ดั่งต้องคำสาป....ดินแดนที่ฟ้าแลบฟ้าผ่ามากที่สุดในโลก
![](//usercontent.2th.me/a/i/h6bkzo0w/2th.me_729689.jpg)
ทะเลสาบมาราไคโบ (Lake Maracaibo) ทะเลสาบแห่งสายฟ้าฟาด ประเทศ เวเนซูเอล่า ทะเลสาบ ที่เกิดฟ้าแลบ ฟ้าผ่า มากที่สุดในโลก
![](//usercontent.2th.me/a/i/h6bkzoso/2th.me_729690.jpg)
ความน่ากลัวของสายฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ น่าจะมีผลกับทางด้านจิตใจมากกว่าทำให้เสียชีวิต แต่แน่นอนถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ อย่างแถบทะเลสาบ ทะเลสาบมาราไคโบ ถ้าไม่ใช่คนในท้องถิ่นจริงๆ อาจเกิดอาการขวัญผวาได้
![](//usercontent.2th.me/a/i/h6bkzqc8/2th.me_729691.jpg)
ปรากฎการณ์นี้มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า "ฟ้าผ่าคาตาตัมโบ"( Venezuela's Catatumbo Lightning phenomenon )เพราะ เกิดขึ้นที่ บริเวณปากแม่น้ำคาตาตัมโบ Catatumbo รอยต่อกับทะเลสาบมาราไคโบ Lake Maracaibo ประเทศเวเนซูเอลา ในทวีปอเมริกาใต้
![](//usercontent.2th.me/a/i/h6bkzy20/2th.me_729692.jpg)
โดยพื้นที่บริเวณนี้ จะมีพายุฟ้าแลบฟ้าผ่าปีละ 140 - 160 วันต่อปี, วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละชั่วโมงจะมีฟ้าผ่ามากกว่า 280 ครั้ง ทำให้บริเวณ ทะเลสาบ Maracaibo ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพายุฟ้าผ่าไม่มีวันจบสิ้น
![](//usercontent.2th.me/a/i/h6bl00dc/2th.me_729693.jpg)
แผนที่ทะเลสาบมาราไคโบ (Lake Maracaibo) และปากแม่น้ำคาตาตัมโบ( Catatumbo)
ที่เกิดฟ้าผ่ามากที่สุดในโลก
จะมีพายุฟ้าแลบฟ้าผ่าปีละ 140 - 160 วันต่อปี, วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละชั่วโมงจะมีฟ้าผ่ามากกว่า 280 ครั้ง การเกิดฟ้าแลบฟ้าผ่าทั้งปีทำให้บริเวณนี้เป็นแหล่งกำเนิด โอโซน(ozone )ในธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก( the largest natural producer of atmospheric ozone in the world.)
