ปริศนาที่มีสาระ(?)ก่อนนอน (-'w'-)
จัดเต็มความรู้แบบสุดๆ~!
และมีแถมคือ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก~
เครดิต mooBo และ วิกิพีเดีย
อันดับ 10 : กะโหลกแก้ว (CRYSTAL SKULLS : SOUTHERN MEXICO)
ปริศนาจากชาวมายัน กุญแจที่จะไขทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ 5 ใน 13 ทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ และเทคโนโลยีในอดีต ไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะสร้างขึ้นเองได้ หากเป็นความจริงอันชวนตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้วที่ค้นพบ ข้อมูลในนั้นจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างคนอดีตสู่คนยุคปัจจุบัน
[attach]557775[/attach]
อันดับ 9 : ภาพลายเส้นนาซคา (NAZCA LINES : NAZCA, PERU)
ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพเหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ด และนกกางปีก บนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเรื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบิน หรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่งขึ้น
[attach]557759[/attach]
อันดับ 8 : สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (BERMUDA TRIANGLE : ATLANTIC OCEAN)
ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึง สู่หายนะกับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติก เหตุการณ์ที่ไม่สามารถหา คำอธิบายได้ ความจริงที่เครื่องบิน เรือ ที่ผ่านบริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอยโดย ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุป คำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคาใจ ผู้คนจนถึงปัจจุบัน
[attach]557769[/attach]
อันดับ 7 : :Xบพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ (ARK OF THE COVENANT : ETHIOPIA)
คำตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงองค์พระเจ้าโดยตรง คำสอนศาสนา บทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้
[attach]557772[/attach]
อันดับ 6 : โอเรกอน วอร์เท็กซ์ (OREGON VORTEX : GOLD HILL, OREGON)
พบ กับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็กที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกัน และหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่งนี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียง ลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้สู่ โลกแห่งความจริง ที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้ [attach]557776[/attach]
อันดับ 5 : นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน (THE BOSTON STRANGLER : BOSTON, MA)
คดีแห่งปริศนา ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูกนำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ? คดี ที่โด่งดังไปทั่วอ่าวแบ็คเบย์ในบอสตัน นักฆ่าใจโหด ข่มขืนและฆ่ารัดคอผู้หญิง 11 คนตายในบ้านตัวเอง คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจ ไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา???
[attach]557757[/attach]
อันดับ 4 : สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส (THE LOCH NESS MONSTER : INVERNESS, SCOTLAND)
บน โลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไปเยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาด แห่งทะเลสาบล็อกเนส ในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดังเกี่ยวกับสัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่างก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้องนี้ แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคนต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง
[attach]557767[/attach]
อันดับ 3 : คร็อพเซอร์เคิล (CROP CIRCLES : AVEBURY, ENGLAND)
วงกลมประหลาด รูปร่างแปลกๆหลายรูป ที่ยังคงต้องการคำตอบ เหตุแห่งการเกิด ชาวเมืองเอฟเบอรี่คุ้นเคยกับมันดี วงขนาดใหญ่ ยาวกว่า 200 เมตร กว้างร่วม 40 เมตร เกิดกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งนา นำความเสียหายปนความสงสัยให้กับเจ้าของที่นาบริเวณ นั้นเป็นอย่างมาก มีทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถาม ของคร็อพเซอร์เคิล มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ แค่นั้นเองก็ได้ คงไม่มีวันรู้
[attach]557752[/attach]
[attach]557753[/attach]
อันดับ 2 : ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์ (EASTER ISLAND GIANTS : EASTER ISLAND, CHILE)
เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน? สร้างขึ้นได้อย่างไร? อาจ เป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่อ ค.ศ.400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการ ความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้นหาคำตอบต่อไป
[attach]557763[/attach]
อันดับ 1 : แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (JACK THE RIPPER : LONDON, ENGLAND)
มัน คงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับโลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดมของเหยื่อหลายรายติดๆกันถูกกล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความน่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แววของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่นในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดังทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้นมากมาย หลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาวหาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้ว แต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร?
