หลายคนมักพูดว่า “การกระทำสำคัญกว่าคำพูด” แต่บางคนก็มัวแต่กระทำจนละเลยคำพูดอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคนในครอบครัวเดียวกัน เมื่อพ่อแม่ก็อยากได้ยินลูกบอกรัก อยากให้ลูกกอด หอม หรือมีแต่คำพูดดีๆ แต่ในทางกลับกันคนเป็นลูกเองก็ไม่ได้มีความต้องการที่แตกต่างจากพ่อแม่ เท่าใดนัก
ทั้ง นี้นอกจากอวัจนภาษา เช่น การกอด หอม ฯลฯ ที่ทุกคนรับรู้ว่าเป็นการแสดงออกเพื่อความรักแล้ว วัจนภาษาก็ไม่ควรมองข้ามไปเช่นกัน พ่อแม่ทุกคนจึงพยายามที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและพูดแต่ สิ่งดีๆกับลูก โดยน้อยคนนักที่จะพูดจาสบถกับลูก ซึ่งสิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้ มันคือสัญชาตญาณของคนเป็นพ่อและแม่แน่นอน
ดังนั้นลองมาดูกันว่า 10 คำพูดดีๆที่ลูกอยากได้ยินจากพ่อแม่นั้นมีอะไรกันบ้าง
1. พ่อกับแม่ “รัก” ลูกมากนะ
แน่ นอนว่าลูกคือดวงใจของพ่อแม่ แต่การที่ละเลยคำพูดง่ายๆและมีค่าขนาดนี้มันก็เป็นสิ่งผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่พอ ควร เพราะคนหลายคนไม่มีโอกาสที่จะบอกรักลูกในวินาทีสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ ในทางกลับกันไม่ว่าจะเป็นลูก หรือ พ่อแม่ รวมไปถึงคนทุกคนก็ควรให้ความสำคัญกับความรักและคำพูดไปพร้อมๆกัน ก่อนที่พ่อแม่จะไม่มีลูกให้บอกรัก หรือลูกบอกรักในวันที่สายเกินไป
ทั้ง นี้อย่ามัวแต่แสดงความรัก และเชื่อว่าลูกรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน เพราะบางเวลาคำพูดก็สำคัญไม่แพ้การกระทำเช่นกัน ดังนั้นบอกรักลูกบ้าง เขาจะได้รู้ว่าจริงๆแล้ว พ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน
2.พ่อกับแม่ “ภูมิใจ”ในตัวลูกมากนะ
มัน อาจมีบางอย่างที่ลูกทำให้พ่อแม่รู้สึกภูมิใจมากป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเป็นสุภาพบุรษ มีน้ำใจ หรือแสดงความสามารถพิเศษให้เห็นอยู่เสมอ
พ่อแม่ทุกคนควรลองนึกดูดีๆว่า จุดเด่นของลูกคืออะไร แล้วสิ่งใดที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเขา ก็ ใช้ช่วงเวลาดีๆบอกให้ลูกได้รับรู้บ้างว่า “พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน” เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำนี้มันจะเปลี่ยนเป็นพลังและกำลังใจให้ลูกได้อย่าง มหัศจรรย์ทีเดียว
3.พ่อกับแม่ “สนับสนุน”ลูกเสมอนะ
พ่อแม่ทุกคนควรตระหนักอยู่เสมอว่า “ลูกไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ลูก” เพราะฉะนั้นอย่าเอาลูกไปเปรียบเทียบกับตัวเองสมัยเด็กๆ บางอย่างที่พ่อแม่ชอบ ลูกอาจไม่ชอบ มุมมองที่ต่างกัน ถ้าไม่เข้าใจกันก็ทำให้มีปัญหากันได้ และถ้าหากเด็กบางคนถูกบังคับมากๆก็จะรู้สึกว่าเขาไม่มีความเป็นส่วนตัว ไร้อิสระ ท้อแท้ และไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ขณะที่บางคนโตมาในครอบครัวนักกฎหมาย แต่ต้องการเป็นนักเขียน หรือบางคนมีความต้องการใช้ชีวิตอย่างที่อยากเป็น
ไม่ว่าเขาจะเลือกเป็นอย่างไร หากสิ่งที่เขาตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ดี พ่อแม่ก็ควรสนับสนุนพวกเขา เพียงแค่บอกว่า “พ่อกับแม่ยังคงเข้าใจและสนับสนุนลูกทุกเมื่อ ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีและลูกต้องการ”
4. พ่อกับแม่ “เชื่อมั่น”ในตัวลูกเสมอนะ
