วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง "ไวน์" กัน
ไวน์ แปลได้ว่า "ทำไม" ไม่ใช่! ไวน์คือ เครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่เกิดจากการหมักดองดวงดัง (พอเถอะ พูดจายังกับภาษาพจนานุกรม)
อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ไวน์นั้นเกิดจากการหมักของผลไม้ต่างๆ เช่น สัปปะงด เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ มะนาว ไชโยยู้หู้ๆๆ ไวน์นั้นเกิดมาตั้งแต่ก่อนสมัยคริตกาลถึง 7,000 ปี! เรียกว่าน๋านนานมากเลย ทางตอนเหนือของประเทศจีน และอิหร่าน
โดยจุดเริ่มต้นของไวน์นั้นเกิดจากฝนตก น้ำที่ชะล้างหน้าดินบริเวณใต้ต้นองุ่น จนเป็นแอ่งน้ำเล็กๆและองุ่นที่สุกจนเต็มที่ตกหล่น หมักบ่มอยู่ในแอ่งน้ำใต้ต้นองุ่นนี้เอง การหมักบ่มเกิดการเปลี่ยนน้ำตาลในองุ่นให้เป็นแอลกอฮอล์ มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นเป็นฟองอากาศ บุ๋มๆ ลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำในแอ่ง เมื่อมนุษย์สังเกตุเห็นเกิดความสงสัยจึงไปลองชิมดู ด้วนรสชาติที่หวานอร่อยน่าหลงใหล จึงดื่มกินไปมากพอดู เกิดอาการมึนเมา ไร้สติ จากนั้นด้วยความกลัวโดยไม่รู้สาเหตุที่มาจึงหวาดกลัวไม่กล้าไปยุ่งกับแอ่งน้ำนี้อีก ไวน์จึงถูกลืมเลือนไปนานแสนนาน จนกระทั้งมนุษย์คิดค้นผลิต “เบียร์” ขึ้นมาเมื่อ 6,000 ปี ก่อนคริสตกาล หลังจากนั้นต่อมาในช่วง 1,500 ปี ก่อนคริสตกาล ไวน์ก็ถูกผลิตขึ้นมาด้วยฝีมือมนุษย์ โดยไวน์ส่วนใหญ่นิยมดื่มกันมากในหมู่ชนชั้นผู้ดี นักบวช และเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมความเชื่อต่างๆทางศาสนาด้วย (แต่ก็มีบางตำราคัดค้านว่าไวน์ นั้นเกิดก่อนเบียร์ซะอีก เพราะมีการค้นพบการหมักไวน์ตั้งแต่ก่อนคริสตกาลเมื่อ 7,000 ปีก่อนตามที่กล่าวในข้างต้น )
ในสมัยศตวรรษที่ 19 ไวน์ถือว่าเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลัง โดยคนงานที่รับจ้างเก็บเกี่ยวพืชผลจะดื่มไวน์ถึงวันละ 6-8 ลิตร และนายจ้างจะจ่ายไวน์ให้เป็นส่วนหนึ่งของค่าแรง เพราะสมัยนั้นน้ำยังไม่ค่อยสะอาดพอที่จะนำมาดื่มได้ พูดซะจนอย่างเป็นคนงานสมัยนั้นเลย อิอิ
1. ไวน์ขาว คือไวน์ที่ทำจากองุ่นขาวหรือองุ่นดำที่แยกน้ำคั้นออกมาหมักทันทีหลังจากบดแล้ว แต่โดยทั่วไปจะทำจากองุ่นขาวหรือทำจากลูกเกดขาว ไวน์ขาวจะหมักที่อุณหภูมิประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส เย็นโค-ตร เวลาที่ใช้ในการหมักแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ใช้หมัก
2. ไวน์แดง คือไวน์ที่ทำจากองุ่นดำอย่างเดียวเท่านั้น และจะใช้อุณหภูมิหมักที่สูงกว่าไวน์ คือประมาณ 24-29 องศาเซลเซียส นอกจากนี้จะทำการแยกกากจากน้ำคั้นตอนที่หมักเสร็จแล้วเท่านั้น
แล้วไวน์กับแชมเปญมันต่างกันยังไงล่ะครับ?
