โดยทั่วไปมนุษย์เรานั้นมีอาจจะปราศจากโรคภัยไข้เจ็บที่มารุมเร้าได้ ด้วยเหตุผลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการดำรงชีวิต อาหารการกิน โดยเฉพาะสังคมในเมือง เป็นสังคมที่เร่งรีบ ไม่ค่อยที่จะมีเวลาดูแลตัวเองเท่าที่ควร วันนี้ สาระน่ารู้ดีดี.com มีข้อห้ามปฏิบัติ 5 ข้อ และข้อควรปฏิบัติ 5 ข้อ เพื่อเป็นการป้องกันและดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคร้ายต่างๆ
ข้อห้ามปฏิบัติ 5 ข้อ
1. ห้ามจินตนาการชิงลบ
เนื่องจากมนุษย์นั้นมีสมองสำหรับการคิด รวมถึงจิตใต้สำนึกที่เป็นตัวควบคุมพฤติกรรมในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งการคิดในเชิงบวกหรือลบล้วนแล้วแต่มีผลต่อร่างกายทั้งสิ้น ด้วยเหตุผลนี้เมื่อเราจินตนาการเชิงลบหรือคิดลบจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น ความเครียด อารมณ์เสีย เป็นต้น
2. ห้ามอ้วน
ความอ้วนนั้นเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายต่างๆ ที่ตามมา คนสมัยก่อนใช้ชีวิตตามธรรมชาติ มีการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจึงไม่ค่อยมีคนอ้วนเช่นคนปัจจุบัน จึงทำให้ไม่ค่อยเป็นโรค
3. ห้ามรับประทานน้ำตาล ทั้งขนมและอาหารที่ใส่น้ำตาล
ความจริงอาหารที่เราได้จากธรรมชาติล้วนแล้วแต่มีทั้งแป้งและน้ำตาลอยู่แล้ว ซึ่งมีสัดส่วนน้ำตาลที่พอเหมาะกับร่างกาย ไม่จำเป็นต้องที่จะต้องเพิ่มน้ำตาลอีก ด้วยความเคยชินที่คนไทยชอบทานอาหารที่มีความหวานมากจึงทำให้ได้รับปริมาณที่มากเกินความจำเป็นจนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ
4. ห้ามรับประทาน Trans Fat หรือไขมันที่ผ่านความร้อน
ในขณะที่ไขมันผ่านความร้อนนั้น ไอน้ำในอากาศจะแตกตัว จึงทำให้ไฮโดรเจนในโมเลกุลของไอน้ำได้เข้าไปฝังตัวอยู่ในคาร์บอนของไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวและได้ดึงไขมันอิ่มตัวออกมา ไขมันอิ่มตัวนี้แหละที่เรียกว่า Trans Fat จะอยู่อาหารประเภททอด คนที่ทานอาหารประเภททอดมากๆ จึงมักจะเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
5. ห้ามรับประทานอาหารที่ทำด้วยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
จากการศึกษาโครงสร้างมนุษย์พบว่า เป็นสัตว์กินพืช ซึ่งฟันของคนเรานั้นเป็นแบบตัดเหมาะแก่การบดเคี้ยวพืช จึงไม่ควรทานเนื้อสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ เพราะเนื้อของมันเหนียวเกินกว่าที่ฟันของคนเราจะบดเคี้ยวได้และใช้เวลาในการย่อยนานหลายวัน ด้วยลำไส้ของคนเราที่มีลักษณะยาวมาก เนื้อที่ทานเข้าไปจึงเน่าอยู่ในลำไส้ จึงทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียและสารพิษขึ้น
1. ห้ามจินตนาการชิงลบ
เนื่องจากมนุษย์นั้นมีสมองสำหรับการคิด รวมถึงจิตใต้สำนึกที่เป็นตัวควบคุมพฤติกรรมในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งการคิดในเชิงบวกหรือลบล้วนแล้วแต่มีผลต่อร่างกายทั้งสิ้น ด้วยเหตุผลนี้เมื่อเราจินตนาการเชิงลบหรือคิดลบจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น ความเครียด อารมณ์เสีย เป็นต้น
