10 ความเชื่อของ 10 มหา'ลัยในอเมริกา!

ที่ University of Missouriนั้นมีรูปปั้นหินของสิงโตคู่หนึ่ง ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณซุ้มประตูทางเข้ารูปทรงโค้ง ซึ่งอยู่ระหว่างตึก Neff และ Walter Williams Halls หากสังเกตกันดีๆจะเห็นว่าเจ้าสิงโต 2 ตัวนี้สร้างด้วยศิลปะแบบจีนมากๆ ซึ่งนั่นก็เพราะสิงโตทั้งสอง เป็นของขวัญที่ทางรัฐบาลจีนส่งมาให้กับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งแต่ในปี 1931 นั่นเอง ซึ่งนักศึกษาที่สถาบันนี้มีความเชื่อกันว่า ระหว่างที่เราเดินผ่านซุ้มประตูสิงโตนี้ ห้ามเราพูดคุยกันเด็ดขาด! เพราะการพูดระหว่างเดินผ่านซุ้มประตูนี้จะนำพามาซึ่งโชคร้าย และจะทำให้นักศึกษาสอบตกในการสอบครั้งต่อไป



มหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง Harvard University เองก็ไม่พ้นที่จะมีธรรมเนียมประเพณีในเรื่องของโชคลางเช่นเดียวกัน หากใครที่เดินทางไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นักศึกษาผู้นำชมสถานที่ (Harvard tour guides) มักจะบอกให้ผู้เยี่ยมชมทุกคนยื่นมือไปถูเท้าซ้ายของรูปปั้นจอห์น ฮาวาร์ด (John Harvard) ผู้สนับสนุนทางการเงินของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะเชื่อว่าจะนำโชคดีมาให้ แต่หารู้ไม่ว่า มีอีกหนึ่งประเพณีลับๆสุดจะพิเรนทร์ของชาวฮาร์วาร์ด ที่ให้นักเรียนฉี่ใส่เท้าข้างเดียวกันนั้นในคืนก่อนหน้าที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม (เอ่อ... ใครคิดประเพณีนี้นะเนี่ย - -")



ที่หอระฆัง "Purdue Bell Tower" แห่งมหาวิทยาลัย Purdue University นั้นสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในปี 1995 ซึ่งเป็นของขวัญจากนักเรียนรุ่นปี 1948 เป็นหอระฆังสูงตระหง่านที่มีความสูงกว่า 160 ฟุต และมีนาฬิกาติดอยู่ทั้งสี่ด้านของตัวหอที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม ต่อมาหอระฆังแห่งนี้ก็ถูกใช้ในการส่งสัญญาณเตือนภัยโดยติดลำโพงและไซเร็นที่สามารถส่งเสียงดังไปได้ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยไว้ (เสียงระฆังธรรมดาคงจะดังไม่พอ) และคนที่นี่มีความเชื่อว่า หากนักศึกษาคนไหนเดินผ่านข้างใต้หอระฆังแห่งนี้ นักศึกษาคนนั้นจะเรียนไม่จบใน 4 ปี



ที่มหาวิทยาลัย University of Texas– Austin นักศึกษามักจะเดินไปรอบๆมหาวิทยาลัยเพื่อหวังที่จะได้เห็นเจ้า "กระรอกเผือก" (albino squirrel) แม้สักแว้บหนึ่งก็ยังดี เพราะเชื่อว่าผู้ที่ได้พบเห็นเจ้ากระรอกชนิดนี้นั้นจะโชคดี ซึ่งเจ้ากระรอกเผือกนั้นเป็นกระรอกสีขาวที่หาได้ยากมากๆ และยิ่งหากนักศึกษาคนไหนได้เห็นกระรอกเผือกทันทีหลังจากเพิ่งสอบเสร็จแล้ว ล่ะก็ รับรองว่าสอบครั้งนั้นได้คะแนนสูงชัวร์ๆ!