เป็นคำถามที่หลายๆ คนที่สนใจไวน์ตอนแรกๆ มักจะตั้งคำถาม คำตอบคือ เหมือนแต่แตกต่าง งงอ่ะ? ดิ
จริงๆ ถ้าจะขยายความคือ ทั้งสองอย่างนิยมทำจากองุ่นเหมือนกัน
แต่จะต่างกันตรงที่ว่าไวน์นั้นไม่มีฟองหรือความซ่า แต่แชมเปญนั้นมี และหลายคนคงสงสัยต่อไปว่า สปาร์กลิงไวน์กับแชมเปญต่างกันอย่างไง?
คำตอบคือต่างกันที่สถานที่ผลิต นั้นคือการจะใช้คือแชมเปญได้นั้นจำเป็นต้องผลิตในเมืองแชมเปญ ของฝรั่งเศสเท่านั้น ส่วนถ้าผลิตจากที่อื่นก็จะใช้ชื่อว่าสปาร์กลิงไวน์ แทน ซึ่งก็จะเหมือนกับเบียร์บางชนิดที่ผลิตในฝรั่งเศสจะใช้ชื่อนั้น แต่ถ้าผลิตจากที่อื่นจะใช้อีกชื่อหนึ่ง (ซึ่งผมก็จำไม่ได้แล้วล่ะว่าชื่อเบียร์อะไร แต่จำได้ว่าอยู่แถวๆ ฝรั่งเศสเนี่ยล่ะ )
ถ้าได้จิบไวน์วันละ 1 แก้วหรือปริมาณ 250-300 มิลลิลิตร มิลลิลิตรนะไม่ใช่ลิตร! จะทำให้
1. ลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ
2. ป้องกันการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เนื่องจากลิ่มเลือด
3. เพิ่มความดันโลหิตและลดอัตราเสี่ยงการติดเชื่ออันทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็ง (ดีนะที่แค่เล็งยังไม่ยิง)
4. ช่วยในการเจริญอาหาร
ไวน์ แปลได้ว่า "ทำไม" ไม่ใช่! ไวน์คือ เครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่เกิดจากการหมักดองดวงดัง (พอเถอะ พูดจายังกับภาษาพจนานุกรม)
อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ไวน์นั้นเกิดจากการหมักของผลไม้ต่างๆ เช่น สัปปะงด เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ มะนาว ไชโยยู้หู้ๆๆ ไวน์นั้นเกิดมาตั้งแต่ก่อนสมัยคริตกาลถึง 7,000 ปี! เรียกว่าน๋านนานมากเลย ทางตอนเหนือของประเทศจีน และอิหร่าน
โดยจุดเริ่มต้นของไวน์นั้นเกิดจากฝนตก น้ำที่ชะล้างหน้าดินบริเวณใต้ต้นองุ่น จนเป็นแอ่งน้ำเล็กๆและองุ่นที่สุกจนเต็มที่ตกหล่น หมักบ่มอยู่ในแอ่งน้ำใต้ต้นองุ่นนี้เอง การหมักบ่มเกิดการเปลี่ยนน้ำตาลในองุ่นให้เป็นแอลกอฮอล์ มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นเป็นฟองอากาศ บุ๋มๆ ลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำในแอ่ง เมื่อมนุษย์สังเกตุเห็นเกิดความสงสัยจึงไปลองชิมดู ด้วนรสชาติที่หวานอร่อยน่าหลงใหล จึงดื่มกินไปมากพอดู เกิดอาการมึนเมา ไร้สติ จากนั้นด้วยความกลัวโดยไม่รู้สาเหตุที่มาจึงหวาดกลัวไม่กล้าไปยุ่งกับแอ่งน้ำนี้อีก ไวน์จึงถูกลืมเลือนไปนานแสนนาน จนกระทั้งมนุษย์คิดค้นผลิต “เบียร์” ขึ้นมาเมื่อ 6,000 ปี ก่อนคริสตกาล หลังจากนั้นต่อมาในช่วง 1,500 ปี ก่อนคริสตกาล ไวน์ก็ถูกผลิตขึ้นมาด้วยฝีมือมนุษย์ โดยไวน์ส่วนใหญ่นิยมดื่มกันมากในหมู่ชนชั้นผู้ดี นักบวช และเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมความเชื่อต่างๆทางศาสนาด้วย (แต่ก็มีบางตำราคัดค้านว่าไวน์ นั้นเกิดก่อนเบียร์ซะอีก เพราะมีการค้นพบการหมักไวน์ตั้งแต่ก่อนคริสตกาลเมื่อ 7,000 ปีก่อนตามที่กล่าวในข้างต้น )
