ครั้งนี้ ผมขอนำประวัติของไอดอลผู้ที่เปิดโลกใบใหม่ให้แก่ผม (หากผิดพลาดประการใดหรือซำ ขออภัยมาณที่นี่)
ในปี ค.ศ. 2000 บริษัท Yamaha ได้ริเริ่มพัฒนาโครงการที่มีชื่อว่า “Vocaloid” ซึ่งเป็นโปรแกรมเสียงสังเคราะห์ โดยที่ศิลปินสามารถใช้สร้างเสียงร้องให้กับงานดนตรีของตนเองได้ โดยในระยะแรก Vocaloidยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก
จนถึงปี ค.ศ. 2007 โปรแกรม Vocaloid 2 ก็ได้ถือกำเนิด ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้น และการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Hatsune Miku ซึ่งเป็น Vocaloid 2 ที่มีเสียงสังเคราะห์ของสาวน้อย
ขอพาท่านไปรู้จักกับ Hatsune Miku สาวน้อยที่เชื่อมโยงความคิด และความฝันของผู้คนในโลกใบนี้ เข้าหากัน
Hatsune Miku เป็นโปรแกรม Vocaloid 2 ที่พัฒนาโดยบริษัท Crypton Future Media ถือกำเนิดในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2007 ชื่อของเธอนั้นมาจาก 3 คำ คือ (初 hatsu) แปลว่า ครั้งแรก, (音 ne) แปลว่า เสียง และ (Miku (ミク) แปลว่า อนาคต โดยเป็น Vocaloid 2 ญี่ปุ่นตัวแรก
ต้นแบบเสียงของ Hatsune Miku ได้มาคุณ Saki Fujita ซึ่งเป็นนักพากย์หญิงญี่ปุ่นที่มีผลงานมากมาย ได้แก่ เสียงของ Mahiru Inami จากเรื่อง Working!! (ค.ศ. 2010 และ 2011), เสียงของ Ruri Hijiribe จากเรื่อง Durarara!! (ค.ศ. 2010), เสียงของ Mina Yayoi จากเรื่อง Tokimeki Memorial Only Love (ค.ศ. 2006) เป็นต้น
นอกจากเรื่องของเสียงแล้ว ภาพลักษณ์ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่จะผลักดันงานประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนได้รู้จัก บริษัท Crypton Future Media จึงให้คุณ Kei Garō เป็นผู้ออกแบบภาพลักษณ์ของ Hatsune Miku ซึ่งผลลัพท์ คือ สาวน้อยอายุ 16 ปี ผมสีฟ้า สวมเสื้อเปิดไหล่ คู่กับกระโปรง พร้อมปอกแขน และรองเท้าบูท ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะให้เข้ากับตัวโปรแกรม Vocaloid 2 โดยไว้ทรงผมแบบ pigtails (มัดผม 2 ข้าง) ส่วนสูงของร่างกาย 152 ซม. น้ำหนัก 42 กิโลกรัม ร้องเพลงแนว POP/DANCE โทนเสียง 70 – 150 dpm ช่วง A3 – E5
หลังจากการเปิดตัวของหนู Miku ชาวชุมชน Nico Nico Douga (Nico Nico Douga เวบไซต์ผู้ให้บริการรับฝาก และเผยแพร่ Video สัญชาติญี่ปุ่น) ก็ให้ความสนใจอย่างล้นหลาม โดยได้นำโปรแกรม Vocaloid 2 Hatsune Miku Version มาใช้สร้างสรรค์ผลงานกัน โดยผลงานที่เป็นที่ได้รับความนิยมสูงสุด และส่งผลให้ Hatsune Miku โด่งดังไปทั่วโลก คือ Hachune Miku (Hatsune Miku แบบ SD) ถือต้นหอมญี่ปุ่น ร้องเพลง Ievan Polkka ซึ่งออกแบบภาพได้น่ารัก โดยที่เสียงร้องของ Miku นั้นเข้ากันกับเพลง Ievan Polkka อย่างน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้ผู้คนจากทั่วโลกให้ความสนใจ และนำโปรแกรม Vocaloid 2 Hatsune Miku Version มาศึกษา และใช้สร้างผลงานทั้งในรูปแบบเสียง และวีดีโอประกอบงานภาพ 2 มิติ และ 3 มิติ ออกมามากมายในเวลาต่อมา
ปลายปี ค.ศ. 2009 ได้มีความคิดและเรียกร้องจากกลุ่มแฟนของ Miku ไปยังโครงการสำรวจอวกาศบนดาวศุกร์ของญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า Akatsuki ให้ทำการติดตั้งแผ่นอลูมิเนียมที่มีภาพของ Miku เป็นส่วนหนึ่งของยานสำรวจด้วย จากการลงชื่อเรียกร้องมากกว่า 14,000 รายชื่อ ทางโครงการ Akatsuki จึงได้ทำการติดตั้งแผ่นอลูมิเนียมที่มีภาพของ Miku จำนวน 3 ชิ้น เป็นส่วนประกอบของยานในที่สุด และได้ทำการปล่อยยานเดินทางจากผิวโลกสู่อวกาศในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 เวลา 06:58:22 น. (ตามเวลาในประเทศญี่ปุ่น)