![](//usercontent.2th.me/a/i/h6bl01ww/2th.me_729694.jpg)
แสงที่เกิดจากสายฟ้าสามารถมองเห็นได้จากระยะ 400 กิโลเมตร ทำให้นักเดินเรือสมัยโบราณเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า ประภาคาร มาราไคโบ (Lighthouse of Maracaibo)
![](//usercontent.2th.me/a/i/h6bl03gg/2th.me_729695.jpg)
ในปี 1595 กองเรืออังกฤษนำทัพโดย เซอร์ ฟรานซิส เดร็ก (Sir Francis Drake) ต้องยุติแผนลอบเข้าโจมตึเมืองมาราไคโบ Maracaibo เนื่องจากแสงจากสายฟ้าที่เกิดตลอดเวลาทำให้กองทัพสเปนเห็นกองเรืออังกฤษตั้งแต่ระยะไกล จริงๆแล้วมีปรากฎการณ์คล้ายๆ กันเกิดขึ้นในหลายประเทศเช่น โคลัมเบียColombia, อินโดนีเซียIndonesia และ อูกานดา Uganda แต่จะเกิดในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ต่อเนื่องยาวนานแบบที่เกิดขึ้นบริเวณ ทะเลสาบคาราไคโบแห่งนี้
![](//usercontent.2th.me/a/i/h6bl07bc/2th.me_729696.jpg)
ปรากฏการณ์"ฟ้าผ่าคาตาตัมโบ ประเทศเวเนซูเอล่า "( Venezuela's Catatumbo Lightning phenomenon )นี้สามารถอธิบายได้
เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างขึ้นโดยสภาพแวดล้อมที่ไม่ซ้ำกันที่อยู่รอบทะเลสาบมาราไกโบ Lake Maracaibo เวเนซุเอลา เกิดขึ้นจากน้ำใน
แม่น้ำ Catatumbo ไหลผ่านโคลนตมในที่ลุ่มจำนวนมหาศาล ซึ่งพวกตมโคลนเหล่านั้นประกอบขึ้นด้วยสารอินทรีย์ ที่กำลังสลายตัว ก่อให้เกิดกาซมีเทนลอยตัวเป็นละออง รวมตัวเป็นก้อนเมฆ ก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นกาซที่มีน้ำหนักเบากว่าอากาศ เมื่อลอยตัวขึ้นสูงและเจอกับการเสียดสีจากลมร้อนที่พัดมาจากทะเลแคริเีบียน( caribbean sea) และลม ที่พัดมาจากแถบเทือกเขาแอนดิส( Andes Mountains )ภายในทวีปอเมริกาใต้ จนเกิดความร้อน เกิดการสะสมของประจุไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้อากาศขยายตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อสะสมไว้มากก็ต้องปลดปล่อยประจุไฟฟ้าระหว่างก้อนเมฆ กับพื้นโลกเลยเกิดเป็นฟ้าผ่า(Ground Flash)
![](//usercontent.2th.me/a/i/h6bl08uw/2th.me_729697.jpg)
credit:snook.com
![](http://usercontent.2th.me/a/i/h6bkzo0w/2th.me_729689.jpg)
ทะเลสาบมาราไคโบ (Lake Maracaibo) ทะเลสาบแห่งสายฟ้าฟาด ประเทศ เวเนซูเอล่า ทะเลสาบ ที่เกิดฟ้าแลบ ฟ้าผ่า มากที่สุดในโลก
![](http://usercontent.2th.me/a/i/h6bkzoso/2th.me_729690.jpg)
ความน่ากลัวของสายฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ น่าจะมีผลกับทางด้านจิตใจมากกว่าทำให้เสียชีวิต แต่แน่นอนถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ อย่างแถบทะเลสาบ ทะเลสาบมาราไคโบ ถ้าไม่ใช่คนในท้องถิ่นจริงๆ อาจเกิดอาการขวัญผวาได้
![](http://usercontent.2th.me/a/i/h6bkzqc8/2th.me_729691.jpg)
ปรากฎการณ์นี้มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า "ฟ้าผ่าคาตาตัมโบ"( Venezuela's Catatumbo Lightning phenomenon )เพราะ เกิดขึ้นที่ บริเวณปากแม่น้ำคาตาตัมโบ Catatumbo รอยต่อกับทะเลสาบมาราไคโบ Lake Maracaibo ประเทศเวเนซูเอลา ในทวีปอเมริกาใต้
![](http://usercontent.2th.me/a/i/h6bkzy20/2th.me_729692.jpg)
โดยพื้นที่บริเวณนี้ จะมีพายุฟ้าแลบฟ้าผ่าปีละ 140 - 160 วันต่อปี, วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละชั่วโมงจะมีฟ้าผ่ามากกว่า 280 ครั้ง ทำให้บริเวณ ทะเลสาบ Maracaibo ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพายุฟ้าผ่าไม่มีวันจบสิ้น
![](http://usercontent.2th.me/a/i/h6bl00dc/2th.me_729693.jpg)
แผนที่ทะเลสาบมาราไคโบ (Lake Maracaibo) และปากแม่น้ำคาตาตัมโบ( Catatumbo)
ที่เกิดฟ้าผ่ามากที่สุดในโลก
จะมีพายุฟ้าแลบฟ้าผ่าปีละ 140 - 160 วันต่อปี, วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละชั่วโมงจะมีฟ้าผ่ามากกว่า 280 ครั้ง การเกิดฟ้าแลบฟ้าผ่าทั้งปีทำให้บริเวณนี้เป็นแหล่งกำเนิด โอโซน(ozone )ในธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก( the largest natural producer of atmospheric ozone in the world.)