ช่วง ระยะเวลาหนึ่งโดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างอาจเข้ามาจนพ่อแม่ตั้งตัวไม่ติด ลูกอาจสูญเสียความมั่นใจในการตัดสินใจหรือลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หากใครเคยเจอปัญหาลูกอยู่ในช่วงสับสนแบบนี้
ลองถามตัวเองดูว่า เคยสละเวลาบอกลูกบ้างหรือไม่ว่า “พ่อกับแม่เชื่อมั่นในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อและแม่ก็จะอยู่ข้างลูกเสมอ”
5. พ่อกับแม่ “ขอโทษ”
บางครั้งการขอโทษมันอาจจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะพูด แล้วยิ่งคนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับความเป็นพ่อและแม่ค่อนข้างสูงดัง นั้นหากพ่อแม่ทำผิด ก็จะคิดกันแต่เพียงว่า พ่อแม่ไม่ควรที่จะขอโทษลูก ยิ่งคนเป็นพ่อด้วยแล้ว อาจจะยากขึ้นไปอีกที่จะกล่าวคำว่า “ขอโทษ”กับลูกอย่าง ไรก็ดี คำขอโทษจากพ่อแม่นั้น ลูกๆเองก็ควรมีเหตุผลและรู้จักบาปบุญคุณโทษด้วย เพราะลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นเสียงหรือออกคำสั่งกับพ่อแม่ไม่ว่าจะประการใด ก็ตาม
ทั้ง นี้การที่พ่อแม่กล่าวคำขอโทษกับลูกเมื่อทำผิดพลาดนั้นไม่ได้หมายความว่า ลูกจะดูถูกความเป็นพ่อเป็นแม่ ในทางกลับกันการที่พ่อแม่ยอมรับและกล้าขอโทษนั้น มันยังทำให้ทุกคนเรียนรู้ที่จะเคารพตัวเองเพราะกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่ทำ ลงไป อีกทั้งยังเคารพความรู้สึกของผู้อื่นด้วย
6. ลูกเป็น “เด็กดี”ของพ่อกับแม่
พ่อแม่ทุกคนควรทำความเข้าใจธรรมชาติของเด็กก่อนว่า เด็กทุกคนอยากได้รับคำชมเชยและได้ยินคำยืนยันจากพ่อแม่อีกสักครั้งว่า เขาเป็นลูกที่ดีพอหรือไม่
ดัง นั้นหากลูกเป็นเด็กดี มีน้ำใจ น่ารักกับทุกคน พ่อแม่ก็ควรชมเชยลูกบ้างว่า “ลูกเป็นเด็กดีของพ่อและแม่มากเพราะการที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ มันจะทำให้ลูกเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นและเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีใน ครอบครัวอีกด้วย
7. แม้เลิกกัน แต่ลูกไม่ต้องเลือกรัก
ข้อ นี้จะดีสำหรับครอบครัวที่พ่อแม่มีเหตุที่ต้องเลิกลากันไป ทำให้เด็กตกอยู่ในภาวะสับสน เลือกว่าจะต้องอยู่กับใคร ซึ่งในระหว่างช่วงเวลาสับสนกับการเลือกฝั่งของพ่อและแม่แล้ว ลูกบางคนที่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นอาจจะต้องเลือกด้วยว่าจะรักใคร ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะกีดกันลูกไม่ให้เด็กพบอีกฝ่ายหนึ่งเช่นหาก ลูกอยู่กับแม่ แม่มักจะสอนให้รักแม่ แต่เกลียดพ่อ หรือหากอยู่กับพ่อก็ต้องรักพ่อและเกลียดแม่เป็นต้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ แม้ ในที่สุดจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่ควรบังคับลูกให้รักใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังไงพ่อกับแม่ก็คือบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
8. พ่อกับแม่ “ยอมรับ” ในสิ่งที่ลูกเป็น
