แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Nook747 เมื่อ 2014-5-24 19:03
ตอนที่ 11:จุดจบมิตรทรยศ
ผลจากชัยชนะเหนือเผ่าไนแมนส์ในคราวนั้น นอกจากจะนับได้ว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายบนทุ่งหญ้ามองโกลของเตมูจินแล้ว ยังถือว่าเป็นสงครามรวมแผ่นดินทุ่งหญ้าแดนเหนือให้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เอเชียกลาง อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนับแต่ยุคของเผ่าฮันนุหรือซงหนูเลยทีเดียวล่ะครับ
กระนั้นก็ตาม เตมูจินก็ยังมิได้ด่วนตั้งตนเป็นกษัตริย์หรือผู้นำสูงสุดแห่งทุ่งหญ้าแต่อย่างใด ซึ่งในเวลาระหว่างนั้นแกก็ประกาศออกตามหาเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดที่หายหน้าหายตาไปนานปีอยู่คนนึง
ไม่ใช่ใครหรอกครับ ก็ "บิ๊กจา" หรือจามูกาคนดีที่หนึ่งคนนั้นนั่นล่ะครับ
เรื่องของเรื่องก็คือ ในขณะที่เผ่าไนแมนส์กำลังจะเปิดศึกกับเผ่ามองโกลนั้น จามูกาก็กระสากลิ่นคาวเลือดตามประสา "คนเข้าแก๊งไหนก็ตายห่าหมด" ว่าเผ่าไนแมนส์ท่าจะไม่รอดกีบม้าศึกมองโกลเป็นแม่นมั่น แกก็เลยรีบพาพรรคพวกชิ่งหนีไปซะก่อนที่สงครามจะเริ่มซะอีกล่ะครับ โดยระหว่างหนีก็คิดไปพลางว่าจะไปเกาะใครอยู่ดี เพราะบรรดาบิ๊กแห่งทุ่งหญ้าทั้งหลายก็กลายเป็นผีเสียแล้วซะถ้วนหน้า จะเหลือก็แต่เพียงพวกเมอร์คิทส์ - อดีตศัตรูที่เขาและเตมูจินเคยโจมตีเมื่อหลายปีก่อน - ซึ่งในเวลานั้นเผ่าเมอร์คิทส์นี้ก็มีสภาพไม่ดีไปกว่าตัวของจามูกาเท่าใดนักหรอกครับ เพราะหลังจากโดยเตมูจินบดขยี้ข้อหาไปลักพาตัวบูร์ไตเมื่อหลายสิบปีก่อน เผ่านี้ก็ยังคงโดนเผ่าเคอเรอิตและมองโกลไล่ล่าโจมตีเสมอมา จนทำให้กลายเป็นเพียงเผ่าเล็กๆที่ไม่มีสภาพใดจะต่อกรกับใครได้อีกแล้ว และต้องถอยร่นขึ้นเหนือไปจนถึงแถบป่าสนไทก้าในเขตไซบีเรียโน่นเลยล่ะครับ
ดังนั้น จามูกาก็เลยกลั้นใจขอหนีไปหนาวตายอยู่ในป่าสนไทก้ากะพวกเมอร์คิทส์ดีกว่าจะมีหน้ากลับไปสวามิภักดิ์อยู่กับเตมูจิน แต่หลังจากพักหายใจหายคออยู่ได้ไม่ถึงปีดีนัก ฝ่ายเตมูจินเองกลับยังคงส่งกองทัพตามไล่ล่าพวกเผ่าเล็กเผ่าน้อยที่ยังดื้อด้านไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อตนเอง จนทำให้เผ่าเมอร์คิทส์เห็นว่าไอ้บิ๊กจาคนนี้ไปอยู่ที่ไหนก็ซวยที่นั้นจริงๆ พวกจึงละทิ้งจามูกาและพรรคพวกไว้ตามลำพังและหนีเตลิดไปทางตะวันตกโดยที่ไม่มีวันหวนคืนกลับมาสู่ทุ่งหญ้าตะวันออกอีกเลย
แม้ว่าจามูกาจะหนีตายมาจากเตมูจินได้อีกครั้ง แต่พรรคพวกของจามูกาเองก็คิดได้ว่า เรื่องอะไรที่เราจะต้องอยู่รับใช้ไอ้เจ้านายเฮงซวยพรรค์นี้ต่อไปอีกเล่า สู้ดีจับมันไปส่งให้เตมูจินเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราวซะดีกว่าต้องหนีไปทั้งชาติแบบนี้ล่ะ (วะ)
ในที่สุดแล้ว หลังจากการพิชิตเผ่าไนแมนส์ได้เพียง ๑ ปี จามูกาผู้เป็นหนึ่งในขุนพลผู้ทรงอำนาจที่สุดแห่งทุ่งหญ้ามองโกลก็โดนลูกน้องตัวเองรับตัวจับมัดมามอบตัวให้กับเตมูจินเอาจนได้ แต่แทนที่เตมูจินจะดีใจที่ศัตรูคนสุดท้ายถูกจับตัวมาหมอบราบคาบต่อหน้าแล้ว แกกลับออกคำสั่งให้ตัดหัวพวกข้ารับใช้ผู้ทรยศของจามูกาซะงั้น!?