[attach]557755[/attach]
[attach]557754[/attach]
3.เทวรูปซูสที่โอลิมเปีย เป็นเทวรูปของซูส ซึ่งเป็นประธานเทวสภาโอลิมปัส สร้างจากไม้ ประดับด้วยทองคำและงาช้าง ลักษณะประทับนั่ง อยู่บนฐานกว้าง 10 เมตรครึ่ง ตัวเทวรูปสูงประมาณ 12 เมตร (43 ฟุต) พระหัตถ์ซ้ายถือคทา พระหัตถ์ขวารองรับไนกี้ เทพีแห่งชัยชนะ มีเครื่องประดับด้วยทองคำล้วน ออกแบบก่อสร้างในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช โดย ฟิดิแอส ประติมากรชาวเอเธนส์ เทวรูปนี้ประดิษฐานอยู่ในวิหารซูส ที่โอลิมเปีย ประเทศกรีซ
4.วิหารอาร์เทอมีส หรือ วิหารไดแอนา ถูกยกย่องให้เป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคต้น เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายเทพีอาร์ทิมิส ซึ่งเป็นเทพที่พวกนายพรานเคารพบูชา มหาวิหารนี้เคยถูกไฟไหม้ ภายหลังได้รับการซ่อมแซมโดยอเล็กซานเดอร์มหาราช ปัจจุบันหลงเหลือเพียงซากเสาเท่านั้น
5.เจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิง ตั้งอยู่เมืองนานกิง ตอนเหนือของจีน สร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในสมัยราชวงศ์หมิง เจดีย์มีลักษณะทรงรูปแปดเหลี่ยม หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว ชายคาแขวนกระดิ่ง 80 ลูกโดยรอบ องค์เจดีย์ก่ออิฐประดับกระเบื้องเคลือบยอดแหลมเป็นทรงกลมต่อขึ้นไปเคลือบทอง เดิมองค์เจดีย์มีเพียง 3 ชั้น ในประมาณพ.ศ. 1973 จักรพรรดิยุ่งโล้โปรดสร้างอีก 6 ชั้น รวม 9 ชั้น มีโซ่โยงจากเหลี่ยมของเจดีย์ 8 เส้น มีกระดิ่งตามแนว 72 ลูก ปัจจุบันเจดีย์ทรุดโทรมมากเนื่องจากถูกเผาสมัยเกิดกบฏไท่ผิงเมื่อ พ.ศ. 2392
6.หอเอนเมืองปิซา ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร
7.ฮาเยียโซเฟีย หรือ ฮาเจียโซเฟีย หรือชื่อในปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์อะยาโซเฟีย (Ayasofya Museum) เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกส์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง จุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร และนับเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ ฮาเจียโซเฟียเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งโบสถ์เซบียาสร้างเสร็จในปี 1520
3.เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันหรือยุคใหม่ ได้แก่~
1.อุโมงค์ช่องแคบอังกฤษ เป็นอุโมงค์รถไฟใต้ทะเลที่สร้างเชื่อมระหว่างเมืองฟอล์คสโตน มณฑลเค้นท์ บริเตนใหญ่ กับตำบลคอแกลส์ เมืองกาเลส์ ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส อุโมงค์แห่งนี้สร้างลอดใต้ช่องแคบอังกฤษบริเวณช่องแคบโดเวอร์ ซึ่งเป็นส่วนที่แคบที่สุด ที่มีความกว้าง 34 กิโลเมตร
2.ซีเอ็นทาวเวอร์ ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองโตรอนโต รัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดา เป็นหอคอยสื่อสารและสังเกตการณ์ สูง 553 เมตร (1,815 ฟุต) เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 และมีความสูงมากกว่าหอคอยออสตานกิโนในมอสโก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 ทั้งที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ซีเอ็นทาวเวอร์ได้รับการบันทึกว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดในโลกเป็นเวลาถึง 31 ปี จนถึงวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2007 จึงถูกแทนที่ด้วยอาคารเบิร์จคาลิฟา (ขณะนั้นใช้ชื่อ เบิร์จดูไบ)