เมื่อ ลูกเริ่มโตขึ้นมากเท่าไหร่ เขายิ่งต้องการการยอมรับจากพ่อและแม่มากขึ้นเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วลูกมักจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อแม่ยอมรับในตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตัดสินใจในความรักวัยเด็ก หรือการกระทำต่างๆ ที่ลูกอาจมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน แม้พ่อแม่จะอยู่คอยดูอยู่ห่างๆและการที่ลูกรู้ว่าพ่อแม่ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น และเลือกแล้วนั้น แสดงให้เห็นว่าพ่อแม่ไม่ได้ละเลยแต่อย่างใด อีกทั้งยังคงรักและเข้าใจอยู่เสมอด้วย เพียงแค่พ่อแม่บอกกับลูกว่า “พ่อแม่เข้าใจและยอมรับลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรก็ตาม”
9. พ่อกับแม่ “ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”…นะลูก
บาง ครั้งพ่อแม่อาจจะพูดอะไรบางอย่างที่ลูกฟังแล้วรู้สึกเสียใจกับคำพูดเหล่า นั้น ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว พ่อแม่อาจพูดไปโดยที่ไม่ได้คิดว่าลูกจะเสียใจกับสิ่งที่พูดออกไป
ดังนั้นหากพ่อแม่ทราบว่าลูกเสียใจกับสิ่งที่ๆได้พูดออกไป ก็ควรอธิบายให้เขาเข้าใจว่า หมายความว่าอย่างไรกันแน่ อย่าให้ลูกเข้าใจผิดๆ แต่ทางที่ดีก็ควรพูดจาให้ชัดเจนตั้งแต่แรกจะดีกว่า
10. ลูกคือ “คนสำคัญ”ของพ่อกับแม่นะ
จริงๆแล้ว ข้อนี้อาจเป็นคำที่สำคัญอันดับแรกๆเสียด้วยซ้ำ เมื่อในความเป็นจริงแล้ว ลูก คือคนสำคัญและคนพิเศษสำหรับพ่อแม่แต่ จะมีสักกี่ครั้งที่พ่อแม่ได้บอกให้ลูกรับรู้จากปากของพ่อแม่เองบ้าง เชื่อเถอะว่าหากได้พูดให้ลูกรู้ สิ่งที่จะได้กลับมานั้นมันย่อมมีค่ามหาศาลมากกว่าเป็นไหนๆ เพราะนั่นคือสายใยความรักระหว่างพ่อ แม่ และลูก
ทั้งนี้ พ่อแม่ทุกคนควรกอดลูกบ้างโดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มโตขึ้น อย่า ให้วัยที่เปลี่ยนไปมาทำให้ระยะห่างพ่อ แม่ ลูกห่างกันจนรู้สึกว่าการกอดนั้นเป็นเรื่องแปลก ดังนั้นการกอดลูกแน่นๆและบอกว่าเขาสำคัญมากแค่ไหน แม้จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่มันจะเป็นความทรงจำที่คนเป็นพ่อ แม่ และลูกจะไม่มีวันลืมได้เลย
ขอบคุณ : postjunt
ทั้ง นี้นอกจากอวัจนภาษา เช่น การกอด หอม ฯลฯ ที่ทุกคนรับรู้ว่าเป็นการแสดงออกเพื่อความรักแล้ว วัจนภาษาก็ไม่ควรมองข้ามไปเช่นกัน พ่อแม่ทุกคนจึงพยายามที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและพูดแต่ สิ่งดีๆกับลูก โดยน้อยคนนักที่จะพูดจาสบถกับลูก ซึ่งสิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้ มันคือสัญชาตญาณของคนเป็นพ่อและแม่แน่นอน
ดังนั้นลองมาดูกันว่า 10 คำพูดดีๆที่ลูกอยากได้ยินจากพ่อแม่นั้นมีอะไรกันบ้าง
1. พ่อกับแม่ “รัก” ลูกมากนะ
แน่ นอนว่าลูกคือดวงใจของพ่อแม่ แต่การที่ละเลยคำพูดง่ายๆและมีค่าขนาดนี้มันก็เป็นสิ่งผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่พอ ควร เพราะคนหลายคนไม่มีโอกาสที่จะบอกรักลูกในวินาทีสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ ในทางกลับกันไม่ว่าจะเป็นลูก หรือ พ่อแม่ รวมไปถึงคนทุกคนก็ควรให้ความสำคัญกับความรักและคำพูดไปพร้อมๆกัน ก่อนที่พ่อแม่จะไม่มีลูกให้บอกรัก หรือลูกบอกรักในวันที่สายเกินไป
ทั้ง นี้อย่ามัวแต่แสดงความรัก และเชื่อว่าลูกรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน เพราะบางเวลาคำพูดก็สำคัญไม่แพ้การกระทำเช่นกัน ดังนั้นบอกรักลูกบ้าง เขาจะได้รู้ว่าจริงๆแล้ว พ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน
2.พ่อกับแม่ “ภูมิใจ”ในตัวลูกมากนะ
มัน อาจมีบางอย่างที่ลูกทำให้พ่อแม่รู้สึกภูมิใจมากป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเป็นสุภาพบุรษ มีน้ำใจ หรือแสดงความสามารถพิเศษให้เห็นอยู่เสมอ