นี่เป็นเรื่องจริงนะครับ ในบันทึกของมองโกลและจีนบอกตรงกันว่า เตมูจินสั่งให้ทหารเข้ากุมตัวเหล่าข้ารับใช้ของจามูกา จากนั้นก็ตัดหัวทุกคนต่อหน้าจามูกานั่นแหละ พร้อมกับประกาศตอกหน้าซ้ำไปให้ว่า "คนที่ทรยศได้กระทั่งเจ้านายตัวเอง จะยังคงความภักดีต่อข้าได้อย่างไร?!"
ไอ้คำพูดนี้ก็ไม่รู้ว่าพูดมาเพื่อด่าไอ้ข้าทรยศหรือว่าจงใจตอกย้ำจามูกากันแน่ล่ะครับ แต่ที่เหลือเชื่อกว่านั้นก็คือเตมูจินกลับสั่งปล่อยตัวจามูกาซะดื้อๆ แล้วยังประกาศยกโทษเก่าทั้งปวงของเพื่อนคนนี้ทั้งหมด แถมยังมีคำสั่งให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับเป็นการด่วนอีกต่างหาก!
เอาล่ะสิครับ บรรดาเหล่าขุนศึกและญาติพี่น้องทั้งหลายต่างรีบทักท้วงเตมูจินเป็นการใหญ่ว่าเรื่องอะไรจะไปให้อภัยคนพรรค์นี้ได้ยังไงกัน ท่านลืมสิ่งที่พวกมันทำกับเราไว้แล้วหรือ เราเกือบสิ้นเผ่าสิ้นวงศ์เพราะคนอย่างมันนะท่านข่าน!?
แต่กลายเป็นว่า นอกจากเตมูจินจะไม่ถือสาในสิ่งที่จามูกาเคยกระทำแล้ว กลับบอกว่าจามูกาคือพี่ชายร่วมสาบานของข้า ใครก็ห้ามแตะ!
เอาล่ะสิครับ ในเมื่อเจ้านายว่าอย่างนี้แล้วใครจะไปกล้าขัดได้ลงคอ เพราะกลัวจะมีของมีคมมาบาดคอจนไม่มีโอกาสได้พูดอีกเลยนั่นล่ะครับ...
ดังนั้น เตมูจินก็ได้จัดโต๊ะเลี้ยงฉลองให้กับการกลับมาของจามูกาเป็นการส่วนตัว โดยทั้งสองได้พูดคุยถึงเรื่องราวในอดีตร่วมกันอย่างออกรส เหมือนดังว่าทั้งสองไม่เคยมีความแค้นต่อกันและกันมาก่อนเลย แต่กลายเป็นว่าจามูกากลับรู้สึกละอายใจจนเหลือจะทนรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่แล้ว เขาจึงร่ำไห้และกล่าวกับเตมูจินว่า...
