มีร้านค้าแห่งหนึ่ง ติดประกาศขายลูกสุนัข 7 ตัว
เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็ก ๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวัน
แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพง
วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่น ๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน
เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่งก็มากระตุกชายเสื้อเขา
เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่
"เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย
ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว
ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ?" เด็กบอกอย่างสุภาพ
"อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ" เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี
แล้วผิวปากเรียกสุนัขทั้งเจ็ดออกมา
เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมาทีละตัว เขานับ...แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น
"ไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ?" เด็กชายถาม
เจ้าของร้านตอบว่า "อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว
เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี มันก็เลยต้องคลานออกมา
วิ่งมาพร้อมกับพี่ ๆ ของมันไม่ได้"
สิ้นคำเจ้าของร้าน ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา
ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน
ลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ด ๆ เห็นได้ชัดว่ามันพยายามคลานมาหาเขา
หางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊ก ๆ อยู่ตลอดเวลา มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย
ท่าทางจะชอบเขามาก เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา
ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า "หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ?"
"ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ" เจ้าของร้านตอบ
เด็กชายนิ่งอึ้งไปก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ
เขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น
"ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้" เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ
เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า "โอ๊ะ!! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ
ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรี ๆ ไปเลย"
เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า
"ทำไมครับ ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้"
"ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อม ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ของมัน
และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้
ความจริงอาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ ลองดูตัวอื่นดีไหม"
เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า "คุณอาดูอะไรนี่สิครับ"
ว่า แล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น
เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่า ขาของเด็กชายคนนี้เล็กลีบเช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข
แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้
"คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน
ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่น ๆ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้
อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ"
เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา
เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า
"ผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ในราคาสองพันบาทเท่ากับลูกหมาตัวอื่น ๆ
แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอา ขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้
เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาท คุณอาจะว่าอย่างไรครับ"
เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน ทรุด ตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ
พลางกล่าวขอโทษขอโพยในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป
เขาบอกว่าไม่ขัดข้องที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้
และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย พวกมันก็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก
...................................................
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก
เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็ก ๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวัน
แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพง
วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่น ๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน
เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่งก็มากระตุกชายเสื้อเขา
เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่
"เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย
ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว
ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ?" เด็กบอกอย่างสุภาพ
"อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ" เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี
แล้วผิวปากเรียกสุนัขทั้งเจ็ดออกมา
เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมาทีละตัว เขานับ...แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น
"ไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ?" เด็กชายถาม
เจ้าของร้านตอบว่า "อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว
เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี มันก็เลยต้องคลานออกมา
วิ่งมาพร้อมกับพี่ ๆ ของมันไม่ได้"
สิ้นคำเจ้าของร้าน ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา
ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน
ลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ด ๆ เห็นได้ชัดว่ามันพยายามคลานมาหาเขา
หางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊ก ๆ อยู่ตลอดเวลา มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย
ท่าทางจะชอบเขามาก เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา
ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า "หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ?"
"ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ" เจ้าของร้านตอบ
เด็กชายนิ่งอึ้งไปก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ
เขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น
"ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้" เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ
เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า "โอ๊ะ!! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ
ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรี ๆ ไปเลย"
เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า
"ทำไมครับ ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้"
"ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อม ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ของมัน
และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้
ความจริงอาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ ลองดูตัวอื่นดีไหม"
เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า "คุณอาดูอะไรนี่สิครับ"
ว่า แล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น
เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่า ขาของเด็กชายคนนี้เล็กลีบเช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข
แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้
"คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน
ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่น ๆ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้
อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ"
เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา
เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า
"ผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ในราคาสองพันบาทเท่ากับลูกหมาตัวอื่น ๆ
แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอา ขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้
เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาท คุณอาจะว่าอย่างไรครับ"
เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน ทรุด ตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ
พลางกล่าวขอโทษขอโพยในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป
เขาบอกว่าไม่ขัดข้องที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้
และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย พวกมันก็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก
...................................................
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก
จขกท.โคตรซึ้งเลยแล้วคุณละคิดยังไง
เคดิต:นิทานสีขาว
เล่าโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย iceiceice000 เมื่อ 2013-1-11 12:50
ลูกหมาทั้ง 7
[img]
[IMG]
[/img]