พ่อแม่ทุกคนควรลองนึกดูดีๆว่า จุดเด่นของลูกคืออะไร แล้วสิ่งใดที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเขา ก็ ใช้ช่วงเวลาดีๆบอกให้ลูกได้รับรู้บ้างว่า “พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน” เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำนี้มันจะเปลี่ยนเป็นพลังและกำลังใจให้ลูกได้อย่าง มหัศจรรย์ทีเดียว
3.พ่อกับแม่ “สนับสนุน”ลูกเสมอนะ
พ่อแม่ทุกคนควรตระหนักอยู่เสมอว่า “ลูกไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ลูก” เพราะฉะนั้นอย่าเอาลูกไปเปรียบเทียบกับตัวเองสมัยเด็กๆ บางอย่างที่พ่อแม่ชอบ ลูกอาจไม่ชอบ มุมมองที่ต่างกัน ถ้าไม่เข้าใจกันก็ทำให้มีปัญหากันได้ และถ้าหากเด็กบางคนถูกบังคับมากๆก็จะรู้สึกว่าเขาไม่มีความเป็นส่วนตัว ไร้อิสระ ท้อแท้ และไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ขณะที่บางคนโตมาในครอบครัวนักกฎหมาย แต่ต้องการเป็นนักเขียน หรือบางคนมีความต้องการใช้ชีวิตอย่างที่อยากเป็น
ไม่ว่าเขาจะเลือกเป็นอย่างไร หากสิ่งที่เขาตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ดี พ่อแม่ก็ควรสนับสนุนพวกเขา เพียงแค่บอกว่า “พ่อกับแม่ยังคงเข้าใจและสนับสนุนลูกทุกเมื่อ ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีและลูกต้องการ”
4. พ่อกับแม่ “เชื่อมั่น”ในตัวลูกเสมอนะ
ช่วง ระยะเวลาหนึ่งโดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างอาจเข้ามาจนพ่อแม่ตั้งตัวไม่ติด ลูกอาจสูญเสียความมั่นใจในการตัดสินใจหรือลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หากใครเคยเจอปัญหาลูกอยู่ในช่วงสับสนแบบนี้
ลองถามตัวเองดูว่า เคยสละเวลาบอกลูกบ้างหรือไม่ว่า “พ่อกับแม่เชื่อมั่นในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อและแม่ก็จะอยู่ข้างลูกเสมอ”
5. พ่อกับแม่ “ขอโทษ”
บางครั้งการขอโทษมันอาจจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะพูด แล้วยิ่งคนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับความเป็นพ่อและแม่ค่อนข้างสูงดัง นั้นหากพ่อแม่ทำผิด ก็จะคิดกันแต่เพียงว่า พ่อแม่ไม่ควรที่จะขอโทษลูก ยิ่งคนเป็นพ่อด้วยแล้ว อาจจะยากขึ้นไปอีกที่จะกล่าวคำว่า “ขอโทษ”กับลูกอย่าง ไรก็ดี คำขอโทษจากพ่อแม่นั้น ลูกๆเองก็ควรมีเหตุผลและรู้จักบาปบุญคุณโทษด้วย เพราะลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นเสียงหรือออกคำสั่งกับพ่อแม่ไม่ว่าจะประการใด ก็ตาม
ทั้ง นี้การที่พ่อแม่กล่าวคำขอโทษกับลูกเมื่อทำผิดพลาดนั้นไม่ได้หมายความว่า ลูกจะดูถูกความเป็นพ่อเป็นแม่ ในทางกลับกันการที่พ่อแม่ยอมรับและกล้าขอโทษนั้น มันยังทำให้ทุกคนเรียนรู้ที่จะเคารพตัวเองเพราะกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่ทำ ลงไป อีกทั้งยังเคารพความรู้สึกของผู้อื่นด้วย
6. ลูกเป็น “เด็กดี”ของพ่อกับแม่
พ่อแม่ทุกคนควรทำความเข้าใจธรรมชาติของเด็กก่อนว่า เด็กทุกคนอยากได้รับคำชมเชยและได้ยินคำยืนยันจากพ่อแม่อีกสักครั้งว่า เขาเป็นลูกที่ดีพอหรือไม่
ดัง นั้นหากลูกเป็นเด็กดี มีน้ำใจ น่ารักกับทุกคน พ่อแม่ก็ควรชมเชยลูกบ้างว่า “ลูกเป็นเด็กดีของพ่อและแม่มากเพราะการที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ มันจะทำให้ลูกเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นและเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีใน ครอบครัวอีกด้วย