ที่มหาวิทยาลัย University of California, Berkeleyมีหินรูปทรงกลมขนาดใหญ่อยู่ลูกหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่หน้าหอคอย Sather หรือที่เรียกกันว่าหอระฆัง (Campanile) ซึ่งเจ้าหินก้อนกลมๆนี้อดีตเคยเป็นน้ำพุ (ตอนนี้ไม่ทำงานแล้ว) ซึ่งมีมาตั้งแต่ในปี 1905 แล้ว แต่เพิ่งจะไม่นานมานี้เองที่เจ้าหินทรงกลมนี้ถูกตั้งชื่อว่า "4.0 ball" หรือลูกบอล 4.0 เพราะเชื่อกันว่า หากได้ไปจับ,ไปถู,ไปลูบ,ไปคลำบอลหินนี้ก่อนที่จะเข้าสอบรับรองว่าได้เกรด 4.0 วิชานั้นแน่นอน! และยิ่งหากได้ไปจับๆถูๆตั้งแต่ต้นเทอมแล้วล่ะก็ เทอมนั้นก็เอา A ไปเลยทุกตัวเลยล่ะ...เขาเชื่อกันอย่างนั้นนะ...



นักศึกษาที่วิทยาลัย Roanoke Collegeในรัฐเวอร์จิเนียนั้น มีความเชื่อว่าถ้าเดินไปเตะเจ้าเสาหิน "Kicking Post" แล้วจะนำพาโชคดีมาให้ ซึ่งเสาหินที่ว่านี้ก็เป็นเสาหินที่มีความสูง 3 ฟุต ที่ตั้งอยู่ระหว่างอาคาร (ตึกเรียนวิชาสังคมวิทยา) กับอาคารบริหาร ซึ่งชื่อ “Kicking Post” นี้ก็มาจากการที่นักศึกษาที่เดินผ่านไปมา ต่างก็มักจะมาเตะเสาหินนี้เพื่อจะได้โชคดีนั่นเอง ซึ่งจริงๆแล้วเสาหินนี้มีขึ้นเพื่อกันไม่ให้รถยนตร์หรือยานพาหนะเข้ามาได้ ตั้งแต่ในช่วงต้นปี 1920 แล้ว (สร้างขึ้นหลังจากที่ครั้งหนึ่งนักศึกษาเกือบจะโดนรถขับชน) แต่ดูเหมือนทุกวันนี้นักศึกษาจะพึ่งพาให้มันช่วยกันเกรดที่ไม่ดีๆออกไป มากกว่ารถซะแล้ว



ที่หน้าตึกอาคารห้องสมุดของวิทยาลัยGustavus Adolphus College มีประติมากรรมอยู่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะของตัวอักษร BC/AD รูปทรงสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ (BC ย่อมาจาก Before Christ และ AD ย่อมากจาก Anno Domini) คนที่นี่เรียกมันว่า "BC/AD Letter Cube" ซึ่งนักเรียนของที่นี่มักจะเดินเข้าไปหมุนเจ้าสิ่งนี้เล่นอยู่เสมอๆ เพื่อทำนายว่าเกรดครั้งนี้จะออกมาเป็นอะไร หลักการก็คือถ้าหมุนได้อักษรตัวไหนก็เชื่อว่าจะได้เกรดนั้นนั่นแหละ แต่ถ้าใครสังเกตดีๆจะเห็นว่า เจ้าประติมากรรมชิ้นนี้มันมีแค่ A B C D แต่ไม่มีอักษร "F" อยู่ด้วย! ซึ่งแบบนี้ก็เท่ากับว่า สอบคราวนี้อย่างแย่สุดก็ได้แค่ D เท่านั้น แต่ไม่ตกชัวร์จ้า (อย่างน้อยก็เป็นการคิดบวกล่ะเนอะ 555+)


