประเทศตะวันออกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ซึ่งก็คือ ญี่ปุ่น นั่นเอง
ญี่ปุ่นในเวลานั้น มีสองศาสนากำลังทำศึกช่วงชิงอำนาจกันอยู่
หนึ่งคือศาสนาพุทธที่เผยแผ่มาจากแผ่นดินใหญ่, หนึ่งคือศาสนาชินโตที่ศรัทธาในเทพพื้นเมืองซึ่งมีมาแต่โบราณ
เธอคิดว่า 「นี่แหละคือโอกาสดี」
เธอเข้าหา โทโยซาโตะมิมิ โนะ มิโกะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้ที่มีตบะแก่กล้าที่สุด, และเล่าถึงเสน่ห์ของลัทธิเต๋าให้ฟัง
เธอเอาแต่เป่าหูว่า ให้ใช้ศาสนาพุทธในทางการเมืองเพื่อทำให้ประชาชนสงบเงี่ยมเรียบร้อย ส่วนผู้มีอำนาจก็ครอบครองพลังยอดมนุษย์ด้วยลัทธิเต๋า
ลัทธิเต๋าบูชาธรรมชาติ, กล่าวคือนับถือเทพหลายองค์
จึงเหมาะกับศาสนาชินโตซึ่งเชื่อว่าผู้มีอำนาจทั้งหลายคือลูกหลานของเทพเจ้า
แถมเป้าหมายสูงสุดยังเป็นความไม่แก่ไม่ตาย, จึงมีเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้มีอำนาจได้มากกว่าศาสนาพุทธที่เน้นการปล่อยวาง
หลังจากที่มิโกะคิดอยู่ครู่หนึ่ง, เธอก็นำแผนนี้ไปคุยกับเครือตระ:Xลโมโนโนเบะซึ่งเป็นศัตรูทางศาสนามาแต่ดั้งเดิม
Soga no Toziko
ชื่อไทย : โซะกะ โนะ โทจิโกะ
ชื่ออังกฤษ : Soga no Toziko
ชื่อญี่ปุ่น : 蘇我 屠自古
ฉายา : วิญญาณผู้เป็นลูกหลานของเทพ
เผ่าพันธุ์ : โบวเรย์
ความสามารถ : ก่อให้เกิดสายฟ้า
โบวเรย์แห่งเครือตระ:Xลโซะกะ ซึ่งเป็นเครือตระ:Xลยุคโบราณของญี่ปุ่น
แม้ว่าเธอกับฟุโตะจะร่วมกันรับใช้มิโกะ, แต่เธอถูกปฏิเสธมิให้คืนชีพในฐานะมนุษย์ เนื่องจากเวรกรรมในอดีตที่มีต่อฟุโตะ
และถูกใช้งานตามความพอใจของฟุโตะโดยที่เป็นร่างวิญญาณแบบนั้น
เธอไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรกับร่างวิญญาณเลย
เธอกลับคิดว่าไม่อยากได้ร่างมนุษย์ที่พังทลายได้ง่ายด้วยซ้ำ
เครือโซะกะกับเครือโมโนโนเบะเคยต่อสู้กันเรื่องศาสนาพุทธมาก่อน
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างฟุโตะกับโทจิโกะก็เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพากันและกันที่ไม่ได้เลวร้ายอะไร
และตอนนี้พวกเธอสองคนต่างก็เกลียดศาสนาพุทธ
Mononobe no Futo
ชื่อไทย : โมโนโนเบะ โนะ ฟุโตะ
ชื่ออังกฤษ : Mononobe no Futo
ชื่อญี่ปุ่น : 物部 布都
ฉายา : เซียนถอดวิญญาณแห่งญี่ปุ่นยุคโบราณ
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์ ? (นักพรตเต๋าที่อ้างว่าเป็นเซียนถอดวิญญาณ)
ความสามารถ : ควบคุมฮวงจุ้ย
มันเป็นเรื่องที่เก่าแก่นิดหน่อย
เป็นเรื่องเมื่อราวๆหนึ่งพันกับอีกหลายร้อยปีก่อนเห็นจะได้
เป็นเรื่องสมัยที่ประเทศนี้ยังรวบรวมแนวคิดเกี่ยวกับการปกครองผู้คนไม่เสร็จ
สิ่งต่างๆเช่น ผู้คน, วัตถุ, วิทยาการ และศาสนา ข้ามน้ำข้ามทะเลมายังประเทศนี้
