สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หนังสือเล่มใหม่ชื่อ "แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ในมือผู้หญิง" ซึ่งเขียนโดยนายจอห์น มอร์ริส นักเขียนวัย 62 ปี ได้อ้างว่า แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ฆาตกรแห่งไวท์ แชปเปิล แท้จริงเป็นหญิงชื่อว่า "ลิซซี่ วิลเลี่ยม" ซึ่งเป็นภรรยาของเซอร์จอห์น วิลเลี่ยม ที่ถูกนักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ โดยเธอได้ก่อเหตุโหดฆาตกรรมเหยื่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นโสเภณีหลายศพ เพราะแรงแค้นที่ตัวเองไม่สามารถมีลูกได้ โดยเธอได้ผ่ามดลูกของเหยื่อสามรายทิ้ง
นอกจากนี้ เขายังอ้างหลักฐานว่า ในบรรดาเหยื่อของฆาตกรแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ นั้น ไม่ปรากฎว่ามีรายใดเลยที่ถูกข่มขืนหรือทำร้ายทางเพศ และว่าที่ผ่านมา นักประวัติศาสตร์ต่างไม่ยอมมองว่า แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นผู้หญิง แม้ว่าจะมีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะนักประวัติศาสตร์ฝังหัวว่า แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ต้องเป็นผู้ชาย และทำให้หลักฐานที่มุ่งไปสู่คนร้ายหญิงถูกเพิกเฉย
หนังสือเล่มนี้ระบุว่า ลิซซี่ ซึ่งเกิดวันที่ 7 ก.พ. 1850 ไม่สามารถจะมีลูกได้ และในภาวะเสียสติ เธอได้แก้แค้นต่อผู้หญิงที่สามารถมีลูกได้ พร้อมทั้งยกคำอ้างของการชันสูตรศพของเหยื่อหญิงรายหนึ่งว่า การสรุปว่า แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ต้องการครอบครองอวัยวะที่หายไปของเหยื่อเป็นเรื่องเกินจริง
นอกจากนี้ เขายังชี้ว่า มีการพบรองเท้าผู้หญิงใกล้ศพของเหยื่อคนหนึ่ง คือ แคทเธอลีน เอ็ดโดวส์ และมีการพบเสื้อผ้า กางเกง และหมวก ถูกพบในบริเวณสถานที่เผาศพของแมรี่ เคลลี่ หนึ่งในเหยื่อของแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ด้วย และว่า มีสาเหตุที่ว่า เพราะเหตุใด นางเคลลี่จึงกลายเป็นเหยื่อรายสุด เพราะเซอร์จอห์น ซึ่งประกอบอาชีพเป็นแพทย์ ได้เปิดคลีนิกทำแท้งในย่านไวท์แชปเปิล มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับนางเคลลี่ อย่างไรก็ตาม ต่อมา นางลิซซี่มีอาการเสียสติ ต้องเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งเมื่อปี 1912 และเธอไม่เคยถูกตำรวจสอบสวนเลย
ทั้งนี้ แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ได้สังหารเหยื่อ 5 ราย ซึ่งล้วนเป็นโสเภณีในย่านอีสต์ เอนด์ ของกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นย่านชุมชนชั้นต่ำ ตลอดช่วง 5 สัปดาห์ ในปี 1888 โดยเหยื่อทั้งหมดได้แก่ แมรี่ แอนน์ นิโคลส์,แอนนี่ แชปแมน,อลิซาเบธ สไตรด์,แคทเธอรีน เอ็ดโดวส์ และแมรี่ เจน เคลลี่