3.เขื่อนอิไตปู เป็นเขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ซึ่งในอดีตจัดได้ว่าเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนที่เขื่อนสามหุบเขาของจีนจะแล้วเสร็จ เขื่อนอิไตปูสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1984 แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1988
[attach]557840[/attach]
4.ตึกเอ็มไพร์สเตทช เป็นหนึ่งในอาคารระฟ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน ในรัฐนิวยอร์ก นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา บริเวณจุดตัดของถนน Fifth Avenue และ West 34 Street
5.เดลตาเวิกส์ เป็นโครงการก่อสร้างชุดใหญ่ที่บริเวณปากแม่น้ำไรน์-เมิส-เชลดา ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อกั้นการท่วมของน้ำทะเล โครงการประกอบไปด้วยการสร้างเขื่อน ประตูปิดเปิดน้ำ ที่กั้นเขื่อน การก่อสร้างเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 ถึงปี ค.ศ. 1997
6.สะพานโกลเดนเกต ทอดยาวข้ามอ่าวตอนเหนือของเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาสร้างในสมัยประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ เมื่อปี ค.ศ. 1933 เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1937 ตอนกลางสะพานยาว 1,280 เมตร กว้าง 27 เมตร สูงกว่าระดับน้ำทะเล 67 เมตร มีทางรถยนต์ 6 ทาง รถบรรทุก 3 ทาง รถไฟ 2 ทาง ใช้งบประมาณก่อสร้างราว 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ึ7.คลองปานามา เป็นคลองเดินเรือสมุทรความยาว 77 กิโลเมตร สร้างขึ้นบริเวณคอคอดปานามาในประเทศปานามา เพื่อเชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาที่ต้องไปอ้อมช่องแคบเดรกและแหลมฮอร์น ทางใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ คิดเป็นระยะทางกว่า 22,500 กิโลเมตร ซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อการเดินเรือระหว่างสองมหาสมุทร โดยถูกใช้เป็นเส้นทางเดินเรือหลักสำหรับการค้าทางทะเลระหว่างประเทศ ตั้งแต่เปิดทำการ คลองปานามาประสบความสำเร็จและเป็นกุญแจสำคัญในการขนส่งสินค้าทั่วโลก จำนวนเรือที่ผ่านคลองปานามาเพิ่มขึ้นจาก 1,000 ลำต่อปีในยุคแรกเริ่ม มาเป็น 14,702 ลำต่อปี ในปี ค.ศ. 2008 มีระวางขับน้ำรวมทั้งสิ้น 309.6 ล้านตัน (คิดเป็นประมาณ 40 ลำต่อวัน ประมาณร้อยละ 5 ของเรือบรรทุกสินค้าทั่วโลก)
[attach]557841[/attach]
แถมๆ
มาชูปิกชู (เกชัว: Machu Picchu) หรือนิยมเรียกอีกชื่อว่า เมืองสาบสูญแห่งอินคา เป็นซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงในประเทศเปรู ที่ความสูงประมาณ 2,350 เมตร อารยธรรมแห่งนี้ได้ถูกลืมโดยคนภายนอกจนกระทั่งมีการค้นพบอีกครั้งโดยนักโบราณคดีที่ชื่อ ไฮแรม บิงแฮม เมื่อ พ.ศ. 2454 มาชูปิกชูเป็นหลักฐานที่สำคัญของจักรวรรดิอินคา ในปี พ.ศ. 2526 องค์กรยูเนสโกได้กำหนดมาชูปิกชูให้เป็นมรดกโลก โดยทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมไปศึกษาประวัติศาสตร์ และได้รับฉายาคือ นครลอยฟ้า
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ อยากจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างหล่ะ~~!!