หนึ่งในนั้นคือ ศาสนาพุทธ ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงทิศทางของประเทศนี้ไปอย่างมาก
ภายในประเทศได้แบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือ นับถือพุทธ กับ ต่อต้านพุทธ, และช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ
เครือตระ:Xลโมโนโนเบะอยู่ฝ่ายต่อต้าน เนื่องจากสืบเชื้อสายมาจากเทพ อุมาชิมาจิโนะมิโคโตะ ตามความเชื่อชินโต
จึงเป็นปรปักษ์อย่างรุนแรงต่อเครือตระ:Xลโซะกะที่สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์
ในภายหลัง, สงครามศาสนานี้มิได้ถูกเล่าขานในแง่ของการเป็นสงครามช่วงชิงอำนาจเท่านั้น
แต่ยังเป็นสงครามระหว่างวงศ์วานของเหล่าเทพกับเกียรติยศของมนุษย์อีกด้วย
จากนั้นสงครามศาสนาก็ปิดม่านลงด้วยโศกนาฏกรรม
สงครามทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน, ฝ่ายเครือโมโนโนเบะได้บุกรุกวัด เผาวัด ทิ้งพระพุทธรูป เพื่อกระตุ้นการต่อต้านพุทธ
แต่จังหวะช่างไม่ดีเอาเสียเลย, เพราะได้เกิดโรคระบาดขึ้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา, และทำให้องค์จักรพรรดิสิ้นพระชนม์
เครือโซะกะป่าวประกาศไปทั่วว่านี่คือคำสาปที่เกิดจากการทำร้ายพระพุทธศาสนา
ด้วยเหตุนี้ทำให้การสนับสนุนเครือโซะกะเพิ่มมากขึ้น, ส่วนเครือโมโนโนเบะถูกลงคำสั่งขับไล่
เครือตระ:Xลโมโนโนเบะจึงล่มสลายลงด้วยสงครามนี้
และการเมืองของประเทศก็ดำเนินไปโดยมีศาสนาพุทธเป็นศูนย์กลาง
โดยเป็นที่รู้กันในเบื้องหน้าว่านี่คือ สงครามศาสนาระหว่างโซะกะกับโมโนโนเบะ
ทว่า, ที่จริงแล้วมีผู้ที่ชักใยเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง, ซึ่งก็คือ ฟุโตะ นั่นเอง
ในขณะที่ใช้สกุลโมโนโนเบะ, เธอกลับนับถือศาสนาหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในเงา
นั่นก็คือ ลัทธิเต๋า ที่เผยแผ่เข้ามาพร้อมกับศาสนาพุทธ
ลัทธิเต๋าสามารถทำให้ตนเองแข็งแกร่งราวกับยอดมนุษย์ได้, และเป้าหมายสุดท้ายคือการไม่แก่ไม่ตาย
จึงเป็นศาสนาที่มีเสน่ห์อย่างมากสำหรับผู้มีอำนาจ
แต่ศาสนาที่มีเสน่ห์นี้ก็มีข้อด้อยอยู่อย่างหนึ่ง
นั่นก็คือ, ไม่ว่าประชาชนคนใดก็สามารถฝึกฝนจนเป็นเซียนได้, ซึ่งไม่เหมาะกับการเมืองเอาเสียเลย
ด้วยเหตุนี้เธอจึงซ่อนเรื่องลัทธิเต๋าไว้เป็นความลับ
ต่อมา, มิโกะซึ่งนับถือลัทธิเต๋าเหมือนกัน, ได้นำแผนการอย่างหนึ่งมาเล่าให้ฟัง
นั่นคือ, การปกครองประเทศเบื้องหน้าโดยให้ประชาชนนับถือศาสนาพุทธซึ่งสามารถทำให้ประชาชนอยู่ในความสงบได้
จากนั้นก็ร่ายคำสาปใส่ความตายของตนเอง, แล้วค่อยคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในฐานะเซียนถอดวิญญาณ
ฟุโตะเป็นพันธมิตรของเครือโซะกะ, และสามารถควบคุมอยู่เบื้องหลังได้
เธอจึงทำให้เครือโซะกะหลับหูหลับตาเชื่อในศาสนาพุทธอย่างเต็มที่