2. ห้ามอ้วน
ความอ้วนนั้นเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายต่างๆ ที่ตามมา คนสมัยก่อนใช้ชีวิตตามธรรมชาติ มีการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจึงไม่ค่อยมีคนอ้วนเช่นคนปัจจุบัน จึงทำให้ไม่ค่อยเป็นโรค
3. ห้ามรับประทานน้ำตาล ทั้งขนมและอาหารที่ใส่น้ำตาล
ความจริงอาหารที่เราได้จากธรรมชาติล้วนแล้วแต่มีทั้งแป้งและน้ำตาลอยู่แล้ว ซึ่งมีสัดส่วนน้ำตาลที่พอเหมาะกับร่างกาย ไม่จำเป็นต้องที่จะต้องเพิ่มน้ำตาลอีก ด้วยความเคยชินที่คนไทยชอบทานอาหารที่มีความหวานมากจึงทำให้ได้รับปริมาณที่มากเกินความจำเป็นจนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ
4. ห้ามรับประทาน Trans Fat หรือไขมันที่ผ่านความร้อน
ในขณะที่ไขมันผ่านความร้อนนั้น ไอน้ำในอากาศจะแตกตัว จึงทำให้ไฮโดรเจนในโมเลกุลของไอน้ำได้เข้าไปฝังตัวอยู่ในคาร์บอนของไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวและได้ดึงไขมันอิ่มตัวออกมา ไขมันอิ่มตัวนี้แหละที่เรียกว่า Trans Fat จะอยู่อาหารประเภททอด คนที่ทานอาหารประเภททอดมากๆ จึงมักจะเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
5. ห้ามรับประทานอาหารที่ทำด้วยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
จากการศึกษาโครงสร้างมนุษย์พบว่า เป็นสัตว์กินพืช ซึ่งฟันของคนเรานั้นเป็นแบบตัดเหมาะแก่การบดเคี้ยวพืช จึงไม่ควรทานเนื้อสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ เพราะเนื้อของมันเหนียวเกินกว่าที่ฟันของคนเราจะบดเคี้ยวได้และใช้เวลาในการย่อยนานหลายวัน ด้วยลำไส้ของคนเราที่มีลักษณะยาวมาก เนื้อที่ทานเข้าไปจึงเน่าอยู่ในลำไส้ จึงทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียและสารพิษขึ้น
ข้อควรปฏิบัติ 5 ข้อ
1. การมีจินตนาการเชิงบวก
ตรงกันข้ามกับการจินตนาการเชิงลบ จะทำให้คนเรามีความสุข ร่างกายมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง เป็นไปตามที่เราคิดบวก
2. เน้นการกินผัก ผลไม้
อาหารประเภทพืชผักนั้น เป็นไปตามวิถีดั้งเดิมของมนุษย์ ควรกินในปริมาณครึ่งหนึ่งของอาหารในแต่ละมื้อ ควรเน้นผักและผลไม้ที่ไม่หวานจัดโดยไม่ผ่านความร้อนหรือการปรุงให้สุก เพราะความร้อนจะทำลายวิตามิน เอนไซม์หรือสารต่างๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีลักษณะเป็นยา หากทำได้ทุกมื้อจะดีมาก เสมือนเป็นยาอายุวัฒนะ
อาหารประเภทพืชผักนั้น เป็นไปตามวิถีดั้งเดิมของมนุษย์ ควรกินในปริมาณครึ่งหนึ่งของอาหารในแต่ละมื้อ ควรเน้นผักและผลไม้ที่ไม่หวานจัดโดยไม่ผ่านความร้อนหรือการปรุงให้สุก เพราะความร้อนจะทำลายวิตามิน เอนไซม์หรือสารต่างๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีลักษณะเป็นยา หากทำได้ทุกมื้อจะดีมาก เสมือนเป็นยาอายุวัฒนะ