7. แม้เลิกกัน แต่ลูกไม่ต้องเลือกรัก
ข้อ นี้จะดีสำหรับครอบครัวที่พ่อแม่มีเหตุที่ต้องเลิกลากันไป ทำให้เด็กตกอยู่ในภาวะสับสน เลือกว่าจะต้องอยู่กับใคร ซึ่งในระหว่างช่วงเวลาสับสนกับการเลือกฝั่งของพ่อและแม่แล้ว ลูกบางคนที่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นอาจจะต้องเลือกด้วยว่าจะรักใคร ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะกีดกันลูกไม่ให้เด็กพบอีกฝ่ายหนึ่งเช่นหาก ลูกอยู่กับแม่ แม่มักจะสอนให้รักแม่ แต่เกลียดพ่อ หรือหากอยู่กับพ่อก็ต้องรักพ่อและเกลียดแม่เป็นต้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ แม้ ในที่สุดจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่ควรบังคับลูกให้รักใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังไงพ่อกับแม่ก็คือบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
8. พ่อกับแม่ “ยอมรับ” ในสิ่งที่ลูกเป็น
เมื่อ ลูกเริ่มโตขึ้นมากเท่าไหร่ เขายิ่งต้องการการยอมรับจากพ่อและแม่มากขึ้นเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วลูกมักจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อแม่ยอมรับในตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตัดสินใจในความรักวัยเด็ก หรือการกระทำต่างๆ ที่ลูกอาจมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน แม้พ่อแม่จะอยู่คอยดูอยู่ห่างๆและการที่ลูกรู้ว่าพ่อแม่ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น และเลือกแล้วนั้น แสดงให้เห็นว่าพ่อแม่ไม่ได้ละเลยแต่อย่างใด อีกทั้งยังคงรักและเข้าใจอยู่เสมอด้วย เพียงแค่พ่อแม่บอกกับลูกว่า “พ่อแม่เข้าใจและยอมรับลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรก็ตาม”
9. พ่อกับแม่ “ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”…นะลูก
บาง ครั้งพ่อแม่อาจจะพูดอะไรบางอย่างที่ลูกฟังแล้วรู้สึกเสียใจกับคำพูดเหล่า นั้น ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว พ่อแม่อาจพูดไปโดยที่ไม่ได้คิดว่าลูกจะเสียใจกับสิ่งที่พูดออกไป
ดังนั้นหากพ่อแม่ทราบว่าลูกเสียใจกับสิ่งที่ๆได้พูดออกไป ก็ควรอธิบายให้เขาเข้าใจว่า หมายความว่าอย่างไรกันแน่ อย่าให้ลูกเข้าใจผิดๆ แต่ทางที่ดีก็ควรพูดจาให้ชัดเจนตั้งแต่แรกจะดีกว่า
10. ลูกคือ “คนสำคัญ”ของพ่อกับแม่นะ
จริงๆแล้ว ข้อนี้อาจเป็นคำที่สำคัญอันดับแรกๆเสียด้วยซ้ำ เมื่อในความเป็นจริงแล้ว ลูก คือคนสำคัญและคนพิเศษสำหรับพ่อแม่แต่ จะมีสักกี่ครั้งที่พ่อแม่ได้บอกให้ลูกรับรู้จากปากของพ่อแม่เองบ้าง เชื่อเถอะว่าหากได้พูดให้ลูกรู้ สิ่งที่จะได้กลับมานั้นมันย่อมมีค่ามหาศาลมากกว่าเป็นไหนๆ เพราะนั่นคือสายใยความรักระหว่างพ่อ แม่ และลูก
ทั้งนี้ พ่อแม่ทุกคนควรกอดลูกบ้างโดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มโตขึ้น อย่า ให้วัยที่เปลี่ยนไปมาทำให้ระยะห่างพ่อ แม่ ลูกห่างกันจนรู้สึกว่าการกอดนั้นเป็นเรื่องแปลก ดังนั้นการกอดลูกแน่นๆและบอกว่าเขาสำคัญมากแค่ไหน แม้จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่มันจะเป็นความทรงจำที่คนเป็นพ่อ แม่ และลูกจะไม่มีวันลืมได้เลย
ขอบคุณ : postjunt
10 คำพูดดีๆที่ลูกอยากได้ยินจากปากของผู้เป็นพ่อเเม่
[IMG]