ซึ่งแน่นอนว่า, เครือโมโนโนเบะ(ยกเว้นฟุโตะ)ซึ่งเป็นลูกหลานของเทพเจ้านั้นไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนุกเลยสักนิด
ผลที่เกิดขึ้นก็คือ สงครามศาสนา
ซึ่งอันที่จริงมันคือสงครามระหว่างเหล่าเทพที่มีมาแต่โบราณของญี่ปุ่นในนาม โมโนโนเบะ กับมิโกะที่พยายามจะเป็นเทพเจ้าองค์ใหม่โดยใช้ลัทธิเต๋า
ศาสนาพุทธจึงเป็นเพียงของตบตาสำหรับแผนดังกล่าวเท่านั้น
ทว่า, กว่าทั้งสองจะคืนชีพขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาไปมากน่าดู
นั่นเป็นเพราะมีเหล่านักบวชแห่งศาสนาพุทธที่น่าสงสัยมาสร้างวัดอยู่ข้างบน ทำให้การคืนชีพจากความตายของมิโกะถูกยับยั้งเอาไว้
แม้จะเป็นศาสนาที่เคยถูกใช้ประโยชน์ทางการเมือง, แต่แรงศรัทธากลับแข็งแกร่งเกินกว่าที่คาดเอาไว้
การที่ศาสนาพุทธยังคงได้รับศรัทธาเรื่อยมาจนถึงญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันนี้ ถือว่าเป็นการคำนวณที่ผิดพลาดจริงๆ
Toyosatomimi no Miko
ชื่อไทย : โทโยซาโตะมิมิ โนะ มิโกะ
ชื่ออังกฤษ : Toyosatomimi no Miko
ชื่อญี่ปุ่น : 豊聡耳 神子
ฉายา : นักพรตเต๋าผู้ทรงธรรม
เผ่าพันธุ์ : นักบุญ (ชินเรย์)
ความสามารถ : ฟังเรื่องราวของสิบคนได้ในเวลาเดียวกัน
อัจฉริยะผู้ถือกำเนิดในคอกม้า ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็ก
ตัวเธอซึ่งถือกำเนิดมาอย่างสูงศักดิ์นั้นได้ยินได้ฟังคำร้องทุกข์มากมายมาตั้งแต่เด็ก
เหล่าข้าราชบริพารคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางฟังรู้เรื่อง, เธอจึงตกเป็นเรื่องพูดเล่นสนุกปากของเหล่าข้าราชบริพารอยู่บ่อยครั้ง
แต่ว่ามิโกะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง, และสามารถชี้แนะได้อย่างถูกต้องแม่นยำในทันที
ข่าวลือดังกล่าวแพร่สะพัดไปในสังคม ทำให้เธอได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในฐานะนักบุญ
แต่เธอก็มีเรื่องข้องใจที่พบได้เฉพาะในพวกอัจฉริยะอยู่เหมือนกัน
「ผืนปฐพีไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากยุคของเหล่าเทพ, ท้องทะเลยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำ
แล้วเหตุใด, มนุษย์จักต้องยอมรับความตายด้วยเล่า」
เธอรู้สึกไม่พอใจโชคชะตาที่จะต้องตายของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
เซย์กะได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับมิโกะ จึงคิดว่าต้องเป็นคนนี้ไม่ผิดแน่ และมาแนะนำลัทธิเต๋าให้แก่มิโกะ
เซย์กะเล่าว่า, ลัทธิเต๋าบูชาธรรมชาติ, และสามารถทำให้ความไม่แก่ไม่ตายเป็นจริงได้ด้วยการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
มิโกะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