จัดเต็มความรู้แบบสุดๆ~!
และมีแถมคือ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก~
เครดิต mooBo และ วิกิพีเดีย
10 อันดับเรื่องลี้ลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้
อันดับ 10 : กะโหลกแก้ว (CRYSTAL SKULLS : SOUTHERN MEXICO)
ปริศนาจากชาวมายัน กุญแจที่จะไขทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ 5 ใน 13 ทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ และเทคโนโลยีในอดีต ไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะสร้างขึ้นเองได้ หากเป็นความจริงอันชวนตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้วที่ค้นพบ ข้อมูลในนั้นจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างคนอดีตสู่คนยุคปัจจุบัน
[attach]557775[/attach]
อันดับ 9 : ภาพลายเส้นนาซคา (NAZCA LINES : NAZCA, PERU)
ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพเหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ด และนกกางปีก บนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเรื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบิน หรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่งขึ้น
[attach]557759[/attach]
อันดับ 8 : สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (BERMUDA TRIANGLE : ATLANTIC OCEAN)
ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึง สู่หายนะกับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติก เหตุการณ์ที่ไม่สามารถหา คำอธิบายได้ ความจริงที่เครื่องบิน เรือ ที่ผ่านบริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอยโดย ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุป คำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคาใจ ผู้คนจนถึงปัจจุบัน
[attach]557769[/attach]
อันดับ 7 : :Xบพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ (ARK OF THE COVENANT : ETHIOPIA)
คำตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงองค์พระเจ้าโดยตรง คำสอนศาสนา บทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้
[attach]557772[/attach]
อันดับ 6 : โอเรกอน วอร์เท็กซ์ (OREGON VORTEX : GOLD HILL, OREGON)
พบ กับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็กที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกัน และหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่งนี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียง ลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้สู่ โลกแห่งความจริง ที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้ [attach]557776[/attach]
อันดับ 5 : นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน (THE BOSTON STRANGLER : BOSTON, MA)
คดีแห่งปริศนา ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูกนำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ? คดี ที่โด่งดังไปทั่วอ่าวแบ็คเบย์ในบอสตัน นักฆ่าใจโหด ข่มขืนและฆ่ารัดคอผู้หญิง 11 คนตายในบ้านตัวเอง คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจ ไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา???
[attach]557757[/attach]
อันดับ 4 : สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส (THE LOCH NESS MONSTER : INVERNESS, SCOTLAND)
บน โลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไปเยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาด แห่งทะเลสาบล็อกเนส ในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดังเกี่ยวกับสัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่างก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้องนี้ แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคนต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง
[attach]557767[/attach]
อันดับ 3 : คร็อพเซอร์เคิล (CROP CIRCLES : AVEBURY, ENGLAND)
วงกลมประหลาด รูปร่างแปลกๆหลายรูป ที่ยังคงต้องการคำตอบ เหตุแห่งการเกิด ชาวเมืองเอฟเบอรี่คุ้นเคยกับมันดี วงขนาดใหญ่ ยาวกว่า 200 เมตร กว้างร่วม 40 เมตร เกิดกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งนา นำความเสียหายปนความสงสัยให้กับเจ้าของที่นาบริเวณ นั้นเป็นอย่างมาก มีทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถาม ของคร็อพเซอร์เคิล มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ แค่นั้นเองก็ได้ คงไม่มีวันรู้
[attach]557752[/attach]
[attach]557753[/attach]
อันดับ 2 : ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์ (EASTER ISLAND GIANTS : EASTER ISLAND, CHILE)
เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน? สร้างขึ้นได้อย่างไร? อาจ เป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่อ ค.ศ.400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการ ความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้นหาคำตอบต่อไป
[attach]557763[/attach]
อันดับ 1 : แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (JACK THE RIPPER : LONDON, ENGLAND)
มัน คงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับโลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดมของเหยื่อหลายรายติดๆกันถูกกล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความน่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แววของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่นในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดังทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้นมากมาย หลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาวหาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้ว แต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่าฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร?