อนิเมชั่น Black Rock Shooter นั้นได้รับแรงบรรดาลใจในการสร้างสรรค์จาก Vocaloid เช่นกัน โดย Original video animation ที่จัดทำโดย Ordet นั้น ออกเผยแพร่ในวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2010 ส่วนอนิเมชั่นทางโทรทัศน์นั้นออกอากาศในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012
Kei Garō ผู้ออกแบบต้นแบบของ Miku ยังได้ออกผลงานการ์ตูนชื่อ Maker Hikōshiki Hatsune Mix ซึ่งได้รวมเอา Vocaloid ตัวอื่น ๆ มาอยู่ในเรื่องด้วย ได้แก่ Kagamine Rin, Kagamine Len, Megurine Luka, Meiko, Kaito, Gackpoid และ Hachune Miku
ความนิยมของ Miku ส่งผลต่ออนิเมชั่นเรื่องอื่น ๆ ให้มีบทที่ขอเอาความเป็น Miku ไปเป็นส่วนหนึ่งด้วย เช่น ในเรื่อง Lucky Star OVA ตัวละคร Kagami Hiiragi ถูกมนต์ให้ cosplay เป็น Hatsune Miku หรือในเรื่อง Kämpfer ตอนที่ 7 ก็ปรากฎตัวละครที่ใส่ชุดกระโปรงเหมือน Miku เป็นต้น
ในวงการเกม SEGA ได้ซื้อลิขสิทธิ์จาก Crypton โดยนำเอา Vocaloid มาผลิดเป็นเกมที่ชื่อว่า Hatsune Miku: Project DIVA บนเครื่อง PSP และ Hatsune Miku: Project Mirai บนเครื่อง Nintendo 3DS
นอกจากนี้ในอีกหลาย ๆ เกม เช่น Pangya Japan, Tales of Graces, Phantasy Star Portable 2 ก็ได้นำเอาชุดแบบของ Miku มาใช้กับตัวละครในเกมด้วย
Hatsune Miku ได้ขึ้นเวทีแสดงสดครั้งแรกในคอนเสิร์ท Animelo Summer Live 2009 ที่ Saitama Super Arena ในวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 2009 ตามมาด้วยการแสดงสดในต่างประเทศครั้งแรกที่งาน Anime Festival Asia (AFA) ที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 โดย Miku ได้มีงานคอนเสิร์ทเฉพาะของตัวเอง ในรูปแบบ 3d hologram ในชื่องาน “Miku no Hi Kanshasai 39′s Giving Day” ที่ Zepp Tokyo ในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2009 และได้จัดแสดงอีกครั้งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 2 กรกฏาคม ค.ศ. 2011 ที่ Nokia Theater ในช่วงงาน Anime Expo ซึ่งสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก
ปี ค.ศ. 2011 มีผลงานเพลงจากโปรแกรม Hatsune Miku จำนวนกว่า 100,000 เพลง โดยหนึ่งในนั้น คือ อัลบั้ม Exit Tunes Presents Vocalogenesis feat. Hatsune Miku ซึ่งติดอันดับ 1 ของ the Japanese weekly Oricon album charts ในวันที่ 31 พฤษภาคม. ค.ศ. 2010 ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกที่เป็นผลงานจากVocaloid ที่สามารถติด top chart
นอกจากนี้ยังมีวงดนตรีที่ใช้ Vocaloid ในงานเพลงที่น่าสนใจอีกนั่น คือ Supercell ซึ่งเปิดตัวผลงานในงาน Comiket 74 ในวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 2008 ก่อนที่จะเซ้นสัญญาร่วมงานกับทาง Sony Music ในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2009 โดยผลงานที่เด่น ๆ ได้แก่ Melt, Black Rock Shooter, World is Mine, Koi wa Sensō เป็นต้น
ถึงวันนี้ Miku ครองใจผู้คนมากมาย และมีผลงานที่เกี่ยวข้องกับตัวเธออย่างต่อเนื่อง แล้วคุณล่ะสนใจที่จะร่วมงานกับสาวน้อยคนนี้ เพื่อสร้างฝันให้เป็นจริงไหม
เพลงแรกที่ผมฟัง