แต่ในเวลาเดียวกัน, เธอบอกแก่เซย์กะว่า, แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใดก็มิอาจทำให้ประเทศสงบสุขได้ด้วยศาสนาที่ว่านั้น
เซย์กะคิดว่าถ้าเพื่อให้ความปรารถนาของตนเป็นจริงแล้ว เรื่องการเมืองของประเทศจะเป็นยังไงก็ช่าง, แต่มิโกะไม่คิดแบบนั้น
เซย์กะจึงพูดว่า, ถ้าเช่นนั้นก็เอาแบบนี้สิ, จากนั้นเธอก็เสนอเรื่องการใช้ศาสนาพุทธเป็นฉากหน้า
เธอเล่าว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและต้องถือศีลอย่างเคร่งครัด
มิโกะจึงยอมรับว่า หากเป็นแบบนั้นประเทศก็คงจะสงบสุขได้
มิโกะเผยแผ่ศาสนาพุทธไปทั่ว
ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนคนธรรมดาไม่มีพลังใดๆ
และทำการวิจัยลัทธิเต๋าอยู่เบื้องหลัง
ผลที่ได้คือ การแสดงความสามารถเหนือมนุษย์และกลายเป็นตำนานมากมาย จนเป็นที่รู้จักไปทั่ว
จากนั้นก็ทำการวิจัยเรื่องความไม่แก่ไม่ตายอันเป็นเป้าหมายสุดท้ายต่อโดยไม่รั้งรอ
เธอเคยใช้สารหายากหลายๆอย่าง เช่น ชาด (เกิดจากกำมะถันและปรอท = เป็นพิษร้ายแรง)
มันกัดกร่อนร่างกายของเธอไปทีละน้อย
ร่างกายของเธอจึงถูกทำลายลงด้วยวิชาเต๋าที่น่าจะนำความไม่แก่ชราและอายุยืนมาให้แก่เธอ
มิโกะไม่คิดจะรออีกต่อไปด้วยร่างกายนี้แล้ว, จึงตัดสินใจที่จะเป็นเซียนถอดวิญญาณ
เซียนถอดวิญญาณคือวิชาลับที่จะต้องตาย(หรือทำให้เห็นว่าตายไปแล้ว)หนึ่งครั้ง แล้วคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เธอกลัวที่จะต้องทำคนเดียว, จึงเอาไปเล่าให้ฟุโตะฟัง, และพยายามให้ฟุโตะเข้าสู่การหลับใหลก่อน
ฟุโตะเชื่อในพลังของมิโกะ จึงยอมเป็นเข้ารับการทดลอง
หลังจากที่ตายไปแล้ว, ฟุโตะก็หลับใหลเรื่อยมาโดยไม่เน่าเปื่อย, เมื่อมิโกะตรวจสอบยืนยันเสร็จก็เข้าสู่นิทราบ้าง
ตามแผนของมิโกะ, เธอกำหนดให้ตัวเองคืนชีพขึ้นในเวลาที่ประเทศรู้สึกถึงขีดจำกัดของศาสนาพุทธ และแสวงหานักบุญ
แต่สิ่งที่คาดไว้กลับผิดพลาด, เพราะศาสนาพุทธปกครองประเทศนี้อย่างยาวนานเกินกว่าพันปี
แผนการของมิโกะรั่วไหลออกไป
เหล่านักบวชแห่งศาสนาพุทธผู้มากด้วยพลังจึงผนึกฮวงซุ้ยของมิโกะมาอย่างต่อเนื่อง, ทำให้เธอไม่สามารถคืนชีพได้
มิโกะจึงไม่รีบร้อน และคิดว่าจะคืนชีพเมื่อไหร่ก็ได้ จึงหลับใหลเรื่อยมา
และเวลาแห่งการคืนชีพก็มาถึงในที่สุด
สาเหตุก็คือ, ผู้คนเริ่มเล่าขานว่าตำนานทั้งหมดของเธอล้วนเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น
ปัจจุบันไม่มีมนุษย์ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์แล้ว
ผลงานอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดของเธอจึงถูกเชื่อว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เอง ทั้งตัวเธอและฮวงซุ้ยจึงย้ายเข้ามาสู่เกนโซวเคียว
ซึ่งในเวลานั้น, เกนโซวเคียวไม่มีวัดอยู่เลย, เธอจึงพร้อมแก่การคืนชีพขึ้นมาเมื่อไรก็ได้
