มีตำนานที่เล่าต่อๆกันมาอาจจะไม่น่าเชื่อสำหรับใครบางคนแต่มันเป็นเรื่องจริง!!!
ดัง ที่ทราบกันว่าเรือไททานิคนั้นอัปปางโดยการชนก้อนน้ำแข็งและจมหายไป ในมหาสมุทรพร้อมชีวิตผู้คนอีกมากมาย โดยตำนานไม่ได้กล่าวถึงมัมมี่ของ
เจ้าหญิงอาเมน-รา(Amen-Ra)ที่ใต้ท้องเรือว่าเกี่ยวข้องกับสาเหตุการจมแต่อย่างใด
เจ้าหญิงอาเมน-รา
แต่ ทว่าหนังสือพิมพ์บางฉบับกล่าวถึงเรื่องการอัปปางของไททานิคว่าเกิดจากคำสาป
มัมมี่ที่อยู่รูป ของสินค้าในเรือแห่งนี้ พ่อค้าที่ขาดจิตสำนึก ได้ลอบนำมัมมี่เข้าสู่อเมริกา
เพื่อต้องการขายมัมมี่แก่พิพิธภัณฑ์
ในนิวยอร์กตามที่ได้ตกลงราคาเป็นมูลค่าที่สูงถึง500000ดอลลาร์ เขายังได้ตกลง
แบ่งเงินจำนวนนั้นให้แก่หัวขโมยที่ลักลอบโจรกรรมสุสานแห่งนี้
โดยที่การลักลอบโจรกรรมครั้งนี้เทพอนูบิสทรงพิโรธเป็นอย่างยิ่ง
จาก การที่มเหสีของฟาโรห์ถูกลักลอบขโมยไปและขายให้พิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์กสเหมือน
เป็นการหมิ่น พระเกียรติฟาโรห์อย่างมหันต์ ดังนั้นเพื่อจัดการทำลายล้างพวกที่ไม่เคารพ
เทพอนูบิสจึงจมเรือไททานิคเพื่อให้มัมมี่จมลงสู่ทะเลพร้อมกับเรือแระผู้ โดยสารโชคร้ายทุกคน
นั่นคืออำนาจคำสาปแห่งเทพเจ้า
ยัง มีตำนานที่เล่าขานกันเพิ่มเติมว่า มัมมี่ได้ถูกนำขึ้นไปไว้อย่างปลอดภัยบทเรือ
ชูชีพที่ช่วยชีวิตผู้โดยสาร ในขณะที่เรือไททานิคกำลังจมสู่ท้องทะเล จากนั้นได้มี
การขนส่งต่อไปยังนิวยอร์ก แต่กลับเกิดเหตุประหลาดมากมาย จนทำให้เจ้าหน้าที่
รับผิดชอบตักสินใจส่งกลับคืนสู่อียิปต์ด้วยเรือ เอ็กซ์เปรส ออฟ ไอร์แลนด์(Express of Ireland)
และ สุดท้ายเรือลำนี้ก็ได้จมลงสู่มหาสมุทรพร้อมกับชีวิตของลูกเรือทุกคน
การอัปปางครั้งนี้มัมมี่ไม่ได้จมอยู่กับเรือหากแต่สามารถกู้ขึนมาได้โดยเรือ
ชูชีพหลังจากนั้นมีความพยายาม ที่จะส่วนมัมมี่กลับสู่อียิปต์อีกครั้งด้วยเรือลูซิทาเนีย
ซึ่งก็ อัปปางลงอีกจากฝีมือตอร์ปิโดในสงครามโลก แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะมัมมี่ที่ดำดิ่งสู่ก้นสมุทรไปพร้อมกับสัมภาระต่างๆของเรือลูซฺทาเนีย
ด้วยเหตุนี้จึงมีการพิพากษ์กันว่า เคราะห์กรรมของไททานิคนั้นเนื่องมาจากคำสาปของมัมมี่
จนเป็นตำนานที่เล่าขานที่โจษขานกันไม่รู้จบ
เจ้าหญิงอาเมน-รามีพระชนม์ชีพในช่วงประมาน1500ปีก่อน ค.ศ.เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์
พระ ศพได้รับการบรรจุลงในโกศหรือโลงพระศพไม้ ที่ประดับตกแต่งอย่างงดงามตระการตา