[attach]557755[/attach]
[attach]557754[/attach]
~7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก~
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก คือ สิ่งก่อสร้างที่มีความยิ่งใหญ่และโดดเด่น ทั้งหมด 7 แห่งด้วยกัน โดยมีการกล่าวถึงครั้งแรกในงานของเฮโรโดตุส (Herodotos หรือ Herodotus เมื่อราว 5 ศตวรรษก่อนคริสตกาล แต่หลังจากนั้นก็การอ้างถึงจากกวีชาวกรีก เช่น คัลลิมาฆุส แห่งคีเรนี, อันทิพาเตอร์ แห่งซีดอน และฟิโล แห่งไบเซนไทน์ เมื่อราวศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ หรือสิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ดของโลก ในบัญชีแรก เรียกกันว่า เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ และหลังจากนั้น ยังมีบัญชีเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางและยุคปัจจุบัน โดยไม่ปรากฏผู้จัดทำรายการอย่างชัดเจน
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นมีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่
1.เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
2.เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง
3.เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันหรือยุคใหม่
1.เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ได้แก่~
1.มหาพีระมิดแห่งกีซา พีระมิดคูฟู หรือ พีระมิดคีออปส์ นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า มหาพีระมิดแห่งกีซา (อังกฤษ: The Great Pyramid of Giza) เป็น พีระมิดในประเทศอียิปต์ที่มีความใหญ่โตและเก่าแก่ที่สุด ในหมู่พีระมิดทั้งสามแห่งกีซา เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัย ฟาโรห์คูฟู (Khufu) แห่ง ราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณ เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นที่เก็บรักษาพระศพ ไว้รอการกลับคืนชีพ ตามความเชื่อของชาวอียิปต์ในยุคนั้น มหาพีระมิดนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเป็นหนึ่งเดียว ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
2.สวนลอยแห่งบาบิโลน จัดเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตั้งอยู่บนแม่น้ำยูเฟรติส ประเทศอิรักในปัจจุบัน สร้างโดยกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 3 แห่งกรุงบาบิโลเนีย สร้างให้แก่มเหสีของพระองค์ชื่อพระนางเซมีรามีส สร้างขึ้นเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช สุงประมาณ 75 ฟุต กินพื้นที่ 400 ตารางฟุต ระเบียงทุกชั้นได้รับการตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนพุ่มชนิดต่างๆ มีระบบชลประทานชักน้ำจากแม่น้ำไทกิสไปทำเป็นน้ำตกและนำไปเลี้ยงต้นไม้ตลอดปี สวนนี้ได้พังทลายลงจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อหลังศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช
3.เทวรูปซูสที่โอลิมเปีย เป็นเทวรูปของซูส ซึ่งเป็นประธานเทวสภาโอลิมปัส สร้างจากไม้ ประดับด้วยทองคำและงาช้าง ลักษณะประทับนั่ง อยู่บนฐานกว้าง 10 เมตรครึ่ง ตัวเทวรูปสูงประมาณ 12 เมตร (43 ฟุต) พระหัตถ์ซ้ายถือคทา พระหัตถ์ขวารองรับไนกี้ เทพีแห่งชัยชนะ มีเครื่องประดับด้วยทองคำล้วน ออกแบบก่อสร้างในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช โดย ฟิดิแอส ประติมากรชาวเอเธนส์ เทวรูปนี้ประดิษฐานอยู่ในวิหารซูส ที่โอลิมเปีย ประเทศกรีซ