![](http://usercontent.2th.me/a/i/h6bl01ww/2th.me_729694.jpg)
แสงที่เกิดจากสายฟ้าสามารถมองเห็นได้จากระยะ 400 กิโลเมตร ทำให้นักเดินเรือสมัยโบราณเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า ประภาคาร มาราไคโบ (Lighthouse of Maracaibo)
![](http://usercontent.2th.me/a/i/h6bl03gg/2th.me_729695.jpg)
ในปี 1595 กองเรืออังกฤษนำทัพโดย เซอร์ ฟรานซิส เดร็ก (Sir Francis Drake) ต้องยุติแผนลอบเข้าโจมตึเมืองมาราไคโบ Maracaibo เนื่องจากแสงจากสายฟ้าที่เกิดตลอดเวลาทำให้กองทัพสเปนเห็นกองเรืออังกฤษตั้งแต่ระยะไกล จริงๆแล้วมีปรากฎการณ์คล้ายๆ กันเกิดขึ้นในหลายประเทศเช่น โคลัมเบียColombia, อินโดนีเซียIndonesia และ อูกานดา Uganda แต่จะเกิดในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ต่อเนื่องยาวนานแบบที่เกิดขึ้นบริเวณ ทะเลสาบคาราไคโบแห่งนี้
![](http://usercontent.2th.me/a/i/h6bl07bc/2th.me_729696.jpg)
ปรากฏการณ์"ฟ้าผ่าคาตาตัมโบ ประเทศเวเนซูเอล่า "( Venezuela's Catatumbo Lightning phenomenon )นี้สามารถอธิบายได้
เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างขึ้นโดยสภาพแวดล้อมที่ไม่ซ้ำกันที่อยู่รอบทะเลสาบมาราไกโบ Lake Maracaibo เวเนซุเอลา เกิดขึ้นจากน้ำใน
แม่น้ำ Catatumbo ไหลผ่านโคลนตมในที่ลุ่มจำนวนมหาศาล ซึ่งพวกตมโคลนเหล่านั้นประกอบขึ้นด้วยสารอินทรีย์ ที่กำลังสลายตัว ก่อให้เกิดกาซมีเทนลอยตัวเป็นละออง รวมตัวเป็นก้อนเมฆ ก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นกาซที่มีน้ำหนักเบากว่าอากาศ เมื่อลอยตัวขึ้นสูงและเจอกับการเสียดสีจากลมร้อนที่พัดมาจากทะเลแคริเีบียน( caribbean sea) และลม ที่พัดมาจากแถบเทือกเขาแอนดิส( Andes Mountains )ภายในทวีปอเมริกาใต้ จนเกิดความร้อน เกิดการสะสมของประจุไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้อากาศขยายตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อสะสมไว้มากก็ต้องปลดปล่อยประจุไฟฟ้าระหว่างก้อนเมฆ กับพื้นโลกเลยเกิดเป็นฟ้าผ่า(Ground Flash)
![](http://usercontent.2th.me/a/i/h6bl08uw/2th.me_729697.jpg)
credit:snook.com
ดั่งต้องคำสาป....ดินแดนที่ฟ้าแลบฟ้าผ่ามากที่สุดในโลก