จากนั้นมีการนำไปบรรจุในสุสานหลวงที่ลักซอร์ริมฝั่งแม่น้ำไนล์
จวบจนในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ1890กลุ่มหมาเศรษฐี 4 คน ได้มาเยี่ยมชมอุโมงค์
บรรจุพระศพที่ลักซอร์ มีการยื่นเสนอข้อตกลงซื้อขาย โลงบรรจุพระศพมัมมี่ของ
เจ้าหญิงอาเมน-ราที่ประดับตกแต่ง อย่างอลังการนี้
เศรษฐี หนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มผู้ร่ำรวยถูกรางวัล ลอตเตอรี่ได้จ่ายเงินซื้อโลง พระศพมัมมี่
ในราคาหลายพันปอนด์และ ได้นำกลับมาเก็บไว้ที่โรงแรมที่เขาพักอยู่2ชั่วโมง ต่อมาเขา
ได้เดินทางออกไปในทะเลทราย และไม่ได้หวนกลับมาอีกเลย ในวันรุ่งขึ้นหนึ่งใน
สามเศรษฐีที่เหลืออยู่ก็ถูกคนรับใช้ชาวอียิปต์ยิง โดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ บาดแผลที่
ถูกยิงตรงแขนข้างหนึ่งของเขาเกิดเป็นแผลร้ายแรงจนต้องตัวแขนทิ้ง เศรษฐีหนุ่มคนที่
สามถูกธนาคารยึดเงินฝากของเขาไว้ทั้งหมดเมื่อเดินทางกลับ สู่บ้าน เศรษฐีคนสุดท้าย
ก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายและหมดเนื้อหมดตัว จนต้องออกมาขายไม้ขีดไฟตามท้องถนน
อย่าง ไรก็ดี โลงพระศพได้ย้ายมาสู่ประเทศอังกฤษตามคำสั่งซื้อของนักธุรกิจแห่ง
กรุงลอนดอน โดยที่ระหว่างการขนส่งก็เกิดเหตุประหลาดที่เป็นอุปสรรคตลอดเส้นทางหลัง
จากที่มัมมี่อยู่อยู่มาอยู่สมาชิกในบ้านของนักธุรกิจนี้ 3 คน ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนและ
บ้านก็ถูกไฟไหม้ นักธุรกิจผู้นั้นตัดสินใจบริจาคลงอาถรรพ์แก่พิพิธภัณฑ์อังกฤษ แต่ขณะ
ที่ย้ายลงจากรถบรรทุกในบริเวณสนามของพิพิธภัณฑ์รถก็พลิกคว่ำ แล้วพุ่งเข้าชนผู้คนบริเวณ
ละแวกนั้น พอสิ้นความขุ่นวาย และเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์2คนกำลังกำลังขนบพระศพขึ้นบันไดนั้น
คนหนึ่งเกิดพลาดตกลงมาขาหัก ส่วนอีกคนไม่เป็นอะไรแต่อีก2วัน ต่อมาเขากลับเสียชีวิตอย่าง
ไม่ทราบสาเหตุ ครั้นเมื่อพระศพมัมมี่เจ้าหญิงประทับในห้องแสดงอารยะธรรมอียิปต์
หายนะภัยที่แท้จริงก็เริ่มต้นขึ้น
ยาม รักษาความปลอดภัยพิพิธภัณฑ์ได้ยินเสียงกระทุ้งโลงอย่างรุนแรง และมีเสียงกุกกัก
ปึงปังยามค่ำคืนโดยไร้สาเหตุ ยามคนหนึ่งได้ตายระหว่างรักษาการณ์ เป็นเหตุให้ยาม
คนอื่นๆอยากลาออก แม้กระทั่งพนักงานทำความสะอาดพลอยไม่อยากเข้าใกล้โลงพระศพ
ผู้ เข้าชมพิพิธภัณฑ์มือบอนคนหนึ่งนำผ้าขี้ริ้ววางปิดภาพใบหน้าที่วาดบนโลงอย่าง