แต่ ณ ตอนนั้นเอง กลับมีการสร้างวัดแห่งใหม่ขึ้น
แถมยังอยู่เหนือฮวงซุ้ยอย่างพอดิบพอดีอย่างกับเล็งเอาไว้
มันคือ วัดเมียวเรนจิ นั่นเอง
มิโกะจะถูกกดขี่อีกครั้งโดยนักบวชแห่งศาสนาพุทธงั้นหรือ
หรือจะต้องต่อสู้กับนักบวชงั้นหรือ
เฉกเช่นเดียวกับการสู้ตายระหว่างโมโนโนเบะ(เหล่าเทพโบราณ)กับโซะกะ(ศาสนาพุทธ)เหมือนในอดีต
Hutatsuiwa Mamizou
ชื่อไทย : ฟุทัทสึอิวะ มามิโซว
ชื่ออังกฤษ : Hutatsuiwa Mamizou
ชื่อญี่ปุ่น : 二ッ岩 マミゾウ
ฉายา :
เผ่าพันธุ์ : ปิศาจทานุกิ (โยวไค)
ความสามารถ : ทำให้สิ่งต่างๆเปลี่ยนร่าง
ปิศาจทานุกิที่มีประวัติมาช้านาน
เป็นโยวไคหายากที่เคยอาศัยอยู่นอกเกนโซวเคียว
ครั้งนี้ลงทุนเข้ามาในเกนโซวเคียวเพื่อช่วยเหลือเพื่อนเก่าจากวิกฤติ
ทานุกิชื่นชอบการหลอกลวงและเฝ้าดูผู้คนลังเล, จึงแทบจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายโดยตรง
และจะมีพลังเพิ่มขึ้นในคืนวันเพ็ญ
การทำให้สิ่งต่างๆเปลี่ยนร่าง มีความหมายคล้ายคลึงกับความสามารถของนุเอะ
กล่าวคือทั้งสองล้วนเป็นโยวไคที่ไร้ประโยชน์ในการต่อสู้ซึ่งๆหน้า
เรียกโยวไคพรรค์นี้มาแล้วจะต่อกรกับมิโกะได้อย่างนั้นหรือ
สุดท้ายแล้วพวกโยวไคก็ชอบทำตามใจตัวเอง ไม่คิดจะรับฟังคำสั่งใดๆ
ต่อให้อยู่ตนเดียวแล้วแข็งแกร่งเพียงไร, ถึงเวลาจะแพ้ก็ต้องแพ้อยู่ดี
ดูเหมือนเธอจะอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ในถิ่นของเธอ (ซาโดะ)
บ้างก็หลอกลวงผู้คน, บ้างก็ให้คนยากจน:X้ยืมเงิน, บ้างก็ทำงานที่มีคนไหว้วานให้ทำ
ช่างกลมกลืนไปกับสังคมมนุษย์ได้ดีจริงๆ
แต่มีข่าวลือว่า, ทานุกิเข้ากับจิ้งจอกได้ไม่ดีนัก, ทำให้ไม่มีจิ้งจอกอาศัยอยู่ในซาโดะเลย
จึงเป็นเหตุให้เธอไม่ลงรอยกับเหล่าจิ้งจอกในเกนโซวเคียว, แต่เรื่องนั้นเอาไว้ว่ากันทีหลัง
[Touhou Fiction 東方香霖堂 ~ Curiosities of Lotus Asia]
Morichika Rinnosuke
ชื่อไทย : โมริจิกะ รินโนะสุเกะ
ชื่ออังกฤษ : Morichika Rinnosuke
ชื่อญี่ปุ่น : 森近 霖之助
เผ่าพันธุ์ : ลูกครึ่งมนุษย์และโยว์ไค
ความสามารถ : จำแนกชื่อและวัตถุประสงค์ของสิ่งของต่างๆเพียงชำเลืองมอง
ตัวละครชายหนุ่มคนเดียว "โมริจิกะ รินโนะสุเกะ" เจ้าของร้านโควรินโดว ตัวละครชายหลักในโทโฮ ปรากฎตัวครั้งแรกใน
โทโฮโควรินโดว ซึ่งเป็นนิยายที่เขียนขึ้นมาด้วยตัว Zun เอง เขาตั้งร้านโควรินโดวซึ่งเป็นร้านขาย
ของเก่าโบราณอยู่บริเวณใกล้ๆป่าเวทย์มนตร์(นามสกุล"โมริจิกะ"ของรินโนะสุเกะ แปลได้ว่า
"ใกล้ป่า" ซึ่งก็เป็นแหล่งที่ตั้งของร้านโครินโดเช่นเดียวกัน)โดยหวังไว้ว่าจะมีลูกค้าทั้งมนุษย์
และที่ไม่ใช่มนุษย์(พวกโยว์ไคต่างๆ) แห่แหนเทียวกันเข้ามาเยี่ยมเยียนใช้บริการเป็นอย่างมาก
แต่ก็ต้องล้มเลวอย่างน่าเวทนาไป เพราะร้านของรินโนะสุเกะมักจะอ้างว้างแทบจะไร้คนเข้า