3. กินข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีและยังมีจมูกข้าวเหลืออยู่
ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีและยังมีจมูกข้าวเหลืออยู่นั้น มีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่ สำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรลดปริมาณการทานข้าวและอาหารประเภทให้คาร์โบไฮเดรตลงตามลำดับ เพราะจริงๆ แล้วข้าวและคาร์โบไฮเดรตไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อรางกายคนเรา แต่ด้วยวัฒนธรรมการบริโภคข้าวและคาร์โบไฮเดรตของคนเรา จึงทำให้บริโภคเกินความจำเป็นต่อร่างกาย
ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีและยังมีจมูกข้าวเหลืออยู่นั้น มีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่ สำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรลดปริมาณการทานข้าวและอาหารประเภทให้คาร์โบไฮเดรตลงตามลำดับ เพราะจริงๆ แล้วข้าวและคาร์โบไฮเดรตไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อรางกายคนเรา แต่ด้วยวัฒนธรรมการบริโภคข้าวและคาร์โบไฮเดรตของคนเรา จึงทำให้บริโภคเกินความจำเป็นต่อร่างกาย
4. ออกกำลังกายวันละครึ่งชั่วโมง
ให้ออกกำลังกายในระดับที่เหงื่อออก หัวใจนั้นเต้นแรง ได้หอบหายใจ เป็นการขับพิษในร่างกาย ระบบหมุนเวียนของน้ำเหลืองจะทำงาน ซึ่งเป็นการป้องกันโรคสำคัญของมนุษย์หลายๆ โรค
ให้ออกกำลังกายในระดับที่เหงื่อออก หัวใจนั้นเต้นแรง ได้หอบหายใจ เป็นการขับพิษในร่างกาย ระบบหมุนเวียนของน้ำเหลืองจะทำงาน ซึ่งเป็นการป้องกันโรคสำคัญของมนุษย์หลายๆ โรค
5. นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ
ช่วงเวลาการนอนหลับที่ดีที่สุด คือ ตั้งแต่ 22.00 – 02.00 น. เป็นช่วงที่ร่างกายจะผลิตเมลาโพนินออกมา เป็นฮอร์โมนที่ทำให้เราง่วงและจะหลับสนิท แล้วร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมา สำหรับโกรทฮอร์โมนนี้จะทำให้เด็กเจริญเติบโต ในขณะเดียวกันถ้าเป็นผู้ใหญ่จะทำให้เกิดการซ่อมสร้างของร่างกายในเวลาที่รวดเร็ว
ช่วงเวลาการนอนหลับที่ดีที่สุด คือ ตั้งแต่ 22.00 – 02.00 น. เป็นช่วงที่ร่างกายจะผลิตเมลาโพนินออกมา เป็นฮอร์โมนที่ทำให้เราง่วงและจะหลับสนิท แล้วร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมา สำหรับโกรทฮอร์โมนนี้จะทำให้เด็กเจริญเติบโต ในขณะเดียวกันถ้าเป็นผู้ใหญ่จะทำให้เกิดการซ่อมสร้างของร่างกายในเวลาที่รวดเร็ว
เป็นคำแนะนำของคุณหมอ นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลราชธานี โรงพยาบาลชื่อดังของจังหวัดอยุธยา และประธานกรรมการบริหารเวลเนสซิตี้ กรุ๊ป ท่านได้ปฏิบัติด้วยตัวเอง และสามารถขจัดโรคร้ายให้พ้นจากร่างกายของท่านภายใน 4 เดือน ไม่ว่าจะเป็น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ตับอักเสบรุนแรง และปริมาณเม็ดเลือดแดงมากเกินไป
” ห้าม 5 ต้อง 5 ” กฏเหล็กพิชิตโรคร้ายทั้งปวง