ต่อมาในยุคอียิปต์โบราณ การเพาะปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบระเบียบมากขึ้น เทพต่าง ๆ ในตำนานเทพปกรณัม ทั้งโอซิริสของอียิปต์ เทพไดโอนีซุสของกรีก บัคคัสของโรมัน หรือกิลกาเมชของบาบิโลน ล้วนแล้วแต่เป็นเทพแห่งไวน์ ซึ่งไวน์ที่อียิปต์นั้นจะเป็นไวน์ที่มีรสจั รสจัดแสดงว่าเป็นระเบียบ ไม่ใช่! รสจัดหมายถึงรสที่เข้มข้น และมีกลิ่นค่อนข้างแรง อ๋อ โดยส่วนมากนิยมกินแบบผสมกับน้ำหรือน้ำทะเล เรียกได้เลยว่าคนสมัยนั้น คออ่อน นอกจากนั้น ไวน์ยังเป็นสัญลักษณ์ของพระโลหิตของพระเยซูเจ้าตามความเชื่อทางศาสนาคริสต์ และในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลก็ได้มีการเขียนถึงไวน์ถึง 521 บรรทัด และได้ค้นพงโถที่เก็บเมล็ดองุ่นและแก้วสำหรับดื่มไวน์ด้วย
ต่อมาไวน์มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นอันมากในช่วงสองร้อยปีหลัง ชาวโรมันในสมัยก่อนนั้นนิยมดื่มไวน์ที่มีรสฉุน วิธีการดื่มของพี่ท่านก็ไม่ต่างจากชาวอียิปต์โบราณคือต้องผสมน้ำทะเลก่อนดื่ม เรียกว่าคออ่อนพอกัน หลายบอร์ดจึงให้ความเห็นว่าชาวโรมันนั้นอาจจะรับไวน์และวัฒนธรรมการดื่มและหมักไวน์มาจากชาวอียิปต์โบราณนั้นเอง ซึ่งรสชาติของไวน์ดังกล่าวนั้นแตกต่างจากไวน์ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง แต่ถึงกระนั้นสมัยนี้ยังมีบางคนยังกินเกลือผสมกับไวน์อยู่นะ รวมถึงบางคนกินน้ำมะนาวผสมกับไวน์ด้วย
ในสมัยศตวรรษที่ 19 ไวน์ถือว่าเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลัง โดยคนงานที่รับจ้างเก็บเกี่ยวพืชผลจะดื่มไวน์ถึงวันละ 6-8 ลิตร และนายจ้างจะจ่ายไวน์ให้เป็นส่วนหนึ่งของค่าแรง เพราะสมัยนั้นน้ำยังไม่ค่อยสะอาดพอที่จะนำมาดื่มได้ พูดซะจนอย่างเป็นคนงานสมัยนั้นเลย อิอิ
ซึ่งไวน์นั้นแบ่งได้หลักๆ เป็น 2 ประเภท ตามสไตล์ Sodaman คนอื่นเค้าจะแบ่งกี่ประเภทก็ชั่งเค้าคือ...
1. ไวน์ขาว คือไวน์ที่ทำจากองุ่นขาวหรือองุ่นดำที่แยกน้ำคั้นออกมาหมักทันทีหลังจากบดแล้ว แต่โดยทั่วไปจะทำจากองุ่นขาวหรือทำจากลูกเกดขาว ไวน์ขาวจะหมักที่อุณหภูมิประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส เย็นโค-ตร เวลาที่ใช้ในการหมักแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ใช้หมัก
2. ไวน์แดง คือไวน์ที่ทำจากองุ่นดำอย่างเดียวเท่านั้น และจะใช้อุณหภูมิหมักที่สูงกว่าไวน์ คือประมาณ 24-29 องศาเซลเซียส นอกจากนี้จะทำการแยกกากจากน้ำคั้นตอนที่หมักเสร็จแล้วเท่านั้น
แล้วไวน์กับแชมเปญมันต่างกันยังไงล่ะครับ?