อยู่ตลอด ยกเว้นเพียงแต่ "พวกตัวป่วน" ที่มักจะเข้ามาหาไม่เว้นแต่ละวัน ปริศนาของตัว
รินโนะสุเกะยังมีเหลืออยู่อีกไม่น้อยนัก แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างลักษณะเหมือนมนุษย์ธรรมดา
ทั่วไป แต่ตัวเขานั้นก็มีชีวิตอยู่มายาวนานเช่นเดียวกันก่อนที่จะมีเรย์มุเสียอีก อีกทั้งร่าง
ของเขาก็ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่มาริสะยังสมัยเด็ก และตัวเขายังรู้เกี่ยวกับศาลเจ้า
ฮาคุเรย์มากมายนัก ตั้งแต่กล่าวถึงผู้สืบเชื้อสายฮาคุเรย์รุ่นก่อนๆ ไปจนถึงจุดมุ่งหมายของ
การก่อสร้างศาลเจ้าฮาคุเรย์ขึ้นมา รวมไปถึงปริศนาดำมืดที่มีอยู่ในศาลเจ้าฮาคุเรย์อย่าง
"วิญญาณร้าย" ผู้สิงสถิตย์อยู่" รินโนะสุเกะนั้นมีความสนใจในโลกภายนอกเป็นอย่างมาก
และมักจะใช้สอยประโยชน์จากสิ่งของที่เก็บสะสมไว้จากโลกภายนอกเช่นกัน(ซึ่งมักจะหลุด
ออกมาจากเขตแดนโดยบังเอิญ) และด้วยความสามารถในการจำแนก รินโนะสุเกะสามารถ
กำหนดชื่อและวัตถุประสงค์ของสิ่งของได้ทุกชิ้น แต่กลับไม่ยอมบอกถึงวิธีการใช้ให้ อีกทั้ง
เขายังขาดความรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ จึงลงเอยกับการวาดภาพ
แปลกๆเกี่ยวกับสิ่งของเหล่านั้นเป็นประจำแทน
ชื่อไทย : โยวไคไร้นามที่กำลังอ่านหนังสือ >> โทคิโกะ
ชื่ออังกฤษ : Tokiko
ชื่อญี่ปุ่น : 名無しの本読み妖怪 >> 朱鷺子
เผ่าพันธุ์ : โยว์ไค
สถานะ : โยวไคนกโทคิ
โทคิโกะ โยว์ไคไร้นามซึ่งปรากฎตัวอยู่ในภาคนิยายโทโฮโครินโด เหมือนกับรินโนะสุเกะ
ในนิยายถูกเรย์มุจัดการไปเรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นโยว์ไคในเกนโซเกียว ตัวหนึ่งที่อ่อนแอ
เช่นกัน เธอเป็นโยว์ไคที่เห็นคุณค่าของหนังสือ มักจะคอยโต้เถียงกับรินโนะสุเกะอยู่บ่อยๆ
แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่เคยมีชื่ออย่างเป็นทางการเลยเสียที แถมไม่มีใครรู้ชื่อจริงอีกต่างหาก
นอกจากคำว่า"โทคิโกะ" ซึ่งเป็นชื่อที่เหล่าแฟนๆทั้งหลายขนานนามให้เธอ แต่ในบางครั้ง
ก็มักจะมีการอ้างถึงตัวเธอเป็น "โยว์ไคไร้นามผู้ชอบอ่านหนังสือ" แทน
[Touhou Manga 東方三月精 ~ Eastern and Little Nature Deity]
สามภูติ จอมป่วน
เหล่าสามภูติจันทราซึ่งปรากฎตัวครั้งแรกในฐานะตัวละครหลักของโทโฮซันงัตสึเซย์
สามภูติเหล่านี้รักในการเล่นพิเรนทร์กับผู้คนและรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี
แม้ว่าจะทำตามอำเภอใจไปหน่อยก็ตาม พวกเธอนั้นต่างมีพลังที่แตกต่างกันออกไป
จึงสามารถประสานกันได้ราวกับพรสวรรค์ ถึงแม้จะไม่ได้รับผลอะไรเลย ถึงอย่างไร
ก็มักจะไม่ระมัดระวังจนล้มเหลวเป็นบ่อยครั้ง โดยเกือบทุกครั้งสตาร์ แซฟไฟร์มักจะ
พาพรรคพวกอีกสองคนล้มเหลวตามกัน แล้วเธอก็แอบหนีเอาตัดรอดไปได้ทุกที