ลบหลู่ หลังจากนั้นลูกของผู้เข้าชมอุตริผู้นั้นตายด้วยโรคหัด ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่
พิพิธภัณฑ์ได้เคลื่อนย้ายพระศพมัมมี่ไปเก็บไว้ที่ห้อง ใต้ดิน ด้วยความคิดที่ไม่ต้องการ
ให้ทำร้ายใครได้อีกต่อไปแต่ในอาทิตย์เดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มีส่วนช่วยเคลื่อนย้าย
โลงพระศพก็ล้มป่วยลงด้วยอาการ ขั้นตรีทูต รวมทั้งผู้ดูแลการเคลื่อนย้ายก็เสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่านักข่าวหนังสือพิมพ์ที่เคยถ่ายรูปโลงมัมมี่เอาไว้ แล้วนำไปล้าง
ภาพนั้นมีใบหน้ามัมมี่ที่น่ากลัวปรากฏอยู่บนฝาโลงพระศพ ช่างภาพผู้เคราะห์ร้ายเข้าไปในห้องนอน
และยิงตัวตาย ไม่นานจากนั้นทางพิพิธภัณฑ์ได้ขายมัมมี่ให้แก่นักสะสมเอกชน
และหลังจากที่เคราะห์ร้ายความตายเกิดขึ้นต่อในครอบครัวทำให้นักสะสมผู้นั้น นำโลง
พระศพไปเก็บไว้ยังห้องใต้หลังคา
ต่อ มา มาดาม เฮเลนนา บลาวาตสกี ผู้วชาญโด่งดังด้านเรื่องเร้นลับได้มา
เยือนอาคารที่เก็บมัมมี่อาถรรพ์ ขณะที่เข้าสู่อาคารเฮเลนาเป็นลมจับไข้ตัวสั่นเหมือนโดนผีเข้า
จากนั้นจึงค้นหาที่มาของอำนาจชั่วร้ายที่มีพลังรุนแรงอย่างน่ากลัว
ในที่สุดเฮเลนาก็มาหยุดอยู่ที่ห้องใต้หลังคาและได้พบกับโลงมัมมี่เจ้าของ บ้านขอร้องเธอ
ช่วยให้ช่วยขับไล่อำนาจปิศาจมัมมี่ออกไป
"ปิศาจ นั้นย่อมเป็นปิศาจชั่วนิจนิรันดร์ ไม่มีผู้ใดสามารถจัดการได้
ฉันขอให้คุณรีบกำจัดปิศาจร้ายนี้โดยด่วน" ทว่าไม่มีพิพิธภัณฑ์ในอังกฤษแห่ง
ไหนยอมรับมัมมี่เลย เนื่องจากข่าวที่แพร่ว่า มีคนตายถึง20คนแถมยังประสบเหตุเคราะห์ร้าย
และหายนะจากการเก็บรักษาหรือ เกี่ยวข้องกับโลงพระศพมัมมี่นี้ตลอม10ปีที่ผ่านมา
จนเป็นที่โจษขานกันถึงอำนาจชั่วร้ายนี้
ใน ที่สุดก็มีนักโบราณคดีอเมริกันผู้ไม่เชื่อถือในเรื่องอาถรรพ์ของมัมมี่
ยินดีจ่ายเงินจำนวนมหาศาล เพื่อเคลื่อนย้ายมัมมี่มาที่นครนิวยอร์ก
สั่งให้ขนส่งสมบัติชิ้นใหม่นี้มาให้ในเดือนเมษายนปีค.ศ.1912
โดยเรือโดยสารของบริษัทไวท์สตาร์ ลำใหม่ที่หรูหรา นำเจ้าหญิงอาเมน-รามาสู่นครนิวยอร์ก
ในราตรีของคืนที่14 เมษายนปีนั้นเอง ความหายนะอันน่าสะพรึงอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็
ปรากฏขึ้น เจ้าหญิงแห่งอาเมน-ราพาผู้โดยสารอีก1500คนสู่ความตาย
ในก้นบึ้งมหาสมุทรแอตแลนติกเรือโดยสารลำนี้มีชื่อว่า เรือไททานิค ที่พวกเรารู้จักกันอย่างดีนั่นเอง
credit ::: http://romanova.exteen.com/category/Mystery