นักศึกษาที่มหาวิทยาลัย Texas Christian University ต่างจะต้องเดินไปหารูปปั้นตัวนำโชคของมหาวิทยาลัยก่อนเสมอ แม้ว่าจะต้องเดินอ้อมไปคนละเส้นทางกับห้องสอบเลยก็ตาม เพื่อที่จะได้ไปลูบจมูกหรือไม่ก็จูจุ๊บเจ้า "กบมีหนาม" ตัวนี้ก่อนเข้าห้องสอบ (ซึ่งดูยังไงๆมันก็กิ้งก่ามีหนามชัดๆ - -") เพราะเชื่อกันว่าหากได้ไปจุ๊บน้องกบแล้ว น้องกบจะกลายร่างเป็นเจ้าชายกบ!... เอ่อ... ไม่ใช่แล้ว 555+ นักศึกษาที่นี่เขาเชื่อว่าถ้าได้ไปจุ๊บไปลูบจมูกเจ้ามาสค็อตของมหาลัยตัวนี้ แล้วจะทำโชคดีสอบผ่านฉลุยต่างหากล่ะ



ที่วิทยาลัย Messiah Collegeแห่งรัฐเพนซิลเวเนีย มีประเพณีอยู่อย่างหนึ่งทีนักศึกษามักจะทำกันช่วงอาทิตย์สอบปลายภาค นั่นก็คือทันทีที่นาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนเป๊ะ นักศึกษาทุกคนก็จะเปิดหน้าต่างห้องพักของตัวเองออกมา และตะโกนหรือกรีดเสียงร้อง กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!กันออกมาให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำกันเพราะความเชื่อ แต่ก็เป็นธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติที่ทำสืบทอดต่อๆกันมาเรื่อยๆ เพราะนักเรียนที่นี่บอกว่าเป็นการระบายความเครียดที่ดีมากๆ แล้วยังช่วยเรียกเสียงหัวเราะให้กันได้ในช่วงเวลาที่กำลังกดดันเรื่องสอบด้วย นี่ถ้าใครบังเอิญไปเดินผ่านหน้าหอพักนักศึกษาตอนนั้นพอดี คงได้มีฮากันแน่ๆเลยเนอะ 555+




สัญญลักษณ์อย่างหนึ่งของBrown University หนึ่งในสมาชิกไอวีลีกส์นั้น ก็คือประตูเหล็กบานใหญ่ Van Wickle Gates ซึ่งเป็นประตูทางเข้าใหญ่ของมหาวิทยาลัย ที่มีลักษณะเป็นประตูรั้วเหล็กที่มีประตูเล็กด้านข้างอีกสองประตู ซึ่งในช่วงเริ่มต้นปีการศึกษา ประตูบานใหญ่ก็จะถูกเปิดเข้ามา เปรียบเหมือนสัญลักษณ์เพื่อต้อนรับให้นักศึกษาได้เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย พอถึงในช่วงสิ้นสุดเทอมสอง บานประตูก็จะถูกเปิดออกไปด้านนอก เป็นเหมือนสัญญะในการส่งนักศึกษาที่เรียนจบแล้ว แต่นักศึกษาที่นี่มีความเชื่อกันค่ะว่า ในระหว่างที่ยังเรียนอยู่นั้น ห้ามนักศึกษาปริญญาตรีเดินเข้าออกผ่านประตูนี้เกิน 2 ครั้ง ไม่อย่างนั้นนักศึกษาคนนั้นจะเรียนไม่จบ!

เดินผ่านระฆัง ยังไงก็ต้องผ่านอยู่ดีแล่ะ

อาถรรณ เรียนไม่จบ ฮ่าาๆๆ

ขอบคุณครับ

ไม่ได้เรียนแล้ว ผ่านดีสินะ !!!

ความเชื่อทีึ่โรงเรียนผมคือ ถ้าตบหัวครูจะเรียนโรงเรียนนี้ไม่จบ

มันก็มีอยู่ทุกสถาบันละ

อืม ความรู้ ขอบคุณครับ