4.วิหารอาร์เทอมีส หรือ วิหารไดแอนา ถูกยกย่องให้เป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคต้น เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายเทพีอาร์ทิมิส ซึ่งเป็นเทพที่พวกนายพรานเคารพบูชา มหาวิหารนี้เคยถูกไฟไหม้ ภายหลังได้รับการซ่อมแซมโดยอเล็กซานเดอร์มหาราช ปัจจุบันหลงเหลือเพียงซากเสาเท่านั้น
5.สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส ตั้งอยู่ที่ฮาลิคาร์นัสเซิส ประเทศตุรกี ในปัจจุบัน สร้างขึ้นโดยราชินี อาเตมีสเซีย หลังการสวรรคตของพระสวามี สร้างขึ้นระหว่าง 353-350 ปีก่อนคริสต์ศักราช สร้างขึ้นมาจากหินอ่อนในระหว่างปี ค.ศ. 156-190 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมกรีกโบราณ มีบันทึกไว้ว่า มีขนาดสูงถึง 140 ฟุต ฐานโดยรอบยาวถึง 460 ฟุต บนยอดสุดเป็นพื้นเหลี่ยมเล็กกว่าฐานล่าง ได้ปั้นเป็นรูปราชรถและม้า 1 ชุด กำลังวิ่ง และมีกษัตริย์และพระมเหสีประทับยืนอยู่บนราชรถม้า ประกอบด้วยลวดลายสวยงามมาก
[attach]557838[/attach]
6.เทวรูปโคโลสซูส มหารูปนี้สร้างขึ้นโดย ชาเรสแห่งลินดอส ซึ่งเป็นประติมากรชาวกรีก ในราว 280 ปี ก่อนคริสตกาล ใช้เวลาสร้างประมาณ 12 ปี มีอายุยืนอยู่ได้ประมาณ 60 ปี ก่อนจะพังทลายลงด้วยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมื่อ 226 ปี ก่อนคริสตกาล ซากชิ้นส่วนของมหารูปได้ถูกปล่อยปละละเลยไม่มีใครดูแล จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 10 ซากที่เหลืออยู่ถูกขายให้แก่ชาวเมืองซาราเซน ไปทำอาวุธในการทำสงครามครูเสดจนหมด จนถึงปัจจุบันไม่มีเหลือซากของมหารูปนี้หลงเหลืออยู่แล้ว
7.ประภาคารฟาโรส หรือ ประภาคารแห่งอเล็กซานเดรีย (อังกฤษ: Pharos of Alexandria, Lighthouse of Alexandria, คำว่าฟาโรสในภาษากรีก (Φάρος) แปลว่าประภาคาร) เป็นประภาคารโบราณซึ่งจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตั้งอยู่บนเกาะฟาโรส เมืองอเล็กซานเดรีย ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สร้างประมาณ 270 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในรัชสมัยพระเจ้าปโตเลมีที่ 1 โดยสถาปนิกชื่อ โซสเตรโตส
2.เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ได้แก่~
1.โคลอสเซียม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 10 ปี
2.หลุมฝังศพแห่งอะเล็กซานเดรีย เป็นสถานที่ฝังศพใต้ดินของกษัตริย์อียิปต์โบราณอีกแบบหนึ่งนอกเหนือไปจากปิรามิด อยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ อุโมงค์แห่งนี้มีชื่อเรียกว่า คาตาโกมบ์ (GATACOMBS) โดยขุดลึกเข้าไปในภูเขาหินทรายเป็นขั้นๆ บางตอนมีความลึกถึง 70-80 ฟุต มีทางเดินกว้าง 3-4 ฟุต ทางเดินจะวกไปเวียนมาเป็นระยะทางนับร้อยไมล์ ผนังอุโมงค์ถูกเจาะเป็นช่องๆ ลึกเข้าไปเพื่อใช้เป็นที่บรรจุศพ มีแท่นบูชาและตะเกียงดวงเล็กๆ แขวนไว้ บางส่วนของอุโมงค์แห่งนี้ได้ตบแต่งเอาไว้อย่างวิจิตรพิสดารสภาพในปัจจุบันยังคงความสมบูรณ์เอาไว้พอที่จะให้ผู้สนใจเข้าไปเที่ยวชมได้