ดัง ที่ทราบกันว่าเรือไททานิคนั้นอัปปางโดยการชนก้อนน้ำแข็งและจมหายไป ในมหาสมุทรพร้อมชีวิตผู้คนอีกมากมาย โดยตำนานไม่ได้กล่าวถึงมัมมี่ของ
เจ้าหญิงอาเมน-รา(Amen-Ra)ที่ใต้ท้องเรือว่าเกี่ยวข้องกับสาเหตุการจมแต่อย่างใด
เจ้าหญิงอาเมน-รา
แต่ ทว่าหนังสือพิมพ์บางฉบับกล่าวถึงเรื่องการอัปปางของไททานิคว่าเกิดจากคำสาป
มัมมี่ที่อยู่รูป ของสินค้าในเรือแห่งนี้ พ่อค้าที่ขาดจิตสำนึก ได้ลอบนำมัมมี่เข้าสู่อเมริกา
เพื่อต้องการขายมัมมี่แก่พิพิธภัณฑ์
ในนิวยอร์กตามที่ได้ตกลงราคาเป็นมูลค่าที่สูงถึง500000ดอลลาร์ เขายังได้ตกลง
แบ่งเงินจำนวนนั้นให้แก่หัวขโมยที่ลักลอบโจรกรรมสุสานแห่งนี้
โดยที่การลักลอบโจรกรรมครั้งนี้เทพอนูบิสทรงพิโรธเป็นอย่างยิ่ง
จาก การที่มเหสีของฟาโรห์ถูกลักลอบขโมยไปและขายให้พิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์กสเหมือน
เป็นการหมิ่น พระเกียรติฟาโรห์อย่างมหันต์ ดังนั้นเพื่อจัดการทำลายล้างพวกที่ไม่เคารพ
เทพอนูบิสจึงจมเรือไททานิคเพื่อให้มัมมี่จมลงสู่ทะเลพร้อมกับเรือแระผู้ โดยสารโชคร้ายทุกคน
นั่นคืออำนาจคำสาปแห่งเทพเจ้า
ยัง มีตำนานที่เล่าขานกันเพิ่มเติมว่า มัมมี่ได้ถูกนำขึ้นไปไว้อย่างปลอดภัยบทเรือ
ชูชีพที่ช่วยชีวิตผู้โดยสาร ในขณะที่เรือไททานิคกำลังจมสู่ท้องทะเล จากนั้นได้มี
การขนส่งต่อไปยังนิวยอร์ก แต่กลับเกิดเหตุประหลาดมากมาย จนทำให้เจ้าหน้าที่
รับผิดชอบตักสินใจส่งกลับคืนสู่อียิปต์ด้วยเรือ เอ็กซ์เปรส ออฟ ไอร์แลนด์(Express of Ireland)
และ สุดท้ายเรือลำนี้ก็ได้จมลงสู่มหาสมุทรพร้อมกับชีวิตของลูกเรือทุกคน
การอัปปางครั้งนี้มัมมี่ไม่ได้จมอยู่กับเรือหากแต่สามารถกู้ขึนมาได้โดยเรือ
ชูชีพหลังจากนั้นมีความพยายาม ที่จะส่วนมัมมี่กลับสู่อียิปต์อีกครั้งด้วยเรือลูซิทาเนีย
ซึ่งก็ อัปปางลงอีกจากฝีมือตอร์ปิโดในสงครามโลก แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะมัมมี่ที่ดำดิ่งสู่ก้นสมุทรไปพร้อมกับสัมภาระต่างๆของเรือลูซฺทาเนีย
ด้วยเหตุนี้จึงมีการพิพากษ์กันว่า เคราะห์กรรมของไททานิคนั้นเนื่องมาจากคำสาปของมัมมี่
จนเป็นตำนานที่เล่าขานที่โจษขานกันไม่รู้จบ
เจ้าหญิงอาเมน-รามีพระชนม์ชีพในช่วงประมาน1500ปีก่อน ค.ศ.เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์
พระ ศพได้รับการบรรจุลงในโกศหรือโลงพระศพไม้ ที่ประดับตกแต่งอย่างงดงามตระการตา
จากนั้นมีการนำไปบรรจุในสุสานหลวงที่ลักซอร์ริมฝั่งแม่น้ำไนล์
จวบจนในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ1890กลุ่มหมาเศรษฐี 4 คน ได้มาเยี่ยมชมอุโมงค์
บรรจุพระศพที่ลักซอร์ มีการยื่นเสนอข้อตกลงซื้อขาย โลงบรรจุพระศพมัมมี่ของ
เจ้าหญิงอาเมน-ราที่ประดับตกแต่ง อย่างอลังการนี้
เศรษฐี หนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มผู้ร่ำรวยถูกรางวัล ลอตเตอรี่ได้จ่ายเงินซื้อโลง พระศพมัมมี่
ในราคาหลายพันปอนด์และ ได้นำกลับมาเก็บไว้ที่โรงแรมที่เขาพักอยู่2ชั่วโมง ต่อมาเขา
ได้เดินทางออกไปในทะเลทราย และไม่ได้หวนกลับมาอีกเลย ในวันรุ่งขึ้นหนึ่งใน
สามเศรษฐีที่เหลืออยู่ก็ถูกคนรับใช้ชาวอียิปต์ยิง โดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ บาดแผลที่
ถูกยิงตรงแขนข้างหนึ่งของเขาเกิดเป็นแผลร้ายแรงจนต้องตัวแขนทิ้ง เศรษฐีหนุ่มคนที่
สามถูกธนาคารยึดเงินฝากของเขาไว้ทั้งหมดเมื่อเดินทางกลับ สู่บ้าน เศรษฐีคนสุดท้าย
ก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายและหมดเนื้อหมดตัว จนต้องออกมาขายไม้ขีดไฟตามท้องถนน
อย่าง ไรก็ดี โลงพระศพได้ย้ายมาสู่ประเทศอังกฤษตามคำสั่งซื้อของนักธุรกิจแห่ง
กรุงลอนดอน โดยที่ระหว่างการขนส่งก็เกิดเหตุประหลาดที่เป็นอุปสรรคตลอดเส้นทางหลัง
จากที่มัมมี่อยู่อยู่มาอยู่สมาชิกในบ้านของนักธุรกิจนี้ 3 คน ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนและ
บ้านก็ถูกไฟไหม้ นักธุรกิจผู้นั้นตัดสินใจบริจาคลงอาถรรพ์แก่พิพิธภัณฑ์อังกฤษ แต่ขณะ
ที่ย้ายลงจากรถบรรทุกในบริเวณสนามของพิพิธภัณฑ์รถก็พลิกคว่ำ แล้วพุ่งเข้าชนผู้คนบริเวณ
ละแวกนั้น พอสิ้นความขุ่นวาย และเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์2คนกำลังกำลังขนบพระศพขึ้นบันไดนั้น
คนหนึ่งเกิดพลาดตกลงมาขาหัก ส่วนอีกคนไม่เป็นอะไรแต่อีก2วัน ต่อมาเขากลับเสียชีวิตอย่าง
ไม่ทราบสาเหตุ ครั้นเมื่อพระศพมัมมี่เจ้าหญิงประทับในห้องแสดงอารยะธรรมอียิปต์
หายนะภัยที่แท้จริงก็เริ่มต้นขึ้น
ยาม รักษาความปลอดภัยพิพิธภัณฑ์ได้ยินเสียงกระทุ้งโลงอย่างรุนแรง และมีเสียงกุกกัก
ปึงปังยามค่ำคืนโดยไร้สาเหตุ ยามคนหนึ่งได้ตายระหว่างรักษาการณ์ เป็นเหตุให้ยาม
คนอื่นๆอยากลาออก แม้กระทั่งพนักงานทำความสะอาดพลอยไม่อยากเข้าใกล้โลงพระศพ
ผู้ เข้าชมพิพิธภัณฑ์มือบอนคนหนึ่งนำผ้าขี้ริ้ววางปิดภาพใบหน้าที่วาดบนโลงอย่าง
ลบหลู่ หลังจากนั้นลูกของผู้เข้าชมอุตริผู้นั้นตายด้วยโรคหัด ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่