เป็นคำถามที่หลายๆ คนที่สนใจไวน์ตอนแรกๆ มักจะตั้งคำถาม คำตอบคือ เหมือนแต่แตกต่าง งงอ่ะ? ดิ
จริงๆ ถ้าจะขยายความคือ ทั้งสองอย่างนิยมทำจากองุ่นเหมือนกัน
แต่จะต่างกันตรงที่ว่าไวน์นั้นไม่มีฟองหรือความซ่า แต่แชมเปญนั้นมี และหลายคนคงสงสัยต่อไปว่า สปาร์กลิงไวน์กับแชมเปญต่างกันอย่างไง?
คำตอบคือต่างกันที่สถานที่ผลิต นั้นคือการจะใช้คือแชมเปญได้นั้นจำเป็นต้องผลิตในเมืองแชมเปญ ของฝรั่งเศสเท่านั้น ส่วนถ้าผลิตจากที่อื่นก็จะใช้ชื่อว่าสปาร์กลิงไวน์ แทน ซึ่งก็จะเหมือนกับเบียร์บางชนิดที่ผลิตในฝรั่งเศสจะใช้ชื่อนั้น แต่ถ้าผลิตจากที่อื่นจะใช้อีกชื่อหนึ่ง (ซึ่งผมก็จำไม่ได้แล้วล่ะว่าชื่อเบียร์อะไร แต่จำได้ว่าอยู่แถวๆ ฝรั่งเศสเนี่ยล่ะ )
จะว่าไปไวน์ เองก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองว่า ไวน์นั้นเป็นเครื่องดื่มมึนเมา อึ๊กกก.... แต่จริงๆ แล้วไวน์นั้นก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน นั้นก็คือ
ถ้าได้จิบไวน์วันละ 1 แก้วหรือปริมาณ 250-300 มิลลิลิตร มิลลิลิตรนะไม่ใช่ลิตร! จะทำให้
1. ลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ
2. ป้องกันการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เนื่องจากลิ่มเลือด
3. เพิ่มความดันโลหิตและลดอัตราเสี่ยงการติดเชื่ออันทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็ง (ดีนะที่แค่เล็งยังไม่ยิง)
4. ช่วยในการเจริญอาหาร
แต่ถ้าหากเราๆ ดื่มมากไปก็ไม่ดี เพราะอย่างแรกคือเมาาาาาแล้ววววว อย่างที่สองคืออาจทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท และหากขับรถจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงมั่กมาก เพราะฉะนั้นดื่มไม่ขับนะครับผม และนอกจากนั้นการดื่มไวน์มากเกินไปก็ทำให้เสี่ยงเป็นความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดในสมองแตกได้ (เหมือนตาลุงสนั่นไง)
และนี้ก็เป็นเรื่องราวของไวน์ที่ผมหยิบยกมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน อาจจะมีข้อผิดพลาดบ้างจึงต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับผม. (เพราะตอนนี้ผมเริ่มเมาาาา...แล้ววววว)
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย เจ้าเดิม WineThai.com องค์การเภสัชกรรม Foodwiki และเว็ปบอร์ดอื่นๆ ที่ให้ความรู้มาบอกเพื่อนๆ นะครับผม.
รับไวน์ สักแก้วไหมครับ?
ไวน์ กับเรื่องราวของความเมาาา...
โอตาคุที่ดีไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องเมะทุกเรื่อง แต่เป็นโอตาคุที่แบ่งเวลาเป็นต่างหาก
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 Sodaman ได้ทำการยุติการใช้บอร์ดนี้แล้ว ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านกระทู้ของผมเสมอมานะครับผม.
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 Sodaman ได้ทำการยุติการใช้บอร์ดนี้แล้ว ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านกระทู้ของผมเสมอมานะครับผม.
[IMG]