3.กำแพงเมืองจีน เป็นกำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ ของจีนสมัยโบราณ กำแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกฮันส์ หรือชนเผ่า ซยงหนู (Xiongnu) คำว่า ซยงหนู บางทีก็สะกดว่า ซุงหนู หรือ ซวงหนู ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอารยธรรมจีนในยุคต้นๆ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว (ราว 400 ปีก่อนคริสตกาล) เนื่องจากจะเข้ามารุกรานจีนตามแนวชายแดนทางเหนือ ในสมัยราชวงค์ฉิน ได้สั่งให้สร้างกำแพงหมื่นลี้ตามชายแดน เพื่อป้องกันพวก ซยงหนู เข้ามารุกราน และพวกเติร์กจากทางเหนือ หลังจากนั้นยังมีการสร้างกำแพงต่ออีกหลายครั้งด้วยกัน แต่ภายหลังก็มีเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรียสามารถบุกฝ่ากำแพงเมืองจีนได้สำเร็จ
4.สโตนเฮนจ์ เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทุ่งราบกว้างใหญ่บนที่ราบซอลส์บรี (Salisbury Plain) ในบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบไปด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันวางนอนลง และบางอันก็ถูกวางซ้อนอยู่ข้างบน
5.เจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิง ตั้งอยู่เมืองนานกิง ตอนเหนือของจีน สร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในสมัยราชวงศ์หมิง เจดีย์มีลักษณะทรงรูปแปดเหลี่ยม หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว ชายคาแขวนกระดิ่ง 80 ลูกโดยรอบ องค์เจดีย์ก่ออิฐประดับกระเบื้องเคลือบยอดแหลมเป็นทรงกลมต่อขึ้นไปเคลือบทอง เดิมองค์เจดีย์มีเพียง 3 ชั้น ในประมาณพ.ศ. 1973 จักรพรรดิยุ่งโล้โปรดสร้างอีก 6 ชั้น รวม 9 ชั้น มีโซ่โยงจากเหลี่ยมของเจดีย์ 8 เส้น มีกระดิ่งตามแนว 72 ลูก ปัจจุบันเจดีย์ทรุดโทรมมากเนื่องจากถูกเผาสมัยเกิดกบฏไท่ผิงเมื่อ พ.ศ. 2392
6.หอเอนเมืองปิซา ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร
7.ฮาเยียโซเฟีย หรือ ฮาเจียโซเฟีย หรือชื่อในปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์อะยาโซเฟีย (Ayasofya Museum) เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกส์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง จุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร และนับเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ ฮาเจียโซเฟียเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งโบสถ์เซบียาสร้างเสร็จในปี 1520
3.เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันหรือยุคใหม่ ได้แก่~
1.อุโมงค์ช่องแคบอังกฤษ เป็นอุโมงค์รถไฟใต้ทะเลที่สร้างเชื่อมระหว่างเมืองฟอล์คสโตน มณฑลเค้นท์ บริเตนใหญ่ กับตำบลคอแกลส์ เมืองกาเลส์ ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส อุโมงค์แห่งนี้สร้างลอดใต้ช่องแคบอังกฤษบริเวณช่องแคบโดเวอร์ ซึ่งเป็นส่วนที่แคบที่สุด ที่มีความกว้าง 34 กิโลเมตร
2.ซีเอ็นทาวเวอร์ ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองโตรอนโต รัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดา เป็นหอคอยสื่อสารและสังเกตการณ์ สูง 553 เมตร (1,815 ฟุต) เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 และมีความสูงมากกว่าหอคอยออสตานกิโนในมอสโก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 ทั้งที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ซีเอ็นทาวเวอร์ได้รับการบันทึกว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดในโลกเป็นเวลาถึง 31 ปี จนถึงวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2007 จึงถูกแทนที่ด้วยอาคารเบิร์จคาลิฟา (ขณะนั้นใช้ชื่อ เบิร์จดูไบ)