พิพิธภัณฑ์ได้เคลื่อนย้ายพระศพมัมมี่ไปเก็บไว้ที่ห้อง ใต้ดิน ด้วยความคิดที่ไม่ต้องการ
ให้ทำร้ายใครได้อีกต่อไปแต่ในอาทิตย์เดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มีส่วนช่วยเคลื่อนย้าย
โลงพระศพก็ล้มป่วยลงด้วยอาการ ขั้นตรีทูต รวมทั้งผู้ดูแลการเคลื่อนย้ายก็เสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่านักข่าวหนังสือพิมพ์ที่เคยถ่ายรูปโลงมัมมี่เอาไว้ แล้วนำไปล้าง
ภาพนั้นมีใบหน้ามัมมี่ที่น่ากลัวปรากฏอยู่บนฝาโลงพระศพ ช่างภาพผู้เคราะห์ร้ายเข้าไปในห้องนอน
และยิงตัวตาย ไม่นานจากนั้นทางพิพิธภัณฑ์ได้ขายมัมมี่ให้แก่นักสะสมเอกชน
และหลังจากที่เคราะห์ร้ายความตายเกิดขึ้นต่อในครอบครัวทำให้นักสะสมผู้นั้น นำโลง
พระศพไปเก็บไว้ยังห้องใต้หลังคา
ต่อ มา มาดาม เฮเลนนา บลาวาตสกี ผู้วชาญโด่งดังด้านเรื่องเร้นลับได้มา
เยือนอาคารที่เก็บมัมมี่อาถรรพ์ ขณะที่เข้าสู่อาคารเฮเลนาเป็นลมจับไข้ตัวสั่นเหมือนโดนผีเข้า
จากนั้นจึงค้นหาที่มาของอำนาจชั่วร้ายที่มีพลังรุนแรงอย่างน่ากลัว
ในที่สุดเฮเลนาก็มาหยุดอยู่ที่ห้องใต้หลังคาและได้พบกับโลงมัมมี่เจ้าของ บ้านขอร้องเธอ
ช่วยให้ช่วยขับไล่อำนาจปิศาจมัมมี่ออกไป
"ปิศาจ นั้นย่อมเป็นปิศาจชั่วนิจนิรันดร์ ไม่มีผู้ใดสามารถจัดการได้
ฉันขอให้คุณรีบกำจัดปิศาจร้ายนี้โดยด่วน" ทว่าไม่มีพิพิธภัณฑ์ในอังกฤษแห่ง
ไหนยอมรับมัมมี่เลย เนื่องจากข่าวที่แพร่ว่า มีคนตายถึง20คนแถมยังประสบเหตุเคราะห์ร้าย
และหายนะจากการเก็บรักษาหรือ เกี่ยวข้องกับโลงพระศพมัมมี่นี้ตลอม10ปีที่ผ่านมา
จนเป็นที่โจษขานกันถึงอำนาจชั่วร้ายนี้
ใน ที่สุดก็มีนักโบราณคดีอเมริกันผู้ไม่เชื่อถือในเรื่องอาถรรพ์ของมัมมี่
ยินดีจ่ายเงินจำนวนมหาศาล เพื่อเคลื่อนย้ายมัมมี่มาที่นครนิวยอร์ก
สั่งให้ขนส่งสมบัติชิ้นใหม่นี้มาให้ในเดือนเมษายนปีค.ศ.1912
โดยเรือโดยสารของบริษัทไวท์สตาร์ ลำใหม่ที่หรูหรา นำเจ้าหญิงอาเมน-รามาสู่นครนิวยอร์ก
ในราตรีของคืนที่14 เมษายนปีนั้นเอง ความหายนะอันน่าสะพรึงอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็
ปรากฏขึ้น เจ้าหญิงแห่งอาเมน-ราพาผู้โดยสารอีก1500คนสู่ความตาย
ในก้นบึ้งมหาสมุทรแอตแลนติกเรือโดยสารลำนี้มีชื่อว่า เรือไททานิค ที่พวกเรารู้จักกันอย่างดีนั่นเอง
credit ::: http://romanova.exteen.com/category/Mystery
ตำนานคำสาปของ เรือ"ไททานิค"
[IMG]