นอกจากนี้ทั้งสามตนยังเชื่อใจในพลังของอีกตนและพึ่งพาซึ่งกันและกัน ซึ่งชื่อ
ของแต่ละตน ก็แสดงถึงธาตุของตนๆนั้นด้วย ดังเช่นซันนี่ มิลค์ หากไม่มีดวง
อาทิตย์อยู่บนท้องฟ้าก็จะอ่อนแอลงทันตา ในขณะที่ลูน่า ไชลด์ก็ได้รับพลังจาก
ดวงจันทร์เช่นเดียวกัน แต่สตาร์ แซฟไฟร์นั้นกลับไม่มีผลต่อสภาพอากาศใดเลย
Sunny Milk
ชื่อไทย : ซันนี่มิลค์
ชื่ออังกฤษ : Sunny Milk
ชื่อญี่ปุ่น : サニーミルク
ฉายา : แสงตะวันซึ่งชื่นชอบการกลั่นแกล้ง
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์
ความสามารถ : ควบคุมการหักเหของแสง
Luna Child
ชื่อไทย : ลูน่าไชลด์
ชื่ออังกฤษ : Luna Child
ชื่อญี่ปุ่น : ルナチャイルド
ฉายา : แสงจันทร์ที่เงียบงัน
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์
ความสามารถ : ควบคุมการกระจายของเสียง
Star Sapphire
ชื่อไทย : สตาร์แซฟไฟร์
ชื่ออังกฤษ : Star Sapphire
ชื่อญี่ปุ่น : スターサファイア
ฉายา : แสงดาว:Xส่อง
เผ่าพันธุ์ : โยวเซย์
ความสามารถ : สัมผัสถึงวัตถุที่เคลื่อนไหวอยู่ห่างไกลได้
[Touhou Series 東方儚月抄]
Watatsuki no Toyohime
ชื่อไทย : วาทัทสึคิ โนะ โทโยฮิเมะ
ชื่ออังกฤษ : Watatsuki no Toyohime
ชื่อญี่ปุ่น : 綿月 豊姫
เผ่าพันธุ์ : ชาวจันทรา
ยังไม่มีข้อมูล
Watatsuki no Yorihime
ชื่อไทย : วาทัทสึคิ โนะ โยริฮิเมะ
ชื่ออังกฤษ : Watatsuki no Yorihime
ชื่อญี่ปุ่น : 綿月 依姫
เผ่าพันธุ์ : ชาวจันทรา
ยังไม่มีข้อมูล
[Touhou Manga 東方茨歌仙 ~ Wild and Horned Hermit]
Ibaraki Kasen
ชื่อไทย : อิบาราคิ คาเซน
ชื่ออังกฤษ : Ibaraki Kasen
ชื่อญี่ปุ่น : 茨木華扇
เผ่าพันธุ์ : เซียน
ยังไม่มีข้อมูล
[Touhou Encyclopedias 東方求聞史紀 ~ Perfect Memento in Strict Sense]
Hieda no Akyu
ชื่อไทย : ฮิเอดะ โนะ อาคิว
ชื่ออังกฤษ : Hieda no Akyu
ชื่อญี่ปุ่น : 稗田 阿求
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : สามารถจดจำสิ่งต่างๆที่เห็น
ที่อยู่ : บ้านฮิเอดะ
ฮิเอดะ โนะ อาคิว หรือเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า "บุตรแห่งมิอาเระ" เด็กสาวผู้เกิดในตระ:Xล
ฮิเอดะซึ่งสืบทอดกันมานานหลายร้อยปีกับความสามารถพิเศษ "สิ่งใดที่ได้เห็นมิรู้ลืม"
และคอยบันทึกประวัติศาสตร์ของเกนโซเกียวมาช้านาน ซึ่งดูเหมือนเธอจะชิ่นชอบ
ชาแดงอีกด้วย ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะยังอ่อนเยาว์ แต่เธอก็มีความทรงจำย้อนถึง 1200 ปี
นั่นเพราะว่าผู้ที่เป็น "บุตรแห่งมิอาเระ" ทุกคนของตระ:Xลฮิเอดะ ถือเป็นร่างเกิดใหม่ของ
"บุตรแห่งมิอาเระ" รุ่นก่อน จึงรับช่วงต่อความทรงจำต่อมาจากนั้นด้วย ซึ่งอาคิวนับเป็น
รุ่นที่ 9 แล้วในสายตระ:Xล และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสักคนรู้ถึงตัวตนของเธอ นอกจาก