3.เขื่อนอิไตปู เป็นเขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ซึ่งในอดีตจัดได้ว่าเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนที่เขื่อนสามหุบเขาของจีนจะแล้วเสร็จ เขื่อนอิไตปูสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1984 แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1988
[attach]557840[/attach]
4.ตึกเอ็มไพร์สเตทช เป็นหนึ่งในอาคารระฟ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน ในรัฐนิวยอร์ก นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา บริเวณจุดตัดของถนน Fifth Avenue และ West 34 Street
5.เดลตาเวิกส์ เป็นโครงการก่อสร้างชุดใหญ่ที่บริเวณปากแม่น้ำไรน์-เมิส-เชลดา ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อกั้นการท่วมของน้ำทะเล โครงการประกอบไปด้วยการสร้างเขื่อน ประตูปิดเปิดน้ำ ที่กั้นเขื่อน การก่อสร้างเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 ถึงปี ค.ศ. 1997
6.สะพานโกลเดนเกต ทอดยาวข้ามอ่าวตอนเหนือของเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาสร้างในสมัยประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ เมื่อปี ค.ศ. 1933 เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1937 ตอนกลางสะพานยาว 1,280 เมตร กว้าง 27 เมตร สูงกว่าระดับน้ำทะเล 67 เมตร มีทางรถยนต์ 6 ทาง รถบรรทุก 3 ทาง รถไฟ 2 ทาง ใช้งบประมาณก่อสร้างราว 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ึ7.คลองปานามา เป็นคลองเดินเรือสมุทรความยาว 77 กิโลเมตร สร้างขึ้นบริเวณคอคอดปานามาในประเทศปานามา เพื่อเชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาที่ต้องไปอ้อมช่องแคบเดรกและแหลมฮอร์น ทางใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ คิดเป็นระยะทางกว่า 22,500 กิโลเมตร ซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อการเดินเรือระหว่างสองมหาสมุทร โดยถูกใช้เป็นเส้นทางเดินเรือหลักสำหรับการค้าทางทะเลระหว่างประเทศ ตั้งแต่เปิดทำการ คลองปานามาประสบความสำเร็จและเป็นกุญแจสำคัญในการขนส่งสินค้าทั่วโลก จำนวนเรือที่ผ่านคลองปานามาเพิ่มขึ้นจาก 1,000 ลำต่อปีในยุคแรกเริ่ม มาเป็น 14,702 ลำต่อปี ในปี ค.ศ. 2008 มีระวางขับน้ำรวมทั้งสิ้น 309.6 ล้านตัน (คิดเป็นประมาณ 40 ลำต่อวัน ประมาณร้อยละ 5 ของเรือบรรทุกสินค้าทั่วโลก)
[attach]557841[/attach]
แถมๆ
มาชูปิกชู (เกชัว: Machu Picchu) หรือนิยมเรียกอีกชื่อว่า เมืองสาบสูญแห่งอินคา เป็นซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงในประเทศเปรู ที่ความสูงประมาณ 2,350 เมตร อารยธรรมแห่งนี้ได้ถูกลืมโดยคนภายนอกจนกระทั่งมีการค้นพบอีกครั้งโดยนักโบราณคดีที่ชื่อ ไฮแรม บิงแฮม เมื่อ พ.ศ. 2454 มาชูปิกชูเป็นหลักฐานที่สำคัญของจักรวรรดิอินคา ในปี พ.ศ. 2526 องค์กรยูเนสโกได้กำหนดมาชูปิกชูให้เป็นมรดกโลก โดยทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมไปศึกษาประวัติศาสตร์ และได้รับฉายาคือ นครลอยฟ้า
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ อยากจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างหล่ะ~~!!
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mondagi เมื่อ 2013-6-30 21:57
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mondagi เมื่อ 2013-6-30 21:58
10 อันดับเรื่องลี้ลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้ & 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (-'w'-)
" ขอโทษ "