"เอาละ ในเมื่อโลกพร้อมสำหรับเจ้าแล้ว จะมีประโยชน์อันใดที่ข้าจะเป็นมิตรของเจ้า ตรงกันข้าม น้องร่วมสาบาน ยามกลางคืนที่มืดมิดข้าจะหลอกหลอนเจ้าในความฝัน ยามกลางวันที่สว่างข้าจะสร้างความวุ่นวายแก่หัวใจเจ้า ข้าจะเป็นหมัดในคอเสื้อของเจ้า ข้าจะเป็นเสี้ยนไม้ในบานประตูของเจ้า...
"สหายของข้า โปรดมอบความตายให้กับข้าเช่นชายชาติขัตติยะ เพราะข้าเป็นเพื่อนที่เลวเมื่อยามมีชีวิตอยู่ แต่ข้าจะขอเป็นเพื่อนที่ดีในยามที่ตายไปแล้ว จงฝังข้าไว้บนที่สูงเถิด แล้ววิญญาณของข้าจะเฝ้าดูและอวยพรเขาตลอดไปและตลอดกาล"
ในเมื่อจามูกาออกปากร้องขอถึงเพียงนี้แล้ว แต่เตมูจินก็ยังดึงดันไม่ยอมให้เพื่อนผู้พี่คนนี้ต้องรับโทษตาย เพราะเขาถือว่าสหายผู้นี้ถูกคนภายนอกยุยงจงต้องแตกคอกัน แต่จามูกาก็วิงวอนและร้องขอโทษตายจนถึงที่สุด เพราะเขารู้ดีว่าต่อให้เตมูจินไว้ชีวิต แต่บรรดาญาติมิตรของสหายคนนี้ย่อมไม่ยอมปล่อยปละละเว้นให้กับหนี้เลือดที่เขาได้ก่อเอาไว้แน่นอน
ดังนั้น เตมูจินก็มิขัดขวางในคำประสงค์ของผู้เป็นสหายได้อีกแล้ว และได้มอบโทษตายให้กับสหายผู้นี้อย่างสมเกียรติในที่สุดครับ
สำหรับโทษตายของจามูกานั้นถือว่าเขามีเลือดขัตติยะ ตามกฏประเพณีแห่งราชวงศ์มองโกลจึงถือว่าเขาต้องรับโทษมิให้โลหิตตกถึงดินได้ แต่กระนั้นก็มีบันทึกไม่ตรงกันซักที่เลยครับ เพราะบางแห่งก็บอกว่าแกโดน "จับหักหลัง" ด้วยการมัดมือไพล่หลังแล้วเอาไม้คานสอดเข้าไป จากนั้นก็กดลำตัวให้หงายขึ้นจนหลังหักตาย แต่บางแห่งก็บอกว่าโดนจับแขวนคอกลับหัว ด้วยการทิ้งหินถ่วงเพื่อให้คอแกหลุดคาที่ แต่ในเอกสารจีนกลับเล่าไปอย่างพิสดารว่า นอกจากเตมูจินจะไม่ให้อภัยในสิ่งที่จามูกาทำลงไปแล้ว พี่แกยังจับเพื่อนเก่าคนนี้ไปฝังโผล่มาแต่หัว แล้วก็ปล่อยให้มดและแมลงกินเนื้อทั้่งหลายเข้ารุมกัดหัวของเพื่อนทรยศคนนี้จนตายอย่างช้าๆ - ว่างั้น
เอาเถอะครับ ไม่ว่าจามูกาจะตายอย่างไร แต่เอาเป็นว่าเขาตายแน่นอนก็แล้วกันนะครับ แต่เตมูจินก็รักษาสัญญาด้วยการจัดพิธีศพให้กับเพื่อนผู้จากไปคนนี้อย่างสมเกียรติชายชาติขัตติยะแห่งทุ่งหญ้ามองโกลทุกประการ
ในที่สุดแล้ว ผู้เป็นเพื่อนรักและศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเตมูจินก็ถูกกำจัดไปแล้ว
นับแต่นี้ไป จะไม่มีศัตรูหน้าไหนบนทุ่งหญ้ามองโกลจรดพรมแดนในเอเชียกลางจะต้านทานอำนาจอันเกรียงไกรของเขาได้อีกแล้ว
เพราะบัดนี้ เขาคือ "สุริยะเพียงหนึ่งเดียวแห่งทุ่งหญ้า" แล้วล่ะครับ...
Credit:Penedge