ยาคุโมะ ยูคาริที่รู้ดีถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว และอาคิวก็ยังเคยบันทึกกล่าวอ้างถึงฮาคุเรย์ เรย์มุ
มาส่วนหนึ่ง ทุกครั้งที่เธอได้เกิดใหม่ ก็จะยิ่งทำให้ระยะชีวิตของเธอสั้นลงเรื่อยๆทุกครั้งไป
และบุตรแห่งมิอาเระ ก็จะต้องรับช่วงทำหน้าที่ในการเขียนบันทึกจารึกประวัติศาสตร์ของ
เกนโซเกียวไปเรื่อยๆในรุ่นของตนโดยเรียกบันทึกนี้ว่า "จารึกเกนโซเกียว" ซึ่งโทโฮกุมงชิกิ
ก็คือฉบับบันทึกเกนโซเกียวที่อาคิวเขียนขึ้นมานั่นเอง
[Touhou CD Music]
Maeriberry ・Hearn
ชื่อไทย : มาเอริเบอร์รี่ เฮิร์น
ชื่ออังกฤษ : Maeriberry ・Hearn
ชื่อญี่ปุ่น : マエリベリー・ハーン
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : เห็นช่องมิติและเข้าออกได้อย่างอิสระ
ธอเป็นเพื่อนสนิทของเรนโกะ
เธอเป็นคนที่รับรู้ถึงการคงอยู่เก็นโซเกียวและเธอก็พยายามที่จะ
พิสูจน์เรื่องนี้โดยมีเรนโกะช่วยสนับสนุน
แต่...
กลับมีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่าเธอว่าเธอเคยไปเยือนเก็นโซเกียวมาก่อน
แต่เธอคิดว่าเป็นแค่ความฝัน หลักฐานที่ว่าเป็นบันทึกข้อความของเธอ
ที่ถูกค้นพบบริเวณป่าไผ่หลงทางเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว เอกสารฉบับนี้ถูกเก็บรักษา
โดยอาคิวผู้บันทึกประวัติศาสตร์ของเก็นโซเกียว
(ตัวอาคิวนั้นสืบทอดความทรงจำมาจากรุ่นก่อนดังนั้นช่วงเวลาที่ค้นพบเอกสารฉบับนี้จึงไม่น่าผิดพลาด)
ตัวตนของเมรี่เองก็เป็นปริศนาอย่างหนึ่งขอโทโฮ
ทั้งเรื่องช่วงเวลาของเก็นโซเกียวในยุคปัจจุบันกับช่วงเวลาของเมรี่
ว่าเธออาศัยอยู่ช่วงเวลาไหนกันแน่ หรือกระทั่งเธอเป็นมนุษย์แน่หรือ
เพราะการที่อยู่ๆเธอก็มาโผล่ในเก็นโซเกียวได้นั้นใกล้เคียงกับความสามารถ
ในการเดินทางข้ามมิติของยูคาริ มีการคาดเดาว่าเธออาจจะเป็นโยวไคเขตแดน
หรือแม้กระทั่งเธออาจจะเป็นยูคาริเองด้วยซ้ำเพราะทั้งทรงผมและเครื่องแต่งกาย
ของเมรี่นั้นใกล้เคียงกับยูคาริเอามากๆ
แต่ยังไงก็ตามปริศนาของเมรี่นั้นก็ยังไม่ได้รับการเปิดเผยจากZUNผู้สร้างโทโฮแต่อย่างใด
Usami Renko
ชื่อไทย : อุซามิ เรนโกะ
ชื่ออังกฤษ : Usami Renko
ชื่อญี่ปุ่น : 宇佐見 蓮子
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
ความสามารถ : ระบุตำแหน่งสถานที่ได้จากการมองดูตำแหน่งดาว
เธอและเมรี่เป็นตัวละครจากเนื้อเรื่องที่แนบมากับซีดีเพลงของโทโฮ
ทั้งคู่กำลังตรวจสอบเรื่องลึกลับที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเก็นโซเกียว
เรโกะมีความสามารถพิเศษที่สามารถระบุตำแหน่งสถานที่ได้จากการมองดูตำแหน่งดาว
ทำให้เธอถูกเรียกกันว่า "GPSมีชีวิต"
เธอเป็นสมาชิกชมรมวิจัยสิ่งลี้ลับ แต่ทั้งชมรมมีแค่เธอกับเมรี่เท่านั้นเอง
ที่มา http://sorekara.exteen.com
Touhou Character [All] (ถ้าซ้ำขออภัยน่อ)
[IMG]